Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2969 แสงแห่งความหวัง!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2969 แสงแห่งความหวัง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าบ้านี่มันแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว!”

ได้เห็นลำแสงสีแดงสดนั้นเย่หยวนก็ต้องร้องลั่นขึ้นมาอย่างตกตะลึง

เจ้าโลกบู๋เมี่ยและหยุนหนีนั้นต่างหันกลับมามองเขาด้วยสายตาแปลกๆ

จากนั้นแสงสีแดงสดนั้นมันก็เหมือนสัมผัสถึงอะไรได้และหยุดตัวลง

จากนั้นมันก็ปรากฏดวงตาขึ้นมาในลำแสงสีแดงนั้นมองดูร่างของเย่หยวน

ศิลาโลหิตโกลาหลกล่าวขึ้น “ไอ้หนู เราเจอกันอีกแล้ว!”

เย่หยวนเบิกตากว้างร้องขึ้นมา “เจ้าพูดได้แล้ว!”

การพูดได้นั้นมันย่อมจะหมายถึงว่ามันได้สติตื่นขึ้นมาแล้ว

ครั้งก่อนที่เขาเผชิญหน้ากับศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันยังอยู่ในสภาวะหลับใหล

และใช้เพียงแค่สัญชาตญาณในการตอบสนอง

แต่ตอนนี้มันกลับได้สติตื่นขึ้นมาแล้ว

นี่มันเท่ากับว่าศิลาโลหิตโกลาหลคงใกล้ตื่นขึ้นเต็มที!

นี่มันเป็นข่าวร้าย!

“ดูท่าเจ้าจะตกตะลึงมาก! ข้านั้นใกล้จะตื่นเต็มตัวแล้ว วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน! หลังจากที่ข้าตื่นแล้วคนแรกที่ข้าจะล่าหัวก็คือเจ้า! กล้ามาโกงเอาเลือดต้นของข้าไป เจ้ามันเป็นคนแรกเลยจริงๆ! เรื่องนี้มันต้องจัดการลงให้ได้! ฮ่าๆๆ…”

พูดไปตัวลำแสงนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนถอยกลับออกไปทิ้งไว้แต่ความว่างเปล่า

เย่หยวนได้แต่ต้องยืนทำหน้าเหยเก

หยุนหนี บู๋เมี่ย เทียนเหวินสามยอดเจ้าโลกนั้นต่างหันมามองหน้าเย่หยวนเป็นตาเดียว

เจ้าเด็กนี่กลับไปโกงเอาเลือดของตัวตนระดับนั้นมา?

เจ้าเด็กนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ!

“เย่หยวน…”

เย่หยวนตอบกลับไปอย่างไม่ต้องรอให้หยุนหนีถามจบ “มันคือศิลามารดาของเผ่าเลือด ศิลาโลหิตโกลาหล! เผ่าเลือดนั้นเป็นเผ่าที่มันผู้นี้สร้างขึ้นมา…”

เมื่อสามยอดเจ้าโลกได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องหน้าถอดสีไป

เป็นตอนนี้เองที่พวกเขาได้รู้ว่าในสามสิบสามสวรรค์มันกลับยังมีตัวตนที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่ด้วย

“เพราะฉะนั้นแล้วไม่ว่าจะเป็นตระกูลวิญญาณฉีตระกูลวิญญาณนิพพานใดๆ มันก็มิใช่เวลาจะมาตีกันเอง!

หากศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันตื่นขึ้นมาแล้วมันคงได้กลายเป็นหายนะของทั้งสามสิบสามสวรรค์แน่นอน! และสิ่งที่พวกเจ้าได้เห็นเมื่อสักครู่นั้นเป็นแค่พลังจากร่างแยกของมันเท่านั้น ข้านั้นสัมผัสได้เลยว่ามันแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้ามาก!

ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังได้สติขึ้นมาและคงใกล้จะลืมตาตื่นเต็มที!” เย่หยวนกล่าวขึ้นมา

“เจ้าจะบอกว่าเรานั้นถูกเผ่าเลือดมันหลอกใช้อย่างนั้นหรือ?” เจ้าโลกเทียนเหวินกล่าวขึ้น

“ไม่เช่นนั้นจะเป็นอะไรไปได้? เกิดจากความโกลาหลเหมือนกันบ้าบออะไร น่าขัน! เจ้าโลกเทียนเหวิน

เจ้านั้นโง่ดีจริงๆ แค่เรื่องโง่ๆ แค่นี้ก็หลอกลวงเจ้าได้แล้วหรือ?” เย่หยวนนั้นไม่คิดกรอกคำพูดใดๆ แม้แต่น้อย

เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นร้องลั่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “ไอ้หนู หากยังกล้าพูดอีกข้าจะฉีกร่างเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ให้ดู!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปอย่างไม่คิดแยแส “เจ้ากลับกล้าท้าทายข้าที่มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์เท่านั้น เทียนเหวิน หากไม่มีเจ้าโลกหลุนฮวยแล้วเจ้าคิดว่าตัวเองจะยิ่งใหญ่นักหรือ? หากมีฝีมือจริงก็รอให้ข้าบรรลุเจ้าโลกก่อนเถอะ ถึงตอนนั้นมาสู้กันให้สาแก่ใจ หากถึงตอนนั้นแล้วข้ายังฉีกร่างของเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ไม่ได้นามว่าเย่หยวนของข้านี้ข้าจะขอเขียนมันกลับหัวให้!”

