สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 40 ท่านอย่าใจแคบนักเลย

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 40 ท่านอย่าใจแคบนักเลย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 40 ท่านอย่าใจแคบนักเลย

ตอนที่ 40 ท่านอย่าใจแคบนักเลย

ลู่จื่ออวิ๋นเข้าไปหยิบผ้าขนหนูชุ่มน้ำจากด้านใน จากนั้นก็ยื่นให้ลู่อี้ด้วยมือทั้งสองข้าง

นางกะพริบตากลมโตอันซื่อบริสุทธิ์พลางกล่าวว่า “ท่านพ่อ ล้างหน้าก่อนเถิด”

ลู่ฉาวอวี่วางของลงจากบ่า

ลู่เซวียนเฝ้ามองจากด้านข้างพลางเอ่ยถามเป็นครั้งคราวว่าอีกฝ่ายปรารถนาจะให้ช่วยเหลือสิ่งใดหรือไม่

ลู่อี้จ้องมองผู้คนโดยรอบที่ห่วงใยเขา หัวใจที่ด้านชาพลันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น

หลังเช็ดหน้าด้วยผ้าเปียกนุ่ม เขาก็รับเอาปิ่งและน้ำแกงผักจากมู่ซืออวี่แล้วค่อยอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

“อย่ากังวล ข้าไม่ได้ถูกทำร้ายหรอก”

“ข้ารู้ ท่านไม่ใช่คนที่ผู้อื่นจะรังแกได้ง่าย ๆ” ลู่เซวียนกล่าว “ข้าเพียงกังวลก็เท่านั้น”

“ข้าไม่ได้เก่งกาจถึงเพียงนั้นหรอก” ลู่อี้จ้องมองไปยังมู่ซืออวี่ “หากไม่ใช่เพราะของขวัญล้ำค่าที่ซืออวี่เตรียมไว้ ข้าเองคงเสียหน้าไม่น้อย”

ซืออวี่…

ทุกคนที่ได้ยินดังนั้นต่างจ้องมองทั้งสองด้วยสายตาประหลาดใจ

มู่ซืออวี่พลันรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มของนาง

น้ำเสียงของลูอี้ฟังดูดีเป็นอย่างยิ่ง นางรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยเมื่อได้ยินเขาเรียกตนเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นมันคือความเสียดาย

นางตระหนักได้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจืดจางลงแล้ว การเรียกเพียง ‘ซืออวี่’ ก็ไม่ได้ดูน่าประหลาดใจนัก ทั้งยังไม่ได้ดูสนิทสนมมากจนเกินควรอีกด้วย

หากไม่เรียกซืออวี่แล้วจะให้เรียกอย่างไร? แม่นาง? แม่ของลูก? สะใภ้?

การเรียกเช่นนั้นไม่ประหลาดยิ่งกว่าหรือ

“อะแฮ่ม! นี่เป็นการปรนนิบัติที่ข้าควรทำอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?” มู่ซืออวี่กระแอมสองครั้งก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง

ลู่อี้ร้องงึมงำในลำคอพร้อมซดน้ำแกงผัก จากนั้นก็หลับตาลง

เห็นได้ชัดว่านี่คือน้ำแกงผักป่าที่มีรสขม หลังผ่านกรรมวิธีโดยรสมือของนางแล้ว เหตุใดรสชาติถึงได้เปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้? แม้จะยังมีรสขมอยู่เล็กน้อย แต่ก็ทิ้งรสหวานและกลิ่นหอมคลุ้งอยู่ในปาก

“เจ้าทานข้าวเถิด ข้าขอตัวไปทำงานก่อน”

มู่ซืออวี่ทำความสะอาดห้องพร้อมหยิบเสื้อผ้าสกปรกออกมาจากด้านใน

“อย่าขยับ!” ลู่เซวียนตะโกน

มู่ซืออวี่ทิ้งเสื้อผ้าสกปรกลงทันทีหลังจากได้ยินเสียงตะโกน นางรีบเอ่ยถามว่า “มีสิ่งใดหรือ?”

