Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2950 เยี่ยมมากหวางเฉียน!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2950 เยี่ยมมากหวางเฉียน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2950 เยี่ยมมากหวางเฉียน!

“หวางเฉียน เจ้ามันอ่อนแอนัก!”

“สู้กลับหน่อยสิ! เจ้าไม่มีแม้แต่แรงจะสู้กลับแม้แต่น้อยเลยหรือ?”

“เมื่อกี้ยังทำหน้าเหมือนตัวร้ายที่ได้พลังใหม่มาครอง ตอนนี้มันกลับเป็นได้แค่พลังคำโม้แล้ว!”

ท่ามกลางเสียงหัวเราะนั้นไป๋ชุยซานยังคงซัดกระบวนท่าใส่หวางเฉียนไม่ยั้งมือ

คนทั้งหลายนั้นต่างต้องผงะไปเมื่อได้เห็นมัน

ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้มันเหนือล้ำความเข้าใจไปสิ้นเชิง!

หวางเฉียนนั้นมีพลังของคลื่นกำเนิดแต่สุดท้ายกลับพ่ายแพ้อย่างหมดรูป

ถึงแม้พลังที่ไป๋ชุยซานแสดงออกมานั้นจะแข็งแกร่งก็จริง

ซึ่งทีแรกคนทั้งหลายต่างก็คิดว่ามันคงกลายเป็นศึกนองเลือดของทั้งสองฝ่ายแน่แล้ว

ใครจะไปคิดว่ามันกลับกลายเป็นการกระทืบฝ่ายเดียวเช่นนี้!

หากมิใช่เพราะพลังคลื่นกำเนิดแล้ว หวางเฉียนมันคงได้ตายไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

มันมิใช่ว่าคลื่นกำเนิดของเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นอ่อนแอแต่มันเป็นเพราะว่าหวางเฉียนนั้นเพิ่งจะได้รับพลังไปไม่นานและยังไม่อาจจะดึงพลังของมันออกมาใช้ได้อย่างจริงจัง

และไป๋ชุยซานนั้นเองก็เป็นฝ่ายที่บ่มเพาะร่างวิญญาณไปอย่างหนักหน่วงและเข้าถึงแก่นของเจดีย์เจ็ดสีได้อย่างแท้จริง

ในหกชั้นที่ผ่านมานี้แม้ว่าเขาจะแค่ฝึกฝนการเปลี่ยนร่างเป็นหมอกเต๋าต่างๆ

แต่ว่าร่างวิญญาณของไป๋ชุยซานนั้นก็ยังได้รับการตีหลอมขึ้นมาใหม่อย่างดี

ใช่แล้ว ร่างหมอกนั้นเองมันก็สามารถฝึกฝนบ่มเพาะได้!

ยิ่งร่างหมอกนั้นแข็งแกร่งเท่าไหร่มันก็ยิ่งยากที่จะสังหารลงเท่านั้น!

ต่อให้จะเป็นร่างวิญญาณกึ่งอมตะเหมือนๆ กันแต่มันก็มีความแตกต่างกันได้มาก

ปัง!

วิชาธาตุดินนั้นกระแทกออกมาจนกดหัวหวางเฉียนลงกับดินไป

ตอนนี้เขาไม่เหลือแรงจะพูดใดๆ อีกต่อไปแล้ว

ไป๋ชุยซานนั้นหยุดมือลงและเดินกลับมาหาเย่หยวนก่อนจะกล่าวอย่างตื่นเต้น “ที่แท้แล้วร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันกลับยังต้องบ่มเพาะฝึกฝนเช่นนี้! ข้าได้เข้าใจเสียทีว่าทำไมเจ้าโลกบู๋เมี่ยท่านถึงได้รับฉายาว่าผู้อมตะ!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เจ้าโลกบู๋เมี่ยท่านนั้นไม่ใช่ว่าอมตะแต่ท่านนั้นแค่ยากที่จะสังหารเกินกว่าใครๆ เท่านั้น! วันหน้าหากท่านไปถึงจุดนั้นได้แล้วท่านก็คงสามารถจัดการเจ้าโลกคนอื่นๆ ลงได้อย่างไม่ยากเย็นแน่!”

ได้ยินเช่นนั้นไป๋ชุยซานก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นมา

พร้อมๆ กันนั้นเขาก็ต้องหันมามองเย่หยวนด้วยความซาบซึ้ง

เหตุผลที่เขาทำได้เช่นนี้มันเพราะว่าเย่หยวนทั้งสิ้น!

ตอนนี้เส้นทางสู่ร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเขามันเปิดขึ้นมาชัดเจนแล้ว ตอนนี้เขาสามารถเริ่มบ่มเพาะฝึกฝนต่อไปได้อย่างไม่ต้องงมหาทางอีกต่อไป

เท่านี้อนาคตของเขามันก็สดใสขึ้นไปอย่างไม่มีจำกัด

คนอื่นๆ นั้นได้แต่ต้องหันมามองดูไป๋ชุยซานอย่างอิจฉาถึงที่สุด!

เป็นตอนที่ได้เห็นวิชาฝีมือของไป๋ชุยซานนี้เองที่คนทั้งหลายได้เข้าใจถึงเป้าหมายที่แท้จริงของเจดีย์เจ็ดสีนี้

มันคือวรยุทธบ่มเพาะที่เจ้าโลกบู๋เมี่ยทิ้งไว้ให้แก่ผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะนั่นเอง!

ที่สำคัญมันยังเป็นการสั่งสอนที่ไม่ได้จับมือทำ ทำให้คนที่เข้ามาฝึกฝนนั้นยังสามารถสร้างเต๋าของตัวเองเพื่อเดินหน้าต่อไปได้

ได้เห็นเช่นนี้พวกเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่ากว่าที่เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นจะสร้างเจดีย์นี้ขึ้นมาได้

ท่านคงต้องเอาวรยุทธบ่มเพาะมากมายมาหล่อหลอมและสร้างมันขึ้นมาเป็นสมบัติโกลาหลสวรรค์ชิ้นนี้!