“เจ้า!” เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นแทบต้องกระอักขึ้นมา

เรื่องต้องห้ามสำหรับเขานั้นคือเรื่องนี้

เขานั้นจะอย่างไรก็เป็นยอดเจ้าโลกและมีพลังฝีมือล้ำสวรรค์

เขานั้นไม่ชอบเวลาถูกคนมองว่าเขารอดมาได้จนถึงทุกวันนี้เพราะมีเจ้าโลกหลุนฮวยคอยช่วยหนุนหลัง

แต่เขารู้ดีว่าความเป็นจริงมันเป็นเช่นนั้น!

ถูกเย่หยวนกล่าวเช่นนี้ใส่เขาย่อมจะรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก

“พอได้แล้ว! เทียนเหวิน ที่เย่หยวนพูดมานั้นมันถูกต้องที่สุด ตอนนี้ความแค้นใดระหว่างตระกูลวิญญาณฉีและตระกูลวิญญาณนิพพานก็พักมันไว้ก่อน! หากเจ้ามารร้ายนั้นตื่นขึ้นมาจริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นตระกูลใดก็คงต้องพบเจอหายนะอย่างแน่นอน! ที่สำคัญไปกว่านั้นเผ่าเลือดมันยังวางอำนาจไปทั่วทุกสวรรค์ทำให้ศิลาโลหิตโกลาหลนั้นทรงพลังขึ้นทุกวี่วัน เราต้องเตรียมตัวให้ดี!” เจ้าโลกบู๋เมี่ยกล่าวขึ้น

“เฮอะ!” เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นไม่คิดต่อปากต่อคำอะไรอีก

“หยุนหนี เจ้าพามันไป!” เจ้าโลกบู๋เมี่ยกล่าวสั่ง

“เจ้าค่ะ!”

จากนั้นหยุนหนีก็ได้พาเย่หยวนออกจากสนามรบเทพฉงนไป

หนึ่งเดือนต่อมาที่นิกายโอสถประเสริฐ

เต๋าทุกข์แสนรุนแรงนั้นมันตกลงมาต่อหน้าเย่หยวนจนกลายเป็นทะเลแสง

ตอนที่อีกครึ่งวิญญาณของเขากลับเข้าร่างเนื้อนั้นเขาก็บรรลุจักรพรรดิเที่ยงขึ้นมาเป็นมหาจักรพรรดิได้ในทันที!

เขานั้นได้เรียกประตูแห่งชีวานิรันดร์ลงมาแล้ว

และมีวิญญาณที่ทรงพลังจนถึงระดับของมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลาง

การเอากายเนื้อมาบรรลุมหาจักรพรรดินั้นมันย่อมจะลำบากแค่ต้องอัดปราณเทวะเข้าร่างเท่านั้น

แต่การอัดปราณเทวะเข้าร่างนั้นมันไม่ยากเย็นเลยสำหรับเย่หยวน

หลังจากที่บรรลุได้แล้วเย่หยวนก็เริ่มใจเต้นแรงขึ้นมา

ถึงเวลาแล้ว!

หลังจากผ่านความทุกข์ยากมากมายมาในที่สุดเขาก็ได้เห็นแสงแห่งความหวังที่จะช่วยมู่หลินเสวีย

ร่างหญิงงามตรงหน้าเย่หยวนนี้ เย่หยวนค่อยๆ วางร่างของนางลงอย่างระมัดระวัง

นางนั้นเป็นหญิงงามไร้ที่ติมีใบหน้าท่าทางเหมือนแค่คนที่กำลังนอนหลับไป

ปราณเทวะทรงพลังของเย่หยวนนั้นห่อหุ้มร่างของมู่หลินเสวียไว้

เพราะจะอย่างไรนางนั้นก็มีพลังบ่มเพาะแค่ระดับสามัญ

และร่างกายของนางย่อมจะไม่มีทางทนพลังกฎของสามสิบสามสวรรค์ได้

เย่หยวนมองหน้ามู่หลินเสวียด้วยสายตาที่แสนอบอุ่น

หมี่เทียนนั้นเคยบอกไว้ว่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของมู่หลินเสวียนั้นอาจจะไหลเข้าสู่วัฏสงสารไปแล้วก็เป็นได้

หากเป็นเช่นนั้นจริงมันก็คงไม่มีหวังจะเรียกนางกลับมาอีก

ที่สำคัญไปกว่านั้นมู่หลินเสวียได้สละเผ่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของตนไป

มันจึงทำให้วิญญาณของนางนั้นไร้ความเสถียรใดๆ

และเหลือไว้เพียงแค่เสี้ยวของวิญญาณที่อาจจะไหลไปที่ใดก็ได้ระหว่างสวรรค์และแผ่นดิน

คลื่นพลังที่เย่หยวนสัมผัสได้ในภพเบื้องล่างนั้นมันเป็นคลื่นของพลังรากวิญญาณ

แต่เรื่องจะชุบชีวิตมู่หลินเสวียได้หรือไม่นั้นมันยังไม่แน่นัก

ร่มคลื่นม่วงนั้นถูกกางออกและปล่อยแสงสีม่วงห่อหุ้มร่างเนื้อของมู่หลินเสวียไว้

เย่หยวนนั้นใช้ศาสตร์หลอมวิญญาณขึ้นมาอย่างร้อนใจ

ร่มคลื่นม่วงนั้นมันค่อยๆ ปล่อยพลังเป็นคลื่นออกไปรอบด้าน

ในที่สุดร่างของมู่หลินเสวียมันก็ตอบสนองมา

เสี้ยววิญญาณสุดท้ายของนางนั้นถูกร่มคลื่นม่วงเสริมพลังขึ้น!

