จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 295 แย่งชิงสาวงาม

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 295 แย่งชิงสาวงาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 295 แย่งชิงสาวงาม

หยานหวูซวงนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องที่ตกแต่งไว้อย่างเรียบง่าย ใบหน้าหล่อเหลาเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ประกายแสงพลังวิญญาณจำนวนไม่นับถ้วนแทรกซึมเข้าไปผ่านรูขุมขนของเขา

จู่ ๆ เขาก็ดวงตาเบิกกว้างและหยิบก้อนหินสีขาวออกมาจากอกเสื้อ ก้อนหินสีขาวเปล่งแสงบางๆ แล้วค่อยๆ เจิดจ้าขึ้นเรื่อย ๆ

หยานหวูซวงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาหยิบกระบี่แล้วออกจากห้องไป

ภายในห้องเก็บสมบัติฉู่ชวิ๋นสีหน้าก็เปลี่ยนไป “โดนจับได้แล้วเหรอ ระวังตัวใช้ได้เลยนี่” เขารีบเก็บกล่องหยกที่มีน้ำศักดิ์สิทธิ์และหยิบผ้าสีดำมาคลุมใบหน้า ก่อนจะพุ่งออกไปทางประตู

ณ โซนด้านในของหอหยานหลิง ประตูหินบานนึงเปิดออก หยานหวูซวงพุ่งพรวดเข้ามา เมื่อเห็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห้งเหือดและดอกบัวจิตวิญญาณหายไป คนที่คอยเฝ้าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ล้มฟุบอยู่ที่พื้น สายตาเขาก็เปลี่ยนไปลมปราณอันน่าสยดสยองพวยพุ่งออกมา

เขาตรวจดู 2 คนที่นอนฟุบอยู่ เมื่อพบว่าแค่สลบไปเท่านั้นเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาถ่ายทอดลมปราณให้อีกฝ่ายก่อนจะถือกระบี่ไล่ตามฉู่ชวิ๋นไป

ฉู่ชวิ๋นยังไม่ดึงญาณเทพกลับมา พอเห็นหยานหวูซวงเลือกที่จะช่วยคนก่อน ในใจก็รู้สึกดีกับเขามากขึ้นไปอีก

“หมอนี้เป็นคนดีจริงๆนั้นละ แต่ยังอ่อนประสบการ์ณนัก”

ฉู่ชวิ๋นให้ความสำคัญกับเพื่อนมนุษย์ เขาไม่นับถือคนมีฝีมือเท่ากับคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีคนแบบนี้ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นสุภาพบุรุษ

เมื่อรู้สึกว่าหยานหวูซวงไล่ตามมาเขาก็เพิ่มความเร็วขึ้นทันที

หยานหวูซวงที่ไล่ตามมาก็เห็นเงาดำ ๆ พุ่งออกจากบ้านตระกูลหยานไป เขาได้แต่ตะโกนออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด “จะหนีไปไหน”

รัศมีกระบี่เปร่งประกายบนท้องฟ้าจนสว่างไสวและพุ่งเข้าใส่หลังฉู่ชวิ๋น

ฉู่ชวิ๋นเอี๊ยวตัวหลบ ที่พื้นเป็นร่องลึกจากรัศมีกระบี่ ดินโคลนกระจาย

พวกยามของตระกูลหยานตื่นตัวและพุ่งออกมาทันที

“ไอ้โจรชั่ว กล้ามาบุกรุกบ้านตระกูลหยานเลยหรือ” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 1 ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดและยกมือฟาดใส่ฉู่ชวิ๋นในทันที

ฉู่ชวิ๋นไม่สู้ เขากระโจนผ่านตัวอีกฝ่ายไปเฉย ๆ ราวกับอีกฝ่ายไร้ตัวตน

ทหารยามตระกูลหยานส่วนใหญ่อยู่แค่ระดับปรมาจารย์เท่านั้น ไม่มีทางแม้แต่จะแตะต้องปลายเสื้อของฉู่ชวิ๋น

ฉู่ชวิ๋นผ่านราวกับไม่มีใครอยู่รอบๆ เขาไม่ตอบโต้เลยแม้แต่น้อยได้แต่ หลบซ้ายหลบขวา พุ่งไปมาผ่านที่ๆ มีคนเยอะๆ

ลมปราณของหยานหวูซวงปรากฏออกมารอบตัว ขณะเดียวกันก็ไม่กล้าลงมือเพราะกลัวว่าจะโดนคนของตัวเองเข้า

“พวกนายถอยไปให้หมด” หยานหวูซวงเอ่ยปาก

ยามของตระกูลเยวี่ยไม่ขวางฉู่ชวิ๋นอีกต่อไป พวกเขาพุ่งหลบออกไปข้างๆ

“ดูซิแกจะหนีทางไหน” กระบี่ในมือหยานหวูซวงส่งเสียงร้องออกมาพร้อมเปล่งประกายแสงบางๆ และฟาดฟันออกไป

ฉู่ชวิ๋นหลบได้อีกครั้ง ต้นไม้อันเก่าแก่ด้านหลังหักล้มตึงลงไปเพราะรัศมีกระบี่

“แกเป็นใครกันแน่” หยานหวูซวงตะโกนถาม

ฉู่ชวิ๋นไม่ตอบอะไรทั้งนั้น เขาแค่จิบปากจิบคอหัวเราะเสียงแหลม ก่อนจะพุ่งไปที่ประตูตระกูลหยานอย่างรวดเร็ว

หยานหวูซวงถือกระบี่ไล่ตามไป

ความเร็วของทั้ง 2 ก้าวผ่านความเร็วเสียง กระโจนออกจากตระกูลหยานเข้าไปในเมืองอย่างรวดเร็ว

ความเร็วของหยานหวูซวงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าใกล้ขึ้นเขาก็ยกกระบี่ฟาด ฟัน จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 แค่กระบี่เดียวอานุภาพก็ทำให้ผู้คนแตกตื่นกันแล้ว

เสียงทะลุอากาศเสียดหูพุ่งเข้าใส่หลังของฉู่ชวิ๋น ทุกที่ ๆ คมดาบคืบผ่าน ต้นไม้ใบหญ้าล้วนถูกทำลาย

ฉู่ชวิ๋นหันหลังกลับ ปล่อยหมัดออกไปพร้อมกับโซ่ขาว ตอนนี้ฉู่ชวิ๋นใช้ลมปราณธรรมดา ปรากฏว่าลมปราณสีขาวโดนรัศมีกระบี่บดขยี้จนแหลก แถมรัศมีกระบี่ยังพุ่งตรงใส่ฉู่ชวิ๋นต่อ!

ฉู่ชวิ๋นเอี๊ยวตัวหลบพลางสบถด่าพันธนาการแห่งท้องฟ้า หากเขาใช้ลมปราณพลังก็จะถูกดูดไปส่วนหนึ่ง ลมปราณธรรมดาของเขาถูกดูดกลืน ไปอย่างรวดเร็ว

“แต่แค่นี้ไม่น่ามีปัญหา”

ฉู่ชวิ๋นหันหลังเตรียมหนี

หยานหวูซวงก็ไล่ตามไม่ลดละ

ไม่กี่อึดใจหยานหวูซวงก็ร่นระยะห่างใกล้ขึ้นอีกครั้ง เขาฟันกระบี่ออกไป รัศมีกระบี่พุ่งพล่าน

ฉู่ชวิ๋นกระโจนไปด้านข้างกว่าร้อยเมตรจนหลบพ้น

หยานหวูซวงแอบตกใจ คน ๆ นี้วิทยายุทธไม่ต่ำทรามเลย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่อาจหลบการโจมตีได้ง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้ ส่วนที่อีกฝ่ายไม่ตอบโต้ คงจะกลัวว่าโดนดูทางวิทยายุทธออก ว่ามาจากที่ไหน แสดงว่าต้องเป็นคนที่เขารู้จักแน่ๆ !!

