สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 19 จอมวายร้าย

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 19 จอมวายร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 19 จอมวายร้าย

บทที่ 19 จอมวายร้าย

ผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ มู่ชืออวี่มองไปรอบกายอย่างตื่นเต้นราวกับเด็กน้อย แม้ว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะควบคุมอารมณ์ให้ได้ แต่ลู่อี้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็สังเกตเห็นได้ไม่ยาก

นั่นทำให้เขารู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม

คนอย่างนางมีแววตาใสซื่อถึงเพียงนี้ได้ด้วยหรือ?

นอกจากความละโมบ ประชดประชัน และเย็นชาแล้ว นางยังเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์มาโดยตลอดตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันมา

แต่ช่วงนี้นางกลับสุภาพกับคนรอบข้าง มองทุกสิ่งรอบตัวอย่างใสซื่ออยากรู้อยากเห็น ราวกับว่าเป็นคนละคนไปเสียสิ้นเชิง

ดูเหมือนกับว่าสตรีตรงหน้านี้ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป

มู่ซืออวี่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวตนที่แท้จริงซึ่งนางพยายามจะซ่อนเอาไว้ได้เปิดเผยออกมาอย่างง่ายดายเสียแล้ว

นางดึงชายเสื้อของลู่อี้ ชี้ไปยังที่ไกลออกไปแล้วเอ่ยขึ้นว่า “มีการแสดงกายกรรมอยู่ตรงนั้นด้วย”

“อยากดูหรือ?” ลู่อี้พินิจแววตาของนาง

ถ้าหากนางไม่ใช่มู่ซืออวี่คนเดิม แล้วนี่คือใครกัน?

เพราะทั้งรูปร่างหน้าตาก็ล้วนเป็นนาง ไม่ได้ดูเปลี่ยนไปสักนิด หรือหญิงสาวหัวกระแทกตอนที่เขาไม่อยู่

“อยากสิ” นางจ้องกลับมาที่เขาอย่างไร้เดียงสา “ไปได้หรือไม่?”

ด้วยเหตุใดไม่อาจทราบได้ ลู่อี้รู้สึกแปลก ๆ ในใจ

เห็นได้ชัดว่านี่คือใบหน้าเดียวกัน ไม่ได้สวยขึ้นแม้แต่นิดเดียว แต่นางคนนี้ ไม่สิ เขาอาจจะต้องเรียกว่าวิญญาณอื่น เขาไม่คิดว่าวิญญาณนี้น่ารำคาญเลยสักนิด

“ได้” ทันทีที่ลู่อี้รับคำ แขนของเขาก็ถูกดึงไปในฝูงชนเพื่อชมการแสดงกายกรรม

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปทันที

ร่างนี้กำลังพยายามทำอะไรกับเขากันแน่

อาจเป็นเพราะว่าเป็นวิญญาณมานาน จึงได้สนใจในทุกสิ่งรอบกายของมนุษย์ มู่ซืออวี่ถูกเข้าสิงจริง ๆ ใช่หรือเปล่า?

แล้วถ้าหากนางไปแล้ว มู่ซืออวี่คนเดิมจะกลับมาหรือไม่

ชายหนุ่มคิดได้เช่นนั้นก็พลันขมวดคิ้ว

“ดีจัง” หญิงสาวปรบมือไปมา ไม่ได้รับรู้ความคิดของเขาเลยสักนิด

ลู่อี้ไม่ได้มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก ความจริงแล้วมันเหลือเชื่อเกินไปเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อพินิจดูจากการเปลี่ยนแปลงของนางในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ไม่มีสาเหตุอื่นนอกเสียจากถูกวิญญาณอื่นมายึดร่างจริง ๆ

เขาไม่ได้ต้องการจะขับไล่อีกฝ่ายไป เพียงอยู่ดูว่านางต้องการจะทำอะไร เพราะดูเหมือนว่าวิญญาณนี้จะไม่ได้มาร้าย ไม่เช่นนั้นคนในบ้านคงจะตายก่อนที่เขาจะกลับไปถึงบ้านแล้ว