ร่มคลื่นม่วงนั้นมันเป็นหนึ่งในสุดยอดสมบัติวิญญาณมีคุณสมบัติสามารถช่วยเสาะหาวิญญาณได้

เพราะเช่นนี้เองที่หมี่เทียนได้แนะนำให้เย่หยวนมาเพื่อยืมใช้งานร่มคลื่นม่วงนี้

ทุกสิ่งอย่างนั้นค่อยๆ เป็นไป เย่หยวนจึงได้แต่ต้องรอให้ร่มคลื่นม่วงหา

แต่ว่าร่างกายของเขานั้นมันกำลังสั่นสะท้าน

เขานั้นรอวันนี้มานานแสนนาน

เขานั้นไม่กลัวความยากลำบากใดๆ แต่สิ่งที่เขากลัวนั้นคือจะช่วยมู่หลินเสวียไม่ได้!

หยุนหนีนั้นได้แต่ต้องมองหน้าเย่หยวนพร้อมส่ายหัวออกมา

คำว่าความรักทำให้คนตาบอดมันคงหมายถึงเย่หยวนคนนี้แล้ว

“ไอ้หนู ผ่อนคลายหน่อยเถอะ! เจ้านั้นพยายามมามากแล้ว! ต่อให้จะช่วยนางไม่ได้ นางก็คงไม่โทษเจ้าหรอก!” หมี่เทียนกล่าวขึ้น

เย่หยวนไม่ตอบอะไรกลับไปและจ้องมองร่างของมู่หลินเสวียต่อไป

หนึ่งวัน!

สองวัน!

สามวัน!

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า

แสงของร่มคลื่นม่วงนั้นมันสอดส่องไปทั่วทุกสวรรค์เพื่อตามหารากวิญญาณของมู่หลินเสวีย

แต่มันกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ

เย่หยวนนั้นเริ่มกังวลใจมากขึ้นทุกทีจนแทบไม่อาจหายใจ

เขานั้นไม่อยากจะคิดว่าความพยายามทั้งชีวิตของเขานั้นมันจะสูญเปล่า!

หมี่เทียนได้แต่ต้องมองดูสภาพของเย่หยวนในตอนนี้ด้วยความปวดร้าวในหัวใจ

เด็กคนนี้มันหัวรั้นจนเกินไป!

วันที่สิบนั้นมันก็ยังไม่มีการตอบสนองใด

วันที่สิบห้าก็ยังไม่มี

จิตใจของเย่หยวนในตอนนี้มันมีแต่ความสิ้นหวัง คิดอยากจะร่ำร้องออกมาให้สุดกำลัง

จนสุดท้ายในวันที่สิบแปดร่มคลื่นม่วงมันก็มีปฏิกิริยาขึ้น!

คลื่นพลังอันคุ้นเคยนั้นมันถูกส่งออกมาจากเส้นขอบสวรรค์!

นี่มันคือคลื่นพลังของรากวิญญาณ!

เย่หยวนนั้นสัมผัสถึงมันได้ เขานั้นรู้จักคลื่นพลังนี้ดี!

ตอนนี้เย่หยวนแทบจะลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้น

“กลับมาแล้ว! มันกลับมาแล้ว! ผู้อาวุโส ข้ารอวันนี้มานานเหลือเกิน!” พูดไปเย่หยวนก็เริ่มมีน้ำตาไหลลงอาบหน้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2969 แสงแห่งความหวัง!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2969 แสงแห่งความหวัง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าบ้านี่มันแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว!”

ได้เห็นลำแสงสีแดงสดนั้นเย่หยวนก็ต้องร้องลั่นขึ้นมาอย่างตกตะลึง

เจ้าโลกบู๋เมี่ยและหยุนหนีนั้นต่างหันกลับมามองเขาด้วยสายตาแปลกๆ

จากนั้นแสงสีแดงสดนั้นมันก็เหมือนสัมผัสถึงอะไรได้และหยุดตัวลง

จากนั้นมันก็ปรากฏดวงตาขึ้นมาในลำแสงสีแดงนั้นมองดูร่างของเย่หยวน

ศิลาโลหิตโกลาหลกล่าวขึ้น “ไอ้หนู เราเจอกันอีกแล้ว!”

เย่หยวนเบิกตากว้างร้องขึ้นมา “เจ้าพูดได้แล้ว!”

การพูดได้นั้นมันย่อมจะหมายถึงว่ามันได้สติตื่นขึ้นมาแล้ว

ครั้งก่อนที่เขาเผชิญหน้ากับศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันยังอยู่ในสภาวะหลับใหล

และใช้เพียงแค่สัญชาตญาณในการตอบสนอง

แต่ตอนนี้มันกลับได้สติตื่นขึ้นมาแล้ว

นี่มันเท่ากับว่าศิลาโลหิตโกลาหลคงใกล้ตื่นขึ้นเต็มที!

นี่มันเป็นข่าวร้าย!