ตอนนี้ห้วงมิติทั้งเจ็ดชั้นนั้นมันจางหายไปทำให้พวกเขาไม่อาจจะกลับไปบ่มเพาะใดๆ ได้อีก

เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ตั้งใจบ่มเพาะมาแต่แรกนั้นจะได้ประโยชน์จากเจดีย์เจ็ดสีนี้ไปมากที่สุด

และไม่ต้องสงสัยเลยว่าคงเป็นเย่หยวนและไป๋ชุยซานที่ได้รับประโยชน์จากการเข้าเจดีย์เจ็ดสีนี้ไปมากที่สุด!

ไป๋ชุยซานนั้นเก่งกาจขนาดนี้แล้วเย่หยวนที่บ่มเพาะจนถึงที่สุดของทุกชั้นนั้นจะต้องเก่งกาจแค่ไหน?

พวกเขานั้นไม่อาจจะคาดเดาได้เลย

ในตอนนี้พวกเขาทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องเสียใจคิดอยากจะกลับไปฝึกฝนต่อเหมือนไป๋ชุยซาน

เว้นเสียแต่ว่ามันไม่มียาอะไรให้รักษาความเสียใจภายหลังได้!

แถมบนพื้นดินนั้นก็มีร่างของหวางเฉียนที่นอนหมดแรงอยู่

มันช่างเป็นภาพที่น่าสมเพชนัก!

“เจ็ดชั้นมิติหายไปแล้ว! แผนของเราสำเร็จแล้วจริงๆ!” ซานหยางนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

เมื่อเจ็ดชั้นมิติหายไปแล้วมันก็ย่อมหมายความว่ามีใครได้พลังคลื่นกำเนิดไปครองแล้ว!

นี่มันทำให้โอกาสตามหาเจ้าโลกบู๋เมี่ยของพวกเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก

หญิงแก่คนนั้นเองก็กล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางตื่นเต้นไม่น้อย “ไม่รู้แค่ว่าใครที่จะได้พลังของคลื่นกำเนิดไปครองเท่านั้น!”

ซานหยางนั้นยิ้มกว้างขึ้นมาเมื่อได้ยิน “แท้จริงแล้วบรรพบุรุษบู๋เมี่ยท่านได้พูดไว้ว่าหวางเฉียนนั้นมีร่างวิญญาณที่เรียกได้ว่าเป็นกึ่งร่างวิญญาณหมอกหุ้ม! หากมีโอกาสเขาอาจจะพัฒนาตัวจนกลายเป็นเจ้าโลกผู้มีร่างวิญญาณหมอกหุ้มได้! เพราะฉะนั้นหากจะถามว่าโอกาสอยู่ที่ใครมากที่สุดแล้วมันก็ย่อมจะเป็นตัวเขาแน่นอน!”

เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวสีหน้าของคนรอบๆ ก็ต้องเปลี่ยนสีไป

พวกเขานั้นไม่ได้รู้เลยว่าบรรพบุรุษบู๋เมี่ยนั้นกลับประเมินหวางเฉียนไว้สูงปานนั้น

เช่นนั้นคนที่เหลือจะไม่กลายเป็นแค่ตัวประกอบไปหรือ?

ซานหยางนั้นยิ้มกว้างกล่าวขึ้นต่อ “เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายในหรือต่อให้จะเป็นคนอื่นที่ได้ครองผลึกคลื่นกำเนิดไปมันก็เปล่าประโยชน์! เพราะว่าพวกเขานั้นไม่มีทางจะผสานตัวเข้ากับคลื่นกำเนิดได้แน่นอน! ศิษย์น้องหยุนหนี ครั้งนี้เจ้าคงคิดผิดไปแล้วจริงๆ!”

หยุนหนีนั้นยังคงทำหน้านิ่งไม่คิดตอบกลับอะไรไป

แต่นางเองก็ตกตะลึงในการประเมินของบรรพบุรุษบู๋เมี่ยไม่น้อย

นางนั้นเชื่อในสายตาของตนเองแต่ก็ไม่ได้เชื่อมั่นขนาดว่าตาตัวเองจะดีกว่าสายตาของเจ้าโลกบู๋เมี่ย!

หรือว่าครั้งนี้นางจะมองผิดไปจริงๆ?

แต่จู่ๆ หญิงชราคนนั้นก็ร้องขึ้น “ออกมากันแล้ว!”

ตอนนี้มีคนมากมายลอยตัวออกมาจากเจดีย์เจ็ดสี

หวางเฉียนผู้ผสานเข้ากับคลื่นกำเนิดนั้นยังไม่อาจจะควบคุมร่างกายได้ดีนัก

เขาจึงดูกลมกลืนไปกับคนทั้งร้อยกว่าคน

แต่มหาจักรพรรดิล้ำทั้งหลายนั้นเห็นเขาทันที

ซานหยางนั้นยิ้มกว้างขึ้น!

คลื่นกำเนิดของบรรพบุรุษบู๋เมี่ยนั้นตกอยู่ในมือของเขาจริงๆ!

“ฮ่าๆๆ…เยี่ยมมากหวางเฉียน! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะไม่ทำให้ผิดหวัง!”

ซานหยางนั้นรีบเข้าไปรับด้วยเสียงหัวเราะทันที

พูดไปนั้นเขาก็หันไปมองหน้ามหาจักรพรรดิล้ำคนอื่นๆ ด้วยใบหน้าภาคภูมิ

ความหมายนั้นมันชัดเจน ‘ข้าบอกแล้ว!’

หยุนหนีนั้นได้แต่ต้องขมวดคิ้วแน่นได้แต่ถอนใจยาวออกมา

‘สุดท้ายก็มองผิดไปหรือ?’

เช่นนั้นเจ้ามนุษย์คนนี้มันคงไม่คิดดีอะไรแล้ว ได้เวลาตาย!

