I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 219 โค่นล้มสำเร็จ!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 219 โค่นล้มสำเร็จ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิงหลานเห็นลั่วล่างกับเซี่ยอี๋เงียบไปถึงค่อยหลับตาทั้งสองข้างลงน้อยๆ เธอเคาะที่วางแขนขณะที่ใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง ผ่านไปไม่นานเธอก็ลืมตาขึ้นมา ชี้ไปยังพันตรีที่ยืนอยู่ด้านข้างพลางเอ่ยเรียบๆ ว่า “ลืมบอกคุณไปเลย คนนี้ก็เป็นตัวประกันของผมเหมือนกัน! คุณพูดมา คุณจะใช้อะไรมาแลกเปลี่ยนกับเขาล่ะ?”

“เป็นไปไม่ได้!” ปฏิกิริยาแรกของกัปตันคือไม่เชื่อ เขารู้ความสามารถของพันตรีว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดรองจากเขาในยานบิน

หลิงหลานปรายตามองพันตรีด้วยสายตาที่ค่อนข้างเยาะหยัน “ไม่อย่างนั้นคุณก็บอกความจริงกับเขาไปละกัน?”

พันตรีถอนหายใจเบาๆ เอ่ยว่า “เขาพูดมาไม่ผิด ฉันเป็นตัวประกันของเขาจริงๆ!” พันตรีไม่อาจพูดโกหกทั้งๆ ที่เห็นความจริงตรงหน้าได้ ถ้าหากหลิงหลานอยากเอาชนะเขา ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้…ถึงแม้ว่าหลิงหลานจะต้องเปลืองแรงสักยก แต่พันตรีเชื่อว่าขอเพียงให้เวลาหลิงหลาน เขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงหลานแน่นอน

นอกจากนี้ ในช่วงเวลาระหว่างนี้พันตรีเองก็เข้าใจเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนเย็นชาอำมหิตคนนี้เหมือนกัน ความจริงแล้วเขาลงมืออย่างมีบันยะบันยังมาก พวกลูกเรือที่ถูกเขาคุมตัวไว้ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต ต่อให้หัวหน้าผู้คุ้มกันที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในห้องเครื่องก็ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิตเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่อยากผิดสัญญา ขยายความขัดแย้งของทั้งสองฝ่าย ถ้าหากเป็นไปได้ เขาอยากแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างสันติ

คำพูดของพันตรีโจมตีใส่กัปตัน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเมื่อพบว่าเรื่องราวจัดการได้ยากจริงๆ แต่การโจมตีที่หลิงหลานมอบให้เขายังไม่สิ้นสุดลงแค่นี้ “เอาแบบนี้ละกัน ให้คุณดูเพิ่มอีกสองภาพ!”

หลิงหลานดึงฉากในห้องเครื่องและเขตที่พักออกมา พวกเขาเห็นลูกเรือแต่ละคนในเขตที่พักถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา ทุกคนถูกขังอยู่ในห้องปิดล็อกแห่งหนึ่ง และก็เห็นหน่วยคุ้มกันของห้องเครื่องถูกมัดรวมไว้เช่นเดียวกัน ส่วนหัวหน้าผู้คุ้มกันของพวกเขาไม่ได้ถูกมัดไว้ เพียงแต่นอนอ่อนแรงอยู่บนพื้น กัปตันมองเห็นชัดเจนในภาพว่าพื้นตรงที่เขานอนอยู่มีเลือดกำลังไหลออกมาไม่น้อย…

“เสี่ยวว่านเป็นอะไรไป?” กัปตันแผดเสียงคำรามดังลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว หรือว่าหัวหน้าผู้คุ้มกันห้องเครื่องของเขาจะประสบเคราะห์ร้ายแล้ว?

“ไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่!” หลิงหลานซูมภาพของห้องเครื่องด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ให้กัปตันเห็นหน้าอกของอีกฝ่ายที่หายใจกระเพื่อมขึ้นมาอย่างชัดๆ “แต่ว่า ถ้าเกิดคุณยืนกรานไม่ยอมแพ้ ผมไม่รับประกันว่าเขายังอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่” เสียงของหลิงหลานเย็นเยียบสุดขีด เหมือนกับว่าเธอไม่สนใจความเป็นความตายของอีกฝ่ายเลยก็ไม่ปาน

หน้าอกของกัปตันกระเพื่อมแรง เห็นได้ว่าตอนนี้อารมณ์ของเขาเดือดดาลปั่นป่วนอย่างยิ่งยวด แต่ก็เหมือนกับหลิงหลานพูดเตือนไว้ ความเป็นความตายของลูกเรือทั้งหมดขึ้นอยู่กับความคิดของเขา

“กัปตัน คุณยังคิดว่าคุณมีเบี้ยต่อรองกับผมอีกเหรอครับ?” หลิงหลานเลิกคิ้วมองไปที่อีกฝ่ายในที่สุด น้ำเสียงมีความเยาะหยันอยู่เล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรน้ำเสียงเยาะหยันเล็กน้อยที่แตกต่างจากความเยือกเย็นสงบนิ่งในตอนแรกนี้ถึงทำให้ความรู้สึกถึงวิกฤติในใจกัปตันพุ่งทะยานสูงขึ้น

หลิงหลานใช้มือขวาเท้าคางตัวเอง เอ่ยเหมือนคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า “อันที่จริง ความสามารถของคุณสามารถฆ่าพวกเราสักคนตรงนี้ได้ในพริบตา ถึงขนาดที่ควบคุมยานบินลำนี้ได้อย่างรวดเร็ว…แต่คุณคิดจริงๆ เหรอว่าผมเอาแต่อยู่ว่างๆ รอคุณที่นี่โดยที่ไม่ได้ทำเรื่องอะไรเลยสักนิดเดียว?”

หน้าของกัปตันบิดเบี้ยว แต่เขาก็ฝืนอดทนไว้ เขาพร่ำบอกตัวเองในใจว่า อีกฝ่ายแค่ขู่เขาเท่านั้น เขาไม่มีทางถูกเด็กอายุสิบหกขู่ได้หรอก….

“ความจริงแล้ว ในระหว่างนี้ผมสั่งออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักไว้ว่า ขอเพียงผมตาย ยานบินลำนี้ก็จะ ‘บึ้ม’ กลายเป็นเศษซากในอวกาศนี้ทันที พูดอีกอย่างก็คือ ทั้งคุณและผมต่างก็ไม่รอด ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อนร่วมรบที่ติดตามคุณเหล่านั้นก็ได้แต่ตายอยู่ที่นี่ด้วยกันเพราะการตัดสินใจของคุณ”

หลิงหลานใช้น้ำเสียงเยือกเย็นและไม่แยแสเอ่ยบทสรุปที่น่ากลัวนี้ออกมา ใบหน้ายังคงมีสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เหมือนกับว่าเธอพูดเรื่องที่ไม่สลักสำคัญ ทว่าสายตาของหลิงหลานกลับเผยความบ้าคลั่งออกมา ยืนยันว่าคำพูดของเธอไม่ได้โกหกเลยสักนิดเดียว

ท่าทีแปลกประหลาดนี้ทำให้พวกฉีหลงที่คุ้นเคยกับหลิงหลานอดตัวสั่นเทาไม่ได้เช่นกัน ลูกพี่หลานที่โรคจิตนิดๆ คนนี้คือลูกพี่หลานที่ทำหน้าเย็นชาตรงไปตรงมาของพวกเขาจริงๆ เหรอ?

