กระบี่จงมา 722.5 ป๋ายเหย่จากไป

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 722.5 ป๋ายเหย่จากไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เกราะทองทวีป

อวี๋เสวียนอยู่ตรงจุดสูงของม่านฟ้าในทวีป บริเวณใกล้เคียงกับที่เขาอยู่ตอนนี้ เดิมทีควรเป็นตำแหน่งที่อริยะปราชญ์ผู้มีรูปปั้นในศาลบุ๋นมาเฝ้าพิทักษ์

ส่วนผู้ฝึกตนเฒ่าขอบเขตบินทะยานในท้องถิ่นของขุนเขาสายน้ำใต้ฝ่าเท้าของเขาอย่างหวานเหยียนเหล่าจิ่ง เป็นถึงขอบเขตบินทะยานแล้ว แต่สภาพกลับแก่ชราหงำเหงือกเหมือนคนแก่ในหมู่ชาวบ้านร้านตลาด ได้แต่เบิกตามองกระแสน้ำแห่งกาลเวลาไหลหายไปทีละนิด แก่ตาย แก่ตาย เทียบกับคนแก่ในหมู่ชาวบ้านแล้วยังสู้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

ในฐานะบุคคลอันดับหนึ่งในบรรดาผู้ฝึกตนของเกราะทองทวีป หวานเหยียนเหล่าจิ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือมานานมากแล้ว เพียงแต่ว่าก่อนจะออกจากด่านก็ได้ปิดด่านมานานถึงห้าร้อยปีแล้ว แทบทุกๆ หนึ่งร้อยปีก็จะต้องมีข่าวเล็กๆ บอกว่าบรรพบุรุษผู้บุกเบิกขุนเขากำลังจะฝ่าทะลุคอขวด ฟ้าดินร่วมกันขานรับแพร่ออกไปทั่วทั้งทวีป เพียงแต่ว่าจำนวนครั้งมากเข้าจึงกลายเป็นว่าไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจสักเท่าไร ตามหลังฮว่อหลงเจินเหรินของอุตรกุรุทวีป เฉินฉุนอันแห่งทักษินาตยทวีป และเทพเจ้าแห่งโชคลาภหลิวของธวัลทวีป หวานเหยียนเหล่าจิ่งขอบเขตบินทะยานของเกราะทองทวีปผู้นี้เคยเป็นผู้ฝึกตนบนยอดเขาในบรรดาผู้ฝึกตนขอบเขตบินทะยานของใต้หล้าไพศาลที่มีหวังจะได้เลื่อนขั้นเป็นหนึ่งในสิบคนของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางมากที่สุด

ส่วนข้อที่ว่าเหตุใดเขาถึงไม่ได้อยู่บนสนามรบของบ้านเกิดที่เดิมทีแพ้ชนะยากจะคาดการณ์ ไปหาปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานของใต้หล้าเปลี่ยวร้างแล้วต่อสู้จนพินาศวอดวายกันไปทั้งสองฝ่ายอย่างดุเดือดกล้าหาญ หรือไม่ก็ทำลายกองทัพใหญ่เผ่าปีศาจให้เละไปในรวดเดียว เหตุใดถึงได้เลือกสังหารผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนของบ้านเกิดตัวเองอย่างกำเริบเสิบสาน สวรรค์เท่านั้นที่รู้

เพราะว่ามหามรรคาขาดสะบั้น จิตวิญญาณและเนื้อหนังมังสาแห้งเหี่ยวเสื่อมโทรม ได้แต่รอความตายอย่างเดียวเท่านั้น จิตแห่งมรรคาก็เลยแหลกสลาย เป็นเหตุให้จิตมารออกอาละวาด ชักนำให้เทวบุตรมารนอกโลกเข้ามาช่วงชิงทะเลสาบหัวใจ?

เพราะว่าเกลียดแค้นพันธนาการที่ใหญ่เทียมฟ้าจากศาลบุ๋นแผ่นดินกลางมานานมากแล้ว? หรือว่าจะเป็นความอาฆาตแค้นในอดีตบางอย่างที่ไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหนแล้ว? สรุปก็คือล้วนถูกกำหนดมาแล้วว่าจะเป็นคดีที่ไม่อาจคลี่คลาย ไม่อาจรู้ความจริงไปได้ตลอดกาล

อวี๋เสวียนคร้านจะสืบสาวให้ลึกถึงแก่นด้วยซ้ำ หวานเหยียนเหล่าจิ่งผู้นั้น เดิมทีก็เป็นตาแก่หัวแข็งนิสัยดื้อรั้น ทั้งสองฝ่ายผูกปมแค้นกันมานานแล้ว อีกทั้งความแค้นนั้นยังไม่ใช่เล็กๆ อีกด้วย

หากไม่เพราะติดที่กฎเกณฑ์คร่ำครึซึ่งน่ารำคาญอย่างถึงที่สุดของศาลบุ๋น อวี๋เสวียนก็คงข้ามทวีปเดินทางมาเยือนเกราะทองทวีปนานแล้ว ไม่ใช่ว่าชอบปิดด่านนักหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็อย่าออกมามันเสียเลย