ชายหนุ่มเคยได้ยินมาว่าวิญญาณผู้หญิงจะดูดซับพลังหยาง

เป็นไปได้หรือไม่ว่า…

“แค่ก!” จู่ ๆ ลู่อี้ก็หยุดความคิดแปลก ๆ ของตัวเอง ทว่าใบหน้าเย็นชาของเขากลับขึ้นสีด้วยความไม่สบายใจ

“เจ้าเป็นอะไรไป?” มู่ซืออวี่ละสายตากลับมามองเขาเมื่อได้ยินเสียง “นี่มันสายแล้ว เรายังต้องรีบเอาไก่ไปขาย ไปเถอะ ไม่ต้องดูแล้ว”

ลู่อี้พามู่ซืออวี่ออกมา เขาขายไก่ได้เงินมา 90 เหวิน

มู่ซืออวี่ถือถุงเงินในมือ คิดคำนวณพลางพึมพำออกมา “ปลายข้าวที่ถูกที่สุดราคาชั่งละ 5 เหวิน ข้าวขาวอย่างดีต้องจ่าย 10 เหวินต่อชั่ง ซื้อปลายข้าวก่อน 5 ชั่ง แป้งอีก 5 ชั่ง แต่ต้องซื้อกระดูกกับเครื่องในไปทำกับข้าวให้ทุกคนกินบำรุงร่างกายด้วย เราไม่ได้มีเงินเยอะเลยสินะ”

ลู่อี้มองนางอย่างประหลาดใจ

หญิงสาวเริ่มรู้สึกได้ถึงสายตาของเขาจึงถามขึ้นว่า “ข้าพูดอะไรผิดไปงั้นหรือ?”

“ถูกแล้ว” ลู่อี้ตอบหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง

“นั่นลูกเจี๊ยบนี่นา!” มู่ซืออวี่หยุดยืนอยู่ที่หน้าคอกเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง “พี่ชาย ท่านขายเท่าไหร่?”

“เหวินเดียว” เจ้าของร้านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่นางต้องการกี่ตัว?”

มู่ซืออวี่มองมาที่ลู่อี้ทันที “ข้าซื้อได้หรือไม่?”

ลู่อี้พยักหน้า “ตามใจเจ้า”

“ขอบคุณเจ้ามาก” หญิงสาวคลี่ยิ้ม

การแฝงตัวอยู่ในร่างผู้อื่นเป็นเวลานานเช่นนี้ต้องอาศัยทักษะการแสดงอย่างมาก สำหรับคนที่ไม่ใช่นักแสดงอาชีพอย่างนางแล้ว มันไม่ได้ง่ายเลย ยิ่งอยู่กับลู่อี้มากขึ้นเท่าไหร่ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็ยิ่งเด่นชัดมากขึ้นเท่านั้น การแสดงของนางแทบจะหลอกลู่ฉาวอวี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับจอมวายร้ายในอนาคตอย่างลู่อี้

ถึงอย่างนั้นนางก็คล้ายจะไม่รู้ตัว ยังคงพยายามที่จะแสดงอยู่เช่นนั้นเพื่อจะรักษาตัวตนเดิมเอาไว้

ไม่ได้รู้เลยว่าความพยายามเหล่านั้นไม่ได้เกิดผลอะไรมาพักใหญ่แล้ว

“ข้าเอาตัวเมีย 15 ตัว กับตัวผู้ 5 ตัว”

หลังจากใช้เงินไป 20 เหวินในคราวเดียว พวกเขาก็เหลือเงิน 70 เหวิน รวมกับ 15 เหวินที่นางได้มาจากเขาก่อนหน้านี้ ตอนนี้จึงมีเงินอยู่ 85 เหวินสำหรับใช้จ่าย

ลู่อี้ราวกับเครื่องจักรเดินได้ ขากลับนั้นเขาหอบหิ้วของมากมายรวมถึงลูกไก่ 20 ตัวที่มู่ซืออวี่ซื้อมา

