ราชินีพลิกสวรรค์ 347 คนล่ะ ไปไหนเสียแล้ว

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 347 คนล่ะ ไปไหนเสียแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ตกลงนี่มันเป็นสุสานโบราณหรือนรกกันแน่!”

ทั้งสามคนรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ลู่เสวียนหน้าถอดสี

ก่อนหน้านี้พวกเขาพยายามสุดกำลังเพื่อจะเปิดประตูหิน ตอนนี้กว่าจะเปิดออกได้แต่กลับถูกปกคลุมด้วยจิตสังหารอันเยือกเย็น

“ข้าว่าแค่พวกเราก้าวข้ามธรณีประตูนี้ไปก็จะกลายเป็นคนตายแล้วล่ะ” แววตาของเหวินเหรินชิ่งชิ่งเต็มไปด้วยความสะพรึงกลัว

“สัตว์ประหลาดทดสอบพวกเรา พอเอาชนะพวกมันจึงสามารถเปิดประตูได้ ไม่แน่ด้านหลังประตูนี้อาจมีบททดสอบอีกก็ได้” เมื่อเจียงหลีเอ่ยจบ เจียงหลีก็ยกขาก้าวขึ้นเหยียบขั้นบันได

ยิ่งเข้าใกล้ประตูหินที่เปิดระยะให้คนผ่านได้คนเดียวก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความเฉียบคมของจิตสังหาร

“บททดสอบอย่างนั้นหรือ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งถามอย่างไม่เข้าใจ

เจียงหลีหยุดเดิน สายตาจ้องมองความโกลาหลด้านหลังประตูแล้วอธิบายเสียงเรียบ “หางของสัตว์ประหลาดถูกสลักเข้ากับเสาหินอย่างมั่นคง นี่จึงอธิบายได้ว่า ขอเพียงไม่เข้าไปใกล้ประตูหิน พวกมันก็จะไม่ทำร้ายคนที่เข้ามา หากเจ้าของสุสานต้องการฆ่าทุกคนที่พยายามเข้ามาในสุสานจริงล่ะก็ ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วจะทำเยี่ยงไรได้ ก่อนหน้านี้ก็เจอกองทัพอินซุ่ยมาแล้ว พอมาตอนนี้ยังเจอสัตว์ประหลาดเฝ้าสุสานอีก ถึงแม้จะน่ากลัว แต่ต้องทำลายทางตันเหลือทางรอดอันริบหรี่เอาไว้ให้ได้

“แล้วนี่หมายความว่าอย่างไร” เหวินเหรินชิ่งชิ่งขยี้ถาม

เจียงหลีกลับหัวเราะ “ใครจะไปรู้ล่ะ เจ้าของสุสานต้องการผู้สืบทอดหรือเปล่า”

เมื่อพูดจบแววตาของนางก็ดำดิ่งลงเข้มแข็งขึ้นไม่มีสิ่งใดเปรียบ “ในเมื่อถอยไม่ได้ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว เช่นนั้นก็ทำได้เพียงก้าวต่อไปข้างหน้า”

“ใช่ ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่ต้องยอมแพ้” ลู่เสวียนพูดพลางเดินตามทันเจียงหลี

เหวินเหรินเห็นทั้งสองเลือกเช่นนี้ก็เปลี่ยนสีหน้าจากนั้นจึงเดินตามขึ้นมาสมทบ

“เราไปกันเถอะ” เจียงหลีเอ่ยขึ้นและก้าวเข้าไปในประตูหินก่อนใคร

ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งไม่รอช้ารีบตามนางเข้าไป หลังจากทั้งสามเข้าไปในประตูแล้ว ทันใดนั้นประตูหินก็ปิดกลับไปเหมือนเดิม ที่ด้านนอกประตูหิน เศษก้อนหินแตกของสัตว์ประหลาดเหล่านั้นก็ดูเหมือนว่าจะลอยกลับเข้ามายังเสาหินดังเดิม มีเสียงคำรามของสัตว์ประหลาดดังออกมาแผ่วเบาด้วยความโกรธแต่กลับทำอะไรไม่ได้ พวกมันกลับมาเป็นหินแกะสลักพันรอบเสาหินใหม่อีกครั้ง

“เซ่าจวิน เซ่าจวิน!”