เมื่อคิดได้ หยานหวูซวงก็ไม่หยุดลงมือ แต่ละท่าแข็งแกร่งจนผิดปกติ เขาตั้งใจจะบีบให้อีกฝ่ายลงมือ

แต่ให้ตายยังไงฉู่ชวิ๋นก็ไม่ตอบโต้ ตั้งตาวิ่งอย่างเดียว

ในขณะที่กำลังจะเข้าตัวเมือง ฉู่ชวิ๋นก็หมดความอดทนเขาชกกระบี่จนกระบี่หยานหวูซวงสั่นสะเทือน

พรึ่บ

กระบี่ถูกฟาดฟันออกมาอีกครั้งจนกลายเป็นรัศมีกระบี่นับพันนับหมื่นรัศมีกระบี่ฉีกมิติและเปร่งประกายบนท้องฟ้า องอาจและน่ากลัว

ฉู่ชวิ๋นที่กำลังหันหลังหนี 2 มือร่ายรำท่าบางอย่าง

ตู้ม

มิติสั่นสะเทือน อากาศบิดเบี้ยว ฟ้าร้องฟ้าแลบเปรี้ยงปร้าง

กำปั้นมหึมาปรากฏ สายฟ้าล้อมรอบอยู่ด้านบน ดูดุร้ายยิ่งนัก พุ่งเข้าไปปะทะกับรัศมีกระบี่อย่างรุนแรง

ตู้มๆ

รัศมีกระบี่นับพันนับหมื่นเข้าปะทะเข้ากับกำปั้นสายฟ้า จนเกิดการระเบิดสั่นสะเทือนฟ้าดิน พายุโหมกระหน่ำ แสงสว่างเจิดจ้าแม้จะในเวลากลางคืน

ฉู่ชวิ๋นป้องกันการโจมตีของหยานหวูซวงและกระโจนตัวออกไปไวปานแสง เร็วจนน่ากลัว ขึ้นๆลงๆไม่กี่ครั้งก็ห่างไปพันเมตร ตรงเข้าไปในเมือง

กระบี่ยาวในมือหยานหวูซวงสั่นไม่หยุด สายตาเขาเย็นยะเยือกด้วยความโกรธ เขารู้แล้วว่าคน ๆ นี้เป็นใคร

“จังเฟิงหลิง แกคิดว่าตระกูลหยานของฉันจะยอมโดนรังแกง่าย ๆ แบบนี้ งั้นเหรอ”

พูดจบ เขาก็ไล่ตามเข้าไปในเมือง

…..

ในห้องที่ตกแต่งไว้อย่างหรูหรา จังเฟิงหลิงตีจนโต๊ะวางแก้วสุดแพงจนแหลกละเอียด

หลังจากที่เขากลับมาจากตระกูลหยานก็ไม่สามารถสงบใจฝึกฝนได้ รู้สึกมีความโมโหอัดอั้นอยู่ในใจ ไอ้เด็กเดนตายนั่นต้านเขาได้ถึง 10 กระบวนท่า โสมมังกรโลหิตนั่นเดิมทีแล้วเขาเตรียมไว้ให้ตัวเอง

สุดท้ายเขาที่ข่มความโกรธไว้ไม่ได้ลากสาวใช้ 2 คนเข้าไปในห้องนอน ขยี้พวกเธออยู่ 2 ชั่วโมงถึงรู้สึกคลายความโกรธลงได้บ้าง

เมื่ออาบน้ำเสร็จเขาก็ออกมานั่งเล่นที่โซฟา พอคิดไปถึงสิ่งที่เกิดในวันนี้ก็บันดาลโทสะขึ้นมาอีกครั้ง ถึงได้ตบโต๊ะวางแก้วจนแหลก

สาวใช้ทั้ง 2 นุ่งผ้าขนหนูตามออกมา ผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ นั่นไม่อาจบดบังหุ่นสุดเซ็กซี่ของทั้ง 2 ได้เลย จังเฟิงหลิงพอเห็นก็รู้สึกว่าตัวร้อนขึ้นมาอีกแล้ว

1 ในสาวใช้กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเธอก็สีหน้าเปลี่ยนไปและตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ “นายน้อยระวังด้วย”

เพล้ง

หน้าต่างจู่ ๆ ก็ระเบิดออก มีแสงสีดำทมิฬพุ่งเข้าใส่จังเฟิงหลิง

ไม่ต้องให้สาวใช้เตือน จังเฟิงหลิงก็รู้ตัวตั้งนานแล้ว เขายื่นมือออกไปคว้าเข้ากับสิ่งพุ่งเข้ามา

แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ดูดี ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ของในมือที่เขาจับได้แข็งแกร่งมาก มากจนเขากระเด็นออกไปอัดติดกับกำแพงพร้อมกับโซฟา

“แกร่ก”

โซฟาแสนแพงกระแทกกำแพงจนระเบิดเป็นชิ้นๆ กำแพงมีรอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏ

ใบหน้าของจังเฟิงหลิงบิดเบี้ยว ที่มุมปากมีเลือดไหลออกมา

“นายน้อย”

สาวใช้ทั้ง 2 ตกใจจนจิตใจระทึกไปหมด

สายตาของจังเฟิงหลิงเย็นยะเยือกอย่างน่ากลัว ขณะเดียวกันก็นึกสยองในใจ ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวจริงๆ แม้ว่าเมื่อกี้เขาใช้พลังไปแค่ 3 ส่วน แต่ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก

แต่เมื่อเขาก้มหน้ามองที่มือก็แทบจะโมโหจนเป็นลม แถมยังรู้สึกอยากจะกระอักเลือดออกมา สิ่งที่จู่โจมเขาเป็นกระบองเหล็กแท่งหนึ่ง แถมยังเปื้อนเศษปูนแล้วยังมีคราบเลือดบางๆ ของแบบนี้เจออยู่ถมไปตามพื้นที่ก่อสร้าง

ไม่รู้จักเลือกอาวุธเอาซะเลย อย่างไรซะเขาก็เป็นถึงจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 แต่ต้องมาโดนคนอื่นเอากระบองเน่า ๆ ลอบโจมตีแถมยังได้รับบาดเจ็บอีกต่างหาก

หน้าอกของจังเฟิงหลิงขึ้นๆลงๆอย่างกับเครื่องเป่าลม ส่งเสียงดังฟู่ๆ เขาโมโหจนปอดแทบระเบิด ตอนนี้เขาอยากจะฆ่าคนมากๆ

พรึ่บ

เขาจับกระบองเหล็กพุ่งออกไปทางหน้าต่างทั้งที่ยังใส่ชุดคลุมอาบน้ำอยู่ แต่….นี่มันตึกชั้น 22 นะ

จังเฟิงหลิงลงมาที่พื้นจนพื้นระเบิดแตกออกกลายเป็นหลุมใหญ่

“ไสหัวออกมา”

เขาโกรธแทบบ้า เงยหน้ามองฟ้าตะโกนออกมาเสียงกระหึ่มราวกับฟ้าผ่า กระจกในระยะร้องเมตรสะเทือนจนแตกหมด เสียงดั่งสนั่นไปทั่วเมือง

หยานเสวี่ย

พรึ่บ

รัศมีกระบี่แกร่งกล้าฟาดฟันมาที่เขาจังเฟิงหลิง

จังเฟิงหลิงโมโหแทบบ้า กล้าปรากฏตัวจริง ๆ หรือนี่ เขาหวดกระบองเหล็กในมือออกไปโดยสัญชาตญาณ

ตู้ม

รัศมีกระบี่ระเบิดออก กระบอกเหล็กในมือหักเป็นสองท่อนเพราะรัศมีกระบี่

คนที่ฟาดฟันกระบี่นั้นออกมาก็คือหยานหวูซวง เขาไล่ตามมาจนถึงที่นี่ก็เห็นจังเฟิงหลิงโวยวายแล้วยังถืออาวุธออกมาอีกด้วย

ก่อนหน้านี้เขาได้ตรวจดูบาดแผลของหยานตงและหยานซีแล้ว พวกเขาหลังหัวโนมากและโนแบบไม่เป็นระเบียบ เมื่อเห็นกระบองเหล็กในมือของจังเฟิงหลิงงอนิดหน่อยก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนพวกนี้โดนอะไรทำให้สลบ

จังเฟิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองอย่างโกรธเกรี้ยว “หยานหวูซวง แกคิดจะทำอะไร”

สีหน้าหยานหวูซวงเองก็เต็มไปด้วยความโกรธ เขาพูดอย่างเย็นชา

“แกคิดว่ายังไงล่ะ”

เมื่อเห็นจังเฟิงหลิงยังแกล้งโง่อยู่ หยานหวูซวงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ฟาดออกไปอีกหนึ่งกระบี่

“หยานหวูซวง แกบ้าไปแล้วเหรอ” จังเฟิงหลิงโกรธมาก ก่อนหน้านี้ใช้กระบองเหล็กลอบโจมตีเขา รอบนี้ลงมือเปิดเผยนี่จะฆ่าเขาให้ได้สินะ