สีหน้าของลู่เซวียนพลันหม่นลง “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าซักเสื้อผ้าของข้า”

“ไม่ต้องการให้ข้าซัก? แล้วผู้ใดจะซักล้างให้เล่า?” มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว “ข้าจะซักให้เอง จะซักรวมกับเสื้อผ้าของเด็ก ๆ นี่แหละ เสื้อผ้าของเจ้ามีไม่มาก งานบ้านเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ไม่ถือเป็นเรื่องหนักหนาสำหรับข้า เหตุใดเจ้าจึงไม่อยากให้ข้าซักเล่า?”

“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่อยากให้เจ้าซัก” ลู่เซวียนกล่าวพร้อมดึงเสื้อผ้าของเขาออกจากมือมู่ซืออวี่

ลู่อี้กินปิ่งก่อนพร้อมดื่มน้ำแกงผักป่าหนึ่งชาม จากนั้นเขาจึงนำภาชนะและตะเกียบไปเก็บไว้ในครัว

เมื่อได้ยินเสียงสนทนาจากด้านใน เขาจึงกล่าวกับมู่ซืออวี่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “นำเสื้อผ้าของน้องเซวียนออกเถิด ข้าจะสักให้เขาเองในภายหลัง”

“งั้นก็แล้วแต่พวกเจ้า” มู่ซืออวี่ทิ้งอ่างไม้ลงด้วยความโกรธ

ณ ริมแม่น้ำ หญิงสาวราวสองสามคนกำลังสนทนากันถึงเรื่องขบขันขณะกำลังซักเสื้อผ้าสกปรก จากนั้นไม่นานพวกนางก็มองเห็นมู่ซืออวี่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับอ่างไม้

“นี่” หยางจื่อฮวาแตะแขนหวังซื่อ “ตายจริง เจ้าเห็นหรือไม่ว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ใด?”

หวังซื่อจ้องมองมู่ซืออวี่ด้วยแววตาแดงก่ำราวกับปรารถนาจะฉีกนางออกเป็นชิ้น ๆ

ทันทีที่ได้เห็นมู่ซืออวี่ นางก็นึกถึงไก่ทั้งสามตัวนั้น หัวใจราวกับมีความเจ็บปวดแล่นรวดร้าว นางจ้องเขม็งไปยังมู่ซืออวี่ราวกับจะกลืนกินอีกฝ่าย

“ดูเถิด นั่นเป็นภรรยาของผู้ใดกัน? เจ้าว่านางมาผิดที่หรือเปล่า?” หวังซื่อเอ่ยเสียดสี

มู่ซืออวี่จ้องมองไปยังหวังซื่อ จากนั้นนางจึงหยิบก้อนหินขึ้นมาแล้วนั่งลงเพื่อซักผ้า

ฟืด ฟืด!

เมื่อหวังซื่อเห็นว่ามู่ซืออวี่ไม่สนใจนาง นางก็ยิ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

นางเหลือบมองก้อนหินในมือแล้วตีน้ำอย่างแรง

ซ่า!

น้ำจำนวนมากกระเด็นไปยังทิศทางที่มู่ซืออวี่นั่งอยู่

“โอ้ ข้าต้องขออภัย!” เมื่อเห็นมู่ซืออวี่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ แววตาของหวังซื่อก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ข้าเอาจริงเอาจังกับการซักผ้ามากจนลืมสังเกตไปว่าเจ้าอยู่ที่นี่ แต่อย่ากังวลไป นี่ไม่ใช้น้ำสกปรก เจ้าเพียงกลับไปเช็ดให้แห้ง เจ้าคงไม่ถือโทษโกรธข้าใช่หรือไม่?”

“ไม่ ไม่แน่นอน” มู่ซืออวี่เช็ดคราบน้ำบนใบหน้าของนาง

นางหยุดลงในทันใด ก่อนจะชี้ไปยังเท้าของหวังซื่อผู้อยู่ไปก็ผลาญตระกูล “นั่น! งูน้ำ!”

“ที่ใด? อยู่ที่ใด!?” หวังซื่อตกใจจนลื่นไถลลงไปในน้ำ

“กรี๊ด!!”