หลิงหลานคล้ายกับรับรู้ความลังเลในใจของกัปตัน เธอจิ้มรัศมีแสงของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักเบาๆ เอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นมิตรว่า “ใช่หรือเปล่า ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักตัวน้อยของผม!”

“ใช่แล้ว เจ้านายของฉัน!” ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักตอบด้วยเสียงจักรกล เบื้องหลังกลับน้ำตานองหน้า ‘เจ้านายเก่า ฉันขอโทษที่โกหกคุณนะ แต่ผู้อาวุโสรุ่นใหญ่มากๆๆๆ ของฉันกำลังจ้องมองอย่างดุร้ายอยู่ ฉันเลยจำเป็นต้องพูดแบบนี้’

กัปตันได้ยินคำพูดสีหน้าก็เปลี่ยนไปยกใหญ่ จากนั้นก็โยนฉีหลงที่อยู่บนบ่าลงแล้วชี้ไปยังพวกหลินจงชิงที่อยู่ในยานบิน เอ่ยอย่างเดือดดาลว่า “เธอไม่เสียดายชีวิตของพวกเขาเหมือนกันหรือไง? ทั้งๆ ที่พวกเขาเชื่อใจเธอ ยินดีทำเรื่องบ้าระห่ำแบบนี้ตามเธอเนี่ยนะ?”

หลิงหลานหันหน้ามองไปทางพวกเขา แววตาทะมึนเย็นเยียบทำให้พวกหลินจงชิงอดหนาวสั่นไม่ได้ “พวกคุณอยากจะเลือกใช้ชีวิตอยู่อย่างต่ำต้อยหรือไง? ตายโดยที่เอาศักดิ์ศรีไปด้วยจะทำให้พวกเขารู้สึกเป็นเกียรติโดยไม่ต้องสงสัย ผมเชื่อว่าพวกเขาจะเลือกแบบนี้” หลิงหลานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เอ่ยถามเรียบๆ ว่า “ใช่หรือเปล่า?”

เซี่ยอี๋ตอบกลับทันทีโดยที่ไม่ขบคิดเลยแม้แต่น้อย “ใช่ พวกเราเชื่อฟังลูกพี่ทุกอย่าง!” เขายังไม่อยากถูกลูกพี่ทรมานจนตายหรอกนะ…ถ้าเกิดเป็นแบบนี้ ไม่สู้เลือกตายสบายๆ อย่างนี้ดีกว่า

“สามารถตายด้วยกันกับลูกพี่ พวกเราก็รู้สึกภูมิใจเหมือนกัน!” ลั่วล่างเอ่ยด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นงดงามหาใดเปรียบ ไม่มีความฝืนเลยสักนิดเดียว ลั่วล่างเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกพี่หลานตัดสินใจ ดังนั้นคำพูดที่เขากล่าวออกมาจึงไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย

“การตัดสินใจของลูกพี่ก็คือการตัดสินใจของพวกเรา!” หลินจงชิงเยือกเย็นมาก แต่ว่าความเยือกเย็นนี้ยิ่งทำให้กัปตันเชื่อว่า พวกเขาเตรียมพร้อมพลีชีพไว้นานแล้ว

เนื่องจากกัปตันตกตะลึงมากเกินไปเลยไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของเซี่ยอี๋ ลั่วล่างและหลินจงชิงสามคน ส่วนสี่คนที่เหลือได้รับคำบอกใบ้ของพวกเขาแล้วก็ทยอยกันเอ่ยปากแสดงความสนับสนุนการตัดสินใจของหลิงหลาน

“พวกเธอมันบ้า!” กัปตันได้แต่กัดฟันกล่าวคำพูดประโยคนี้ออกมา การตัดสินใจของหลิงหลานทำให้กัปตันที่มีความสามารถทว่าไม่อาจแสดงฝีมือได้แต่ถูกหลิงหลานกดขี่ ไม่กล้าเคลื่อนไหว กลัวว่าหากหลิงหลานตายไปจริงๆ ยานบินก็จะทำลายตัวเอง

เขาลูบหน้าแรงๆ กล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า “พูดมา พวกเธอต้องการอะไรกันแน่?”

“หนึ่งวันหนึ่งคืนนี้ พวกเราคือเจ้าของยานบิน ส่วนพวกคุณต้องให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราต้องการ รวมถึงของที่พวกเราอยากเรียนรู้ด้วย พอถึงจุดลงทะเบียนที่แท้จริงของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งแล้ว ผมจะมอบอำนาจควบคุมยานบินให้” หลิงหลานตอบ “นี่เป็นข้อตกลงของพวกเรา คุณสามารถเลือกปฏิเสธได้ หลังจากนั้นพวกเราก็ตายไปด้วยกันทั้งฝ่าย”

กัปตันใช้นิ้วที่สั่นระริกชี้ไปยังหลิงหลาน สุดท้ายก็เค้นคำพูดออกมาสามคำว่า “เธอมันโหดเหี้ยม!”

“ถ้าไม่โหดเหี้ยมแล้วจะได้รับสิ่งที่ตัวเองต้องการเหรอครับ?” หลิงหลานเลิกคิ้วตอบกลับ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเอาอำนาจควบคุมยานบินมาได้ กัปตันจะรับปากง่ายดายอย่างนี้เหรอ?

“แล้วก็เลิกทำการทดสอบพวกนั้นได้แล้วนะครับ มันไม่มีประโยชน์!” คำพูดต่อมาของหลิงหลานทำให้ดวงหน้าของกัปตันแลพันตรีเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้อย่างยิ่งยวด ที่แท้อีกฝ่ายสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขามานานแล้ว “ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ผมก็ไม่อยากก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้หรอกนะครับ…”

หลิงหลานโยนความรับผิดชอบไปให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างเด็ดขาด ราวกับบอกว่าที่ทำเหตุการณ์ใหญ่แบบนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของพวกกัปตัน นี่ทำให้กัปตันและพันตรีแทบจะกระอักเลือดด้วยความคับข้องใจ

แม่งเอ๊ย ยังไม่เคยเห็นนักเรียนใหม่ที่หน้าไม่อายแบบนี้มาก่อนเลย หรือว่านักเรียนใหม่สมัยนี้ต่างอวดดี ต่ำช้าและไร้ยางอายแบบนี้เหรอ?

“อีกอย่าง ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักตัวน้อย อย่าฝ่าฝืนคำสั่งของฉันล่ะ!” หลิงหลานจิ้มรัศมีแสงของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักอย่างเย็นชาอีกครั้ง ทำให้ร่างกายเล็กๆ ของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักในมิติเสมือนจริงอดตัวสั่นเทาไม่ได้ เขารีบกอดต้นขาเสี่ยวซื่ออยู่ข้างๆ แล้วร้องไห้พูดว่า “ฮือๆๆ เจ้านายของผู้อาวุโสน่ากลัวมากๆ เลยอะ!”

เสี่ยวซื่ออดกลอกตาไม่ได้ รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยว่าทำไมหมอนี่ถึงขี้ขลาดขนาดนี้? ลูกพี่ของเขาดีขนาดไหน ทั้งอ่อนโยน…เอ่อ นี่ดูเหมือนไม่มี จิตใจก็งาม…เอ่อ ดูเหมือนจะรังแกเขาบ่อยมากเหมือนกัน?

เสี่ยวซื่อรู้สึกว่าตัวเองสับสนอยู่บ้าง แต่เขาทิ้งพวกความฉงนใจไปอย่างรวดเร็ว และบอกตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยวอีกครั้งว่า ลูกพี่ของเขาเป็นลูกพี่ที่ดีที่สุด! แค่นี้แหละ!