เพียงแค่ว่าเมื่อได้เห็นใกล้ๆ สีหน้าท่าทางของทุกคนมันกลับแตกต่างไปจากที่คาด

หวางเฉียนที่ได้รับคลื่นกำเนิดมานั้นกลับมีสภาพโทรมราวกับเพิ่งถูกกระทืบมา

ส่วนอีกด้านตัวไป๋ชุยซานนั้นกลับเดินยืดอกอย่างภาคภูมิราวกับผู้ชนะ

ได้เห็นเช่นนี้ซานหยางเองก็ต้องผงะไป

มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

หวางเฉียนนั้นเดินมาหยุดตรงหน้าซานหยางและก้มหัวลง “ท่านซานหยาง”

ซานหยางได้แต่ต้องขมวดคิ้วและถามขึ้น “เจ้าได้คลื่นกำเนิดมาครองแท้ๆ จะทำหน้าเช่นนั้นทำไม?”

เมื่อหวางเฉียนได้ยินเขาก็ยิ่งรู้สึกขมขื่นในใจ

‘ดีใจไม่ออก!’

‘ท่านทำเหมือนข้าเป็นสมบัติ แต่คนอื่นทำเหมือนข้าเป็นแค่ขยะเก่าๆ’

‘ข้าได้มันมาเพราะมันเป็นแค่ขยะที่ไม่มีใครอยากเอา!’

เดิมทีแล้วต่อให้จะแค่บังเอิญเอามาได้มันก็คงดีใจไม่น้อย

แต่เรื่องหลังจากที่ผสานคลื่นกำเนิดได้นั้นมันทำให้เขาไม่อาจจะแสดงความยินดีใดๆ ออกมา

มันน่าอับอายนัก!

หวางเฉียนได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “ท่านซานหยาง คลื่นกำเนิดนี้มันไม่ได้เป็นของข้าแต่แรก”

เมื่อซานหยางได้ยินเขาก็ต้องหัวเราะขึ้นมาทันที “ที่แท้มันแค่เพราะเรื่องนี้? ฮ่าๆ ทีแรกไม่ใช่ของเจ้าแล้วทำไม? สุดท้ายมันก็มีแต่เจ้าที่ผสานคลื่นกำเนิดได้ นี่คือความสามารถของเจ้า! ไม่ว่าคนอื่นๆ จะเก่งกาจแค่ไหนมันก็ไม่มีใครผสานคลื่นกำเนิดได้มิใช่หรือ? อ่อนแอจนไม่อาจจะต้านทานพลังของมันได้แม้แต่น้อย!”

ยิ่งซานหยางพูดไปเท่าไหร่หวางเฉียนก็ยิ่งอยากจะเอาหน้ามุดดินหนีไปให้พ้นๆ

ไม่ไกลไปนั้นผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะบางคนถึงกับหลุดหัวเราะออกมา

ซานหยางนั้นได้แต่ต้องขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นและร้องขึ้นถาม “ตลกอะไรกัน? หรือว่าข้าพูดอะไรผิดไป?”

คนอื่นๆ นั้นย่อมจะไม่มีใครกล้าเถียงมหาจักรพรรดิล้ำ

แต่ว่าไป๋ชุยซานนั้นมิใช่!

เขากล่าวขึ้นทันทีว่า “ท่านซานหยาง ที่ท่านพูดมานั้นมันช่างห่างไกลกับความเป็นจริงนัก! เพราะเดิมทีแล้วคลื่นกำเนิดนั้นมันเป็นของเย่หยวน! และมิใช่ว่าเขานั้นผสานมันไม่ได้ แต่ว่าเขานั้นไม่คิดผสานเข้ากับมันต่างหาก! แถมนอกจากว่าเขาจะไม่คิดผสานเองแล้ว…เขายังห้ามข้าไว้ด้วย! ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้จะเป็นใครมันก็ไม่มีทางเป็นของหวางเฉียนเจ้าขี้แพ้หน้าไม่อายคนนี้ไปได้หรอก ฮ่าๆๆ…”

——————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2950 เยี่ยมมากหวางเฉียน!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2950 เยี่ยมมากหวางเฉียน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2950 เยี่ยมมากหวางเฉียน!

“หวางเฉียน เจ้ามันอ่อนแอนัก!”

“สู้กลับหน่อยสิ! เจ้าไม่มีแม้แต่แรงจะสู้กลับแม้แต่น้อยเลยหรือ?”

“เมื่อกี้ยังทำหน้าเหมือนตัวร้ายที่ได้พลังใหม่มาครอง ตอนนี้มันกลับเป็นได้แค่พลังคำโม้แล้ว!”

ท่ามกลางเสียงหัวเราะนั้นไป๋ชุยซานยังคงซัดกระบวนท่าใส่หวางเฉียนไม่ยั้งมือ

คนทั้งหลายนั้นต่างต้องผงะไปเมื่อได้เห็นมัน

ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้มันเหนือล้ำความเข้าใจไปสิ้นเชิง!

หวางเฉียนนั้นมีพลังของคลื่นกำเนิดแต่สุดท้ายกลับพ่ายแพ้อย่างหมดรูป

ถึงแม้พลังที่ไป๋ชุยซานแสดงออกมานั้นจะแข็งแกร่งก็จริง

ซึ่งทีแรกคนทั้งหลายต่างก็คิดว่ามันคงกลายเป็นศึกนองเลือดของทั้งสองฝ่ายแน่แล้ว

ใครจะไปคิดว่ามันกลับกลายเป็นการกระทืบฝ่ายเดียวเช่นนี้!