ฝูงชนโดยรอบตกตะลึงทันที

หวังซื่อสะบัดตัวไปมาในน้ำด้วยความรู้สึกอับอาย

“กรี๊ด! งูน้ำ อะไรกัดส้นเท้าข้า ช่วยด้วย ช่วยด้วยย!”

มู่ซืออวี่กอดอกพลางจ้องมองหวังซื่อ “อย่ากลัวไปเลย ข้าขออภัยที่ทำเช่นนี้ แต่น้ำไม่ได้ลึก ยืนขึ้นก็ได้แล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ท่านตื่นตระหนกเช่นนี้ ท่านคงไม่ถือโทษโกรธข้าใช่หรือไม่?”

หวังซื่อนิ่งไปด้วยความตกตะลึง

นางหยุดดิ้นรนและลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก จากนั้นจึงพบว่าน้ำลึกเพียงช่วงเอวของนางเท่านั้น

ตอนนี้เสื้อผ้าของนางเปียกโชกราวกับภูตน้ำที่คลานขึ้นมา เส้นผมปกคลุมทั่วใบหน้า ผิวกายก็ซีดเซียวอย่างยิ่ง

“เจ้า… เจ้าเจตนาทำให้ข้าเป็นเช่นนี้…” หวังซื่อชี้หน้ามู่ซืออวี่พลางกรีดร้อง “เจ้าเป็นหญิงแพศยา! ลู่อี้แต่งงานกับหญิงอย่างเจ้าได้อย่างไร?”

“โกรธเคืองสิ่งใดข้าเล่า? เมื่อครู่ท่านเป็นคนทำให้ข้าต้องเปียกชุ่ม ข้าไม่ได้ตำหนิท่านเลยสักนิด แต่เมื่อข้าทำเช่นนั้นต่อท่าน เหตุใดท่านจึงโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนั้น?” มู่ซืออวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเราล้วนเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ท่านอย่าใจแคบนักเลย”

“กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะน่า!” หญิงสาวที่อยู่เคียงข้างกล่าวขึ้นมา “เจ้าไม่เห็นการมาถึงของนางจริงหรือ? มู่ซืออวี่ไม่ได้เกรี้ยวโกรธหรือต่อว่าเจ้า เจ้าไม่อาจเอาชนะนางได้หรอก เจ้าเองจะแพ้เอาเปล่า ๆ นะ”

หญิงสาวอีกมากมายในบริเวณนั้นต่างเห็นด้วยและบอกให้หวังซื่อกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

แม้นางจะไม่เต็มใจที่จะจากไปแต่ก็ไม่อาจต้านทานได้ หวังซื่อจึงทำได้เพียงถอนหายใจแล้วจากไป

ทันทีที่นางจากไป ริมฝั่งแม่น้ำก็ปลอดโปร่ง ทุกคนยุ่งอยู่กับกิจของตนเอง เสียงเดียวที่ยังคงเหลืออยู่คือเสียงซักผ้า

หญิงสาวมากมายกำลังซักผ้าอยู่ที่นี่ สิ่งที่เกิดขึ้นท่ามกลางริมน้ำจึงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในหมู่บ้าน เดิมทีมู่ซืออวี่เป็นคนปากร้ายอยู่แล้ว เมื่อทุกคนได้ยินถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ไม่มีผู้ใดกล้ายั่วยุนางอีกต่อไป

“เมื่อครู่ท่านทำสิ่งใดลงไป?” ลู่ฉาวอวี่ยืนอยู่หน้าประตูห้องครัวพลางเอ่ยถาม “ทุกคนในหมู่บ้านบอกว่าท่านผลักหวังซื่อตกลงไปในน้ำ?”

“คนเฒ่าคนแก่ควรสัตย์ซื่อและไม่โกหก” มู่ซืออวี่ล้างถังน้ำพลางตอบกลับ “นางล้มลงไปเอง กล่าวหาว่าข้าผลักลงไปได้อย่างไร?”