เสี่ยวซื่อที่ไม่มีความสงสัยแล้วจำใจต้องพูดดีๆ ปลอบใจออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักต่อไปเพื่อทำภารกิจที่ลูกพี่มอบหมายมาให้สำเร็จ ความอดทนนี้ถูกเก็บเอาไว้ในใจของเด็กน้อยว่าผู้อาวุโสเป็นคนที่แสนประเสริฐและสมบูรณ์แบบ และก็ทำให้ตอนที่เสี่ยวซื่อขอความช่วยเหลือในอนาคต ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักน้อยเลยให้ความช่วยเหลือพวกเขาโดยไม่ลังเลใจ….

เรื่องต่อมาก็ง่ายดายมากแล้ว กัปตันประกาศในช่องสื่อสารวีดิทัศน์ทั้งยานบินว่า ในช่วงเวลาที่ไปยังจุดหมายปลายทางนี้ ยานบินจะถูกควบคุมโดยนักเรียนทหารใหม่! คำประกาศนี้ยอมรับว่าอำนาจควบคุมยานบินถูกสับเปลี่ยนอย่างเป็นทางการแล้ว เหล่าลูกเรือที่เดิมทีลำพองอวดดีถูกลดขั้นเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานเบ็ดเตล็ดไปโดยสิ้นเชิง ในที่สุดนักเรียนทหารใหม่ก็ทำวีรกรรมอันกล้าหาญยิ่งใหญ่เปลี่ยนจากทาสเป็นไทขับร้องลำนำ จากตอนแรกที่ถูกข่มเหงถูกเอาเปรียบกลายเป็นเจ้านายของยานบินลำนี้

อย่างไรก็ตาม นักเรียนของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือได้รับคำชี้แนะจากลูกพี่หลานอย่างรวดเร็ว หวังว่าพวกเขาจะฉวยโอกาสในช่วงเวลานี้ศึกษาความรู้ทางด้านยานบินที่ตัวเองสนใจ แน่นอนว่าจะกล่อมลูกเรือพวกนั้นให้ถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดยังไง ก็ต้องดูความสามารถของนักเรียนแต่ละคนแล้ว

ส่วนพวกลูกเรือก็เริ่มชี้แนะความรู้ที่พวกนักเรียนอยากเรียนอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจภายใต้การยอมรับโดยดุษณีของกัปตัน ทั้งสองฝ่ายที่เดิมทีตึงเครียดพร้อมจะปะทะกันก็สนิทสนมกลมเกลียวอย่างรวดเร็ว ดูไม่ออกเลยว่าก่อนหน้านี้ไม่นานเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้น

เป็นอย่างที่หลิงหลานคาดการณ์ไว้เลย ตั้งแต่กัปตันจนถึงลูกเรือ ตั้งแต่ผู้ควบคุมหุ่นรบจนถึงช่างซ่อมคนทำงานเบ็ดเตล็ดบนยานบิน ความจริงแล้วต่างก็เป็นทหารของสหพันธรัฐ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้โกรธเคืองนักเรียนทหารใหม่เพราะว่าหลิงหลานโค่นล้มพวกเขา บางทีพวกเขาอาจจะหงุดหงิด แต่ก็ชื่นชมความสามารถและความกล้าหาญของนักเรียนทหารใหม่อย่างยิ่งยวด นี่ก็คือสาเหตุใหญ่ที่สุดที่พวกเขายินดีสอนพวกนักเรียน

ทหารเหล่านี้รู้ดีว่า อีกหกปีให้หลังนักเรียนใหม่ตรงหน้าเหล่านี้จะกลายเป็นเสาหลักของกองทัพสหพันธรัฐ…พวกเขายินดีเห็นทหารที่โดดเด่นเหนือใครปรากฏตัวขึ้นในกองทัพของประเทศตัวเองอย่างยิ่ง

ส่วนพวกนักเรียนที่ไม่ได้มาจากสถาบันศูนย์กลางลูกเสือ หลิงหลานก็ไม่ได้บอกพวกเขา ประการแรก พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ (หลิงหลานแจ้งคนที่เข้าร่วมแล้ว) หลิงหลานก็ไม่มีหน้าที่ไปเตือนอีกฝ่ายเหมือนกัน ประการที่สอง ถ้าหากเป็นนักเรียนที่มีความตั้งใจจะต้องสังเกตเห็นเป้าหมายของพวกเขาจากในการกระทำและคำพูดของพวกนักเรียนสถาบันศูนย์กลางลูกเสือแน่นอน พวกเขาก็จะรู้ว่าควรทำยังไง

ส่วนพวกคนที่อืดอาดชักช้าไม่สังเกตเห็น หลิงหลานไม่คิดว่าพวกเขาจะพัฒนาอะไรได้ในอนาคต โอกาสเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ใครสามารถคว้าไว้ได้ นั่นก็เป็นโอกาสของพวกเขาเอง

และคนที่แข็งแกร่งคือคนที่ไม่พลาดโอกาสเหล่านี้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 219 โค่นล้มสำเร็จ!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 219 โค่นล้มสำเร็จ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิงหลานเห็นลั่วล่างกับเซี่ยอี๋เงียบไปถึงค่อยหลับตาทั้งสองข้างลงน้อยๆ เธอเคาะที่วางแขนขณะที่ใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง ผ่านไปไม่นานเธอก็ลืมตาขึ้นมา ชี้ไปยังพันตรีที่ยืนอยู่ด้านข้างพลางเอ่ยเรียบๆ ว่า “ลืมบอกคุณไปเลย คนนี้ก็เป็นตัวประกันของผมเหมือนกัน! คุณพูดมา คุณจะใช้อะไรมาแลกเปลี่ยนกับเขาล่ะ?”

“เป็นไปไม่ได้!” ปฏิกิริยาแรกของกัปตันคือไม่เชื่อ เขารู้ความสามารถของพันตรีว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดรองจากเขาในยานบิน

หลิงหลานปรายตามองพันตรีด้วยสายตาที่ค่อนข้างเยาะหยัน “ไม่อย่างนั้นคุณก็บอกความจริงกับเขาไปละกัน?”

พันตรีถอนหายใจเบาๆ เอ่ยว่า “เขาพูดมาไม่ผิด ฉันเป็นตัวประกันของเขาจริงๆ!” พันตรีไม่อาจพูดโกหกทั้งๆ ที่เห็นความจริงตรงหน้าได้ ถ้าหากหลิงหลานอยากเอาชนะเขา ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้…ถึงแม้ว่าหลิงหลานจะต้องเปลืองแรงสักยก แต่พันตรีเชื่อว่าขอเพียงให้เวลาหลิงหลาน เขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงหลานแน่นอน

นอกจากนี้ ในช่วงเวลาระหว่างนี้พันตรีเองก็เข้าใจเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนเย็นชาอำมหิตคนนี้เหมือนกัน ความจริงแล้วเขาลงมืออย่างมีบันยะบันยังมาก พวกลูกเรือที่ถูกเขาคุมตัวไว้ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต ต่อให้หัวหน้าผู้คุ้มกันที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในห้องเครื่องก็ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิตเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่อยากผิดสัญญา ขยายความขัดแย้งของทั้งสองฝ่าย ถ้าหากเป็นไปได้ เขาอยากแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างสันติ

คำพูดของพันตรีโจมตีใส่กัปตัน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเมื่อพบว่าเรื่องราวจัดการได้ยากจริงๆ แต่การโจมตีที่หลิงหลานมอบให้เขายังไม่สิ้นสุดลงแค่นี้ “เอาแบบนี้ละกัน ให้คุณดูเพิ่มอีกสองภาพ!”