“เดินไหวหรือเปล่า?” ชายหนุ่มเริ่มถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ

นางหมดแรงแล้วอย่างที่เขาคาด แต่เพราะข้าวของเยอะแยะเช่นนี้จึงไม่มีทางที่เขาจะแบกนางกลับไปได้

“ข้าไหว”

เห็นทีต้องลดน้ำหนักเสียแล้ว อ้วนเกินไปแสนจะลำบาก

เสียงท่องหนังสือดังมาจากลานบ้าน เป็นเสียงของลู่เซวียนที่ดังขึ้นก่อน ตามมาด้วยเสียงของลู่ฉาวอวี่และลู่จื่ออวิ๋น เป็นเสียงไพเราะน่าเอ็นดูเหลือเกิน

“เรากลับมาแล้ว” มู่ซืออวี่ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป

แววตาของลู่จื่ออวิ๋นเป็นประกายสดใส เด็กหญิงมองมาที่นางอย่างมีความสุข

ลู่อี้วางของทั้งหมดลงในครัว

“เสี่ยวอวิ๋น มาดูนี่เร็วเข้า” มู่ซืออวี่โบกมือเรียกเด็กน้อย

เด็กหญิงวางหนังสือในมือแล้ววิ่งไปด้วยขาสั้น ๆ “อะไรหรือเจ้าคะ?”

หญิงสาววางตะกร้าไม้ไผ่ลง ก่อนจะเปิดฝาแล้วประคองลูกเจี๊ยบขึ้นมาอย่างเบามือ

“ว้าว…” ดวงตาคู่โตของลู่จื่ออวิ๋นเบิกกว้าง “ลูกเจี๊ยบเต็มเลย”

“มี 20 ตัว พอพวกมันโตขึ้นแล้วเราก็จะมีไข่ไว้กินเยอะแยะ” มู่ซืออวี่พูดต่อ “เจ้าหิวหรือยัง แม่จะไปทำอาหาร ฝากดูแลลูกเจี๊ยบพวกนี้ด้วย”

ลู่จื่ออวิ๋นเป็นเด็กอ่อนโยนน่ารัก นางมักจะถูกเด็ก ๆ คนอื่นในหมู่บ้านแกล้งเอาได้ง่าย ลู่ฉาวอวี่ต้องช่วยที่บ้านหาของป่าล่าสัตว์ ไม่มีเวลาอยู่กับน้องสาว มู่ซืออวี่จึงคิดจะหาอะไรให้ทำ เด็กน้อยจะได้ไม่เหงา

เด็กหญิงขุดเอาไส้เดือนตัวเล็ก ๆ ที่พื้นดินออกมาเพื่อเลี้ยงลูกไก่ แต่พวกมันไม่ยอมกิน

“ท่านพี่ ทำไมลูกเจี๊ยบไม่กินล่ะเจ้าคะ ไก่ไม่ได้ชอบกินไส้เดือนหรอกหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นเศร้าใจนัก

พี่ชายจอมเคร่งขรึมย่อขาลงนั่งยอง ๆ ข้างน้องสาว มือเล็ก ๆ คว้าไส้เดือนมาวางลงตรงหน้าลูกเจี๊ยบแล้วออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กิน”

พรึ่บ!

ลูกเจี๊ยบวิ่งหนีไปทันที

ลู่ฉาวอวี่ขมวดคิ้ว ส่วนลู่จื่ออวิ๋นกะพริบตาปริบ ๆ มองพี่ชาย “ท่านพี่ ท่านดุเกินไป ลูกเจี๊ยบกลัวหมดแล้ว”

มู่ซืออวี่ที่กำลังทำอาหารในครัวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่เมื่อลู่อี้เข้ามา หญิงสาวก็รีบเก็บอาการแล้วพยายามแสดงบทมู่ซืออวี่อีกครั้ง

ลู่อี้คัดแยกอาหารออกเป็นกลุ่ม ๆ

“เจ้ายุ่งอยู่หรือเปล่า?” นางเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะออกไป

สายตาเย็นชาของชายหนุ่มจดจ้องมาเพื่อรอให้นางเอ่ยปาก

“นวดแป้งให้ข้าหน่อย” มู่ซืออวี่กล่าวต่อไปว่า “วันนี้กลับมาช้าไปหน่อย ไม่มีเวลาทำอะไรมากมาย กินบะหมี่ไปก็แล้วกัน มีเครื่องในหมูที่ซื้อมา ทำเป็นบะหมี่ไส้หมูอร่อยมาก”

“เครื่องในงั้นรึ” ลู่อี้ขมวดคิ้ว

“ข้าบอกว่าอร่อยก็ต้องอร่อยสิ” นางว่าต่อ “แล้วเจ้าจะรู้เอง นวดแป้งให้ข้าก่อน”

ชายหนุ่มพับแขนเสื้อขึ้นเพื่อนวดแป้ง

ห้องครัวค่อนข้างคับแคบ ลู่อี้ตัวสูงใหญ่ เมื่อคนสองคนอยู่ในครัวนี้ด้วยกัน ทุกอย่างก็ใกล้ชิดกันไปหมด ยามเขามองมาที่นาง หญิงสาวก็ไม่รู้ว่าจะไปหลบซ่อนตรงไหนได้

เขาทำงานครัวด้วยท่วงท่าที่สง่างาม น่าเสียดายที่ชายหนุ่มผู้นี้ต้องแต่งงานกับผู้หญิงอย่างเจ้าของร่างเดิม

“เราไม่มีเงินซื้อหม้อใหม่” ลู่อี้ดึงนางออกมาจากห้วงความคิด “เจ้าจะเหม่ออีกนานแค่ไหนกัน”

“หือ?” มู่ซืออวี่มองไปยังหม้อต้มที่เกือบจะไหม้อยู่รอมร่อ “โอ๊ย นี่มันความผิดเจ้านั่นแหละ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 19 จอมวายร้าย

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 19 จอมวายร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 19 จอมวายร้าย

บทที่ 19 จอมวายร้าย

ผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ มู่ชืออวี่มองไปรอบกายอย่างตื่นเต้นราวกับเด็กน้อย แม้ว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะควบคุมอารมณ์ให้ได้ แต่ลู่อี้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็สังเกตเห็นได้ไม่ยาก

นั่นทำให้เขารู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม

คนอย่างนางมีแววตาใสซื่อถึงเพียงนี้ได้ด้วยหรือ?

นอกจากความละโมบ ประชดประชัน และเย็นชาแล้ว นางยังเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์มาโดยตลอดตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันมา

แต่ช่วงนี้นางกลับสุภาพกับคนรอบข้าง มองทุกสิ่งรอบตัวอย่างใสซื่ออยากรู้อยากเห็น ราวกับว่าเป็นคนละคนไปเสียสิ้นเชิง

ดูเหมือนกับว่าสตรีตรงหน้านี้ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป

มู่ซืออวี่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวตนที่แท้จริงซึ่งนางพยายามจะซ่อนเอาไว้ได้เปิดเผยออกมาอย่างง่ายดายเสียแล้ว

นางดึงชายเสื้อของลู่อี้ ชี้ไปยังที่ไกลออกไปแล้วเอ่ยขึ้นว่า “มีการแสดงกายกรรมอยู่ตรงนั้นด้วย”

“อยากดูหรือ?” ลู่อี้พินิจแววตาของนาง

ถ้าหากนางไม่ใช่มู่ซืออวี่คนเดิม แล้วนี่คือใครกัน?

เพราะทั้งรูปร่างหน้าตาก็ล้วนเป็นนาง ไม่ได้ดูเปลี่ยนไปสักนิด หรือหญิงสาวหัวกระแทกตอนที่เขาไม่อยู่

“อยากสิ” นางจ้องกลับมาที่เขาอย่างไร้เดียงสา “ไปได้หรือไม่?”