เขาเองก็ไม่เกรงใจ พลังลมปราณพรั่งพรูออกมา เข้าสู้กับหยานหวูซวงอย่างไม่กลัวเกรง

ตู้มๆ

ทั้ง 2 สู้กับชนิดที่ว่าสั่นสะเทือนฟ้าดิน ในเมืองเกิดความวุนวาย แผ่นพสุธาแยกออกจากกัน พวกเขาต่อสู้กันจนเกิดพายุโหมกระหน่ำเข้าทำลายเมืองระเนระนาดกันไปหมด

กระบี่ของหยานหวูซวงเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทุกกระบี่หมายเอาชีวิต

จังเฟิงหลิงคำรามอย่างโกรธแค้น เขาบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ ทุกกระบวนท่าต่างเล็งไม่ที่จุดตายของหยานหวูซวง

ทั้ง 2 สู้กันอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ตายก็ไม่เลิกรา

แต่วรยุทธของทั้ง 2 ทัดเทียมกันจึงยากที่จะรู้แพ้รู้ชนะ

การต่อสู้ของทั้ง 2 ทำให้จอมยุทธ์ทั้งเมืองหยานเสวี่ยตื่นตัว พวกเขาล้วนพากันมาชม แม้แต่เหยาไป๋เยวี่ยก็ยังตื่นตัวไปด้วย

“ทำไม 2 คนนี้ถึงได้ต่อสู้กันล่ะ” มีคนถามออกมา

คนอื่น ๆ ล้วนสีหน้างุนงง พากันส่ายหัว เพราะพวกเขาออกมา 2 คนนี้ก็สู้กันแล้ว

เหยาไป๋เยวี่ยเองก็สงสัย พองานเลี้ยงจบทุกคนก็แยกย้าย เธอและจังเฟิงหลิงก็กลับมาพร้อมกัน พวกเขา 2 คนจะมาต่อสู้กันได้ยังไง

“เทพธิดาเยวี่ย”

เหยาไป๋เยวี่ยได้ยินคนเรียกตัวเอง เธอหันมองไปก็เห็นฉู่ชวิ๋น เห็นเขาดูสดใสมีชีวิตชีวาก็อุทานในใจถึงความแข็งแกร่งของฉู่ชวิ๋น

เธอไม่รู้ชื่อฉู่ชวิ๋น จึงได้แต่ยิ้มตอบอย่างมีมารยาท

ฉู่ชวิ๋นเดินเข้ามา มอง 2 คนที่สู้กันอยู่และเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย

“งานประลองยังไม่จบอีกเหรอ สู้กันนานจริงๆ ของรางวัลรอบนี้คืออะไรล่ะ”

เหยาไป๋เยวี่ยหมดคำพูด มองยังไงเนี้ยดวงตามีปัญหาหรือไง นี่เรียกว่าการประลองยุทธ์ได้ด้วยเหรอ นี่มันการต่อสู้กันแบบแลกตายชัดๆ เธอได้แต่อธิบายอย่างใจเย็น

“หา” ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าตกตะลึง “ที่แท้เทพธิดาเยวี่ยก็ไม่รู้เหรอ งั้นที่พวกเขาสู้กันต้องมีสาเหตุอยู่แน่ๆ”

คำพูดนี้ทำให้จอมยุทธ์คนอื่นหันมองและอยากจะบอกฉู่ชวิ๋นจริงๆว่า มันก็แหงล่ะ ไม่มีสาเหตุใครจะว่างมาสู้แลกตายเอาแบบนี้

“ฉันรู้แล้วๆ” ฉู่ชวิ๋นปรบมือแล้วทำท่าทางเหมือนรู้ความจริง

ทำให้จอมยุทธ์รอบ ๆ มองเขากันหมด แม้แต่เหยาไป๋เยวี่ยก็อยากรู้สาเหตุ

ฉู่ชวิ๋นมองเหยาไป๋เยวี่ยและเอ่ยขึ้นมา “ฉันเดาว่าพวกเขาสู้กันเพราะเทพธิดาเยวี่ย”

“เพราะฉันเหรอ” เหยาไป๋เยวี่ยตกใจจนสับสนไปหมด

“ฉันเดาว่าจังเฟิงหลิงก็ชอบเธอ พวกเขาสู้กันเพื่อสิทธิ์ในการจีบเธอน่ะสิฉันเคยเดินทางผ่านทุ่งหญ้าพวกสิงโตตัวผู้มักจะสู้กันบ่อยๆ เพราะสิงโตตัวเมีย”

จอมยุทธ์รอบ ๆ ล้วนตกใจจนอ้าปากค้างกับคำพูดของฉู่ชวิ๋น ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าฉู่ชวิ๋นแข็งแกร่ง พวกเขาอยากจะเดินเข้าไปอัดไอ้บ้าที่กล้าพูดจาโง่งมคนนี้ให้เละจนแม่ตัวเองยังจำหน้าไม่ได้เลย

เหยาไป๋เยวี่ยโกรธจนปวดท้อง คนอ่อนโยนอย่างเธอยังเกิดร้อนใจอยากจะอัดคนขั้นมา ไอ้หมอนี่มันพูดคุยไม่เป็นจริงๆ กล้าเอาเธอไปเปรียบเทียบกับสิงโตตัวเมียได้ยังไง

“เทพธิดาเยวี่ย เธอว่าที่ฉันเดาถูกไหม” ฉู่ชวิ๋นถามจริงจังด้วยแววตาสดใส

คิ้วของเหยาไป๋เยวี่ยขมวดเข้าด้วยกัน เธอกัดฟันกรอดอย่างทนไม่ไหว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 295 แย่งชิงสาวงาม

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 295 แย่งชิงสาวงาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 295 แย่งชิงสาวงาม

หยานหวูซวงนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องที่ตกแต่งไว้อย่างเรียบง่าย ใบหน้าหล่อเหลาเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ประกายแสงพลังวิญญาณจำนวนไม่นับถ้วนแทรกซึมเข้าไปผ่านรูขุมขนของเขา

จู่ ๆ เขาก็ดวงตาเบิกกว้างและหยิบก้อนหินสีขาวออกมาจากอกเสื้อ ก้อนหินสีขาวเปล่งแสงบางๆ แล้วค่อยๆ เจิดจ้าขึ้นเรื่อย ๆ

หยานหวูซวงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาหยิบกระบี่แล้วออกจากห้องไป

ภายในห้องเก็บสมบัติฉู่ชวิ๋นสีหน้าก็เปลี่ยนไป “โดนจับได้แล้วเหรอ ระวังตัวใช้ได้เลยนี่” เขารีบเก็บกล่องหยกที่มีน้ำศักดิ์สิทธิ์และหยิบผ้าสีดำมาคลุมใบหน้า ก่อนจะพุ่งออกไปทางประตู

ณ โซนด้านในของหอหยานหลิง ประตูหินบานนึงเปิดออก หยานหวูซวงพุ่งพรวดเข้ามา เมื่อเห็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห้งเหือดและดอกบัวจิตวิญญาณหายไป คนที่คอยเฝ้าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ล้มฟุบอยู่ที่พื้น สายตาเขาก็เปลี่ยนไปลมปราณอันน่าสยดสยองพวยพุ่งออกมา

เขาตรวจดู 2 คนที่นอนฟุบอยู่ เมื่อพบว่าแค่สลบไปเท่านั้นเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาถ่ายทอดลมปราณให้อีกฝ่ายก่อนจะถือกระบี่ไล่ตามฉู่ชวิ๋นไป

ฉู่ชวิ๋นยังไม่ดึงญาณเทพกลับมา พอเห็นหยานหวูซวงเลือกที่จะช่วยคนก่อน ในใจก็รู้สึกดีกับเขามากขึ้นไปอีก

“หมอนี้เป็นคนดีจริงๆนั้นละ แต่ยังอ่อนประสบการ์ณนัก”

ฉู่ชวิ๋นให้ความสำคัญกับเพื่อนมนุษย์ เขาไม่นับถือคนมีฝีมือเท่ากับคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีคนแบบนี้ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นสุภาพบุรุษ

เมื่อรู้สึกว่าหยานหวูซวงไล่ตามมาเขาก็เพิ่มความเร็วขึ้นทันที

หยานหวูซวงที่ไล่ตามมาก็เห็นเงาดำ ๆ พุ่งออกจากบ้านตระกูลหยานไป เขาได้แต่ตะโกนออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด “จะหนีไปไหน”