หลิงหลานดึงฉากในห้องเครื่องและเขตที่พักออกมา พวกเขาเห็นลูกเรือแต่ละคนในเขตที่พักถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา ทุกคนถูกขังอยู่ในห้องปิดล็อกแห่งหนึ่ง และก็เห็นหน่วยคุ้มกันของห้องเครื่องถูกมัดรวมไว้เช่นเดียวกัน ส่วนหัวหน้าผู้คุ้มกันของพวกเขาไม่ได้ถูกมัดไว้ เพียงแต่นอนอ่อนแรงอยู่บนพื้น กัปตันมองเห็นชัดเจนในภาพว่าพื้นตรงที่เขานอนอยู่มีเลือดกำลังไหลออกมาไม่น้อย…

“เสี่ยวว่านเป็นอะไรไป?” กัปตันแผดเสียงคำรามดังลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว หรือว่าหัวหน้าผู้คุ้มกันห้องเครื่องของเขาจะประสบเคราะห์ร้ายแล้ว?

“ไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่!” หลิงหลานซูมภาพของห้องเครื่องด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ให้กัปตันเห็นหน้าอกของอีกฝ่ายที่หายใจกระเพื่อมขึ้นมาอย่างชัดๆ “แต่ว่า ถ้าเกิดคุณยืนกรานไม่ยอมแพ้ ผมไม่รับประกันว่าเขายังอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่” เสียงของหลิงหลานเย็นเยียบสุดขีด เหมือนกับว่าเธอไม่สนใจความเป็นความตายของอีกฝ่ายเลยก็ไม่ปาน

หน้าอกของกัปตันกระเพื่อมแรง เห็นได้ว่าตอนนี้อารมณ์ของเขาเดือดดาลปั่นป่วนอย่างยิ่งยวด แต่ก็เหมือนกับหลิงหลานพูดเตือนไว้ ความเป็นความตายของลูกเรือทั้งหมดขึ้นอยู่กับความคิดของเขา

“กัปตัน คุณยังคิดว่าคุณมีเบี้ยต่อรองกับผมอีกเหรอครับ?” หลิงหลานเลิกคิ้วมองไปที่อีกฝ่ายในที่สุด น้ำเสียงมีความเยาะหยันอยู่เล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรน้ำเสียงเยาะหยันเล็กน้อยที่แตกต่างจากความเยือกเย็นสงบนิ่งในตอนแรกนี้ถึงทำให้ความรู้สึกถึงวิกฤติในใจกัปตันพุ่งทะยานสูงขึ้น

หลิงหลานใช้มือขวาเท้าคางตัวเอง เอ่ยเหมือนคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า “อันที่จริง ความสามารถของคุณสามารถฆ่าพวกเราสักคนตรงนี้ได้ในพริบตา ถึงขนาดที่ควบคุมยานบินลำนี้ได้อย่างรวดเร็ว…แต่คุณคิดจริงๆ เหรอว่าผมเอาแต่อยู่ว่างๆ รอคุณที่นี่โดยที่ไม่ได้ทำเรื่องอะไรเลยสักนิดเดียว?”

หน้าของกัปตันบิดเบี้ยว แต่เขาก็ฝืนอดทนไว้ เขาพร่ำบอกตัวเองในใจว่า อีกฝ่ายแค่ขู่เขาเท่านั้น เขาไม่มีทางถูกเด็กอายุสิบหกขู่ได้หรอก….

“ความจริงแล้ว ในระหว่างนี้ผมสั่งออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักไว้ว่า ขอเพียงผมตาย ยานบินลำนี้ก็จะ ‘บึ้ม’ กลายเป็นเศษซากในอวกาศนี้ทันที พูดอีกอย่างก็คือ ทั้งคุณและผมต่างก็ไม่รอด ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อนร่วมรบที่ติดตามคุณเหล่านั้นก็ได้แต่ตายอยู่ที่นี่ด้วยกันเพราะการตัดสินใจของคุณ”

หลิงหลานใช้น้ำเสียงเยือกเย็นและไม่แยแสเอ่ยบทสรุปที่น่ากลัวนี้ออกมา ใบหน้ายังคงมีสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เหมือนกับว่าเธอพูดเรื่องที่ไม่สลักสำคัญ ทว่าสายตาของหลิงหลานกลับเผยความบ้าคลั่งออกมา ยืนยันว่าคำพูดของเธอไม่ได้โกหกเลยสักนิดเดียว

ท่าทีแปลกประหลาดนี้ทำให้พวกฉีหลงที่คุ้นเคยกับหลิงหลานอดตัวสั่นเทาไม่ได้เช่นกัน ลูกพี่หลานที่โรคจิตนิดๆ คนนี้คือลูกพี่หลานที่ทำหน้าเย็นชาตรงไปตรงมาของพวกเขาจริงๆ เหรอ?

หลิงหลานคล้ายกับรับรู้ความลังเลในใจของกัปตัน เธอจิ้มรัศมีแสงของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักเบาๆ เอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นมิตรว่า “ใช่หรือเปล่า ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักตัวน้อยของผม!”

“ใช่แล้ว เจ้านายของฉัน!” ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักตอบด้วยเสียงจักรกล เบื้องหลังกลับน้ำตานองหน้า ‘เจ้านายเก่า ฉันขอโทษที่โกหกคุณนะ แต่ผู้อาวุโสรุ่นใหญ่มากๆๆๆ ของฉันกำลังจ้องมองอย่างดุร้ายอยู่ ฉันเลยจำเป็นต้องพูดแบบนี้’

กัปตันได้ยินคำพูดสีหน้าก็เปลี่ยนไปยกใหญ่ จากนั้นก็โยนฉีหลงที่อยู่บนบ่าลงแล้วชี้ไปยังพวกหลินจงชิงที่อยู่ในยานบิน เอ่ยอย่างเดือดดาลว่า “เธอไม่เสียดายชีวิตของพวกเขาเหมือนกันหรือไง? ทั้งๆ ที่พวกเขาเชื่อใจเธอ ยินดีทำเรื่องบ้าระห่ำแบบนี้ตามเธอเนี่ยนะ?”

หลิงหลานหันหน้ามองไปทางพวกเขา แววตาทะมึนเย็นเยียบทำให้พวกหลินจงชิงอดหนาวสั่นไม่ได้ “พวกคุณอยากจะเลือกใช้ชีวิตอยู่อย่างต่ำต้อยหรือไง? ตายโดยที่เอาศักดิ์ศรีไปด้วยจะทำให้พวกเขารู้สึกเป็นเกียรติโดยไม่ต้องสงสัย ผมเชื่อว่าพวกเขาจะเลือกแบบนี้” หลิงหลานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เอ่ยถามเรียบๆ ว่า “ใช่หรือเปล่า?”