คนล่ะ

ลู่เสวียนยืนอยู่กับที่กวาดสายตามองไปรอบๆ แต่กลับไม่เจอแม้แต่เงาของเจียงหลี

เห็นๆ กันอยู่ว่าพวกเขาสามคนเข้ามาพร้อมกัน แต่พอผ่านความมืดที่เต็มไปด้วยความน่ากลัวและจิตสังหารเข้ามาก็ไม่เห็นเจียงหลีเสียแล้ว

“ตอนเข้ามา เรายังได้ยินเสียงนางชัดเจนอยู่เลยนี่นา” เหวินเหรินชิ่งชิ่งก็กระวนกระวายขึ้นมาบ้าง

ตอนนี้ นางและลู่เสวียนยืนอยู่ท่ามกลางห้องโถงใหญ่ ในห้องโถงใหญ่แห่งนี้ไม่มีสิ่งของที่ฝังมาพร้อมกับศพ แต่เป็นเพียงห้องโถงใหญ่ธรรมดาเท่านั้น พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าเข้ามาได้อย่างไร แค่รู้สึกว่าพอดวงตาได้รับแสงสว่างก็มาปรากฏตัวในที่แห่งนี้เสียแล้ว

แต่ทว่า เจียงหลีหายไปไหน

“หรือว่าเมื่อครู่นี้เดินแยกทางกัน” น้ำเสียงของลู่เสวียนมีความร้อนรนขึ้นมาบ้าง

ท่าทางกระวนกระวายของเขาทำให้เหวินเหรินชิ่งชิ่งยิ่งสงสัยในสถานะของเจียงหลี “เซ่าจวินคนนั้น เป็นนางกำนัลของเจ้าจริงๆ หรือ”

คำถามจู่โจมเช่นนี้ทำเอาลู่เสวียนนิ่งค้างไปทั้งร่าง สถานะของเจียงหลีจะแพร่งพรายออกไปมิได้เด็ดขาด ถึงอย่างไรอีกฝ่ายยังเป็นถึงองค์หญิงแห่งราชวงศ์เป่ยโหรว

“อืม” ลู่เสวียนตอบหนึ่งเสียงด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแล้วเอ่ยประชด “ถึงจะเป็นแค่นางกำนัลแต่ก็เป็นคนมีชีวิตจิตใจ”

เมื่อเห็นว่าเขาเข้าใจตนเองผิด เหวินเหรินชิ่งชิ่งก็หน้าเสียแต่กลับไม่โต้เถียงเพียงแต่พูดออกมาหนึ่งประโยค “วางใจเถอะ ข้ามองเห็นความสามารถของนางที่แข็งแกร่งกว่าเรามาก จะให้ห่วงนางหรือมิสู้ห่วงพวกเราเองดีกว่า”

“เจ้า!” นัยน์ตาของลู่เสวียนฉายแววเดือดพล่าน

เหวินเหรินชิ่งชิ่งจ้องตากลับอย่างไม่สบอารมณ์ ท่าทางโผงผางตรงไปตรงมาทำให้ลู่เสวียนโกรธอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“นางตัวคนเดียว ทั้งยังไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนหรือตกอยู่ในสถานการณ์ใด แล้วไม่คุ้ยเคยกับสุสานโบราณแห่งนี้ เจ้ายังพูดจาแล้งน้ำใจอีก” ลู่เสวียนเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ

เหวินเหรินชิ่งชิ่งแสยะยิ้ม “พูดอย่างกับว่าข้ารู้เรื่องสุสานโบราณนี้ดี ทุกคนต่างก็เคยเข้ามาเป็นครั้งแรกเหมือนกัน ทุกอย่างในนี้นอกจากพวกตระกูลไป๋เซี่ยงหน้าไม่อายแล้วใครจะไปรู้อีกล่ะ”

“…” มุมปากของลู่เสวียนกระตุกอย่างแรง

เหวินเหรินชิ่งชิ่งสำรวจต่อแล้วเอ่ยขึ้นกับเขา “โชคดีที่เราเข้ามาถึงที่ๆ เหมือนโถงสุสานจนได้ ดูก่อนซิว่ามีสิ่งใดหรือไม่แล้วค่อยหาทางออกไป เซ่าจวินหายตัวไปกะทันหัน ไม่แน่เผื่อจู่ๆ นางอาจโผล่ออกมาจากที่อื่นก็เป็นได้”

ลู่เสวียนสูดหายใจเข้าลึก เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นด้วยกับคำพูดของเหวินเหรินชิ่งชิ่ง

เขามาได้อย่างไรก็มิรู้ แล้วจะกลับทางเดิมเพื่อตามหาเจียงหลีได้อย่างไร สำหรับแผนการตอนนี้ดูเหมือนจะทำได้เพียงก้าวต่อไปข้างหน้า แล้วก็หวังว่าเจียงหลีจะปรากฏตัวออกมาเอง

ทั้งสองมองไปรอบๆ ห้องโถงแต่ก็ไม่เจอเบาะแสของมีค่าอะไร สิ่งเดียวที่ไม่ทำให้ทั้งสองต้องผิดหวังก็คือห้องโถงแห่งนี้มิได้ปิดผนึก ทั้งยังมีเส้นทางหนึ่งที่เชื่อมไปยังที่อื่นได้

“ตรงนั้น ตรงนั้นยังมีอีกห้อง เราไปค้นหากันเถอะ”

“อืม เร็วหน่อย เผื่อมีคนเข้ามาคงต้องได้ต่อสู้กันอีกระลอกแน่”

“…”

เสียงบทสนทนาที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ทั้งลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งหยุดฝีเท้าพร้อมกัน

ทั้งสองกลั้นหายใจเงี่ยหูฟัง ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าดังมาจากที่ไกลๆ ทั้งสองสบตาแล้วตัดสินใจพร้อมกันว่า ตามไป!

เมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดว่าสองคนนั้นคือคนของตระกูลไป๋เซี่ยง อีกอย่างเมื่อฟังจากน้ำเสียงของพวกเขา พวกเขาได้เข้าไปในสุสานแล้วและได้ทำการค้นหาเผื่อยังพอได้อะไรกลับไปบ้าง

“เหอะ! พวกตระกูลไป๋เซี่ยงนี่ขี้โกงจริงๆ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งสบถ สายตาเต็มไปด้วยแววมาดร้าย

ถ้าไม่ใช่เพราะขี้โกงจะปล่อยทางให้คนในตระกูลตัวเองเดินเข้ามาง่ายๆ หรือ แล้วยังให้พวกเขาสามคนเดินเข้าไปในอันตราย ทางเข้าที่ห่างไกล ทำไมพวกเขาถึงได้เข้ามาในสุสานล่าช้าเยี่ยงนี้

ลู่เสวียนไม่ได้นึกโมโหมากมายขนาดนั้นแต่กลับหัวเราะเสียอีก “เจ้าบอกแล้วว่าให้ทำตามกฎกติกา สิทธิในการสำรวจครั้งแรกน่าจะเป็นของตระกูลไป๋เซี่ยงที่ค้นพบสุสานโบราณ เจ้าเป็นถึงองค์หญิงแห่งราชวงศ์อยากแทรกแซง พวกเขาโกงนิดโกงหน่อยก็พอจะเข้าใจได้”