รัศมีกระบี่เปร่งประกายบนท้องฟ้าจนสว่างไสวและพุ่งเข้าใส่หลังฉู่ชวิ๋น

ฉู่ชวิ๋นเอี๊ยวตัวหลบ ที่พื้นเป็นร่องลึกจากรัศมีกระบี่ ดินโคลนกระจาย

พวกยามของตระกูลหยานตื่นตัวและพุ่งออกมาทันที

“ไอ้โจรชั่ว กล้ามาบุกรุกบ้านตระกูลหยานเลยหรือ” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 1 ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดและยกมือฟาดใส่ฉู่ชวิ๋นในทันที

ฉู่ชวิ๋นไม่สู้ เขากระโจนผ่านตัวอีกฝ่ายไปเฉย ๆ ราวกับอีกฝ่ายไร้ตัวตน

ทหารยามตระกูลหยานส่วนใหญ่อยู่แค่ระดับปรมาจารย์เท่านั้น ไม่มีทางแม้แต่จะแตะต้องปลายเสื้อของฉู่ชวิ๋น

ฉู่ชวิ๋นผ่านราวกับไม่มีใครอยู่รอบๆ เขาไม่ตอบโต้เลยแม้แต่น้อยได้แต่ หลบซ้ายหลบขวา พุ่งไปมาผ่านที่ๆ มีคนเยอะๆ

ลมปราณของหยานหวูซวงปรากฏออกมารอบตัว ขณะเดียวกันก็ไม่กล้าลงมือเพราะกลัวว่าจะโดนคนของตัวเองเข้า

“พวกนายถอยไปให้หมด” หยานหวูซวงเอ่ยปาก

ยามของตระกูลเยวี่ยไม่ขวางฉู่ชวิ๋นอีกต่อไป พวกเขาพุ่งหลบออกไปข้างๆ

“ดูซิแกจะหนีทางไหน” กระบี่ในมือหยานหวูซวงส่งเสียงร้องออกมาพร้อมเปล่งประกายแสงบางๆ และฟาดฟันออกไป

ฉู่ชวิ๋นหลบได้อีกครั้ง ต้นไม้อันเก่าแก่ด้านหลังหักล้มตึงลงไปเพราะรัศมีกระบี่

“แกเป็นใครกันแน่” หยานหวูซวงตะโกนถาม

ฉู่ชวิ๋นไม่ตอบอะไรทั้งนั้น เขาแค่จิบปากจิบคอหัวเราะเสียงแหลม ก่อนจะพุ่งไปที่ประตูตระกูลหยานอย่างรวดเร็ว

หยานหวูซวงถือกระบี่ไล่ตามไป

ความเร็วของทั้ง 2 ก้าวผ่านความเร็วเสียง กระโจนออกจากตระกูลหยานเข้าไปในเมืองอย่างรวดเร็ว

ความเร็วของหยานหวูซวงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าใกล้ขึ้นเขาก็ยกกระบี่ฟาด ฟัน จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 แค่กระบี่เดียวอานุภาพก็ทำให้ผู้คนแตกตื่นกันแล้ว

เสียงทะลุอากาศเสียดหูพุ่งเข้าใส่หลังของฉู่ชวิ๋น ทุกที่ ๆ คมดาบคืบผ่าน ต้นไม้ใบหญ้าล้วนถูกทำลาย

ฉู่ชวิ๋นหันหลังกลับ ปล่อยหมัดออกไปพร้อมกับโซ่ขาว ตอนนี้ฉู่ชวิ๋นใช้ลมปราณธรรมดา ปรากฏว่าลมปราณสีขาวโดนรัศมีกระบี่บดขยี้จนแหลก แถมรัศมีกระบี่ยังพุ่งตรงใส่ฉู่ชวิ๋นต่อ!

ฉู่ชวิ๋นเอี๊ยวตัวหลบพลางสบถด่าพันธนาการแห่งท้องฟ้า หากเขาใช้ลมปราณพลังก็จะถูกดูดไปส่วนหนึ่ง ลมปราณธรรมดาของเขาถูกดูดกลืน ไปอย่างรวดเร็ว

“แต่แค่นี้ไม่น่ามีปัญหา”

ฉู่ชวิ๋นหันหลังเตรียมหนี

หยานหวูซวงก็ไล่ตามไม่ลดละ

ไม่กี่อึดใจหยานหวูซวงก็ร่นระยะห่างใกล้ขึ้นอีกครั้ง เขาฟันกระบี่ออกไป รัศมีกระบี่พุ่งพล่าน

ฉู่ชวิ๋นกระโจนไปด้านข้างกว่าร้อยเมตรจนหลบพ้น

หยานหวูซวงแอบตกใจ คน ๆ นี้วิทยายุทธไม่ต่ำทรามเลย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่อาจหลบการโจมตีได้ง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้ ส่วนที่อีกฝ่ายไม่ตอบโต้ คงจะกลัวว่าโดนดูทางวิทยายุทธออก ว่ามาจากที่ไหน แสดงว่าต้องเป็นคนที่เขารู้จักแน่ๆ !!

เมื่อคิดได้ หยานหวูซวงก็ไม่หยุดลงมือ แต่ละท่าแข็งแกร่งจนผิดปกติ เขาตั้งใจจะบีบให้อีกฝ่ายลงมือ

แต่ให้ตายยังไงฉู่ชวิ๋นก็ไม่ตอบโต้ ตั้งตาวิ่งอย่างเดียว

ในขณะที่กำลังจะเข้าตัวเมือง ฉู่ชวิ๋นก็หมดความอดทนเขาชกกระบี่จนกระบี่หยานหวูซวงสั่นสะเทือน

พรึ่บ

กระบี่ถูกฟาดฟันออกมาอีกครั้งจนกลายเป็นรัศมีกระบี่นับพันนับหมื่นรัศมีกระบี่ฉีกมิติและเปร่งประกายบนท้องฟ้า องอาจและน่ากลัว

ฉู่ชวิ๋นที่กำลังหันหลังหนี 2 มือร่ายรำท่าบางอย่าง

ตู้ม

มิติสั่นสะเทือน อากาศบิดเบี้ยว ฟ้าร้องฟ้าแลบเปรี้ยงปร้าง

กำปั้นมหึมาปรากฏ สายฟ้าล้อมรอบอยู่ด้านบน ดูดุร้ายยิ่งนัก พุ่งเข้าไปปะทะกับรัศมีกระบี่อย่างรุนแรง

ตู้มๆ

รัศมีกระบี่นับพันนับหมื่นเข้าปะทะเข้ากับกำปั้นสายฟ้า จนเกิดการระเบิดสั่นสะเทือนฟ้าดิน พายุโหมกระหน่ำ แสงสว่างเจิดจ้าแม้จะในเวลากลางคืน

ฉู่ชวิ๋นป้องกันการโจมตีของหยานหวูซวงและกระโจนตัวออกไปไวปานแสง เร็วจนน่ากลัว ขึ้นๆลงๆไม่กี่ครั้งก็ห่างไปพันเมตร ตรงเข้าไปในเมือง

กระบี่ยาวในมือหยานหวูซวงสั่นไม่หยุด สายตาเขาเย็นยะเยือกด้วยความโกรธ เขารู้แล้วว่าคน ๆ นี้เป็นใคร

“จังเฟิงหลิง แกคิดว่าตระกูลหยานของฉันจะยอมโดนรังแกง่าย ๆ แบบนี้ งั้นเหรอ”

พูดจบ เขาก็ไล่ตามเข้าไปในเมือง

…..