เซี่ยอี๋ตอบกลับทันทีโดยที่ไม่ขบคิดเลยแม้แต่น้อย “ใช่ พวกเราเชื่อฟังลูกพี่ทุกอย่าง!” เขายังไม่อยากถูกลูกพี่ทรมานจนตายหรอกนะ…ถ้าเกิดเป็นแบบนี้ ไม่สู้เลือกตายสบายๆ อย่างนี้ดีกว่า

“สามารถตายด้วยกันกับลูกพี่ พวกเราก็รู้สึกภูมิใจเหมือนกัน!” ลั่วล่างเอ่ยด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นงดงามหาใดเปรียบ ไม่มีความฝืนเลยสักนิดเดียว ลั่วล่างเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกพี่หลานตัดสินใจ ดังนั้นคำพูดที่เขากล่าวออกมาจึงไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย

“การตัดสินใจของลูกพี่ก็คือการตัดสินใจของพวกเรา!” หลินจงชิงเยือกเย็นมาก แต่ว่าความเยือกเย็นนี้ยิ่งทำให้กัปตันเชื่อว่า พวกเขาเตรียมพร้อมพลีชีพไว้นานแล้ว

เนื่องจากกัปตันตกตะลึงมากเกินไปเลยไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของเซี่ยอี๋ ลั่วล่างและหลินจงชิงสามคน ส่วนสี่คนที่เหลือได้รับคำบอกใบ้ของพวกเขาแล้วก็ทยอยกันเอ่ยปากแสดงความสนับสนุนการตัดสินใจของหลิงหลาน

“พวกเธอมันบ้า!” กัปตันได้แต่กัดฟันกล่าวคำพูดประโยคนี้ออกมา การตัดสินใจของหลิงหลานทำให้กัปตันที่มีความสามารถทว่าไม่อาจแสดงฝีมือได้แต่ถูกหลิงหลานกดขี่ ไม่กล้าเคลื่อนไหว กลัวว่าหากหลิงหลานตายไปจริงๆ ยานบินก็จะทำลายตัวเอง

เขาลูบหน้าแรงๆ กล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า “พูดมา พวกเธอต้องการอะไรกันแน่?”

“หนึ่งวันหนึ่งคืนนี้ พวกเราคือเจ้าของยานบิน ส่วนพวกคุณต้องให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราต้องการ รวมถึงของที่พวกเราอยากเรียนรู้ด้วย พอถึงจุดลงทะเบียนที่แท้จริงของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งแล้ว ผมจะมอบอำนาจควบคุมยานบินให้” หลิงหลานตอบ “นี่เป็นข้อตกลงของพวกเรา คุณสามารถเลือกปฏิเสธได้ หลังจากนั้นพวกเราก็ตายไปด้วยกันทั้งฝ่าย”

กัปตันใช้นิ้วที่สั่นระริกชี้ไปยังหลิงหลาน สุดท้ายก็เค้นคำพูดออกมาสามคำว่า “เธอมันโหดเหี้ยม!”

“ถ้าไม่โหดเหี้ยมแล้วจะได้รับสิ่งที่ตัวเองต้องการเหรอครับ?” หลิงหลานเลิกคิ้วตอบกลับ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเอาอำนาจควบคุมยานบินมาได้ กัปตันจะรับปากง่ายดายอย่างนี้เหรอ?

“แล้วก็เลิกทำการทดสอบพวกนั้นได้แล้วนะครับ มันไม่มีประโยชน์!” คำพูดต่อมาของหลิงหลานทำให้ดวงหน้าของกัปตันแลพันตรีเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้อย่างยิ่งยวด ที่แท้อีกฝ่ายสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขามานานแล้ว “ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ผมก็ไม่อยากก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้หรอกนะครับ…”

หลิงหลานโยนความรับผิดชอบไปให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างเด็ดขาด ราวกับบอกว่าที่ทำเหตุการณ์ใหญ่แบบนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของพวกกัปตัน นี่ทำให้กัปตันและพันตรีแทบจะกระอักเลือดด้วยความคับข้องใจ

แม่งเอ๊ย ยังไม่เคยเห็นนักเรียนใหม่ที่หน้าไม่อายแบบนี้มาก่อนเลย หรือว่านักเรียนใหม่สมัยนี้ต่างอวดดี ต่ำช้าและไร้ยางอายแบบนี้เหรอ?

“อีกอย่าง ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักตัวน้อย อย่าฝ่าฝืนคำสั่งของฉันล่ะ!” หลิงหลานจิ้มรัศมีแสงของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักอย่างเย็นชาอีกครั้ง ทำให้ร่างกายเล็กๆ ของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักในมิติเสมือนจริงอดตัวสั่นเทาไม่ได้ เขารีบกอดต้นขาเสี่ยวซื่ออยู่ข้างๆ แล้วร้องไห้พูดว่า “ฮือๆๆ เจ้านายของผู้อาวุโสน่ากลัวมากๆ เลยอะ!”

เสี่ยวซื่ออดกลอกตาไม่ได้ รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยว่าทำไมหมอนี่ถึงขี้ขลาดขนาดนี้? ลูกพี่ของเขาดีขนาดไหน ทั้งอ่อนโยน…เอ่อ นี่ดูเหมือนไม่มี จิตใจก็งาม…เอ่อ ดูเหมือนจะรังแกเขาบ่อยมากเหมือนกัน?

เสี่ยวซื่อรู้สึกว่าตัวเองสับสนอยู่บ้าง แต่เขาทิ้งพวกความฉงนใจไปอย่างรวดเร็ว และบอกตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยวอีกครั้งว่า ลูกพี่ของเขาเป็นลูกพี่ที่ดีที่สุด! แค่นี้แหละ!

เสี่ยวซื่อที่ไม่มีความสงสัยแล้วจำใจต้องพูดดีๆ ปลอบใจออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักต่อไปเพื่อทำภารกิจที่ลูกพี่มอบหมายมาให้สำเร็จ ความอดทนนี้ถูกเก็บเอาไว้ในใจของเด็กน้อยว่าผู้อาวุโสเป็นคนที่แสนประเสริฐและสมบูรณ์แบบ และก็ทำให้ตอนที่เสี่ยวซื่อขอความช่วยเหลือในอนาคต ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักน้อยเลยให้ความช่วยเหลือพวกเขาโดยไม่ลังเลใจ….

เรื่องต่อมาก็ง่ายดายมากแล้ว กัปตันประกาศในช่องสื่อสารวีดิทัศน์ทั้งยานบินว่า ในช่วงเวลาที่ไปยังจุดหมายปลายทางนี้ ยานบินจะถูกควบคุมโดยนักเรียนทหารใหม่! คำประกาศนี้ยอมรับว่าอำนาจควบคุมยานบินถูกสับเปลี่ยนอย่างเป็นทางการแล้ว เหล่าลูกเรือที่เดิมทีลำพองอวดดีถูกลดขั้นเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานเบ็ดเตล็ดไปโดยสิ้นเชิง ในที่สุดนักเรียนทหารใหม่ก็ทำวีรกรรมอันกล้าหาญยิ่งใหญ่เปลี่ยนจากทาสเป็นไทขับร้องลำนำ จากตอนแรกที่ถูกข่มเหงถูกเอาเปรียบกลายเป็นเจ้านายของยานบินลำนี้

อย่างไรก็ตาม นักเรียนของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือได้รับคำชี้แนะจากลูกพี่หลานอย่างรวดเร็ว หวังว่าพวกเขาจะฉวยโอกาสในช่วงเวลานี้ศึกษาความรู้ทางด้านยานบินที่ตัวเองสนใจ แน่นอนว่าจะกล่อมลูกเรือพวกนั้นให้ถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดยังไง ก็ต้องดูความสามารถของนักเรียนแต่ละคนแล้ว

ส่วนพวกลูกเรือก็เริ่มชี้แนะความรู้ที่พวกนักเรียนอยากเรียนอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจภายใต้การยอมรับโดยดุษณีของกัปตัน ทั้งสองฝ่ายที่เดิมทีตึงเครียดพร้อมจะปะทะกันก็สนิทสนมกลมเกลียวอย่างรวดเร็ว ดูไม่ออกเลยว่าก่อนหน้านี้ไม่นานเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้น