“นี่เจ้า!” เมื่อเหวินเหรินชิ่งชิ่งเห็นเขาวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองจึงอดมีสีหน้าสลดลงไม่ได้ นางเอ่ยถาม “แล้วตกลงเจ้ามาจากตระกูลไหน ตระกูลไป๋เซี่ยงได้ให้ผลประโยชน์อะไรเจ้าหรือเปล่า”

“ข้าไม่ได้มาจากตระกูลไหนทั้งนั้น” ลู่เสวียนเอ่ยตอบ

เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “หากข้าแทรกแซงจริง เจ้าและนางกำนัลของเจ้าผู้นั้นจะมีโอกาสเข้ามาได้อย่างไร”

“…” ลู่เสวียนไม่มีสิ่งใดจะเอ่ย

อันที่จริง ประสบการณ์ฝึกฝนเช่นนี้ หากเขารู้เขาก็จะหาทางเข้ามาลองดูเหมือนกัน

“เอาล่ะ เราอย่ามัวแต่เถียงกันเลย” เหวินเหรินชิ่งชิ่งปรับสีหน้าดีขึ้น แต่ดวงตาเฉียบคมกับมองไกล “เราตามศิษย์ตระกูลไป๋เซี่ยงให้ทัน”

“ที่นี่ที่ไหน ลู่เสวียนล่ะ”

เจียงหลียืนงงอยู่บนเส้นทางหนึ่งในสุสาน ข้างกายนางกลับไม่มีใครสักคน

เห็นได้ชัดว่านางเข้ามาพร้อมกับลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่ง แต่ไม่รู้เหตุใด หลังจากที่สายตานางกลับสู่สภาพเดิมก็มาปรากฏตัวบนเส้นทางนี้ในสุสานเสียแล้ว

แล้วปลายทางสุสานแห่งนี้ยังมีประตูอีกบาน

สิ่งที่ทำให้แปลกใจที่สุดคือ ประตูบานนั้นเปิดเอาไว้อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 347 คนล่ะ ไปไหนเสียแล้ว

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 347 คนล่ะ ไปไหนเสียแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ตกลงนี่มันเป็นสุสานโบราณหรือนรกกันแน่!”

ทั้งสามคนรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ลู่เสวียนหน้าถอดสี

ก่อนหน้านี้พวกเขาพยายามสุดกำลังเพื่อจะเปิดประตูหิน ตอนนี้กว่าจะเปิดออกได้แต่กลับถูกปกคลุมด้วยจิตสังหารอันเยือกเย็น

“ข้าว่าแค่พวกเราก้าวข้ามธรณีประตูนี้ไปก็จะกลายเป็นคนตายแล้วล่ะ” แววตาของเหวินเหรินชิ่งชิ่งเต็มไปด้วยความสะพรึงกลัว

“สัตว์ประหลาดทดสอบพวกเรา พอเอาชนะพวกมันจึงสามารถเปิดประตูได้ ไม่แน่ด้านหลังประตูนี้อาจมีบททดสอบอีกก็ได้” เมื่อเจียงหลีเอ่ยจบ เจียงหลีก็ยกขาก้าวขึ้นเหยียบขั้นบันได

ยิ่งเข้าใกล้ประตูหินที่เปิดระยะให้คนผ่านได้คนเดียวก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความเฉียบคมของจิตสังหาร

“บททดสอบอย่างนั้นหรือ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งถามอย่างไม่เข้าใจ