ในห้องที่ตกแต่งไว้อย่างหรูหรา จังเฟิงหลิงตีจนโต๊ะวางแก้วสุดแพงจนแหลกละเอียด

หลังจากที่เขากลับมาจากตระกูลหยานก็ไม่สามารถสงบใจฝึกฝนได้ รู้สึกมีความโมโหอัดอั้นอยู่ในใจ ไอ้เด็กเดนตายนั่นต้านเขาได้ถึง 10 กระบวนท่า โสมมังกรโลหิตนั่นเดิมทีแล้วเขาเตรียมไว้ให้ตัวเอง

สุดท้ายเขาที่ข่มความโกรธไว้ไม่ได้ลากสาวใช้ 2 คนเข้าไปในห้องนอน ขยี้พวกเธออยู่ 2 ชั่วโมงถึงรู้สึกคลายความโกรธลงได้บ้าง

เมื่ออาบน้ำเสร็จเขาก็ออกมานั่งเล่นที่โซฟา พอคิดไปถึงสิ่งที่เกิดในวันนี้ก็บันดาลโทสะขึ้นมาอีกครั้ง ถึงได้ตบโต๊ะวางแก้วจนแหลก

สาวใช้ทั้ง 2 นุ่งผ้าขนหนูตามออกมา ผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ นั่นไม่อาจบดบังหุ่นสุดเซ็กซี่ของทั้ง 2 ได้เลย จังเฟิงหลิงพอเห็นก็รู้สึกว่าตัวร้อนขึ้นมาอีกแล้ว

1 ในสาวใช้กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเธอก็สีหน้าเปลี่ยนไปและตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ “นายน้อยระวังด้วย”

เพล้ง

หน้าต่างจู่ ๆ ก็ระเบิดออก มีแสงสีดำทมิฬพุ่งเข้าใส่จังเฟิงหลิง

ไม่ต้องให้สาวใช้เตือน จังเฟิงหลิงก็รู้ตัวตั้งนานแล้ว เขายื่นมือออกไปคว้าเข้ากับสิ่งพุ่งเข้ามา

แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ดูดี ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ของในมือที่เขาจับได้แข็งแกร่งมาก มากจนเขากระเด็นออกไปอัดติดกับกำแพงพร้อมกับโซฟา

“แกร่ก”

โซฟาแสนแพงกระแทกกำแพงจนระเบิดเป็นชิ้นๆ กำแพงมีรอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏ

ใบหน้าของจังเฟิงหลิงบิดเบี้ยว ที่มุมปากมีเลือดไหลออกมา

“นายน้อย”

สาวใช้ทั้ง 2 ตกใจจนจิตใจระทึกไปหมด

สายตาของจังเฟิงหลิงเย็นยะเยือกอย่างน่ากลัว ขณะเดียวกันก็นึกสยองในใจ ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวจริงๆ แม้ว่าเมื่อกี้เขาใช้พลังไปแค่ 3 ส่วน แต่ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก

แต่เมื่อเขาก้มหน้ามองที่มือก็แทบจะโมโหจนเป็นลม แถมยังรู้สึกอยากจะกระอักเลือดออกมา สิ่งที่จู่โจมเขาเป็นกระบองเหล็กแท่งหนึ่ง แถมยังเปื้อนเศษปูนแล้วยังมีคราบเลือดบางๆ ของแบบนี้เจออยู่ถมไปตามพื้นที่ก่อสร้าง

ไม่รู้จักเลือกอาวุธเอาซะเลย อย่างไรซะเขาก็เป็นถึงจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 แต่ต้องมาโดนคนอื่นเอากระบองเน่า ๆ ลอบโจมตีแถมยังได้รับบาดเจ็บอีกต่างหาก

หน้าอกของจังเฟิงหลิงขึ้นๆลงๆอย่างกับเครื่องเป่าลม ส่งเสียงดังฟู่ๆ เขาโมโหจนปอดแทบระเบิด ตอนนี้เขาอยากจะฆ่าคนมากๆ

พรึ่บ

เขาจับกระบองเหล็กพุ่งออกไปทางหน้าต่างทั้งที่ยังใส่ชุดคลุมอาบน้ำอยู่ แต่….นี่มันตึกชั้น 22 นะ

จังเฟิงหลิงลงมาที่พื้นจนพื้นระเบิดแตกออกกลายเป็นหลุมใหญ่

“ไสหัวออกมา”

เขาโกรธแทบบ้า เงยหน้ามองฟ้าตะโกนออกมาเสียงกระหึ่มราวกับฟ้าผ่า กระจกในระยะร้องเมตรสะเทือนจนแตกหมด เสียงดั่งสนั่นไปทั่วเมือง

หยานเสวี่ย

พรึ่บ

รัศมีกระบี่แกร่งกล้าฟาดฟันมาที่เขาจังเฟิงหลิง

จังเฟิงหลิงโมโหแทบบ้า กล้าปรากฏตัวจริง ๆ หรือนี่ เขาหวดกระบองเหล็กในมือออกไปโดยสัญชาตญาณ

ตู้ม

รัศมีกระบี่ระเบิดออก กระบอกเหล็กในมือหักเป็นสองท่อนเพราะรัศมีกระบี่

คนที่ฟาดฟันกระบี่นั้นออกมาก็คือหยานหวูซวง เขาไล่ตามมาจนถึงที่นี่ก็เห็นจังเฟิงหลิงโวยวายแล้วยังถืออาวุธออกมาอีกด้วย

ก่อนหน้านี้เขาได้ตรวจดูบาดแผลของหยานตงและหยานซีแล้ว พวกเขาหลังหัวโนมากและโนแบบไม่เป็นระเบียบ เมื่อเห็นกระบองเหล็กในมือของจังเฟิงหลิงงอนิดหน่อยก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนพวกนี้โดนอะไรทำให้สลบ

จังเฟิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองอย่างโกรธเกรี้ยว “หยานหวูซวง แกคิดจะทำอะไร”

สีหน้าหยานหวูซวงเองก็เต็มไปด้วยความโกรธ เขาพูดอย่างเย็นชา

“แกคิดว่ายังไงล่ะ”

เมื่อเห็นจังเฟิงหลิงยังแกล้งโง่อยู่ หยานหวูซวงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ฟาดออกไปอีกหนึ่งกระบี่

“หยานหวูซวง แกบ้าไปแล้วเหรอ” จังเฟิงหลิงโกรธมาก ก่อนหน้านี้ใช้กระบองเหล็กลอบโจมตีเขา รอบนี้ลงมือเปิดเผยนี่จะฆ่าเขาให้ได้สินะ

เขาเองก็ไม่เกรงใจ พลังลมปราณพรั่งพรูออกมา เข้าสู้กับหยานหวูซวงอย่างไม่กลัวเกรง

ตู้มๆ

ทั้ง 2 สู้กับชนิดที่ว่าสั่นสะเทือนฟ้าดิน ในเมืองเกิดความวุนวาย แผ่นพสุธาแยกออกจากกัน พวกเขาต่อสู้กันจนเกิดพายุโหมกระหน่ำเข้าทำลายเมืองระเนระนาดกันไปหมด

กระบี่ของหยานหวูซวงเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทุกกระบี่หมายเอาชีวิต

จังเฟิงหลิงคำรามอย่างโกรธแค้น เขาบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ ทุกกระบวนท่าต่างเล็งไม่ที่จุดตายของหยานหวูซวง

ทั้ง 2 สู้กันอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ตายก็ไม่เลิกรา

แต่วรยุทธของทั้ง 2 ทัดเทียมกันจึงยากที่จะรู้แพ้รู้ชนะ

การต่อสู้ของทั้ง 2 ทำให้จอมยุทธ์ทั้งเมืองหยานเสวี่ยตื่นตัว พวกเขาล้วนพากันมาชม แม้แต่เหยาไป๋เยวี่ยก็ยังตื่นตัวไปด้วย

“ทำไม 2 คนนี้ถึงได้ต่อสู้กันล่ะ” มีคนถามออกมา

คนอื่น ๆ ล้วนสีหน้างุนงง พากันส่ายหัว เพราะพวกเขาออกมา 2 คนนี้ก็สู้กันแล้ว

เหยาไป๋เยวี่ยเองก็สงสัย พองานเลี้ยงจบทุกคนก็แยกย้าย เธอและจังเฟิงหลิงก็กลับมาพร้อมกัน พวกเขา 2 คนจะมาต่อสู้กันได้ยังไง

“เทพธิดาเยวี่ย”

เหยาไป๋เยวี่ยได้ยินคนเรียกตัวเอง เธอหันมองไปก็เห็นฉู่ชวิ๋น เห็นเขาดูสดใสมีชีวิตชีวาก็อุทานในใจถึงความแข็งแกร่งของฉู่ชวิ๋น

เธอไม่รู้ชื่อฉู่ชวิ๋น จึงได้แต่ยิ้มตอบอย่างมีมารยาท

ฉู่ชวิ๋นเดินเข้ามา มอง 2 คนที่สู้กันอยู่และเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย

“งานประลองยังไม่จบอีกเหรอ สู้กันนานจริงๆ ของรางวัลรอบนี้คืออะไรล่ะ”