“ดูท่าเจ้าจะตกตะลึงมาก! ข้านั้นใกล้จะตื่นเต็มตัวแล้ว วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน! หลังจากที่ข้าตื่นแล้วคนแรกที่ข้าจะล่าหัวก็คือเจ้า! กล้ามาโกงเอาเลือดต้นของข้าไป เจ้ามันเป็นคนแรกเลยจริงๆ! เรื่องนี้มันต้องจัดการลงให้ได้! ฮ่าๆๆ…”

พูดไปตัวลำแสงนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนถอยกลับออกไปทิ้งไว้แต่ความว่างเปล่า

เย่หยวนได้แต่ต้องยืนทำหน้าเหยเก

หยุนหนี บู๋เมี่ย เทียนเหวินสามยอดเจ้าโลกนั้นต่างหันมามองหน้าเย่หยวนเป็นตาเดียว

เจ้าเด็กนี่กลับไปโกงเอาเลือดของตัวตนระดับนั้นมา?

เจ้าเด็กนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ!

“เย่หยวน…”

เย่หยวนตอบกลับไปอย่างไม่ต้องรอให้หยุนหนีถามจบ “มันคือศิลามารดาของเผ่าเลือด ศิลาโลหิตโกลาหล! เผ่าเลือดนั้นเป็นเผ่าที่มันผู้นี้สร้างขึ้นมา…”

เมื่อสามยอดเจ้าโลกได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องหน้าถอดสีไป

เป็นตอนนี้เองที่พวกเขาได้รู้ว่าในสามสิบสามสวรรค์มันกลับยังมีตัวตนที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่ด้วย

“เพราะฉะนั้นแล้วไม่ว่าจะเป็นตระกูลวิญญาณฉีตระกูลวิญญาณนิพพานใดๆ มันก็มิใช่เวลาจะมาตีกันเอง!

หากศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันตื่นขึ้นมาแล้วมันคงได้กลายเป็นหายนะของทั้งสามสิบสามสวรรค์แน่นอน! และสิ่งที่พวกเจ้าได้เห็นเมื่อสักครู่นั้นเป็นแค่พลังจากร่างแยกของมันเท่านั้น ข้านั้นสัมผัสได้เลยว่ามันแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้ามาก!

ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังได้สติขึ้นมาและคงใกล้จะลืมตาตื่นเต็มที!” เย่หยวนกล่าวขึ้นมา

“เจ้าจะบอกว่าเรานั้นถูกเผ่าเลือดมันหลอกใช้อย่างนั้นหรือ?” เจ้าโลกเทียนเหวินกล่าวขึ้น

“ไม่เช่นนั้นจะเป็นอะไรไปได้? เกิดจากความโกลาหลเหมือนกันบ้าบออะไร น่าขัน! เจ้าโลกเทียนเหวิน

เจ้านั้นโง่ดีจริงๆ แค่เรื่องโง่ๆ แค่นี้ก็หลอกลวงเจ้าได้แล้วหรือ?” เย่หยวนนั้นไม่คิดกรอกคำพูดใดๆ แม้แต่น้อย

เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นร้องลั่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “ไอ้หนู หากยังกล้าพูดอีกข้าจะฉีกร่างเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ให้ดู!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปอย่างไม่คิดแยแส “เจ้ากลับกล้าท้าทายข้าที่มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์เท่านั้น เทียนเหวิน หากไม่มีเจ้าโลกหลุนฮวยแล้วเจ้าคิดว่าตัวเองจะยิ่งใหญ่นักหรือ? หากมีฝีมือจริงก็รอให้ข้าบรรลุเจ้าโลกก่อนเถอะ ถึงตอนนั้นมาสู้กันให้สาแก่ใจ หากถึงตอนนั้นแล้วข้ายังฉีกร่างของเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ไม่ได้นามว่าเย่หยวนของข้านี้ข้าจะขอเขียนมันกลับหัวให้!”

“เจ้า!” เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นแทบต้องกระอักขึ้นมา

เรื่องต้องห้ามสำหรับเขานั้นคือเรื่องนี้

เขานั้นจะอย่างไรก็เป็นยอดเจ้าโลกและมีพลังฝีมือล้ำสวรรค์

เขานั้นไม่ชอบเวลาถูกคนมองว่าเขารอดมาได้จนถึงทุกวันนี้เพราะมีเจ้าโลกหลุนฮวยคอยช่วยหนุนหลัง

แต่เขารู้ดีว่าความเป็นจริงมันเป็นเช่นนั้น!

ถูกเย่หยวนกล่าวเช่นนี้ใส่เขาย่อมจะรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก

“พอได้แล้ว! เทียนเหวิน ที่เย่หยวนพูดมานั้นมันถูกต้องที่สุด ตอนนี้ความแค้นใดระหว่างตระกูลวิญญาณฉีและตระกูลวิญญาณนิพพานก็พักมันไว้ก่อน! หากเจ้ามารร้ายนั้นตื่นขึ้นมาจริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นตระกูลใดก็คงต้องพบเจอหายนะอย่างแน่นอน! ที่สำคัญไปกว่านั้นเผ่าเลือดมันยังวางอำนาจไปทั่วทุกสวรรค์ทำให้ศิลาโลหิตโกลาหลนั้นทรงพลังขึ้นทุกวี่วัน เราต้องเตรียมตัวให้ดี!” เจ้าโลกบู๋เมี่ยกล่าวขึ้น

“เฮอะ!” เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นไม่คิดต่อปากต่อคำอะไรอีก

“หยุนหนี เจ้าพามันไป!” เจ้าโลกบู๋เมี่ยกล่าวสั่ง

“เจ้าค่ะ!”