หากมิใช่เพราะพลังคลื่นกำเนิดแล้ว หวางเฉียนมันคงได้ตายไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

มันมิใช่ว่าคลื่นกำเนิดของเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นอ่อนแอแต่มันเป็นเพราะว่าหวางเฉียนนั้นเพิ่งจะได้รับพลังไปไม่นานและยังไม่อาจจะดึงพลังของมันออกมาใช้ได้อย่างจริงจัง

และไป๋ชุยซานนั้นเองก็เป็นฝ่ายที่บ่มเพาะร่างวิญญาณไปอย่างหนักหน่วงและเข้าถึงแก่นของเจดีย์เจ็ดสีได้อย่างแท้จริง

ในหกชั้นที่ผ่านมานี้แม้ว่าเขาจะแค่ฝึกฝนการเปลี่ยนร่างเป็นหมอกเต๋าต่างๆ

แต่ว่าร่างวิญญาณของไป๋ชุยซานนั้นก็ยังได้รับการตีหลอมขึ้นมาใหม่อย่างดี

ใช่แล้ว ร่างหมอกนั้นเองมันก็สามารถฝึกฝนบ่มเพาะได้!

ยิ่งร่างหมอกนั้นแข็งแกร่งเท่าไหร่มันก็ยิ่งยากที่จะสังหารลงเท่านั้น!

ต่อให้จะเป็นร่างวิญญาณกึ่งอมตะเหมือนๆ กันแต่มันก็มีความแตกต่างกันได้มาก

ปัง!

วิชาธาตุดินนั้นกระแทกออกมาจนกดหัวหวางเฉียนลงกับดินไป

ตอนนี้เขาไม่เหลือแรงจะพูดใดๆ อีกต่อไปแล้ว

ไป๋ชุยซานนั้นหยุดมือลงและเดินกลับมาหาเย่หยวนก่อนจะกล่าวอย่างตื่นเต้น “ที่แท้แล้วร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันกลับยังต้องบ่มเพาะฝึกฝนเช่นนี้! ข้าได้เข้าใจเสียทีว่าทำไมเจ้าโลกบู๋เมี่ยท่านถึงได้รับฉายาว่าผู้อมตะ!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เจ้าโลกบู๋เมี่ยท่านนั้นไม่ใช่ว่าอมตะแต่ท่านนั้นแค่ยากที่จะสังหารเกินกว่าใครๆ เท่านั้น! วันหน้าหากท่านไปถึงจุดนั้นได้แล้วท่านก็คงสามารถจัดการเจ้าโลกคนอื่นๆ ลงได้อย่างไม่ยากเย็นแน่!”

ได้ยินเช่นนั้นไป๋ชุยซานก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นมา

พร้อมๆ กันนั้นเขาก็ต้องหันมามองเย่หยวนด้วยความซาบซึ้ง

เหตุผลที่เขาทำได้เช่นนี้มันเพราะว่าเย่หยวนทั้งสิ้น!

ตอนนี้เส้นทางสู่ร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเขามันเปิดขึ้นมาชัดเจนแล้ว ตอนนี้เขาสามารถเริ่มบ่มเพาะฝึกฝนต่อไปได้อย่างไม่ต้องงมหาทางอีกต่อไป

เท่านี้อนาคตของเขามันก็สดใสขึ้นไปอย่างไม่มีจำกัด

คนอื่นๆ นั้นได้แต่ต้องหันมามองดูไป๋ชุยซานอย่างอิจฉาถึงที่สุด!

เป็นตอนที่ได้เห็นวิชาฝีมือของไป๋ชุยซานนี้เองที่คนทั้งหลายได้เข้าใจถึงเป้าหมายที่แท้จริงของเจดีย์เจ็ดสีนี้

มันคือวรยุทธบ่มเพาะที่เจ้าโลกบู๋เมี่ยทิ้งไว้ให้แก่ผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะนั่นเอง!

ที่สำคัญมันยังเป็นการสั่งสอนที่ไม่ได้จับมือทำ ทำให้คนที่เข้ามาฝึกฝนนั้นยังสามารถสร้างเต๋าของตัวเองเพื่อเดินหน้าต่อไปได้

ได้เห็นเช่นนี้พวกเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่ากว่าที่เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นจะสร้างเจดีย์นี้ขึ้นมาได้

ท่านคงต้องเอาวรยุทธบ่มเพาะมากมายมาหล่อหลอมและสร้างมันขึ้นมาเป็นสมบัติโกลาหลสวรรค์ชิ้นนี้!

ตอนนี้ห้วงมิติทั้งเจ็ดชั้นนั้นมันจางหายไปทำให้พวกเขาไม่อาจจะกลับไปบ่มเพาะใดๆ ได้อีก

เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ตั้งใจบ่มเพาะมาแต่แรกนั้นจะได้ประโยชน์จากเจดีย์เจ็ดสีนี้ไปมากที่สุด

และไม่ต้องสงสัยเลยว่าคงเป็นเย่หยวนและไป๋ชุยซานที่ได้รับประโยชน์จากการเข้าเจดีย์เจ็ดสีนี้ไปมากที่สุด!

ไป๋ชุยซานนั้นเก่งกาจขนาดนี้แล้วเย่หยวนที่บ่มเพาะจนถึงที่สุดของทุกชั้นนั้นจะต้องเก่งกาจแค่ไหน?

พวกเขานั้นไม่อาจจะคาดเดาได้เลย

ในตอนนี้พวกเขาทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องเสียใจคิดอยากจะกลับไปฝึกฝนต่อเหมือนไป๋ชุยซาน

เว้นเสียแต่ว่ามันไม่มียาอะไรให้รักษาความเสียใจภายหลังได้!

แถมบนพื้นดินนั้นก็มีร่างของหวางเฉียนที่นอนหมดแรงอยู่

มันช่างเป็นภาพที่น่าสมเพชนัก!

“เจ็ดชั้นมิติหายไปแล้ว! แผนของเราสำเร็จแล้วจริงๆ!” ซานหยางนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

เมื่อเจ็ดชั้นมิติหายไปแล้วมันก็ย่อมหมายความว่ามีใครได้พลังคลื่นกำเนิดไปครองแล้ว!

นี่มันทำให้โอกาสตามหาเจ้าโลกบู๋เมี่ยของพวกเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก

หญิงแก่คนนั้นเองก็กล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางตื่นเต้นไม่น้อย “ไม่รู้แค่ว่าใครที่จะได้พลังของคลื่นกำเนิดไปครองเท่านั้น!”