ด้วยเหตุใดไม่อาจทราบได้ ลู่อี้รู้สึกแปลก ๆ ในใจ

เห็นได้ชัดว่านี่คือใบหน้าเดียวกัน ไม่ได้สวยขึ้นแม้แต่นิดเดียว แต่นางคนนี้ ไม่สิ เขาอาจจะต้องเรียกว่าวิญญาณอื่น เขาไม่คิดว่าวิญญาณนี้น่ารำคาญเลยสักนิด

“ได้” ทันทีที่ลู่อี้รับคำ แขนของเขาก็ถูกดึงไปในฝูงชนเพื่อชมการแสดงกายกรรม

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปทันที

ร่างนี้กำลังพยายามทำอะไรกับเขากันแน่

อาจเป็นเพราะว่าเป็นวิญญาณมานาน จึงได้สนใจในทุกสิ่งรอบกายของมนุษย์ มู่ซืออวี่ถูกเข้าสิงจริง ๆ ใช่หรือเปล่า?

แล้วถ้าหากนางไปแล้ว มู่ซืออวี่คนเดิมจะกลับมาหรือไม่

ชายหนุ่มคิดได้เช่นนั้นก็พลันขมวดคิ้ว

“ดีจัง” หญิงสาวปรบมือไปมา ไม่ได้รับรู้ความคิดของเขาเลยสักนิด

ลู่อี้ไม่ได้มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก ความจริงแล้วมันเหลือเชื่อเกินไปเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อพินิจดูจากการเปลี่ยนแปลงของนางในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ไม่มีสาเหตุอื่นนอกเสียจากถูกวิญญาณอื่นมายึดร่างจริง ๆ

เขาไม่ได้ต้องการจะขับไล่อีกฝ่ายไป เพียงอยู่ดูว่านางต้องการจะทำอะไร เพราะดูเหมือนว่าวิญญาณนี้จะไม่ได้มาร้าย ไม่เช่นนั้นคนในบ้านคงจะตายก่อนที่เขาจะกลับไปถึงบ้านแล้ว

ชายหนุ่มเคยได้ยินมาว่าวิญญาณผู้หญิงจะดูดซับพลังหยาง

เป็นไปได้หรือไม่ว่า…

“แค่ก!” จู่ ๆ ลู่อี้ก็หยุดความคิดแปลก ๆ ของตัวเอง ทว่าใบหน้าเย็นชาของเขากลับขึ้นสีด้วยความไม่สบายใจ

“เจ้าเป็นอะไรไป?” มู่ซืออวี่ละสายตากลับมามองเขาเมื่อได้ยินเสียง “นี่มันสายแล้ว เรายังต้องรีบเอาไก่ไปขาย ไปเถอะ ไม่ต้องดูแล้ว”

ลู่อี้พามู่ซืออวี่ออกมา เขาขายไก่ได้เงินมา 90 เหวิน

มู่ซืออวี่ถือถุงเงินในมือ คิดคำนวณพลางพึมพำออกมา “ปลายข้าวที่ถูกที่สุดราคาชั่งละ 5 เหวิน ข้าวขาวอย่างดีต้องจ่าย 10 เหวินต่อชั่ง ซื้อปลายข้าวก่อน 5 ชั่ง แป้งอีก 5 ชั่ง แต่ต้องซื้อกระดูกกับเครื่องในไปทำกับข้าวให้ทุกคนกินบำรุงร่างกายด้วย เราไม่ได้มีเงินเยอะเลยสินะ”

ลู่อี้มองนางอย่างประหลาดใจ

หญิงสาวเริ่มรู้สึกได้ถึงสายตาของเขาจึงถามขึ้นว่า “ข้าพูดอะไรผิดไปงั้นหรือ?”

“ถูกแล้ว” ลู่อี้ตอบหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง

“นั่นลูกเจี๊ยบนี่นา!” มู่ซืออวี่หยุดยืนอยู่ที่หน้าคอกเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง “พี่ชาย ท่านขายเท่าไหร่?”