จากนั้นหยุนหนีก็ได้พาเย่หยวนออกจากสนามรบเทพฉงนไป

หนึ่งเดือนต่อมาที่นิกายโอสถประเสริฐ

เต๋าทุกข์แสนรุนแรงนั้นมันตกลงมาต่อหน้าเย่หยวนจนกลายเป็นทะเลแสง

ตอนที่อีกครึ่งวิญญาณของเขากลับเข้าร่างเนื้อนั้นเขาก็บรรลุจักรพรรดิเที่ยงขึ้นมาเป็นมหาจักรพรรดิได้ในทันที!

เขานั้นได้เรียกประตูแห่งชีวานิรันดร์ลงมาแล้ว

และมีวิญญาณที่ทรงพลังจนถึงระดับของมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลาง

การเอากายเนื้อมาบรรลุมหาจักรพรรดินั้นมันย่อมจะลำบากแค่ต้องอัดปราณเทวะเข้าร่างเท่านั้น

แต่การอัดปราณเทวะเข้าร่างนั้นมันไม่ยากเย็นเลยสำหรับเย่หยวน

หลังจากที่บรรลุได้แล้วเย่หยวนก็เริ่มใจเต้นแรงขึ้นมา

ถึงเวลาแล้ว!

หลังจากผ่านความทุกข์ยากมากมายมาในที่สุดเขาก็ได้เห็นแสงแห่งความหวังที่จะช่วยมู่หลินเสวีย

ร่างหญิงงามตรงหน้าเย่หยวนนี้ เย่หยวนค่อยๆ วางร่างของนางลงอย่างระมัดระวัง

นางนั้นเป็นหญิงงามไร้ที่ติมีใบหน้าท่าทางเหมือนแค่คนที่กำลังนอนหลับไป

ปราณเทวะทรงพลังของเย่หยวนนั้นห่อหุ้มร่างของมู่หลินเสวียไว้

เพราะจะอย่างไรนางนั้นก็มีพลังบ่มเพาะแค่ระดับสามัญ

และร่างกายของนางย่อมจะไม่มีทางทนพลังกฎของสามสิบสามสวรรค์ได้

เย่หยวนมองหน้ามู่หลินเสวียด้วยสายตาที่แสนอบอุ่น

หมี่เทียนนั้นเคยบอกไว้ว่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของมู่หลินเสวียนั้นอาจจะไหลเข้าสู่วัฏสงสารไปแล้วก็เป็นได้

หากเป็นเช่นนั้นจริงมันก็คงไม่มีหวังจะเรียกนางกลับมาอีก

ที่สำคัญไปกว่านั้นมู่หลินเสวียได้สละเผ่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของตนไป

มันจึงทำให้วิญญาณของนางนั้นไร้ความเสถียรใดๆ

และเหลือไว้เพียงแค่เสี้ยวของวิญญาณที่อาจจะไหลไปที่ใดก็ได้ระหว่างสวรรค์และแผ่นดิน

คลื่นพลังที่เย่หยวนสัมผัสได้ในภพเบื้องล่างนั้นมันเป็นคลื่นของพลังรากวิญญาณ

แต่เรื่องจะชุบชีวิตมู่หลินเสวียได้หรือไม่นั้นมันยังไม่แน่นัก

ร่มคลื่นม่วงนั้นถูกกางออกและปล่อยแสงสีม่วงห่อหุ้มร่างเนื้อของมู่หลินเสวียไว้

เย่หยวนนั้นใช้ศาสตร์หลอมวิญญาณขึ้นมาอย่างร้อนใจ

ร่มคลื่นม่วงนั้นมันค่อยๆ ปล่อยพลังเป็นคลื่นออกไปรอบด้าน

ในที่สุดร่างของมู่หลินเสวียมันก็ตอบสนองมา

เสี้ยววิญญาณสุดท้ายของนางนั้นถูกร่มคลื่นม่วงเสริมพลังขึ้น!

ร่มคลื่นม่วงนั้นมันเป็นหนึ่งในสุดยอดสมบัติวิญญาณมีคุณสมบัติสามารถช่วยเสาะหาวิญญาณได้

เพราะเช่นนี้เองที่หมี่เทียนได้แนะนำให้เย่หยวนมาเพื่อยืมใช้งานร่มคลื่นม่วงนี้

ทุกสิ่งอย่างนั้นค่อยๆ เป็นไป เย่หยวนจึงได้แต่ต้องรอให้ร่มคลื่นม่วงหา

แต่ว่าร่างกายของเขานั้นมันกำลังสั่นสะท้าน

เขานั้นรอวันนี้มานานแสนนาน

เขานั้นไม่กลัวความยากลำบากใดๆ แต่สิ่งที่เขากลัวนั้นคือจะช่วยมู่หลินเสวียไม่ได้!

หยุนหนีนั้นได้แต่ต้องมองหน้าเย่หยวนพร้อมส่ายหัวออกมา

คำว่าความรักทำให้คนตาบอดมันคงหมายถึงเย่หยวนคนนี้แล้ว

“ไอ้หนู ผ่อนคลายหน่อยเถอะ! เจ้านั้นพยายามมามากแล้ว! ต่อให้จะช่วยนางไม่ได้ นางก็คงไม่โทษเจ้าหรอก!” หมี่เทียนกล่าวขึ้น

เย่หยวนไม่ตอบอะไรกลับไปและจ้องมองร่างของมู่หลินเสวียต่อไป

หนึ่งวัน!