เหยาไป๋เยวี่ยหมดคำพูด มองยังไงเนี้ยดวงตามีปัญหาหรือไง นี่เรียกว่าการประลองยุทธ์ได้ด้วยเหรอ นี่มันการต่อสู้กันแบบแลกตายชัดๆ เธอได้แต่อธิบายอย่างใจเย็น

“หา” ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าตกตะลึง “ที่แท้เทพธิดาเยวี่ยก็ไม่รู้เหรอ งั้นที่พวกเขาสู้กันต้องมีสาเหตุอยู่แน่ๆ”

คำพูดนี้ทำให้จอมยุทธ์คนอื่นหันมองและอยากจะบอกฉู่ชวิ๋นจริงๆว่า มันก็แหงล่ะ ไม่มีสาเหตุใครจะว่างมาสู้แลกตายเอาแบบนี้

“ฉันรู้แล้วๆ” ฉู่ชวิ๋นปรบมือแล้วทำท่าทางเหมือนรู้ความจริง

ทำให้จอมยุทธ์รอบ ๆ มองเขากันหมด แม้แต่เหยาไป๋เยวี่ยก็อยากรู้สาเหตุ

ฉู่ชวิ๋นมองเหยาไป๋เยวี่ยและเอ่ยขึ้นมา “ฉันเดาว่าพวกเขาสู้กันเพราะเทพธิดาเยวี่ย”

“เพราะฉันเหรอ” เหยาไป๋เยวี่ยตกใจจนสับสนไปหมด

“ฉันเดาว่าจังเฟิงหลิงก็ชอบเธอ พวกเขาสู้กันเพื่อสิทธิ์ในการจีบเธอน่ะสิฉันเคยเดินทางผ่านทุ่งหญ้าพวกสิงโตตัวผู้มักจะสู้กันบ่อยๆ เพราะสิงโตตัวเมีย”

จอมยุทธ์รอบ ๆ ล้วนตกใจจนอ้าปากค้างกับคำพูดของฉู่ชวิ๋น ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าฉู่ชวิ๋นแข็งแกร่ง พวกเขาอยากจะเดินเข้าไปอัดไอ้บ้าที่กล้าพูดจาโง่งมคนนี้ให้เละจนแม่ตัวเองยังจำหน้าไม่ได้เลย

เหยาไป๋เยวี่ยโกรธจนปวดท้อง คนอ่อนโยนอย่างเธอยังเกิดร้อนใจอยากจะอัดคนขั้นมา ไอ้หมอนี่มันพูดคุยไม่เป็นจริงๆ กล้าเอาเธอไปเปรียบเทียบกับสิงโตตัวเมียได้ยังไง

“เทพธิดาเยวี่ย เธอว่าที่ฉันเดาถูกไหม” ฉู่ชวิ๋นถามจริงจังด้วยแววตาสดใส

คิ้วของเหยาไป๋เยวี่ยขมวดเข้าด้วยกัน เธอกัดฟันกรอดอย่างทนไม่ไหว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 295 แย่งชิงสาวงาม

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 295 แย่งชิงสาวงาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 295 แย่งชิงสาวงาม

หยานหวูซวงนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องที่ตกแต่งไว้อย่างเรียบง่าย ใบหน้าหล่อเหลาเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ประกายแสงพลังวิญญาณจำนวนไม่นับถ้วนแทรกซึมเข้าไปผ่านรูขุมขนของเขา

จู่ ๆ เขาก็ดวงตาเบิกกว้างและหยิบก้อนหินสีขาวออกมาจากอกเสื้อ ก้อนหินสีขาวเปล่งแสงบางๆ แล้วค่อยๆ เจิดจ้าขึ้นเรื่อย ๆ

หยานหวูซวงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาหยิบกระบี่แล้วออกจากห้องไป

ภายในห้องเก็บสมบัติฉู่ชวิ๋นสีหน้าก็เปลี่ยนไป “โดนจับได้แล้วเหรอ ระวังตัวใช้ได้เลยนี่” เขารีบเก็บกล่องหยกที่มีน้ำศักดิ์สิทธิ์และหยิบผ้าสีดำมาคลุมใบหน้า ก่อนจะพุ่งออกไปทางประตู

ณ โซนด้านในของหอหยานหลิง ประตูหินบานนึงเปิดออก หยานหวูซวงพุ่งพรวดเข้ามา เมื่อเห็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห้งเหือดและดอกบัวจิตวิญญาณหายไป คนที่คอยเฝ้าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ล้มฟุบอยู่ที่พื้น สายตาเขาก็เปลี่ยนไปลมปราณอันน่าสยดสยองพวยพุ่งออกมา

เขาตรวจดู 2 คนที่นอนฟุบอยู่ เมื่อพบว่าแค่สลบไปเท่านั้นเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาถ่ายทอดลมปราณให้อีกฝ่ายก่อนจะถือกระบี่ไล่ตามฉู่ชวิ๋นไป

ฉู่ชวิ๋นยังไม่ดึงญาณเทพกลับมา พอเห็นหยานหวูซวงเลือกที่จะช่วยคนก่อน ในใจก็รู้สึกดีกับเขามากขึ้นไปอีก

“หมอนี้เป็นคนดีจริงๆนั้นละ แต่ยังอ่อนประสบการ์ณนัก”

ฉู่ชวิ๋นให้ความสำคัญกับเพื่อนมนุษย์ เขาไม่นับถือคนมีฝีมือเท่ากับคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีคนแบบนี้ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นสุภาพบุรุษ

เมื่อรู้สึกว่าหยานหวูซวงไล่ตามมาเขาก็เพิ่มความเร็วขึ้นทันที

หยานหวูซวงที่ไล่ตามมาก็เห็นเงาดำ ๆ พุ่งออกจากบ้านตระกูลหยานไป เขาได้แต่ตะโกนออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด “จะหนีไปไหน”

รัศมีกระบี่เปร่งประกายบนท้องฟ้าจนสว่างไสวและพุ่งเข้าใส่หลังฉู่ชวิ๋น

ฉู่ชวิ๋นเอี๊ยวตัวหลบ ที่พื้นเป็นร่องลึกจากรัศมีกระบี่ ดินโคลนกระจาย

พวกยามของตระกูลหยานตื่นตัวและพุ่งออกมาทันที

“ไอ้โจรชั่ว กล้ามาบุกรุกบ้านตระกูลหยานเลยหรือ” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 1 ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดและยกมือฟาดใส่ฉู่ชวิ๋นในทันที

ฉู่ชวิ๋นไม่สู้ เขากระโจนผ่านตัวอีกฝ่ายไปเฉย ๆ ราวกับอีกฝ่ายไร้ตัวตน

ทหารยามตระกูลหยานส่วนใหญ่อยู่แค่ระดับปรมาจารย์เท่านั้น ไม่มีทางแม้แต่จะแตะต้องปลายเสื้อของฉู่ชวิ๋น

ฉู่ชวิ๋นผ่านราวกับไม่มีใครอยู่รอบๆ เขาไม่ตอบโต้เลยแม้แต่น้อยได้แต่ หลบซ้ายหลบขวา พุ่งไปมาผ่านที่ๆ มีคนเยอะๆ

ลมปราณของหยานหวูซวงปรากฏออกมารอบตัว ขณะเดียวกันก็ไม่กล้าลงมือเพราะกลัวว่าจะโดนคนของตัวเองเข้า

“พวกนายถอยไปให้หมด” หยานหวูซวงเอ่ยปาก

ยามของตระกูลเยวี่ยไม่ขวางฉู่ชวิ๋นอีกต่อไป พวกเขาพุ่งหลบออกไปข้างๆ

“ดูซิแกจะหนีทางไหน” กระบี่ในมือหยานหวูซวงส่งเสียงร้องออกมาพร้อมเปล่งประกายแสงบางๆ และฟาดฟันออกไป

ฉู่ชวิ๋นหลบได้อีกครั้ง ต้นไม้อันเก่าแก่ด้านหลังหักล้มตึงลงไปเพราะรัศมีกระบี่

“แกเป็นใครกันแน่” หยานหวูซวงตะโกนถาม

ฉู่ชวิ๋นไม่ตอบอะไรทั้งนั้น เขาแค่จิบปากจิบคอหัวเราะเสียงแหลม ก่อนจะพุ่งไปที่ประตูตระกูลหยานอย่างรวดเร็ว

หยานหวูซวงถือกระบี่ไล่ตามไป

ความเร็วของทั้ง 2 ก้าวผ่านความเร็วเสียง กระโจนออกจากตระกูลหยานเข้าไปในเมืองอย่างรวดเร็ว

ความเร็วของหยานหวูซวงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าใกล้ขึ้นเขาก็ยกกระบี่ฟาด ฟัน จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 แค่กระบี่เดียวอานุภาพก็ทำให้ผู้คนแตกตื่นกันแล้ว

เสียงทะลุอากาศเสียดหูพุ่งเข้าใส่หลังของฉู่ชวิ๋น ทุกที่ ๆ คมดาบคืบผ่าน ต้นไม้ใบหญ้าล้วนถูกทำลาย

ฉู่ชวิ๋นหันหลังกลับ ปล่อยหมัดออกไปพร้อมกับโซ่ขาว ตอนนี้ฉู่ชวิ๋นใช้ลมปราณธรรมดา ปรากฏว่าลมปราณสีขาวโดนรัศมีกระบี่บดขยี้จนแหลก แถมรัศมีกระบี่ยังพุ่งตรงใส่ฉู่ชวิ๋นต่อ!