“หากท่านไม่ได้ทำสิ่งใด พวกเขาจะกล่าวหาท่านได้อย่างไร?” ลู่ฉาวอวี่ไม่เชื่อว่านางบริสุทธิ์

ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้นางก็ไม่ใช่คนที่ยอมใคร แต่หากไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับนางจริง ปฏิกิริยาของนางก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า” มู่ซืออวี่กล่าว “อย่ามัวยืนนิ่ง ช่วยข้าเติมฟืนเถิด ในหม้อยังมียาอยู่”

สุดท้ายลู่ฉาวอวี่ได้แต่เดินเข้าไปเติมฟืน

ทันทีที่มู่ซืออวี่ล้างถังเก็บน้ำเสร็จ มู่เจิ้งหานก็หาบน้ำเเข้ามา

ในอดีตมู่ซืออวี่ไม่ได้ทำสิ่งใดเลย เมื่อมีลู่อี้อยู่ใกล้ เขาจะเป็นผู้ทำงานหนักเพียงผู้เดียว แต่เมื่อลู่อี้ไม่อยู่ ลู่ฉาวอวี่มักจะทำแทนเสมอ

เรียกว่าเมื่อมีคนช่วยแบ่งเบาภาระ มู่ซืออวี่ก็ไม่ได้ทำสิ่งใดเลย

“ข้าจะยกด้วยตนเอง เหตุใดเจ้าต้องเข้ามาแย่งข้าด้วย?” มู่ซืออวี่แย่งถังน้ำคืน “เจ้าอยู่ในวัยที่กำลังเติบโต ทำงานหนักเดี๋ยวก็หยุดโตกันพอดี อย่าห่วงเลย ข้าจะทำด้วยตนเอง!”

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากถงซื่อแล้ว ไม่มีผู้ใดสนใจมู่เจิ้งหานมากนัก เมื่อได้ยินคำพูดของมู่ซืออวี่ ดวงตาของเขาพลันแดงก่ำ

เด็กชายตอบกลับไปว่า “ข้าทำบ่อยแล้ว ไม่เห็นจะเป็นอะไร”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 40 ท่านอย่าใจแคบนักเลย

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 40 ท่านอย่าใจแคบนักเลย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 40 ท่านอย่าใจแคบนักเลย

ตอนที่ 40 ท่านอย่าใจแคบนักเลย

ลู่จื่ออวิ๋นเข้าไปหยิบผ้าขนหนูชุ่มน้ำจากด้านใน จากนั้นก็ยื่นให้ลู่อี้ด้วยมือทั้งสองข้าง

นางกะพริบตากลมโตอันซื่อบริสุทธิ์พลางกล่าวว่า “ท่านพ่อ ล้างหน้าก่อนเถิด”

ลู่ฉาวอวี่วางของลงจากบ่า

ลู่เซวียนเฝ้ามองจากด้านข้างพลางเอ่ยถามเป็นครั้งคราวว่าอีกฝ่ายปรารถนาจะให้ช่วยเหลือสิ่งใดหรือไม่

ลู่อี้จ้องมองผู้คนโดยรอบที่ห่วงใยเขา หัวใจที่ด้านชาพลันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น

หลังเช็ดหน้าด้วยผ้าเปียกนุ่ม เขาก็รับเอาปิ่งและน้ำแกงผักจากมู่ซืออวี่แล้วค่อยอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

“อย่ากังวล ข้าไม่ได้ถูกทำร้ายหรอก”

“ข้ารู้ ท่านไม่ใช่คนที่ผู้อื่นจะรังแกได้ง่าย ๆ” ลู่เซวียนกล่าว “ข้าเพียงกังวลก็เท่านั้น”

“ข้าไม่ได้เก่งกาจถึงเพียงนั้นหรอก” ลู่อี้จ้องมองไปยังมู่ซืออวี่ “หากไม่ใช่เพราะของขวัญล้ำค่าที่ซืออวี่เตรียมไว้ ข้าเองคงเสียหน้าไม่น้อย”