“เหวินเดียว” เจ้าของร้านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่นางต้องการกี่ตัว?”

มู่ซืออวี่มองมาที่ลู่อี้ทันที “ข้าซื้อได้หรือไม่?”

ลู่อี้พยักหน้า “ตามใจเจ้า”

“ขอบคุณเจ้ามาก” หญิงสาวคลี่ยิ้ม

การแฝงตัวอยู่ในร่างผู้อื่นเป็นเวลานานเช่นนี้ต้องอาศัยทักษะการแสดงอย่างมาก สำหรับคนที่ไม่ใช่นักแสดงอาชีพอย่างนางแล้ว มันไม่ได้ง่ายเลย ยิ่งอยู่กับลู่อี้มากขึ้นเท่าไหร่ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็ยิ่งเด่นชัดมากขึ้นเท่านั้น การแสดงของนางแทบจะหลอกลู่ฉาวอวี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับจอมวายร้ายในอนาคตอย่างลู่อี้

ถึงอย่างนั้นนางก็คล้ายจะไม่รู้ตัว ยังคงพยายามที่จะแสดงอยู่เช่นนั้นเพื่อจะรักษาตัวตนเดิมเอาไว้

ไม่ได้รู้เลยว่าความพยายามเหล่านั้นไม่ได้เกิดผลอะไรมาพักใหญ่แล้ว

“ข้าเอาตัวเมีย 15 ตัว กับตัวผู้ 5 ตัว”

หลังจากใช้เงินไป 20 เหวินในคราวเดียว พวกเขาก็เหลือเงิน 70 เหวิน รวมกับ 15 เหวินที่นางได้มาจากเขาก่อนหน้านี้ ตอนนี้จึงมีเงินอยู่ 85 เหวินสำหรับใช้จ่าย

ลู่อี้ราวกับเครื่องจักรเดินได้ ขากลับนั้นเขาหอบหิ้วของมากมายรวมถึงลูกไก่ 20 ตัวที่มู่ซืออวี่ซื้อมา

“เดินไหวหรือเปล่า?” ชายหนุ่มเริ่มถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ

นางหมดแรงแล้วอย่างที่เขาคาด แต่เพราะข้าวของเยอะแยะเช่นนี้จึงไม่มีทางที่เขาจะแบกนางกลับไปได้

“ข้าไหว”

เห็นทีต้องลดน้ำหนักเสียแล้ว อ้วนเกินไปแสนจะลำบาก

เสียงท่องหนังสือดังมาจากลานบ้าน เป็นเสียงของลู่เซวียนที่ดังขึ้นก่อน ตามมาด้วยเสียงของลู่ฉาวอวี่และลู่จื่ออวิ๋น เป็นเสียงไพเราะน่าเอ็นดูเหลือเกิน

“เรากลับมาแล้ว” มู่ซืออวี่ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป

แววตาของลู่จื่ออวิ๋นเป็นประกายสดใส เด็กหญิงมองมาที่นางอย่างมีความสุข

ลู่อี้วางของทั้งหมดลงในครัว

“เสี่ยวอวิ๋น มาดูนี่เร็วเข้า” มู่ซืออวี่โบกมือเรียกเด็กน้อย

เด็กหญิงวางหนังสือในมือแล้ววิ่งไปด้วยขาสั้น ๆ “อะไรหรือเจ้าคะ?”