เป็นอย่างที่หลิงหลานคาดการณ์ไว้เลย ตั้งแต่กัปตันจนถึงลูกเรือ ตั้งแต่ผู้ควบคุมหุ่นรบจนถึงช่างซ่อมคนทำงานเบ็ดเตล็ดบนยานบิน ความจริงแล้วต่างก็เป็นทหารของสหพันธรัฐ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้โกรธเคืองนักเรียนทหารใหม่เพราะว่าหลิงหลานโค่นล้มพวกเขา บางทีพวกเขาอาจจะหงุดหงิด แต่ก็ชื่นชมความสามารถและความกล้าหาญของนักเรียนทหารใหม่อย่างยิ่งยวด นี่ก็คือสาเหตุใหญ่ที่สุดที่พวกเขายินดีสอนพวกนักเรียน

ทหารเหล่านี้รู้ดีว่า อีกหกปีให้หลังนักเรียนใหม่ตรงหน้าเหล่านี้จะกลายเป็นเสาหลักของกองทัพสหพันธรัฐ…พวกเขายินดีเห็นทหารที่โดดเด่นเหนือใครปรากฏตัวขึ้นในกองทัพของประเทศตัวเองอย่างยิ่ง

ส่วนพวกนักเรียนที่ไม่ได้มาจากสถาบันศูนย์กลางลูกเสือ หลิงหลานก็ไม่ได้บอกพวกเขา ประการแรก พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ (หลิงหลานแจ้งคนที่เข้าร่วมแล้ว) หลิงหลานก็ไม่มีหน้าที่ไปเตือนอีกฝ่ายเหมือนกัน ประการที่สอง ถ้าหากเป็นนักเรียนที่มีความตั้งใจจะต้องสังเกตเห็นเป้าหมายของพวกเขาจากในการกระทำและคำพูดของพวกนักเรียนสถาบันศูนย์กลางลูกเสือแน่นอน พวกเขาก็จะรู้ว่าควรทำยังไง

ส่วนพวกคนที่อืดอาดชักช้าไม่สังเกตเห็น หลิงหลานไม่คิดว่าพวกเขาจะพัฒนาอะไรได้ในอนาคต โอกาสเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ใครสามารถคว้าไว้ได้ นั่นก็เป็นโอกาสของพวกเขาเอง

และคนที่แข็งแกร่งคือคนที่ไม่พลาดโอกาสเหล่านี้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 219 โค่นล้มสำเร็จ!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 219 โค่นล้มสำเร็จ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิงหลานเห็นลั่วล่างกับเซี่ยอี๋เงียบไปถึงค่อยหลับตาทั้งสองข้างลงน้อยๆ เธอเคาะที่วางแขนขณะที่ใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง ผ่านไปไม่นานเธอก็ลืมตาขึ้นมา ชี้ไปยังพันตรีที่ยืนอยู่ด้านข้างพลางเอ่ยเรียบๆ ว่า “ลืมบอกคุณไปเลย คนนี้ก็เป็นตัวประกันของผมเหมือนกัน! คุณพูดมา คุณจะใช้อะไรมาแลกเปลี่ยนกับเขาล่ะ?”

“เป็นไปไม่ได้!” ปฏิกิริยาแรกของกัปตันคือไม่เชื่อ เขารู้ความสามารถของพันตรีว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดรองจากเขาในยานบิน

หลิงหลานปรายตามองพันตรีด้วยสายตาที่ค่อนข้างเยาะหยัน “ไม่อย่างนั้นคุณก็บอกความจริงกับเขาไปละกัน?”

พันตรีถอนหายใจเบาๆ เอ่ยว่า “เขาพูดมาไม่ผิด ฉันเป็นตัวประกันของเขาจริงๆ!” พันตรีไม่อาจพูดโกหกทั้งๆ ที่เห็นความจริงตรงหน้าได้ ถ้าหากหลิงหลานอยากเอาชนะเขา ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้…ถึงแม้ว่าหลิงหลานจะต้องเปลืองแรงสักยก แต่พันตรีเชื่อว่าขอเพียงให้เวลาหลิงหลาน เขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงหลานแน่นอน

นอกจากนี้ ในช่วงเวลาระหว่างนี้พันตรีเองก็เข้าใจเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนเย็นชาอำมหิตคนนี้เหมือนกัน ความจริงแล้วเขาลงมืออย่างมีบันยะบันยังมาก พวกลูกเรือที่ถูกเขาคุมตัวไว้ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต ต่อให้หัวหน้าผู้คุ้มกันที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในห้องเครื่องก็ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิตเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่อยากผิดสัญญา ขยายความขัดแย้งของทั้งสองฝ่าย ถ้าหากเป็นไปได้ เขาอยากแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างสันติ

คำพูดของพันตรีโจมตีใส่กัปตัน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเมื่อพบว่าเรื่องราวจัดการได้ยากจริงๆ แต่การโจมตีที่หลิงหลานมอบให้เขายังไม่สิ้นสุดลงแค่นี้ “เอาแบบนี้ละกัน ให้คุณดูเพิ่มอีกสองภาพ!”

หลิงหลานดึงฉากในห้องเครื่องและเขตที่พักออกมา พวกเขาเห็นลูกเรือแต่ละคนในเขตที่พักถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา ทุกคนถูกขังอยู่ในห้องปิดล็อกแห่งหนึ่ง และก็เห็นหน่วยคุ้มกันของห้องเครื่องถูกมัดรวมไว้เช่นเดียวกัน ส่วนหัวหน้าผู้คุ้มกันของพวกเขาไม่ได้ถูกมัดไว้ เพียงแต่นอนอ่อนแรงอยู่บนพื้น กัปตันมองเห็นชัดเจนในภาพว่าพื้นตรงที่เขานอนอยู่มีเลือดกำลังไหลออกมาไม่น้อย…

“เสี่ยวว่านเป็นอะไรไป?” กัปตันแผดเสียงคำรามดังลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว หรือว่าหัวหน้าผู้คุ้มกันห้องเครื่องของเขาจะประสบเคราะห์ร้ายแล้ว?

“ไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่!” หลิงหลานซูมภาพของห้องเครื่องด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ให้กัปตันเห็นหน้าอกของอีกฝ่ายที่หายใจกระเพื่อมขึ้นมาอย่างชัดๆ “แต่ว่า ถ้าเกิดคุณยืนกรานไม่ยอมแพ้ ผมไม่รับประกันว่าเขายังอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่” เสียงของหลิงหลานเย็นเยียบสุดขีด เหมือนกับว่าเธอไม่สนใจความเป็นความตายของอีกฝ่ายเลยก็ไม่ปาน

หน้าอกของกัปตันกระเพื่อมแรง เห็นได้ว่าตอนนี้อารมณ์ของเขาเดือดดาลปั่นป่วนอย่างยิ่งยวด แต่ก็เหมือนกับหลิงหลานพูดเตือนไว้ ความเป็นความตายของลูกเรือทั้งหมดขึ้นอยู่กับความคิดของเขา

“กัปตัน คุณยังคิดว่าคุณมีเบี้ยต่อรองกับผมอีกเหรอครับ?” หลิงหลานเลิกคิ้วมองไปที่อีกฝ่ายในที่สุด น้ำเสียงมีความเยาะหยันอยู่เล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรน้ำเสียงเยาะหยันเล็กน้อยที่แตกต่างจากความเยือกเย็นสงบนิ่งในตอนแรกนี้ถึงทำให้ความรู้สึกถึงวิกฤติในใจกัปตันพุ่งทะยานสูงขึ้น

หลิงหลานใช้มือขวาเท้าคางตัวเอง เอ่ยเหมือนคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า “อันที่จริง ความสามารถของคุณสามารถฆ่าพวกเราสักคนตรงนี้ได้ในพริบตา ถึงขนาดที่ควบคุมยานบินลำนี้ได้อย่างรวดเร็ว…แต่คุณคิดจริงๆ เหรอว่าผมเอาแต่อยู่ว่างๆ รอคุณที่นี่โดยที่ไม่ได้ทำเรื่องอะไรเลยสักนิดเดียว?”