ซืออวี่…

ทุกคนที่ได้ยินดังนั้นต่างจ้องมองทั้งสองด้วยสายตาประหลาดใจ

มู่ซืออวี่พลันรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มของนาง

น้ำเสียงของลูอี้ฟังดูดีเป็นอย่างยิ่ง นางรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยเมื่อได้ยินเขาเรียกตนเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นมันคือความเสียดาย

นางตระหนักได้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจืดจางลงแล้ว การเรียกเพียง ‘ซืออวี่’ ก็ไม่ได้ดูน่าประหลาดใจนัก ทั้งยังไม่ได้ดูสนิทสนมมากจนเกินควรอีกด้วย

หากไม่เรียกซืออวี่แล้วจะให้เรียกอย่างไร? แม่นาง? แม่ของลูก? สะใภ้?

การเรียกเช่นนั้นไม่ประหลาดยิ่งกว่าหรือ

“อะแฮ่ม! นี่เป็นการปรนนิบัติที่ข้าควรทำอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?” มู่ซืออวี่กระแอมสองครั้งก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง

ลู่อี้ร้องงึมงำในลำคอพร้อมซดน้ำแกงผัก จากนั้นก็หลับตาลง

เห็นได้ชัดว่านี่คือน้ำแกงผักป่าที่มีรสขม หลังผ่านกรรมวิธีโดยรสมือของนางแล้ว เหตุใดรสชาติถึงได้เปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้? แม้จะยังมีรสขมอยู่เล็กน้อย แต่ก็ทิ้งรสหวานและกลิ่นหอมคลุ้งอยู่ในปาก

“เจ้าทานข้าวเถิด ข้าขอตัวไปทำงานก่อน”

มู่ซืออวี่ทำความสะอาดห้องพร้อมหยิบเสื้อผ้าสกปรกออกมาจากด้านใน

“อย่าขยับ!” ลู่เซวียนตะโกน

มู่ซืออวี่ทิ้งเสื้อผ้าสกปรกลงทันทีหลังจากได้ยินเสียงตะโกน นางรีบเอ่ยถามว่า “มีสิ่งใดหรือ?”

สีหน้าของลู่เซวียนพลันหม่นลง “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าซักเสื้อผ้าของข้า”

“ไม่ต้องการให้ข้าซัก? แล้วผู้ใดจะซักล้างให้เล่า?” มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว “ข้าจะซักให้เอง จะซักรวมกับเสื้อผ้าของเด็ก ๆ นี่แหละ เสื้อผ้าของเจ้ามีไม่มาก งานบ้านเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ไม่ถือเป็นเรื่องหนักหนาสำหรับข้า เหตุใดเจ้าจึงไม่อยากให้ข้าซักเล่า?”

“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่อยากให้เจ้าซัก” ลู่เซวียนกล่าวพร้อมดึงเสื้อผ้าของเขาออกจากมือมู่ซืออวี่

ลู่อี้กินปิ่งก่อนพร้อมดื่มน้ำแกงผักป่าหนึ่งชาม จากนั้นเขาจึงนำภาชนะและตะเกียบไปเก็บไว้ในครัว

เมื่อได้ยินเสียงสนทนาจากด้านใน เขาจึงกล่าวกับมู่ซืออวี่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “นำเสื้อผ้าของน้องเซวียนออกเถิด ข้าจะสักให้เขาเองในภายหลัง”

“งั้นก็แล้วแต่พวกเจ้า” มู่ซืออวี่ทิ้งอ่างไม้ลงด้วยความโกรธ

ณ ริมแม่น้ำ หญิงสาวราวสองสามคนกำลังสนทนากันถึงเรื่องขบขันขณะกำลังซักเสื้อผ้าสกปรก จากนั้นไม่นานพวกนางก็มองเห็นมู่ซืออวี่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับอ่างไม้

“นี่” หยางจื่อฮวาแตะแขนหวังซื่อ “ตายจริง เจ้าเห็นหรือไม่ว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ใด?”