สองวัน!

สามวัน!

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า

แสงของร่มคลื่นม่วงนั้นมันสอดส่องไปทั่วทุกสวรรค์เพื่อตามหารากวิญญาณของมู่หลินเสวีย

แต่มันกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ

เย่หยวนนั้นเริ่มกังวลใจมากขึ้นทุกทีจนแทบไม่อาจหายใจ

เขานั้นไม่อยากจะคิดว่าความพยายามทั้งชีวิตของเขานั้นมันจะสูญเปล่า!

หมี่เทียนได้แต่ต้องมองดูสภาพของเย่หยวนในตอนนี้ด้วยความปวดร้าวในหัวใจ

เด็กคนนี้มันหัวรั้นจนเกินไป!

วันที่สิบนั้นมันก็ยังไม่มีการตอบสนองใด

วันที่สิบห้าก็ยังไม่มี

จิตใจของเย่หยวนในตอนนี้มันมีแต่ความสิ้นหวัง คิดอยากจะร่ำร้องออกมาให้สุดกำลัง

จนสุดท้ายในวันที่สิบแปดร่มคลื่นม่วงมันก็มีปฏิกิริยาขึ้น!

คลื่นพลังอันคุ้นเคยนั้นมันถูกส่งออกมาจากเส้นขอบสวรรค์!

นี่มันคือคลื่นพลังของรากวิญญาณ!

เย่หยวนนั้นสัมผัสถึงมันได้ เขานั้นรู้จักคลื่นพลังนี้ดี!

ตอนนี้เย่หยวนแทบจะลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้น

“กลับมาแล้ว! มันกลับมาแล้ว! ผู้อาวุโส ข้ารอวันนี้มานานเหลือเกิน!” พูดไปเย่หยวนก็เริ่มมีน้ำตาไหลลงอาบหน้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2969 แสงแห่งความหวัง!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2969 แสงแห่งความหวัง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าบ้านี่มันแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว!”

ได้เห็นลำแสงสีแดงสดนั้นเย่หยวนก็ต้องร้องลั่นขึ้นมาอย่างตกตะลึง

เจ้าโลกบู๋เมี่ยและหยุนหนีนั้นต่างหันกลับมามองเขาด้วยสายตาแปลกๆ

จากนั้นแสงสีแดงสดนั้นมันก็เหมือนสัมผัสถึงอะไรได้และหยุดตัวลง

จากนั้นมันก็ปรากฏดวงตาขึ้นมาในลำแสงสีแดงนั้นมองดูร่างของเย่หยวน

ศิลาโลหิตโกลาหลกล่าวขึ้น “ไอ้หนู เราเจอกันอีกแล้ว!”

เย่หยวนเบิกตากว้างร้องขึ้นมา “เจ้าพูดได้แล้ว!”

การพูดได้นั้นมันย่อมจะหมายถึงว่ามันได้สติตื่นขึ้นมาแล้ว

ครั้งก่อนที่เขาเผชิญหน้ากับศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันยังอยู่ในสภาวะหลับใหล

และใช้เพียงแค่สัญชาตญาณในการตอบสนอง

แต่ตอนนี้มันกลับได้สติตื่นขึ้นมาแล้ว

นี่มันเท่ากับว่าศิลาโลหิตโกลาหลคงใกล้ตื่นขึ้นเต็มที!

นี่มันเป็นข่าวร้าย!

“ดูท่าเจ้าจะตกตะลึงมาก! ข้านั้นใกล้จะตื่นเต็มตัวแล้ว วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน! หลังจากที่ข้าตื่นแล้วคนแรกที่ข้าจะล่าหัวก็คือเจ้า! กล้ามาโกงเอาเลือดต้นของข้าไป เจ้ามันเป็นคนแรกเลยจริงๆ! เรื่องนี้มันต้องจัดการลงให้ได้! ฮ่าๆๆ…”

พูดไปตัวลำแสงนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนถอยกลับออกไปทิ้งไว้แต่ความว่างเปล่า

เย่หยวนได้แต่ต้องยืนทำหน้าเหยเก

หยุนหนี บู๋เมี่ย เทียนเหวินสามยอดเจ้าโลกนั้นต่างหันมามองหน้าเย่หยวนเป็นตาเดียว

เจ้าเด็กนี่กลับไปโกงเอาเลือดของตัวตนระดับนั้นมา?

เจ้าเด็กนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ!

“เย่หยวน…”

เย่หยวนตอบกลับไปอย่างไม่ต้องรอให้หยุนหนีถามจบ “มันคือศิลามารดาของเผ่าเลือด ศิลาโลหิตโกลาหล! เผ่าเลือดนั้นเป็นเผ่าที่มันผู้นี้สร้างขึ้นมา…”

เมื่อสามยอดเจ้าโลกได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องหน้าถอดสีไป

เป็นตอนนี้เองที่พวกเขาได้รู้ว่าในสามสิบสามสวรรค์มันกลับยังมีตัวตนที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่ด้วย

“เพราะฉะนั้นแล้วไม่ว่าจะเป็นตระกูลวิญญาณฉีตระกูลวิญญาณนิพพานใดๆ มันก็มิใช่เวลาจะมาตีกันเอง!

หากศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันตื่นขึ้นมาแล้วมันคงได้กลายเป็นหายนะของทั้งสามสิบสามสวรรค์แน่นอน! และสิ่งที่พวกเจ้าได้เห็นเมื่อสักครู่นั้นเป็นแค่พลังจากร่างแยกของมันเท่านั้น ข้านั้นสัมผัสได้เลยว่ามันแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้ามาก!

ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังได้สติขึ้นมาและคงใกล้จะลืมตาตื่นเต็มที!” เย่หยวนกล่าวขึ้นมา

“เจ้าจะบอกว่าเรานั้นถูกเผ่าเลือดมันหลอกใช้อย่างนั้นหรือ?” เจ้าโลกเทียนเหวินกล่าวขึ้น

“ไม่เช่นนั้นจะเป็นอะไรไปได้? เกิดจากความโกลาหลเหมือนกันบ้าบออะไร น่าขัน! เจ้าโลกเทียนเหวิน

เจ้านั้นโง่ดีจริงๆ แค่เรื่องโง่ๆ แค่นี้ก็หลอกลวงเจ้าได้แล้วหรือ?” เย่หยวนนั้นไม่คิดกรอกคำพูดใดๆ แม้แต่น้อย

เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นร้องลั่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “ไอ้หนู หากยังกล้าพูดอีกข้าจะฉีกร่างเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ให้ดู!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปอย่างไม่คิดแยแส “เจ้ากลับกล้าท้าทายข้าที่มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์เท่านั้น เทียนเหวิน หากไม่มีเจ้าโลกหลุนฮวยแล้วเจ้าคิดว่าตัวเองจะยิ่งใหญ่นักหรือ? หากมีฝีมือจริงก็รอให้ข้าบรรลุเจ้าโลกก่อนเถอะ ถึงตอนนั้นมาสู้กันให้สาแก่ใจ หากถึงตอนนั้นแล้วข้ายังฉีกร่างของเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ไม่ได้นามว่าเย่หยวนของข้านี้ข้าจะขอเขียนมันกลับหัวให้!”

“เจ้า!” เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นแทบต้องกระอักขึ้นมา

เรื่องต้องห้ามสำหรับเขานั้นคือเรื่องนี้

เขานั้นจะอย่างไรก็เป็นยอดเจ้าโลกและมีพลังฝีมือล้ำสวรรค์

เขานั้นไม่ชอบเวลาถูกคนมองว่าเขารอดมาได้จนถึงทุกวันนี้เพราะมีเจ้าโลกหลุนฮวยคอยช่วยหนุนหลัง

แต่เขารู้ดีว่าความเป็นจริงมันเป็นเช่นนั้น!

ถูกเย่หยวนกล่าวเช่นนี้ใส่เขาย่อมจะรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก

“พอได้แล้ว! เทียนเหวิน ที่เย่หยวนพูดมานั้นมันถูกต้องที่สุด ตอนนี้ความแค้นใดระหว่างตระกูลวิญญาณฉีและตระกูลวิญญาณนิพพานก็พักมันไว้ก่อน! หากเจ้ามารร้ายนั้นตื่นขึ้นมาจริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นตระกูลใดก็คงต้องพบเจอหายนะอย่างแน่นอน! ที่สำคัญไปกว่านั้นเผ่าเลือดมันยังวางอำนาจไปทั่วทุกสวรรค์ทำให้ศิลาโลหิตโกลาหลนั้นทรงพลังขึ้นทุกวี่วัน เราต้องเตรียมตัวให้ดี!” เจ้าโลกบู๋เมี่ยกล่าวขึ้น

“เฮอะ!” เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นไม่คิดต่อปากต่อคำอะไรอีก

“หยุนหนี เจ้าพามันไป!” เจ้าโลกบู๋เมี่ยกล่าวสั่ง

“เจ้าค่ะ!”

จากนั้นหยุนหนีก็ได้พาเย่หยวนออกจากสนามรบเทพฉงนไป

หนึ่งเดือนต่อมาที่นิกายโอสถประเสริฐ

เต๋าทุกข์แสนรุนแรงนั้นมันตกลงมาต่อหน้าเย่หยวนจนกลายเป็นทะเลแสง

ตอนที่อีกครึ่งวิญญาณของเขากลับเข้าร่างเนื้อนั้นเขาก็บรรลุจักรพรรดิเที่ยงขึ้นมาเป็นมหาจักรพรรดิได้ในทันที!

เขานั้นได้เรียกประตูแห่งชีวานิรันดร์ลงมาแล้ว

และมีวิญญาณที่ทรงพลังจนถึงระดับของมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลาง

การเอากายเนื้อมาบรรลุมหาจักรพรรดินั้นมันย่อมจะลำบากแค่ต้องอัดปราณเทวะเข้าร่างเท่านั้น

แต่การอัดปราณเทวะเข้าร่างนั้นมันไม่ยากเย็นเลยสำหรับเย่หยวน

หลังจากที่บรรลุได้แล้วเย่หยวนก็เริ่มใจเต้นแรงขึ้นมา

ถึงเวลาแล้ว!