หน้าของกัปตันบิดเบี้ยว แต่เขาก็ฝืนอดทนไว้ เขาพร่ำบอกตัวเองในใจว่า อีกฝ่ายแค่ขู่เขาเท่านั้น เขาไม่มีทางถูกเด็กอายุสิบหกขู่ได้หรอก….

“ความจริงแล้ว ในระหว่างนี้ผมสั่งออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักไว้ว่า ขอเพียงผมตาย ยานบินลำนี้ก็จะ ‘บึ้ม’ กลายเป็นเศษซากในอวกาศนี้ทันที พูดอีกอย่างก็คือ ทั้งคุณและผมต่างก็ไม่รอด ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อนร่วมรบที่ติดตามคุณเหล่านั้นก็ได้แต่ตายอยู่ที่นี่ด้วยกันเพราะการตัดสินใจของคุณ”

หลิงหลานใช้น้ำเสียงเยือกเย็นและไม่แยแสเอ่ยบทสรุปที่น่ากลัวนี้ออกมา ใบหน้ายังคงมีสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เหมือนกับว่าเธอพูดเรื่องที่ไม่สลักสำคัญ ทว่าสายตาของหลิงหลานกลับเผยความบ้าคลั่งออกมา ยืนยันว่าคำพูดของเธอไม่ได้โกหกเลยสักนิดเดียว

ท่าทีแปลกประหลาดนี้ทำให้พวกฉีหลงที่คุ้นเคยกับหลิงหลานอดตัวสั่นเทาไม่ได้เช่นกัน ลูกพี่หลานที่โรคจิตนิดๆ คนนี้คือลูกพี่หลานที่ทำหน้าเย็นชาตรงไปตรงมาของพวกเขาจริงๆ เหรอ?

หลิงหลานคล้ายกับรับรู้ความลังเลในใจของกัปตัน เธอจิ้มรัศมีแสงของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักเบาๆ เอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นมิตรว่า “ใช่หรือเปล่า ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักตัวน้อยของผม!”

“ใช่แล้ว เจ้านายของฉัน!” ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักตอบด้วยเสียงจักรกล เบื้องหลังกลับน้ำตานองหน้า ‘เจ้านายเก่า ฉันขอโทษที่โกหกคุณนะ แต่ผู้อาวุโสรุ่นใหญ่มากๆๆๆ ของฉันกำลังจ้องมองอย่างดุร้ายอยู่ ฉันเลยจำเป็นต้องพูดแบบนี้’

กัปตันได้ยินคำพูดสีหน้าก็เปลี่ยนไปยกใหญ่ จากนั้นก็โยนฉีหลงที่อยู่บนบ่าลงแล้วชี้ไปยังพวกหลินจงชิงที่อยู่ในยานบิน เอ่ยอย่างเดือดดาลว่า “เธอไม่เสียดายชีวิตของพวกเขาเหมือนกันหรือไง? ทั้งๆ ที่พวกเขาเชื่อใจเธอ ยินดีทำเรื่องบ้าระห่ำแบบนี้ตามเธอเนี่ยนะ?”

หลิงหลานหันหน้ามองไปทางพวกเขา แววตาทะมึนเย็นเยียบทำให้พวกหลินจงชิงอดหนาวสั่นไม่ได้ “พวกคุณอยากจะเลือกใช้ชีวิตอยู่อย่างต่ำต้อยหรือไง? ตายโดยที่เอาศักดิ์ศรีไปด้วยจะทำให้พวกเขารู้สึกเป็นเกียรติโดยไม่ต้องสงสัย ผมเชื่อว่าพวกเขาจะเลือกแบบนี้” หลิงหลานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เอ่ยถามเรียบๆ ว่า “ใช่หรือเปล่า?”

เซี่ยอี๋ตอบกลับทันทีโดยที่ไม่ขบคิดเลยแม้แต่น้อย “ใช่ พวกเราเชื่อฟังลูกพี่ทุกอย่าง!” เขายังไม่อยากถูกลูกพี่ทรมานจนตายหรอกนะ…ถ้าเกิดเป็นแบบนี้ ไม่สู้เลือกตายสบายๆ อย่างนี้ดีกว่า

“สามารถตายด้วยกันกับลูกพี่ พวกเราก็รู้สึกภูมิใจเหมือนกัน!” ลั่วล่างเอ่ยด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นงดงามหาใดเปรียบ ไม่มีความฝืนเลยสักนิดเดียว ลั่วล่างเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกพี่หลานตัดสินใจ ดังนั้นคำพูดที่เขากล่าวออกมาจึงไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย

“การตัดสินใจของลูกพี่ก็คือการตัดสินใจของพวกเรา!” หลินจงชิงเยือกเย็นมาก แต่ว่าความเยือกเย็นนี้ยิ่งทำให้กัปตันเชื่อว่า พวกเขาเตรียมพร้อมพลีชีพไว้นานแล้ว

เนื่องจากกัปตันตกตะลึงมากเกินไปเลยไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของเซี่ยอี๋ ลั่วล่างและหลินจงชิงสามคน ส่วนสี่คนที่เหลือได้รับคำบอกใบ้ของพวกเขาแล้วก็ทยอยกันเอ่ยปากแสดงความสนับสนุนการตัดสินใจของหลิงหลาน

“พวกเธอมันบ้า!” กัปตันได้แต่กัดฟันกล่าวคำพูดประโยคนี้ออกมา การตัดสินใจของหลิงหลานทำให้กัปตันที่มีความสามารถทว่าไม่อาจแสดงฝีมือได้แต่ถูกหลิงหลานกดขี่ ไม่กล้าเคลื่อนไหว กลัวว่าหากหลิงหลานตายไปจริงๆ ยานบินก็จะทำลายตัวเอง

เขาลูบหน้าแรงๆ กล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า “พูดมา พวกเธอต้องการอะไรกันแน่?”

“หนึ่งวันหนึ่งคืนนี้ พวกเราคือเจ้าของยานบิน ส่วนพวกคุณต้องให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราต้องการ รวมถึงของที่พวกเราอยากเรียนรู้ด้วย พอถึงจุดลงทะเบียนที่แท้จริงของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งแล้ว ผมจะมอบอำนาจควบคุมยานบินให้” หลิงหลานตอบ “นี่เป็นข้อตกลงของพวกเรา คุณสามารถเลือกปฏิเสธได้ หลังจากนั้นพวกเราก็ตายไปด้วยกันทั้งฝ่าย”

กัปตันใช้นิ้วที่สั่นระริกชี้ไปยังหลิงหลาน สุดท้ายก็เค้นคำพูดออกมาสามคำว่า “เธอมันโหดเหี้ยม!”