ซานหยางนั้นยิ้มกว้างขึ้นมาเมื่อได้ยิน “แท้จริงแล้วบรรพบุรุษบู๋เมี่ยท่านได้พูดไว้ว่าหวางเฉียนนั้นมีร่างวิญญาณที่เรียกได้ว่าเป็นกึ่งร่างวิญญาณหมอกหุ้ม! หากมีโอกาสเขาอาจจะพัฒนาตัวจนกลายเป็นเจ้าโลกผู้มีร่างวิญญาณหมอกหุ้มได้! เพราะฉะนั้นหากจะถามว่าโอกาสอยู่ที่ใครมากที่สุดแล้วมันก็ย่อมจะเป็นตัวเขาแน่นอน!”

เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวสีหน้าของคนรอบๆ ก็ต้องเปลี่ยนสีไป

พวกเขานั้นไม่ได้รู้เลยว่าบรรพบุรุษบู๋เมี่ยนั้นกลับประเมินหวางเฉียนไว้สูงปานนั้น

เช่นนั้นคนที่เหลือจะไม่กลายเป็นแค่ตัวประกอบไปหรือ?

ซานหยางนั้นยิ้มกว้างกล่าวขึ้นต่อ “เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายในหรือต่อให้จะเป็นคนอื่นที่ได้ครองผลึกคลื่นกำเนิดไปมันก็เปล่าประโยชน์! เพราะว่าพวกเขานั้นไม่มีทางจะผสานตัวเข้ากับคลื่นกำเนิดได้แน่นอน! ศิษย์น้องหยุนหนี ครั้งนี้เจ้าคงคิดผิดไปแล้วจริงๆ!”

หยุนหนีนั้นยังคงทำหน้านิ่งไม่คิดตอบกลับอะไรไป

แต่นางเองก็ตกตะลึงในการประเมินของบรรพบุรุษบู๋เมี่ยไม่น้อย

นางนั้นเชื่อในสายตาของตนเองแต่ก็ไม่ได้เชื่อมั่นขนาดว่าตาตัวเองจะดีกว่าสายตาของเจ้าโลกบู๋เมี่ย!

หรือว่าครั้งนี้นางจะมองผิดไปจริงๆ?

แต่จู่ๆ หญิงชราคนนั้นก็ร้องขึ้น “ออกมากันแล้ว!”

ตอนนี้มีคนมากมายลอยตัวออกมาจากเจดีย์เจ็ดสี

หวางเฉียนผู้ผสานเข้ากับคลื่นกำเนิดนั้นยังไม่อาจจะควบคุมร่างกายได้ดีนัก

เขาจึงดูกลมกลืนไปกับคนทั้งร้อยกว่าคน

แต่มหาจักรพรรดิล้ำทั้งหลายนั้นเห็นเขาทันที

ซานหยางนั้นยิ้มกว้างขึ้น!

คลื่นกำเนิดของบรรพบุรุษบู๋เมี่ยนั้นตกอยู่ในมือของเขาจริงๆ!

“ฮ่าๆๆ…เยี่ยมมากหวางเฉียน! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะไม่ทำให้ผิดหวัง!”

ซานหยางนั้นรีบเข้าไปรับด้วยเสียงหัวเราะทันที

พูดไปนั้นเขาก็หันไปมองหน้ามหาจักรพรรดิล้ำคนอื่นๆ ด้วยใบหน้าภาคภูมิ

ความหมายนั้นมันชัดเจน ‘ข้าบอกแล้ว!’

หยุนหนีนั้นได้แต่ต้องขมวดคิ้วแน่นได้แต่ถอนใจยาวออกมา

‘สุดท้ายก็มองผิดไปหรือ?’

เช่นนั้นเจ้ามนุษย์คนนี้มันคงไม่คิดดีอะไรแล้ว ได้เวลาตาย!

เพียงแค่ว่าเมื่อได้เห็นใกล้ๆ สีหน้าท่าทางของทุกคนมันกลับแตกต่างไปจากที่คาด

หวางเฉียนที่ได้รับคลื่นกำเนิดมานั้นกลับมีสภาพโทรมราวกับเพิ่งถูกกระทืบมา

ส่วนอีกด้านตัวไป๋ชุยซานนั้นกลับเดินยืดอกอย่างภาคภูมิราวกับผู้ชนะ

ได้เห็นเช่นนี้ซานหยางเองก็ต้องผงะไป

มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

หวางเฉียนนั้นเดินมาหยุดตรงหน้าซานหยางและก้มหัวลง “ท่านซานหยาง”

ซานหยางได้แต่ต้องขมวดคิ้วและถามขึ้น “เจ้าได้คลื่นกำเนิดมาครองแท้ๆ จะทำหน้าเช่นนั้นทำไม?”

เมื่อหวางเฉียนได้ยินเขาก็ยิ่งรู้สึกขมขื่นในใจ

‘ดีใจไม่ออก!’

‘ท่านทำเหมือนข้าเป็นสมบัติ แต่คนอื่นทำเหมือนข้าเป็นแค่ขยะเก่าๆ’

‘ข้าได้มันมาเพราะมันเป็นแค่ขยะที่ไม่มีใครอยากเอา!’

เดิมทีแล้วต่อให้จะแค่บังเอิญเอามาได้มันก็คงดีใจไม่น้อย

แต่เรื่องหลังจากที่ผสานคลื่นกำเนิดได้นั้นมันทำให้เขาไม่อาจจะแสดงความยินดีใดๆ ออกมา

มันน่าอับอายนัก!