หลังจากผ่านความทุกข์ยากมากมายมาในที่สุดเขาก็ได้เห็นแสงแห่งความหวังที่จะช่วยมู่หลินเสวีย

ร่างหญิงงามตรงหน้าเย่หยวนนี้ เย่หยวนค่อยๆ วางร่างของนางลงอย่างระมัดระวัง

นางนั้นเป็นหญิงงามไร้ที่ติมีใบหน้าท่าทางเหมือนแค่คนที่กำลังนอนหลับไป

ปราณเทวะทรงพลังของเย่หยวนนั้นห่อหุ้มร่างของมู่หลินเสวียไว้

เพราะจะอย่างไรนางนั้นก็มีพลังบ่มเพาะแค่ระดับสามัญ

และร่างกายของนางย่อมจะไม่มีทางทนพลังกฎของสามสิบสามสวรรค์ได้

เย่หยวนมองหน้ามู่หลินเสวียด้วยสายตาที่แสนอบอุ่น

หมี่เทียนนั้นเคยบอกไว้ว่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของมู่หลินเสวียนั้นอาจจะไหลเข้าสู่วัฏสงสารไปแล้วก็เป็นได้

หากเป็นเช่นนั้นจริงมันก็คงไม่มีหวังจะเรียกนางกลับมาอีก

ที่สำคัญไปกว่านั้นมู่หลินเสวียได้สละเผ่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของตนไป

มันจึงทำให้วิญญาณของนางนั้นไร้ความเสถียรใดๆ

และเหลือไว้เพียงแค่เสี้ยวของวิญญาณที่อาจจะไหลไปที่ใดก็ได้ระหว่างสวรรค์และแผ่นดิน

คลื่นพลังที่เย่หยวนสัมผัสได้ในภพเบื้องล่างนั้นมันเป็นคลื่นของพลังรากวิญญาณ

แต่เรื่องจะชุบชีวิตมู่หลินเสวียได้หรือไม่นั้นมันยังไม่แน่นัก

ร่มคลื่นม่วงนั้นถูกกางออกและปล่อยแสงสีม่วงห่อหุ้มร่างเนื้อของมู่หลินเสวียไว้

เย่หยวนนั้นใช้ศาสตร์หลอมวิญญาณขึ้นมาอย่างร้อนใจ

ร่มคลื่นม่วงนั้นมันค่อยๆ ปล่อยพลังเป็นคลื่นออกไปรอบด้าน

ในที่สุดร่างของมู่หลินเสวียมันก็ตอบสนองมา

เสี้ยววิญญาณสุดท้ายของนางนั้นถูกร่มคลื่นม่วงเสริมพลังขึ้น!

ร่มคลื่นม่วงนั้นมันเป็นหนึ่งในสุดยอดสมบัติวิญญาณมีคุณสมบัติสามารถช่วยเสาะหาวิญญาณได้

เพราะเช่นนี้เองที่หมี่เทียนได้แนะนำให้เย่หยวนมาเพื่อยืมใช้งานร่มคลื่นม่วงนี้

ทุกสิ่งอย่างนั้นค่อยๆ เป็นไป เย่หยวนจึงได้แต่ต้องรอให้ร่มคลื่นม่วงหา

แต่ว่าร่างกายของเขานั้นมันกำลังสั่นสะท้าน

เขานั้นรอวันนี้มานานแสนนาน

เขานั้นไม่กลัวความยากลำบากใดๆ แต่สิ่งที่เขากลัวนั้นคือจะช่วยมู่หลินเสวียไม่ได้!

หยุนหนีนั้นได้แต่ต้องมองหน้าเย่หยวนพร้อมส่ายหัวออกมา

คำว่าความรักทำให้คนตาบอดมันคงหมายถึงเย่หยวนคนนี้แล้ว

“ไอ้หนู ผ่อนคลายหน่อยเถอะ! เจ้านั้นพยายามมามากแล้ว! ต่อให้จะช่วยนางไม่ได้ นางก็คงไม่โทษเจ้าหรอก!” หมี่เทียนกล่าวขึ้น

เย่หยวนไม่ตอบอะไรกลับไปและจ้องมองร่างของมู่หลินเสวียต่อไป

หนึ่งวัน!

สองวัน!

สามวัน!

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า

แสงของร่มคลื่นม่วงนั้นมันสอดส่องไปทั่วทุกสวรรค์เพื่อตามหารากวิญญาณของมู่หลินเสวีย

แต่มันกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ

เย่หยวนนั้นเริ่มกังวลใจมากขึ้นทุกทีจนแทบไม่อาจหายใจ

เขานั้นไม่อยากจะคิดว่าความพยายามทั้งชีวิตของเขานั้นมันจะสูญเปล่า!

หมี่เทียนได้แต่ต้องมองดูสภาพของเย่หยวนในตอนนี้ด้วยความปวดร้าวในหัวใจ

เด็กคนนี้มันหัวรั้นจนเกินไป!

วันที่สิบนั้นมันก็ยังไม่มีการตอบสนองใด

วันที่สิบห้าก็ยังไม่มี

จิตใจของเย่หยวนในตอนนี้มันมีแต่ความสิ้นหวัง คิดอยากจะร่ำร้องออกมาให้สุดกำลัง

จนสุดท้ายในวันที่สิบแปดร่มคลื่นม่วงมันก็มีปฏิกิริยาขึ้น!

คลื่นพลังอันคุ้นเคยนั้นมันถูกส่งออกมาจากเส้นขอบสวรรค์!

นี่มันคือคลื่นพลังของรากวิญญาณ!

เย่หยวนนั้นสัมผัสถึงมันได้ เขานั้นรู้จักคลื่นพลังนี้ดี!

ตอนนี้เย่หยวนแทบจะลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้น

“กลับมาแล้ว! มันกลับมาแล้ว! ผู้อาวุโส ข้ารอวันนี้มานานเหลือเกิน!” พูดไปเย่หยวนก็เริ่มมีน้ำตาไหลลงอาบหน้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+