หญิงสาววางตะกร้าไม้ไผ่ลง ก่อนจะเปิดฝาแล้วประคองลูกเจี๊ยบขึ้นมาอย่างเบามือ

“ว้าว…” ดวงตาคู่โตของลู่จื่ออวิ๋นเบิกกว้าง “ลูกเจี๊ยบเต็มเลย”

“มี 20 ตัว พอพวกมันโตขึ้นแล้วเราก็จะมีไข่ไว้กินเยอะแยะ” มู่ซืออวี่พูดต่อ “เจ้าหิวหรือยัง แม่จะไปทำอาหาร ฝากดูแลลูกเจี๊ยบพวกนี้ด้วย”

ลู่จื่ออวิ๋นเป็นเด็กอ่อนโยนน่ารัก นางมักจะถูกเด็ก ๆ คนอื่นในหมู่บ้านแกล้งเอาได้ง่าย ลู่ฉาวอวี่ต้องช่วยที่บ้านหาของป่าล่าสัตว์ ไม่มีเวลาอยู่กับน้องสาว มู่ซืออวี่จึงคิดจะหาอะไรให้ทำ เด็กน้อยจะได้ไม่เหงา

เด็กหญิงขุดเอาไส้เดือนตัวเล็ก ๆ ที่พื้นดินออกมาเพื่อเลี้ยงลูกไก่ แต่พวกมันไม่ยอมกิน

“ท่านพี่ ทำไมลูกเจี๊ยบไม่กินล่ะเจ้าคะ ไก่ไม่ได้ชอบกินไส้เดือนหรอกหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นเศร้าใจนัก

พี่ชายจอมเคร่งขรึมย่อขาลงนั่งยอง ๆ ข้างน้องสาว มือเล็ก ๆ คว้าไส้เดือนมาวางลงตรงหน้าลูกเจี๊ยบแล้วออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กิน”

พรึ่บ!

ลูกเจี๊ยบวิ่งหนีไปทันที

ลู่ฉาวอวี่ขมวดคิ้ว ส่วนลู่จื่ออวิ๋นกะพริบตาปริบ ๆ มองพี่ชาย “ท่านพี่ ท่านดุเกินไป ลูกเจี๊ยบกลัวหมดแล้ว”

มู่ซืออวี่ที่กำลังทำอาหารในครัวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่เมื่อลู่อี้เข้ามา หญิงสาวก็รีบเก็บอาการแล้วพยายามแสดงบทมู่ซืออวี่อีกครั้ง

ลู่อี้คัดแยกอาหารออกเป็นกลุ่ม ๆ

“เจ้ายุ่งอยู่หรือเปล่า?” นางเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะออกไป

สายตาเย็นชาของชายหนุ่มจดจ้องมาเพื่อรอให้นางเอ่ยปาก

“นวดแป้งให้ข้าหน่อย” มู่ซืออวี่กล่าวต่อไปว่า “วันนี้กลับมาช้าไปหน่อย ไม่มีเวลาทำอะไรมากมาย กินบะหมี่ไปก็แล้วกัน มีเครื่องในหมูที่ซื้อมา ทำเป็นบะหมี่ไส้หมูอร่อยมาก”

“เครื่องในงั้นรึ” ลู่อี้ขมวดคิ้ว

“ข้าบอกว่าอร่อยก็ต้องอร่อยสิ” นางว่าต่อ “แล้วเจ้าจะรู้เอง นวดแป้งให้ข้าก่อน”

ชายหนุ่มพับแขนเสื้อขึ้นเพื่อนวดแป้ง

ห้องครัวค่อนข้างคับแคบ ลู่อี้ตัวสูงใหญ่ เมื่อคนสองคนอยู่ในครัวนี้ด้วยกัน ทุกอย่างก็ใกล้ชิดกันไปหมด ยามเขามองมาที่นาง หญิงสาวก็ไม่รู้ว่าจะไปหลบซ่อนตรงไหนได้

เขาทำงานครัวด้วยท่วงท่าที่สง่างาม น่าเสียดายที่ชายหนุ่มผู้นี้ต้องแต่งงานกับผู้หญิงอย่างเจ้าของร่างเดิม

“เราไม่มีเงินซื้อหม้อใหม่” ลู่อี้ดึงนางออกมาจากห้วงความคิด “เจ้าจะเหม่ออีกนานแค่ไหนกัน”

“หือ?” มู่ซืออวี่มองไปยังหม้อต้มที่เกือบจะไหม้อยู่รอมร่อ “โอ๊ย นี่มันความผิดเจ้านั่นแหละ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+