หวังซื่อจ้องมองมู่ซืออวี่ด้วยแววตาแดงก่ำราวกับปรารถนาจะฉีกนางออกเป็นชิ้น ๆ

ทันทีที่ได้เห็นมู่ซืออวี่ นางก็นึกถึงไก่ทั้งสามตัวนั้น หัวใจราวกับมีความเจ็บปวดแล่นรวดร้าว นางจ้องเขม็งไปยังมู่ซืออวี่ราวกับจะกลืนกินอีกฝ่าย

“ดูเถิด นั่นเป็นภรรยาของผู้ใดกัน? เจ้าว่านางมาผิดที่หรือเปล่า?” หวังซื่อเอ่ยเสียดสี

มู่ซืออวี่จ้องมองไปยังหวังซื่อ จากนั้นนางจึงหยิบก้อนหินขึ้นมาแล้วนั่งลงเพื่อซักผ้า

ฟืด ฟืด!

เมื่อหวังซื่อเห็นว่ามู่ซืออวี่ไม่สนใจนาง นางก็ยิ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

นางเหลือบมองก้อนหินในมือแล้วตีน้ำอย่างแรง

ซ่า!

น้ำจำนวนมากกระเด็นไปยังทิศทางที่มู่ซืออวี่นั่งอยู่

“โอ้ ข้าต้องขออภัย!” เมื่อเห็นมู่ซืออวี่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ แววตาของหวังซื่อก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ข้าเอาจริงเอาจังกับการซักผ้ามากจนลืมสังเกตไปว่าเจ้าอยู่ที่นี่ แต่อย่ากังวลไป นี่ไม่ใช้น้ำสกปรก เจ้าเพียงกลับไปเช็ดให้แห้ง เจ้าคงไม่ถือโทษโกรธข้าใช่หรือไม่?”

“ไม่ ไม่แน่นอน” มู่ซืออวี่เช็ดคราบน้ำบนใบหน้าของนาง

นางหยุดลงในทันใด ก่อนจะชี้ไปยังเท้าของหวังซื่อผู้อยู่ไปก็ผลาญตระกูล “นั่น! งูน้ำ!”

“ที่ใด? อยู่ที่ใด!?” หวังซื่อตกใจจนลื่นไถลลงไปในน้ำ

“กรี๊ด!!”

ฝูงชนโดยรอบตกตะลึงทันที

หวังซื่อสะบัดตัวไปมาในน้ำด้วยความรู้สึกอับอาย

“กรี๊ด! งูน้ำ อะไรกัดส้นเท้าข้า ช่วยด้วย ช่วยด้วยย!”

มู่ซืออวี่กอดอกพลางจ้องมองหวังซื่อ “อย่ากลัวไปเลย ข้าขออภัยที่ทำเช่นนี้ แต่น้ำไม่ได้ลึก ยืนขึ้นก็ได้แล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ท่านตื่นตระหนกเช่นนี้ ท่านคงไม่ถือโทษโกรธข้าใช่หรือไม่?”

หวังซื่อนิ่งไปด้วยความตกตะลึง

นางหยุดดิ้นรนและลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก จากนั้นจึงพบว่าน้ำลึกเพียงช่วงเอวของนางเท่านั้น

ตอนนี้เสื้อผ้าของนางเปียกโชกราวกับภูตน้ำที่คลานขึ้นมา เส้นผมปกคลุมทั่วใบหน้า ผิวกายก็ซีดเซียวอย่างยิ่ง

“เจ้า… เจ้าเจตนาทำให้ข้าเป็นเช่นนี้…” หวังซื่อชี้หน้ามู่ซืออวี่พลางกรีดร้อง “เจ้าเป็นหญิงแพศยา! ลู่อี้แต่งงานกับหญิงอย่างเจ้าได้อย่างไร?”