อวี๋เสวียนก้มหน้าลงมองภาคกลางค่อนไปทางเหนือของเกราะทองทวีปแล้วก็ต้องทอดถอนใจด้วยความปลงอนิจจัง เจ้าเจี่ยเซิงตัวดี ช่างมีฝีมือที่ดีเยี่ยมนัก ยามที่บัณฑิตเกิดจิตใจชั่วร้ายขึ้นมาก็น่ากลัวอย่างถึงที่สุดจริงๆ

บุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำของใบถงทวีปทำให้ภาคกลางค่อนไปทางเหนือของเกราะทองทวีปที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าผู้เฒ่า เว้นเสียจากสำนักตระกูลเซียนอักษรจงไม่กี่แห่งแล้ว ทุกพื้นที่ล้วนมองเห็นได้อย่างชัดเจน สรรพชีวิตมีมากมายหลากหลาย คำกล่าวนี้ช่างเหมาะกับใบถงทวีปเสียจริง

อวี๋เสวียนพลิ้วตัวลงมายังโลกมนุษย์ เขาไม่กล้าใช้จิตหยินเดินทางไกลแม้แต่น้อย อยู่ในเกราะทองทวีปที่แผ่นดินเกินครึ่งตกเป็นของใต้หล้าเปลี่ยวร้างแล้วแห่งนี้ รนหาที่ตายหรือ?

เขาอวี๋เสวียนพอจะเป็นเคล็ดวิชาสายยันต์บ้างเล็กน้อย เป็นหนึ่งในสิบคนของแผ่นดินกลาง แล้วอย่างไร?

ขนาดป๋ายเหย่ เจี่ยเซิงผู้นั้นยังคิดจะฆ่าเลย!

ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางที่กินอาณาบริเวณครึ่งหนึ่งของใต้หล้าไพศาล มีคนสิบคนที่ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งใต้หล้า

ผู้ที่เป็นความภาคภูมิใจที่สุดในโลกมนุษย์ เซียนกวีป๋ายเหย่ เป็นผู้ที่ได้ครอบครองพื้นที่ส่วนหนึ่งไปเพียงลำพัง

อีกเก้าคนที่เหลือแบ่งเป็นอีกสามระดับ ไม่แน่เสมอไปว่าจะถูกต้องแม่นยำ เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกันแล้วค่อนข้างมีชื่อเสียงแพร่หลายมากที่สุด

เทียนซือใหญ่แห่งภูเขามังกรพยัคฆ์ เสาหลักของผู้ฝึกตนสำนักการทหารในใต้หล้า ฝูลู่อวี๋เสวียน

เจิ้งจวีจงแห่งนครจักรพรรดิขาว เทพีแห่งสงครามเผยเปย ปีศาจใหญ่ตนหนึ่งที่ก่อสำนักตั้งพรรคเป็นของตัวเอง

จวี้จื่อแห่งสำนักโม่ บุคคลพิเศษที่ถูกขนานนามว่าสามารถโจมตีเมืองได้ด้วยกำลังของคนคนเดียว เล่าลือกันว่าขอแค่ไม่มีหนึ่งในสิบคนนี้นั่งเฝ้าพิทักษ์ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเซียนอักษรจงแห่งใดก็ล้วนสามารถถูกทำลายจนสิ้นซากย่อยยับได้ในเสี้ยววินาที

โจวเสินจือเซียนกระบี่ผู้เฒ่า

ไหวอิน

ลำดับรายชื่อนี้แน่นอนว่าจงใจอ้อมผ่านศาลบุ๋นแผ่นดินกลางไป

นอกจากนี้ยังมีอีกสิบคนผู้เที่ยงตรงไพศาล เพียงแต่ว่าพวกคนที่ชอบจุ้นจ้านยังทะเลาะกันไม่เลิก ชวนให้หนวกหูน่ารำคาญนัก แม้แต่อวี๋เสวียนก็ยังรู้สึกว่าน่าเบื่อเกินไป

ปรมาจารย์มหาปราชญ์ หลี่เซิ่ง หย่าเซิ่ง ป๋ายเหย่ ตงไห่เจ้าอารามผู้เฒ่าของอารามกวานเต๋า เทียนซือใหญ่แห่งภูเขามังกรพยัคฆ์

ท่านทั้งหลายเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่ผู้ฝึกตนใหญ่ซึ่งอยู่บนยอดเขาอย่างแท้จริงอย่างฝูลู่อวี๋เสวียนค่อนข้างให้การยอมรับ

นอกจากนี้ก็มีขึ้นๆ ลงๆ ไปๆ มาๆ ประเภทที่ว่าสิบคนบวกกับตัวสำรอง ผู้คนพากันพูดไปหลากหลาย ต่างคนต่างก็มีความเห็นแก่ตัวและความชื่นชอบส่วนตัว ยกตัวอย่างเช่นมือกระบี่อาเหลียงสายของหย่าเซิ่ง ปณิธานกระบี่โชติช่วง วิถีกระบี่สูงล้ำ ออกกระบี่แล้วมีมาดองอาจยิ่งใหญ่ดุจขุนเขาสายน้ำมากที่สุด หรือยกตัวอย่างเช่นจั่วโย่ว ลูกศิษย์คนรองของสายเหวินเซิ่งที่เวทกระบี่เลิศล้ำเป็นหนึ่งในใต้หล้า