หวางเฉียนได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “ท่านซานหยาง คลื่นกำเนิดนี้มันไม่ได้เป็นของข้าแต่แรก”

เมื่อซานหยางได้ยินเขาก็ต้องหัวเราะขึ้นมาทันที “ที่แท้มันแค่เพราะเรื่องนี้? ฮ่าๆ ทีแรกไม่ใช่ของเจ้าแล้วทำไม? สุดท้ายมันก็มีแต่เจ้าที่ผสานคลื่นกำเนิดได้ นี่คือความสามารถของเจ้า! ไม่ว่าคนอื่นๆ จะเก่งกาจแค่ไหนมันก็ไม่มีใครผสานคลื่นกำเนิดได้มิใช่หรือ? อ่อนแอจนไม่อาจจะต้านทานพลังของมันได้แม้แต่น้อย!”

ยิ่งซานหยางพูดไปเท่าไหร่หวางเฉียนก็ยิ่งอยากจะเอาหน้ามุดดินหนีไปให้พ้นๆ

ไม่ไกลไปนั้นผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะบางคนถึงกับหลุดหัวเราะออกมา

ซานหยางนั้นได้แต่ต้องขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นและร้องขึ้นถาม “ตลกอะไรกัน? หรือว่าข้าพูดอะไรผิดไป?”

คนอื่นๆ นั้นย่อมจะไม่มีใครกล้าเถียงมหาจักรพรรดิล้ำ

แต่ว่าไป๋ชุยซานนั้นมิใช่!

เขากล่าวขึ้นทันทีว่า “ท่านซานหยาง ที่ท่านพูดมานั้นมันช่างห่างไกลกับความเป็นจริงนัก! เพราะเดิมทีแล้วคลื่นกำเนิดนั้นมันเป็นของเย่หยวน! และมิใช่ว่าเขานั้นผสานมันไม่ได้ แต่ว่าเขานั้นไม่คิดผสานเข้ากับมันต่างหาก! แถมนอกจากว่าเขาจะไม่คิดผสานเองแล้ว…เขายังห้ามข้าไว้ด้วย! ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้จะเป็นใครมันก็ไม่มีทางเป็นของหวางเฉียนเจ้าขี้แพ้หน้าไม่อายคนนี้ไปได้หรอก ฮ่าๆๆ…”

——————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2950 เยี่ยมมากหวางเฉียน!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2950 เยี่ยมมากหวางเฉียน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2950 เยี่ยมมากหวางเฉียน!

“หวางเฉียน เจ้ามันอ่อนแอนัก!”

“สู้กลับหน่อยสิ! เจ้าไม่มีแม้แต่แรงจะสู้กลับแม้แต่น้อยเลยหรือ?”

“เมื่อกี้ยังทำหน้าเหมือนตัวร้ายที่ได้พลังใหม่มาครอง ตอนนี้มันกลับเป็นได้แค่พลังคำโม้แล้ว!”

ท่ามกลางเสียงหัวเราะนั้นไป๋ชุยซานยังคงซัดกระบวนท่าใส่หวางเฉียนไม่ยั้งมือ

คนทั้งหลายนั้นต่างต้องผงะไปเมื่อได้เห็นมัน

ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้มันเหนือล้ำความเข้าใจไปสิ้นเชิง!

หวางเฉียนนั้นมีพลังของคลื่นกำเนิดแต่สุดท้ายกลับพ่ายแพ้อย่างหมดรูป

ถึงแม้พลังที่ไป๋ชุยซานแสดงออกมานั้นจะแข็งแกร่งก็จริง

ซึ่งทีแรกคนทั้งหลายต่างก็คิดว่ามันคงกลายเป็นศึกนองเลือดของทั้งสองฝ่ายแน่แล้ว

ใครจะไปคิดว่ามันกลับกลายเป็นการกระทืบฝ่ายเดียวเช่นนี้!

หากมิใช่เพราะพลังคลื่นกำเนิดแล้ว หวางเฉียนมันคงได้ตายไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

มันมิใช่ว่าคลื่นกำเนิดของเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นอ่อนแอแต่มันเป็นเพราะว่าหวางเฉียนนั้นเพิ่งจะได้รับพลังไปไม่นานและยังไม่อาจจะดึงพลังของมันออกมาใช้ได้อย่างจริงจัง

และไป๋ชุยซานนั้นเองก็เป็นฝ่ายที่บ่มเพาะร่างวิญญาณไปอย่างหนักหน่วงและเข้าถึงแก่นของเจดีย์เจ็ดสีได้อย่างแท้จริง

ในหกชั้นที่ผ่านมานี้แม้ว่าเขาจะแค่ฝึกฝนการเปลี่ยนร่างเป็นหมอกเต๋าต่างๆ

แต่ว่าร่างวิญญาณของไป๋ชุยซานนั้นก็ยังได้รับการตีหลอมขึ้นมาใหม่อย่างดี

ใช่แล้ว ร่างหมอกนั้นเองมันก็สามารถฝึกฝนบ่มเพาะได้!

ยิ่งร่างหมอกนั้นแข็งแกร่งเท่าไหร่มันก็ยิ่งยากที่จะสังหารลงเท่านั้น!

ต่อให้จะเป็นร่างวิญญาณกึ่งอมตะเหมือนๆ กันแต่มันก็มีความแตกต่างกันได้มาก

ปัง!

วิชาธาตุดินนั้นกระแทกออกมาจนกดหัวหวางเฉียนลงกับดินไป

ตอนนี้เขาไม่เหลือแรงจะพูดใดๆ อีกต่อไปแล้ว

ไป๋ชุยซานนั้นหยุดมือลงและเดินกลับมาหาเย่หยวนก่อนจะกล่าวอย่างตื่นเต้น “ที่แท้แล้วร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันกลับยังต้องบ่มเพาะฝึกฝนเช่นนี้! ข้าได้เข้าใจเสียทีว่าทำไมเจ้าโลกบู๋เมี่ยท่านถึงได้รับฉายาว่าผู้อมตะ!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เจ้าโลกบู๋เมี่ยท่านนั้นไม่ใช่ว่าอมตะแต่ท่านนั้นแค่ยากที่จะสังหารเกินกว่าใครๆ เท่านั้น! วันหน้าหากท่านไปถึงจุดนั้นได้แล้วท่านก็คงสามารถจัดการเจ้าโลกคนอื่นๆ ลงได้อย่างไม่ยากเย็นแน่!”