“ถ้าไม่โหดเหี้ยมแล้วจะได้รับสิ่งที่ตัวเองต้องการเหรอครับ?” หลิงหลานเลิกคิ้วตอบกลับ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเอาอำนาจควบคุมยานบินมาได้ กัปตันจะรับปากง่ายดายอย่างนี้เหรอ?

“แล้วก็เลิกทำการทดสอบพวกนั้นได้แล้วนะครับ มันไม่มีประโยชน์!” คำพูดต่อมาของหลิงหลานทำให้ดวงหน้าของกัปตันแลพันตรีเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้อย่างยิ่งยวด ที่แท้อีกฝ่ายสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขามานานแล้ว “ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ผมก็ไม่อยากก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้หรอกนะครับ…”

หลิงหลานโยนความรับผิดชอบไปให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างเด็ดขาด ราวกับบอกว่าที่ทำเหตุการณ์ใหญ่แบบนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของพวกกัปตัน นี่ทำให้กัปตันและพันตรีแทบจะกระอักเลือดด้วยความคับข้องใจ

แม่งเอ๊ย ยังไม่เคยเห็นนักเรียนใหม่ที่หน้าไม่อายแบบนี้มาก่อนเลย หรือว่านักเรียนใหม่สมัยนี้ต่างอวดดี ต่ำช้าและไร้ยางอายแบบนี้เหรอ?

“อีกอย่าง ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักตัวน้อย อย่าฝ่าฝืนคำสั่งของฉันล่ะ!” หลิงหลานจิ้มรัศมีแสงของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักอย่างเย็นชาอีกครั้ง ทำให้ร่างกายเล็กๆ ของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักในมิติเสมือนจริงอดตัวสั่นเทาไม่ได้ เขารีบกอดต้นขาเสี่ยวซื่ออยู่ข้างๆ แล้วร้องไห้พูดว่า “ฮือๆๆ เจ้านายของผู้อาวุโสน่ากลัวมากๆ เลยอะ!”

เสี่ยวซื่ออดกลอกตาไม่ได้ รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยว่าทำไมหมอนี่ถึงขี้ขลาดขนาดนี้? ลูกพี่ของเขาดีขนาดไหน ทั้งอ่อนโยน…เอ่อ นี่ดูเหมือนไม่มี จิตใจก็งาม…เอ่อ ดูเหมือนจะรังแกเขาบ่อยมากเหมือนกัน?

เสี่ยวซื่อรู้สึกว่าตัวเองสับสนอยู่บ้าง แต่เขาทิ้งพวกความฉงนใจไปอย่างรวดเร็ว และบอกตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยวอีกครั้งว่า ลูกพี่ของเขาเป็นลูกพี่ที่ดีที่สุด! แค่นี้แหละ!

เสี่ยวซื่อที่ไม่มีความสงสัยแล้วจำใจต้องพูดดีๆ ปลอบใจออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักต่อไปเพื่อทำภารกิจที่ลูกพี่มอบหมายมาให้สำเร็จ ความอดทนนี้ถูกเก็บเอาไว้ในใจของเด็กน้อยว่าผู้อาวุโสเป็นคนที่แสนประเสริฐและสมบูรณ์แบบ และก็ทำให้ตอนที่เสี่ยวซื่อขอความช่วยเหลือในอนาคต ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักน้อยเลยให้ความช่วยเหลือพวกเขาโดยไม่ลังเลใจ….

เรื่องต่อมาก็ง่ายดายมากแล้ว กัปตันประกาศในช่องสื่อสารวีดิทัศน์ทั้งยานบินว่า ในช่วงเวลาที่ไปยังจุดหมายปลายทางนี้ ยานบินจะถูกควบคุมโดยนักเรียนทหารใหม่! คำประกาศนี้ยอมรับว่าอำนาจควบคุมยานบินถูกสับเปลี่ยนอย่างเป็นทางการแล้ว เหล่าลูกเรือที่เดิมทีลำพองอวดดีถูกลดขั้นเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานเบ็ดเตล็ดไปโดยสิ้นเชิง ในที่สุดนักเรียนทหารใหม่ก็ทำวีรกรรมอันกล้าหาญยิ่งใหญ่เปลี่ยนจากทาสเป็นไทขับร้องลำนำ จากตอนแรกที่ถูกข่มเหงถูกเอาเปรียบกลายเป็นเจ้านายของยานบินลำนี้

อย่างไรก็ตาม นักเรียนของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือได้รับคำชี้แนะจากลูกพี่หลานอย่างรวดเร็ว หวังว่าพวกเขาจะฉวยโอกาสในช่วงเวลานี้ศึกษาความรู้ทางด้านยานบินที่ตัวเองสนใจ แน่นอนว่าจะกล่อมลูกเรือพวกนั้นให้ถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดยังไง ก็ต้องดูความสามารถของนักเรียนแต่ละคนแล้ว

ส่วนพวกลูกเรือก็เริ่มชี้แนะความรู้ที่พวกนักเรียนอยากเรียนอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจภายใต้การยอมรับโดยดุษณีของกัปตัน ทั้งสองฝ่ายที่เดิมทีตึงเครียดพร้อมจะปะทะกันก็สนิทสนมกลมเกลียวอย่างรวดเร็ว ดูไม่ออกเลยว่าก่อนหน้านี้ไม่นานเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้น

เป็นอย่างที่หลิงหลานคาดการณ์ไว้เลย ตั้งแต่กัปตันจนถึงลูกเรือ ตั้งแต่ผู้ควบคุมหุ่นรบจนถึงช่างซ่อมคนทำงานเบ็ดเตล็ดบนยานบิน ความจริงแล้วต่างก็เป็นทหารของสหพันธรัฐ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้โกรธเคืองนักเรียนทหารใหม่เพราะว่าหลิงหลานโค่นล้มพวกเขา บางทีพวกเขาอาจจะหงุดหงิด แต่ก็ชื่นชมความสามารถและความกล้าหาญของนักเรียนทหารใหม่อย่างยิ่งยวด นี่ก็คือสาเหตุใหญ่ที่สุดที่พวกเขายินดีสอนพวกนักเรียน

ทหารเหล่านี้รู้ดีว่า อีกหกปีให้หลังนักเรียนใหม่ตรงหน้าเหล่านี้จะกลายเป็นเสาหลักของกองทัพสหพันธรัฐ…พวกเขายินดีเห็นทหารที่โดดเด่นเหนือใครปรากฏตัวขึ้นในกองทัพของประเทศตัวเองอย่างยิ่ง

ส่วนพวกนักเรียนที่ไม่ได้มาจากสถาบันศูนย์กลางลูกเสือ หลิงหลานก็ไม่ได้บอกพวกเขา ประการแรก พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ (หลิงหลานแจ้งคนที่เข้าร่วมแล้ว) หลิงหลานก็ไม่มีหน้าที่ไปเตือนอีกฝ่ายเหมือนกัน ประการที่สอง ถ้าหากเป็นนักเรียนที่มีความตั้งใจจะต้องสังเกตเห็นเป้าหมายของพวกเขาจากในการกระทำและคำพูดของพวกนักเรียนสถาบันศูนย์กลางลูกเสือแน่นอน พวกเขาก็จะรู้ว่าควรทำยังไง

ส่วนพวกคนที่อืดอาดชักช้าไม่สังเกตเห็น หลิงหลานไม่คิดว่าพวกเขาจะพัฒนาอะไรได้ในอนาคต โอกาสเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ใครสามารถคว้าไว้ได้ นั่นก็เป็นโอกาสของพวกเขาเอง

และคนที่แข็งแกร่งคือคนที่ไม่พลาดโอกาสเหล่านี้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+