ฉู่ชวิ๋นเอี๊ยวตัวหลบพลางสบถด่าพันธนาการแห่งท้องฟ้า หากเขาใช้ลมปราณพลังก็จะถูกดูดไปส่วนหนึ่ง ลมปราณธรรมดาของเขาถูกดูดกลืน ไปอย่างรวดเร็ว

“แต่แค่นี้ไม่น่ามีปัญหา”

ฉู่ชวิ๋นหันหลังเตรียมหนี

หยานหวูซวงก็ไล่ตามไม่ลดละ

ไม่กี่อึดใจหยานหวูซวงก็ร่นระยะห่างใกล้ขึ้นอีกครั้ง เขาฟันกระบี่ออกไป รัศมีกระบี่พุ่งพล่าน

ฉู่ชวิ๋นกระโจนไปด้านข้างกว่าร้อยเมตรจนหลบพ้น

หยานหวูซวงแอบตกใจ คน ๆ นี้วิทยายุทธไม่ต่ำทรามเลย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่อาจหลบการโจมตีได้ง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้ ส่วนที่อีกฝ่ายไม่ตอบโต้ คงจะกลัวว่าโดนดูทางวิทยายุทธออก ว่ามาจากที่ไหน แสดงว่าต้องเป็นคนที่เขารู้จักแน่ๆ !!

เมื่อคิดได้ หยานหวูซวงก็ไม่หยุดลงมือ แต่ละท่าแข็งแกร่งจนผิดปกติ เขาตั้งใจจะบีบให้อีกฝ่ายลงมือ

แต่ให้ตายยังไงฉู่ชวิ๋นก็ไม่ตอบโต้ ตั้งตาวิ่งอย่างเดียว

ในขณะที่กำลังจะเข้าตัวเมือง ฉู่ชวิ๋นก็หมดความอดทนเขาชกกระบี่จนกระบี่หยานหวูซวงสั่นสะเทือน

พรึ่บ

กระบี่ถูกฟาดฟันออกมาอีกครั้งจนกลายเป็นรัศมีกระบี่นับพันนับหมื่นรัศมีกระบี่ฉีกมิติและเปร่งประกายบนท้องฟ้า องอาจและน่ากลัว

ฉู่ชวิ๋นที่กำลังหันหลังหนี 2 มือร่ายรำท่าบางอย่าง

ตู้ม

มิติสั่นสะเทือน อากาศบิดเบี้ยว ฟ้าร้องฟ้าแลบเปรี้ยงปร้าง

กำปั้นมหึมาปรากฏ สายฟ้าล้อมรอบอยู่ด้านบน ดูดุร้ายยิ่งนัก พุ่งเข้าไปปะทะกับรัศมีกระบี่อย่างรุนแรง

ตู้มๆ

รัศมีกระบี่นับพันนับหมื่นเข้าปะทะเข้ากับกำปั้นสายฟ้า จนเกิดการระเบิดสั่นสะเทือนฟ้าดิน พายุโหมกระหน่ำ แสงสว่างเจิดจ้าแม้จะในเวลากลางคืน

ฉู่ชวิ๋นป้องกันการโจมตีของหยานหวูซวงและกระโจนตัวออกไปไวปานแสง เร็วจนน่ากลัว ขึ้นๆลงๆไม่กี่ครั้งก็ห่างไปพันเมตร ตรงเข้าไปในเมือง

กระบี่ยาวในมือหยานหวูซวงสั่นไม่หยุด สายตาเขาเย็นยะเยือกด้วยความโกรธ เขารู้แล้วว่าคน ๆ นี้เป็นใคร

“จังเฟิงหลิง แกคิดว่าตระกูลหยานของฉันจะยอมโดนรังแกง่าย ๆ แบบนี้ งั้นเหรอ”

พูดจบ เขาก็ไล่ตามเข้าไปในเมือง

…..

ในห้องที่ตกแต่งไว้อย่างหรูหรา จังเฟิงหลิงตีจนโต๊ะวางแก้วสุดแพงจนแหลกละเอียด

หลังจากที่เขากลับมาจากตระกูลหยานก็ไม่สามารถสงบใจฝึกฝนได้ รู้สึกมีความโมโหอัดอั้นอยู่ในใจ ไอ้เด็กเดนตายนั่นต้านเขาได้ถึง 10 กระบวนท่า โสมมังกรโลหิตนั่นเดิมทีแล้วเขาเตรียมไว้ให้ตัวเอง

สุดท้ายเขาที่ข่มความโกรธไว้ไม่ได้ลากสาวใช้ 2 คนเข้าไปในห้องนอน ขยี้พวกเธออยู่ 2 ชั่วโมงถึงรู้สึกคลายความโกรธลงได้บ้าง

เมื่ออาบน้ำเสร็จเขาก็ออกมานั่งเล่นที่โซฟา พอคิดไปถึงสิ่งที่เกิดในวันนี้ก็บันดาลโทสะขึ้นมาอีกครั้ง ถึงได้ตบโต๊ะวางแก้วจนแหลก

สาวใช้ทั้ง 2 นุ่งผ้าขนหนูตามออกมา ผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ นั่นไม่อาจบดบังหุ่นสุดเซ็กซี่ของทั้ง 2 ได้เลย จังเฟิงหลิงพอเห็นก็รู้สึกว่าตัวร้อนขึ้นมาอีกแล้ว

1 ในสาวใช้กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเธอก็สีหน้าเปลี่ยนไปและตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ “นายน้อยระวังด้วย”

เพล้ง

หน้าต่างจู่ ๆ ก็ระเบิดออก มีแสงสีดำทมิฬพุ่งเข้าใส่จังเฟิงหลิง

ไม่ต้องให้สาวใช้เตือน จังเฟิงหลิงก็รู้ตัวตั้งนานแล้ว เขายื่นมือออกไปคว้าเข้ากับสิ่งพุ่งเข้ามา

แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ดูดี ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ของในมือที่เขาจับได้แข็งแกร่งมาก มากจนเขากระเด็นออกไปอัดติดกับกำแพงพร้อมกับโซฟา

“แกร่ก”

โซฟาแสนแพงกระแทกกำแพงจนระเบิดเป็นชิ้นๆ กำแพงมีรอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏ

ใบหน้าของจังเฟิงหลิงบิดเบี้ยว ที่มุมปากมีเลือดไหลออกมา

“นายน้อย”

สาวใช้ทั้ง 2 ตกใจจนจิตใจระทึกไปหมด

สายตาของจังเฟิงหลิงเย็นยะเยือกอย่างน่ากลัว ขณะเดียวกันก็นึกสยองในใจ ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวจริงๆ แม้ว่าเมื่อกี้เขาใช้พลังไปแค่ 3 ส่วน แต่ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก

แต่เมื่อเขาก้มหน้ามองที่มือก็แทบจะโมโหจนเป็นลม แถมยังรู้สึกอยากจะกระอักเลือดออกมา สิ่งที่จู่โจมเขาเป็นกระบองเหล็กแท่งหนึ่ง แถมยังเปื้อนเศษปูนแล้วยังมีคราบเลือดบางๆ ของแบบนี้เจออยู่ถมไปตามพื้นที่ก่อสร้าง

ไม่รู้จักเลือกอาวุธเอาซะเลย อย่างไรซะเขาก็เป็นถึงจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 แต่ต้องมาโดนคนอื่นเอากระบองเน่า ๆ ลอบโจมตีแถมยังได้รับบาดเจ็บอีกต่างหาก