“โกรธเคืองสิ่งใดข้าเล่า? เมื่อครู่ท่านเป็นคนทำให้ข้าต้องเปียกชุ่ม ข้าไม่ได้ตำหนิท่านเลยสักนิด แต่เมื่อข้าทำเช่นนั้นต่อท่าน เหตุใดท่านจึงโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนั้น?” มู่ซืออวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเราล้วนเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ท่านอย่าใจแคบนักเลย”

“กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะน่า!” หญิงสาวที่อยู่เคียงข้างกล่าวขึ้นมา “เจ้าไม่เห็นการมาถึงของนางจริงหรือ? มู่ซืออวี่ไม่ได้เกรี้ยวโกรธหรือต่อว่าเจ้า เจ้าไม่อาจเอาชนะนางได้หรอก เจ้าเองจะแพ้เอาเปล่า ๆ นะ”

หญิงสาวอีกมากมายในบริเวณนั้นต่างเห็นด้วยและบอกให้หวังซื่อกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

แม้นางจะไม่เต็มใจที่จะจากไปแต่ก็ไม่อาจต้านทานได้ หวังซื่อจึงทำได้เพียงถอนหายใจแล้วจากไป

ทันทีที่นางจากไป ริมฝั่งแม่น้ำก็ปลอดโปร่ง ทุกคนยุ่งอยู่กับกิจของตนเอง เสียงเดียวที่ยังคงเหลืออยู่คือเสียงซักผ้า

หญิงสาวมากมายกำลังซักผ้าอยู่ที่นี่ สิ่งที่เกิดขึ้นท่ามกลางริมน้ำจึงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในหมู่บ้าน เดิมทีมู่ซืออวี่เป็นคนปากร้ายอยู่แล้ว เมื่อทุกคนได้ยินถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ไม่มีผู้ใดกล้ายั่วยุนางอีกต่อไป

“เมื่อครู่ท่านทำสิ่งใดลงไป?” ลู่ฉาวอวี่ยืนอยู่หน้าประตูห้องครัวพลางเอ่ยถาม “ทุกคนในหมู่บ้านบอกว่าท่านผลักหวังซื่อตกลงไปในน้ำ?”

“คนเฒ่าคนแก่ควรสัตย์ซื่อและไม่โกหก” มู่ซืออวี่ล้างถังน้ำพลางตอบกลับ “นางล้มลงไปเอง กล่าวหาว่าข้าผลักลงไปได้อย่างไร?”

“หากท่านไม่ได้ทำสิ่งใด พวกเขาจะกล่าวหาท่านได้อย่างไร?” ลู่ฉาวอวี่ไม่เชื่อว่านางบริสุทธิ์

ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้นางก็ไม่ใช่คนที่ยอมใคร แต่หากไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับนางจริง ปฏิกิริยาของนางก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า” มู่ซืออวี่กล่าว “อย่ามัวยืนนิ่ง ช่วยข้าเติมฟืนเถิด ในหม้อยังมียาอยู่”

สุดท้ายลู่ฉาวอวี่ได้แต่เดินเข้าไปเติมฟืน

ทันทีที่มู่ซืออวี่ล้างถังเก็บน้ำเสร็จ มู่เจิ้งหานก็หาบน้ำเเข้ามา

ในอดีตมู่ซืออวี่ไม่ได้ทำสิ่งใดเลย เมื่อมีลู่อี้อยู่ใกล้ เขาจะเป็นผู้ทำงานหนักเพียงผู้เดียว แต่เมื่อลู่อี้ไม่อยู่ ลู่ฉาวอวี่มักจะทำแทนเสมอ

เรียกว่าเมื่อมีคนช่วยแบ่งเบาภาระ มู่ซืออวี่ก็ไม่ได้ทำสิ่งใดเลย

“ข้าจะยกด้วยตนเอง เหตุใดเจ้าต้องเข้ามาแย่งข้าด้วย?” มู่ซืออวี่แย่งถังน้ำคืน “เจ้าอยู่ในวัยที่กำลังเติบโต ทำงานหนักเดี๋ยวก็หยุดโตกันพอดี อย่าห่วงเลย ข้าจะทำด้วยตนเอง!”

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากถงซื่อแล้ว ไม่มีผู้ใดสนใจมู่เจิ้งหานมากนัก เมื่อได้ยินคำพูดของมู่ซืออวี่ ดวงตาของเขาพลันแดงก่ำ

เด็กชายตอบกลับไปว่า “ข้าทำบ่อยแล้ว ไม่เห็นจะเป็นอะไร”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+