ได้ยินเช่นนั้นไป๋ชุยซานก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นมา

พร้อมๆ กันนั้นเขาก็ต้องหันมามองเย่หยวนด้วยความซาบซึ้ง

เหตุผลที่เขาทำได้เช่นนี้มันเพราะว่าเย่หยวนทั้งสิ้น!

ตอนนี้เส้นทางสู่ร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเขามันเปิดขึ้นมาชัดเจนแล้ว ตอนนี้เขาสามารถเริ่มบ่มเพาะฝึกฝนต่อไปได้อย่างไม่ต้องงมหาทางอีกต่อไป

เท่านี้อนาคตของเขามันก็สดใสขึ้นไปอย่างไม่มีจำกัด

คนอื่นๆ นั้นได้แต่ต้องหันมามองดูไป๋ชุยซานอย่างอิจฉาถึงที่สุด!

เป็นตอนที่ได้เห็นวิชาฝีมือของไป๋ชุยซานนี้เองที่คนทั้งหลายได้เข้าใจถึงเป้าหมายที่แท้จริงของเจดีย์เจ็ดสีนี้

มันคือวรยุทธบ่มเพาะที่เจ้าโลกบู๋เมี่ยทิ้งไว้ให้แก่ผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะนั่นเอง!

ที่สำคัญมันยังเป็นการสั่งสอนที่ไม่ได้จับมือทำ ทำให้คนที่เข้ามาฝึกฝนนั้นยังสามารถสร้างเต๋าของตัวเองเพื่อเดินหน้าต่อไปได้

ได้เห็นเช่นนี้พวกเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่ากว่าที่เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นจะสร้างเจดีย์นี้ขึ้นมาได้

ท่านคงต้องเอาวรยุทธบ่มเพาะมากมายมาหล่อหลอมและสร้างมันขึ้นมาเป็นสมบัติโกลาหลสวรรค์ชิ้นนี้!

ตอนนี้ห้วงมิติทั้งเจ็ดชั้นนั้นมันจางหายไปทำให้พวกเขาไม่อาจจะกลับไปบ่มเพาะใดๆ ได้อีก

เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ตั้งใจบ่มเพาะมาแต่แรกนั้นจะได้ประโยชน์จากเจดีย์เจ็ดสีนี้ไปมากที่สุด

และไม่ต้องสงสัยเลยว่าคงเป็นเย่หยวนและไป๋ชุยซานที่ได้รับประโยชน์จากการเข้าเจดีย์เจ็ดสีนี้ไปมากที่สุด!

ไป๋ชุยซานนั้นเก่งกาจขนาดนี้แล้วเย่หยวนที่บ่มเพาะจนถึงที่สุดของทุกชั้นนั้นจะต้องเก่งกาจแค่ไหน?

พวกเขานั้นไม่อาจจะคาดเดาได้เลย

ในตอนนี้พวกเขาทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องเสียใจคิดอยากจะกลับไปฝึกฝนต่อเหมือนไป๋ชุยซาน

เว้นเสียแต่ว่ามันไม่มียาอะไรให้รักษาความเสียใจภายหลังได้!

แถมบนพื้นดินนั้นก็มีร่างของหวางเฉียนที่นอนหมดแรงอยู่

มันช่างเป็นภาพที่น่าสมเพชนัก!

“เจ็ดชั้นมิติหายไปแล้ว! แผนของเราสำเร็จแล้วจริงๆ!” ซานหยางนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

เมื่อเจ็ดชั้นมิติหายไปแล้วมันก็ย่อมหมายความว่ามีใครได้พลังคลื่นกำเนิดไปครองแล้ว!

นี่มันทำให้โอกาสตามหาเจ้าโลกบู๋เมี่ยของพวกเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก

หญิงแก่คนนั้นเองก็กล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางตื่นเต้นไม่น้อย “ไม่รู้แค่ว่าใครที่จะได้พลังของคลื่นกำเนิดไปครองเท่านั้น!”

ซานหยางนั้นยิ้มกว้างขึ้นมาเมื่อได้ยิน “แท้จริงแล้วบรรพบุรุษบู๋เมี่ยท่านได้พูดไว้ว่าหวางเฉียนนั้นมีร่างวิญญาณที่เรียกได้ว่าเป็นกึ่งร่างวิญญาณหมอกหุ้ม! หากมีโอกาสเขาอาจจะพัฒนาตัวจนกลายเป็นเจ้าโลกผู้มีร่างวิญญาณหมอกหุ้มได้! เพราะฉะนั้นหากจะถามว่าโอกาสอยู่ที่ใครมากที่สุดแล้วมันก็ย่อมจะเป็นตัวเขาแน่นอน!”

เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวสีหน้าของคนรอบๆ ก็ต้องเปลี่ยนสีไป

พวกเขานั้นไม่ได้รู้เลยว่าบรรพบุรุษบู๋เมี่ยนั้นกลับประเมินหวางเฉียนไว้สูงปานนั้น

เช่นนั้นคนที่เหลือจะไม่กลายเป็นแค่ตัวประกอบไปหรือ?

ซานหยางนั้นยิ้มกว้างกล่าวขึ้นต่อ “เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายในหรือต่อให้จะเป็นคนอื่นที่ได้ครองผลึกคลื่นกำเนิดไปมันก็เปล่าประโยชน์! เพราะว่าพวกเขานั้นไม่มีทางจะผสานตัวเข้ากับคลื่นกำเนิดได้แน่นอน! ศิษย์น้องหยุนหนี ครั้งนี้เจ้าคงคิดผิดไปแล้วจริงๆ!”