หน้าอกของจังเฟิงหลิงขึ้นๆลงๆอย่างกับเครื่องเป่าลม ส่งเสียงดังฟู่ๆ เขาโมโหจนปอดแทบระเบิด ตอนนี้เขาอยากจะฆ่าคนมากๆ

พรึ่บ

เขาจับกระบองเหล็กพุ่งออกไปทางหน้าต่างทั้งที่ยังใส่ชุดคลุมอาบน้ำอยู่ แต่….นี่มันตึกชั้น 22 นะ

จังเฟิงหลิงลงมาที่พื้นจนพื้นระเบิดแตกออกกลายเป็นหลุมใหญ่

“ไสหัวออกมา”

เขาโกรธแทบบ้า เงยหน้ามองฟ้าตะโกนออกมาเสียงกระหึ่มราวกับฟ้าผ่า กระจกในระยะร้องเมตรสะเทือนจนแตกหมด เสียงดั่งสนั่นไปทั่วเมือง

หยานเสวี่ย

พรึ่บ

รัศมีกระบี่แกร่งกล้าฟาดฟันมาที่เขาจังเฟิงหลิง

จังเฟิงหลิงโมโหแทบบ้า กล้าปรากฏตัวจริง ๆ หรือนี่ เขาหวดกระบองเหล็กในมือออกไปโดยสัญชาตญาณ

ตู้ม

รัศมีกระบี่ระเบิดออก กระบอกเหล็กในมือหักเป็นสองท่อนเพราะรัศมีกระบี่

คนที่ฟาดฟันกระบี่นั้นออกมาก็คือหยานหวูซวง เขาไล่ตามมาจนถึงที่นี่ก็เห็นจังเฟิงหลิงโวยวายแล้วยังถืออาวุธออกมาอีกด้วย

ก่อนหน้านี้เขาได้ตรวจดูบาดแผลของหยานตงและหยานซีแล้ว พวกเขาหลังหัวโนมากและโนแบบไม่เป็นระเบียบ เมื่อเห็นกระบองเหล็กในมือของจังเฟิงหลิงงอนิดหน่อยก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนพวกนี้โดนอะไรทำให้สลบ

จังเฟิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองอย่างโกรธเกรี้ยว “หยานหวูซวง แกคิดจะทำอะไร”

สีหน้าหยานหวูซวงเองก็เต็มไปด้วยความโกรธ เขาพูดอย่างเย็นชา

“แกคิดว่ายังไงล่ะ”

เมื่อเห็นจังเฟิงหลิงยังแกล้งโง่อยู่ หยานหวูซวงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ฟาดออกไปอีกหนึ่งกระบี่

“หยานหวูซวง แกบ้าไปแล้วเหรอ” จังเฟิงหลิงโกรธมาก ก่อนหน้านี้ใช้กระบองเหล็กลอบโจมตีเขา รอบนี้ลงมือเปิดเผยนี่จะฆ่าเขาให้ได้สินะ

เขาเองก็ไม่เกรงใจ พลังลมปราณพรั่งพรูออกมา เข้าสู้กับหยานหวูซวงอย่างไม่กลัวเกรง

ตู้มๆ

ทั้ง 2 สู้กับชนิดที่ว่าสั่นสะเทือนฟ้าดิน ในเมืองเกิดความวุนวาย แผ่นพสุธาแยกออกจากกัน พวกเขาต่อสู้กันจนเกิดพายุโหมกระหน่ำเข้าทำลายเมืองระเนระนาดกันไปหมด

กระบี่ของหยานหวูซวงเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทุกกระบี่หมายเอาชีวิต

จังเฟิงหลิงคำรามอย่างโกรธแค้น เขาบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ ทุกกระบวนท่าต่างเล็งไม่ที่จุดตายของหยานหวูซวง

ทั้ง 2 สู้กันอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ตายก็ไม่เลิกรา

แต่วรยุทธของทั้ง 2 ทัดเทียมกันจึงยากที่จะรู้แพ้รู้ชนะ

การต่อสู้ของทั้ง 2 ทำให้จอมยุทธ์ทั้งเมืองหยานเสวี่ยตื่นตัว พวกเขาล้วนพากันมาชม แม้แต่เหยาไป๋เยวี่ยก็ยังตื่นตัวไปด้วย

“ทำไม 2 คนนี้ถึงได้ต่อสู้กันล่ะ” มีคนถามออกมา

คนอื่น ๆ ล้วนสีหน้างุนงง พากันส่ายหัว เพราะพวกเขาออกมา 2 คนนี้ก็สู้กันแล้ว

เหยาไป๋เยวี่ยเองก็สงสัย พองานเลี้ยงจบทุกคนก็แยกย้าย เธอและจังเฟิงหลิงก็กลับมาพร้อมกัน พวกเขา 2 คนจะมาต่อสู้กันได้ยังไง

“เทพธิดาเยวี่ย”

เหยาไป๋เยวี่ยได้ยินคนเรียกตัวเอง เธอหันมองไปก็เห็นฉู่ชวิ๋น เห็นเขาดูสดใสมีชีวิตชีวาก็อุทานในใจถึงความแข็งแกร่งของฉู่ชวิ๋น

เธอไม่รู้ชื่อฉู่ชวิ๋น จึงได้แต่ยิ้มตอบอย่างมีมารยาท

ฉู่ชวิ๋นเดินเข้ามา มอง 2 คนที่สู้กันอยู่และเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย

“งานประลองยังไม่จบอีกเหรอ สู้กันนานจริงๆ ของรางวัลรอบนี้คืออะไรล่ะ”

เหยาไป๋เยวี่ยหมดคำพูด มองยังไงเนี้ยดวงตามีปัญหาหรือไง นี่เรียกว่าการประลองยุทธ์ได้ด้วยเหรอ นี่มันการต่อสู้กันแบบแลกตายชัดๆ เธอได้แต่อธิบายอย่างใจเย็น

“หา” ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าตกตะลึง “ที่แท้เทพธิดาเยวี่ยก็ไม่รู้เหรอ งั้นที่พวกเขาสู้กันต้องมีสาเหตุอยู่แน่ๆ”

คำพูดนี้ทำให้จอมยุทธ์คนอื่นหันมองและอยากจะบอกฉู่ชวิ๋นจริงๆว่า มันก็แหงล่ะ ไม่มีสาเหตุใครจะว่างมาสู้แลกตายเอาแบบนี้

“ฉันรู้แล้วๆ” ฉู่ชวิ๋นปรบมือแล้วทำท่าทางเหมือนรู้ความจริง

ทำให้จอมยุทธ์รอบ ๆ มองเขากันหมด แม้แต่เหยาไป๋เยวี่ยก็อยากรู้สาเหตุ

ฉู่ชวิ๋นมองเหยาไป๋เยวี่ยและเอ่ยขึ้นมา “ฉันเดาว่าพวกเขาสู้กันเพราะเทพธิดาเยวี่ย”

“เพราะฉันเหรอ” เหยาไป๋เยวี่ยตกใจจนสับสนไปหมด

“ฉันเดาว่าจังเฟิงหลิงก็ชอบเธอ พวกเขาสู้กันเพื่อสิทธิ์ในการจีบเธอน่ะสิฉันเคยเดินทางผ่านทุ่งหญ้าพวกสิงโตตัวผู้มักจะสู้กันบ่อยๆ เพราะสิงโตตัวเมีย”

จอมยุทธ์รอบ ๆ ล้วนตกใจจนอ้าปากค้างกับคำพูดของฉู่ชวิ๋น ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าฉู่ชวิ๋นแข็งแกร่ง พวกเขาอยากจะเดินเข้าไปอัดไอ้บ้าที่กล้าพูดจาโง่งมคนนี้ให้เละจนแม่ตัวเองยังจำหน้าไม่ได้เลย

เหยาไป๋เยวี่ยโกรธจนปวดท้อง คนอ่อนโยนอย่างเธอยังเกิดร้อนใจอยากจะอัดคนขั้นมา ไอ้หมอนี่มันพูดคุยไม่เป็นจริงๆ กล้าเอาเธอไปเปรียบเทียบกับสิงโตตัวเมียได้ยังไง

“เทพธิดาเยวี่ย เธอว่าที่ฉันเดาถูกไหม” ฉู่ชวิ๋นถามจริงจังด้วยแววตาสดใส

คิ้วของเหยาไป๋เยวี่ยขมวดเข้าด้วยกัน เธอกัดฟันกรอดอย่างทนไม่ไหว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+