เจียงหลีหยุดเดิน สายตาจ้องมองความโกลาหลด้านหลังประตูแล้วอธิบายเสียงเรียบ “หางของสัตว์ประหลาดถูกสลักเข้ากับเสาหินอย่างมั่นคง นี่จึงอธิบายได้ว่า ขอเพียงไม่เข้าไปใกล้ประตูหิน พวกมันก็จะไม่ทำร้ายคนที่เข้ามา หากเจ้าของสุสานต้องการฆ่าทุกคนที่พยายามเข้ามาในสุสานจริงล่ะก็ ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วจะทำเยี่ยงไรได้ ก่อนหน้านี้ก็เจอกองทัพอินซุ่ยมาแล้ว พอมาตอนนี้ยังเจอสัตว์ประหลาดเฝ้าสุสานอีก ถึงแม้จะน่ากลัว แต่ต้องทำลายทางตันเหลือทางรอดอันริบหรี่เอาไว้ให้ได้

“แล้วนี่หมายความว่าอย่างไร” เหวินเหรินชิ่งชิ่งขยี้ถาม

เจียงหลีกลับหัวเราะ “ใครจะไปรู้ล่ะ เจ้าของสุสานต้องการผู้สืบทอดหรือเปล่า”

เมื่อพูดจบแววตาของนางก็ดำดิ่งลงเข้มแข็งขึ้นไม่มีสิ่งใดเปรียบ “ในเมื่อถอยไม่ได้ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว เช่นนั้นก็ทำได้เพียงก้าวต่อไปข้างหน้า”

“ใช่ ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่ต้องยอมแพ้” ลู่เสวียนพูดพลางเดินตามทันเจียงหลี

เหวินเหรินเห็นทั้งสองเลือกเช่นนี้ก็เปลี่ยนสีหน้าจากนั้นจึงเดินตามขึ้นมาสมทบ

“เราไปกันเถอะ” เจียงหลีเอ่ยขึ้นและก้าวเข้าไปในประตูหินก่อนใคร

ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งไม่รอช้ารีบตามนางเข้าไป หลังจากทั้งสามเข้าไปในประตูแล้ว ทันใดนั้นประตูหินก็ปิดกลับไปเหมือนเดิม ที่ด้านนอกประตูหิน เศษก้อนหินแตกของสัตว์ประหลาดเหล่านั้นก็ดูเหมือนว่าจะลอยกลับเข้ามายังเสาหินดังเดิม มีเสียงคำรามของสัตว์ประหลาดดังออกมาแผ่วเบาด้วยความโกรธแต่กลับทำอะไรไม่ได้ พวกมันกลับมาเป็นหินแกะสลักพันรอบเสาหินใหม่อีกครั้ง

“เซ่าจวิน เซ่าจวิน!”

คนล่ะ

ลู่เสวียนยืนอยู่กับที่กวาดสายตามองไปรอบๆ แต่กลับไม่เจอแม้แต่เงาของเจียงหลี

เห็นๆ กันอยู่ว่าพวกเขาสามคนเข้ามาพร้อมกัน แต่พอผ่านความมืดที่เต็มไปด้วยความน่ากลัวและจิตสังหารเข้ามาก็ไม่เห็นเจียงหลีเสียแล้ว

“ตอนเข้ามา เรายังได้ยินเสียงนางชัดเจนอยู่เลยนี่นา” เหวินเหรินชิ่งชิ่งก็กระวนกระวายขึ้นมาบ้าง

ตอนนี้ นางและลู่เสวียนยืนอยู่ท่ามกลางห้องโถงใหญ่ ในห้องโถงใหญ่แห่งนี้ไม่มีสิ่งของที่ฝังมาพร้อมกับศพ แต่เป็นเพียงห้องโถงใหญ่ธรรมดาเท่านั้น พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าเข้ามาได้อย่างไร แค่รู้สึกว่าพอดวงตาได้รับแสงสว่างก็มาปรากฏตัวในที่แห่งนี้เสียแล้ว

แต่ทว่า เจียงหลีหายไปไหน

“หรือว่าเมื่อครู่นี้เดินแยกทางกัน” น้ำเสียงของลู่เสวียนมีความร้อนรนขึ้นมาบ้าง

ท่าทางกระวนกระวายของเขาทำให้เหวินเหรินชิ่งชิ่งยิ่งสงสัยในสถานะของเจียงหลี “เซ่าจวินคนนั้น เป็นนางกำนัลของเจ้าจริงๆ หรือ”