หยุนหนีนั้นยังคงทำหน้านิ่งไม่คิดตอบกลับอะไรไป

แต่นางเองก็ตกตะลึงในการประเมินของบรรพบุรุษบู๋เมี่ยไม่น้อย

นางนั้นเชื่อในสายตาของตนเองแต่ก็ไม่ได้เชื่อมั่นขนาดว่าตาตัวเองจะดีกว่าสายตาของเจ้าโลกบู๋เมี่ย!

หรือว่าครั้งนี้นางจะมองผิดไปจริงๆ?

แต่จู่ๆ หญิงชราคนนั้นก็ร้องขึ้น “ออกมากันแล้ว!”

ตอนนี้มีคนมากมายลอยตัวออกมาจากเจดีย์เจ็ดสี

หวางเฉียนผู้ผสานเข้ากับคลื่นกำเนิดนั้นยังไม่อาจจะควบคุมร่างกายได้ดีนัก

เขาจึงดูกลมกลืนไปกับคนทั้งร้อยกว่าคน

แต่มหาจักรพรรดิล้ำทั้งหลายนั้นเห็นเขาทันที

ซานหยางนั้นยิ้มกว้างขึ้น!

คลื่นกำเนิดของบรรพบุรุษบู๋เมี่ยนั้นตกอยู่ในมือของเขาจริงๆ!

“ฮ่าๆๆ…เยี่ยมมากหวางเฉียน! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะไม่ทำให้ผิดหวัง!”

ซานหยางนั้นรีบเข้าไปรับด้วยเสียงหัวเราะทันที

พูดไปนั้นเขาก็หันไปมองหน้ามหาจักรพรรดิล้ำคนอื่นๆ ด้วยใบหน้าภาคภูมิ

ความหมายนั้นมันชัดเจน ‘ข้าบอกแล้ว!’

หยุนหนีนั้นได้แต่ต้องขมวดคิ้วแน่นได้แต่ถอนใจยาวออกมา

‘สุดท้ายก็มองผิดไปหรือ?’

เช่นนั้นเจ้ามนุษย์คนนี้มันคงไม่คิดดีอะไรแล้ว ได้เวลาตาย!

เพียงแค่ว่าเมื่อได้เห็นใกล้ๆ สีหน้าท่าทางของทุกคนมันกลับแตกต่างไปจากที่คาด

หวางเฉียนที่ได้รับคลื่นกำเนิดมานั้นกลับมีสภาพโทรมราวกับเพิ่งถูกกระทืบมา

ส่วนอีกด้านตัวไป๋ชุยซานนั้นกลับเดินยืดอกอย่างภาคภูมิราวกับผู้ชนะ

ได้เห็นเช่นนี้ซานหยางเองก็ต้องผงะไป

มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

หวางเฉียนนั้นเดินมาหยุดตรงหน้าซานหยางและก้มหัวลง “ท่านซานหยาง”

ซานหยางได้แต่ต้องขมวดคิ้วและถามขึ้น “เจ้าได้คลื่นกำเนิดมาครองแท้ๆ จะทำหน้าเช่นนั้นทำไม?”

เมื่อหวางเฉียนได้ยินเขาก็ยิ่งรู้สึกขมขื่นในใจ

‘ดีใจไม่ออก!’

‘ท่านทำเหมือนข้าเป็นสมบัติ แต่คนอื่นทำเหมือนข้าเป็นแค่ขยะเก่าๆ’

‘ข้าได้มันมาเพราะมันเป็นแค่ขยะที่ไม่มีใครอยากเอา!’

เดิมทีแล้วต่อให้จะแค่บังเอิญเอามาได้มันก็คงดีใจไม่น้อย

แต่เรื่องหลังจากที่ผสานคลื่นกำเนิดได้นั้นมันทำให้เขาไม่อาจจะแสดงความยินดีใดๆ ออกมา

มันน่าอับอายนัก!

หวางเฉียนได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “ท่านซานหยาง คลื่นกำเนิดนี้มันไม่ได้เป็นของข้าแต่แรก”

เมื่อซานหยางได้ยินเขาก็ต้องหัวเราะขึ้นมาทันที “ที่แท้มันแค่เพราะเรื่องนี้? ฮ่าๆ ทีแรกไม่ใช่ของเจ้าแล้วทำไม? สุดท้ายมันก็มีแต่เจ้าที่ผสานคลื่นกำเนิดได้ นี่คือความสามารถของเจ้า! ไม่ว่าคนอื่นๆ จะเก่งกาจแค่ไหนมันก็ไม่มีใครผสานคลื่นกำเนิดได้มิใช่หรือ? อ่อนแอจนไม่อาจจะต้านทานพลังของมันได้แม้แต่น้อย!”

ยิ่งซานหยางพูดไปเท่าไหร่หวางเฉียนก็ยิ่งอยากจะเอาหน้ามุดดินหนีไปให้พ้นๆ

ไม่ไกลไปนั้นผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะบางคนถึงกับหลุดหัวเราะออกมา

ซานหยางนั้นได้แต่ต้องขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นและร้องขึ้นถาม “ตลกอะไรกัน? หรือว่าข้าพูดอะไรผิดไป?”

คนอื่นๆ นั้นย่อมจะไม่มีใครกล้าเถียงมหาจักรพรรดิล้ำ

แต่ว่าไป๋ชุยซานนั้นมิใช่!

เขากล่าวขึ้นทันทีว่า “ท่านซานหยาง ที่ท่านพูดมานั้นมันช่างห่างไกลกับความเป็นจริงนัก! เพราะเดิมทีแล้วคลื่นกำเนิดนั้นมันเป็นของเย่หยวน! และมิใช่ว่าเขานั้นผสานมันไม่ได้ แต่ว่าเขานั้นไม่คิดผสานเข้ากับมันต่างหาก! แถมนอกจากว่าเขาจะไม่คิดผสานเองแล้ว…เขายังห้ามข้าไว้ด้วย! ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้จะเป็นใครมันก็ไม่มีทางเป็นของหวางเฉียนเจ้าขี้แพ้หน้าไม่อายคนนี้ไปได้หรอก ฮ่าๆๆ…”

——————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+