คำถามจู่โจมเช่นนี้ทำเอาลู่เสวียนนิ่งค้างไปทั้งร่าง สถานะของเจียงหลีจะแพร่งพรายออกไปมิได้เด็ดขาด ถึงอย่างไรอีกฝ่ายยังเป็นถึงองค์หญิงแห่งราชวงศ์เป่ยโหรว

“อืม” ลู่เสวียนตอบหนึ่งเสียงด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแล้วเอ่ยประชด “ถึงจะเป็นแค่นางกำนัลแต่ก็เป็นคนมีชีวิตจิตใจ”

เมื่อเห็นว่าเขาเข้าใจตนเองผิด เหวินเหรินชิ่งชิ่งก็หน้าเสียแต่กลับไม่โต้เถียงเพียงแต่พูดออกมาหนึ่งประโยค “วางใจเถอะ ข้ามองเห็นความสามารถของนางที่แข็งแกร่งกว่าเรามาก จะให้ห่วงนางหรือมิสู้ห่วงพวกเราเองดีกว่า”

“เจ้า!” นัยน์ตาของลู่เสวียนฉายแววเดือดพล่าน

เหวินเหรินชิ่งชิ่งจ้องตากลับอย่างไม่สบอารมณ์ ท่าทางโผงผางตรงไปตรงมาทำให้ลู่เสวียนโกรธอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“นางตัวคนเดียว ทั้งยังไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนหรือตกอยู่ในสถานการณ์ใด แล้วไม่คุ้ยเคยกับสุสานโบราณแห่งนี้ เจ้ายังพูดจาแล้งน้ำใจอีก” ลู่เสวียนเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ

เหวินเหรินชิ่งชิ่งแสยะยิ้ม “พูดอย่างกับว่าข้ารู้เรื่องสุสานโบราณนี้ดี ทุกคนต่างก็เคยเข้ามาเป็นครั้งแรกเหมือนกัน ทุกอย่างในนี้นอกจากพวกตระกูลไป๋เซี่ยงหน้าไม่อายแล้วใครจะไปรู้อีกล่ะ”

“…” มุมปากของลู่เสวียนกระตุกอย่างแรง

เหวินเหรินชิ่งชิ่งสำรวจต่อแล้วเอ่ยขึ้นกับเขา “โชคดีที่เราเข้ามาถึงที่ๆ เหมือนโถงสุสานจนได้ ดูก่อนซิว่ามีสิ่งใดหรือไม่แล้วค่อยหาทางออกไป เซ่าจวินหายตัวไปกะทันหัน ไม่แน่เผื่อจู่ๆ นางอาจโผล่ออกมาจากที่อื่นก็เป็นได้”

ลู่เสวียนสูดหายใจเข้าลึก เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นด้วยกับคำพูดของเหวินเหรินชิ่งชิ่ง

เขามาได้อย่างไรก็มิรู้ แล้วจะกลับทางเดิมเพื่อตามหาเจียงหลีได้อย่างไร สำหรับแผนการตอนนี้ดูเหมือนจะทำได้เพียงก้าวต่อไปข้างหน้า แล้วก็หวังว่าเจียงหลีจะปรากฏตัวออกมาเอง

ทั้งสองมองไปรอบๆ ห้องโถงแต่ก็ไม่เจอเบาะแสของมีค่าอะไร สิ่งเดียวที่ไม่ทำให้ทั้งสองต้องผิดหวังก็คือห้องโถงแห่งนี้มิได้ปิดผนึก ทั้งยังมีเส้นทางหนึ่งที่เชื่อมไปยังที่อื่นได้

“ตรงนั้น ตรงนั้นยังมีอีกห้อง เราไปค้นหากันเถอะ”

“อืม เร็วหน่อย เผื่อมีคนเข้ามาคงต้องได้ต่อสู้กันอีกระลอกแน่”

“…”

เสียงบทสนทนาที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ทั้งลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งหยุดฝีเท้าพร้อมกัน

ทั้งสองกลั้นหายใจเงี่ยหูฟัง ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าดังมาจากที่ไกลๆ ทั้งสองสบตาแล้วตัดสินใจพร้อมกันว่า ตามไป!

เมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดว่าสองคนนั้นคือคนของตระกูลไป๋เซี่ยง อีกอย่างเมื่อฟังจากน้ำเสียงของพวกเขา พวกเขาได้เข้าไปในสุสานแล้วและได้ทำการค้นหาเผื่อยังพอได้อะไรกลับไปบ้าง

“เหอะ! พวกตระกูลไป๋เซี่ยงนี่ขี้โกงจริงๆ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งสบถ สายตาเต็มไปด้วยแววมาดร้าย

ถ้าไม่ใช่เพราะขี้โกงจะปล่อยทางให้คนในตระกูลตัวเองเดินเข้ามาง่ายๆ หรือ แล้วยังให้พวกเขาสามคนเดินเข้าไปในอันตราย ทางเข้าที่ห่างไกล ทำไมพวกเขาถึงได้เข้ามาในสุสานล่าช้าเยี่ยงนี้

ลู่เสวียนไม่ได้นึกโมโหมากมายขนาดนั้นแต่กลับหัวเราะเสียอีก “เจ้าบอกแล้วว่าให้ทำตามกฎกติกา สิทธิในการสำรวจครั้งแรกน่าจะเป็นของตระกูลไป๋เซี่ยงที่ค้นพบสุสานโบราณ เจ้าเป็นถึงองค์หญิงแห่งราชวงศ์อยากแทรกแซง พวกเขาโกงนิดโกงหน่อยก็พอจะเข้าใจได้”

“นี่เจ้า!” เมื่อเหวินเหรินชิ่งชิ่งเห็นเขาวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองจึงอดมีสีหน้าสลดลงไม่ได้ นางเอ่ยถาม “แล้วตกลงเจ้ามาจากตระกูลไหน ตระกูลไป๋เซี่ยงได้ให้ผลประโยชน์อะไรเจ้าหรือเปล่า”

“ข้าไม่ได้มาจากตระกูลไหนทั้งนั้น” ลู่เสวียนเอ่ยตอบ

เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “หากข้าแทรกแซงจริง เจ้าและนางกำนัลของเจ้าผู้นั้นจะมีโอกาสเข้ามาได้อย่างไร”

“…” ลู่เสวียนไม่มีสิ่งใดจะเอ่ย

อันที่จริง ประสบการณ์ฝึกฝนเช่นนี้ หากเขารู้เขาก็จะหาทางเข้ามาลองดูเหมือนกัน

“เอาล่ะ เราอย่ามัวแต่เถียงกันเลย” เหวินเหรินชิ่งชิ่งปรับสีหน้าดีขึ้น แต่ดวงตาเฉียบคมกับมองไกล “เราตามศิษย์ตระกูลไป๋เซี่ยงให้ทัน”

“ที่นี่ที่ไหน ลู่เสวียนล่ะ”

เจียงหลียืนงงอยู่บนเส้นทางหนึ่งในสุสาน ข้างกายนางกลับไม่มีใครสักคน

เห็นได้ชัดว่านางเข้ามาพร้อมกับลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่ง แต่ไม่รู้เหตุใด หลังจากที่สายตานางกลับสู่สภาพเดิมก็มาปรากฏตัวบนเส้นทางนี้ในสุสานเสียแล้ว

แล้วปลายทางสุสานแห่งนี้ยังมีประตูอีกบาน

สิ่งที่ทำให้แปลกใจที่สุดคือ ประตูบานนั้นเปิดเอาไว้อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+