อวี๋เสวียนสังเกตเห็นว่าขอบเขตบินทะยานตนนั้นหนีไปแล้ว ผู้ฝึกยุทธรุ่นเยาว์สองคนนั้นไม่มีปัญหาใดๆ กลับกลายเป็นว่าอวี๋เสวียนรู้สึกกลุ้มใจอยู่บ้าง อะไรกัน หากมาเสียเที่ยวก็ต้องแอบดอดกลับไปที่ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางจริงๆ หรือ? ต้องสังหารหรือไม่ก็ทำให้ปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานนอกเหนือจากปีศาจบนบัลลังก์สิบสี่ตนบาดเจ็บสาหัสเสียบ้าง มโนธรรมในใจจึงจะสงบลงได้ ส่วนฝูเหยาทวีปนั่น อวี๋เสวียนไม่ยินดีจะเข้าไปเหยียบน้ำขุ่นบ่อนั้นจริงๆ น้ำลึกเกินไป

ข้าอวี๋เสวียนก็ตัวเตี้ยเสียด้วยสิ

อวี๋เสวียนยังติดสินใจไม่ได้ เลยคิดว่าจะไปคุยเล่นกับผู้ฝึกยุทธรุ่นเยาว์สองคนนั้นให้สบายใจเสียก่อน

คาดไม่ถึงว่าเฉาสือเพียงแค่ยิ้มบางๆ กุมหมัดเอ่ยขอบคุณแล้วก็ขอตัวลาจากไป มองดูแล้วท่าทางยังสงบเยือกเย็นอย่างมากด้วย?

กลับเป็นแม่นางน้อยผิวคล้ำที่รูปโฉมสง่างามที่มีมารยาทมากกว่า ไม่เพียงแต่กุมหมัดเอ่ยขอบคุณ ยังไม่ได้จากไปทันทีทันใดอีกด้วย

อวี๋เสวียนอดไม่ไหวหันไปมองทางทิศใต้

ถึงอย่างไรฝูเหยาทวีปก็ไม่ใช่ของใต้หล้าไพศาลอีกต่อไปแล้ว แต่กลายเป็นอาณาเขตแผ่นดินของใต้หล้าเปลี่ยวร้างแล้ว

บางทีเจ้าป๋ายเหย่อาจไม่ถือสาว่าตัวเองได้อยู่ในใต้หล้าไพศาลหรือไม่ แต่สัตว์เดรัจฉานหกตัวฝ่ายตรงข้ามกลับเหยียบยืนอยู่บนขุนเขาสายน้ำบ้านตัวเอง

ค่ายกลใหญ่ยี่สิบสี่ฤดูกาลของแจกันสมบัติทวีปมองดูเหมือนเลื่อนลอย หรืออาจถึงขั้นไร้ประโยชน์ ทว่าความลี้ลับมหัศจรรย์มากที่สุดในนั้น คนธรรมดามองไม่ออก แต่เจ้าป๋ายเหย่จะไม่รู้เชียวหรือ

โชคชะตาแห่งสวรรค์ส่วนหนึ่ง

สิ่งหนึ่งเพิ่มขึ้น สิ่งหนึ่งลดลง

การเข่นฆ่าของผู้ฝึกตนแจกันสมบัติทวีปที่ไม่มีโอกาสจะชนะได้เลย อยู่ดีๆ กลับมีโอกาสชนะเพิ่มมาส่วนหนึ่ง สำคัญหรือไม่?

ฝีมือสูสี จากโอกาสชนะห้าต่อห้าส่วนกลายเป็นหกส่วน? ใช่กุญแจสำคัญหรือไม่?

โอกาสชนะเก้าส่วน กลายเป็นโอกาสชนะสิบส่วนเต็ม? ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่เป็นศัตรูด้วยจะต้องอกสั่นขวัญผวาหรือไม่?

ป๋ายเหย่ลดกระบี่ลงสู่ฝูเหยาทวีป การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างจากการเลือกที่จะรอคอยการล้อมสังหารเพียงลำพังอย่างสงบ

แต่จำนวนของปีศาจใหญ่ที่ล้อมฆ่าป๋ายเหย่ รวมไปถึงขอบเขตของพวกมัน คาดว่าต่อให้เป็นป๋ายเหย่ก็ยังต้องเจอเรื่องไม่คาดฝัน

เพียงแต่ว่าเจ้าป๋ายเหย่ผู้นี้ เรื่องไม่คาดฝันก็เป็นแค่เรื่องไม่คาดฝัน มิอาจขัดขวางการออกกระบี่ของเขาได้ก็เท่านั้น

ตาเฒ่าตระกูลไหวเป็นคนที่ชอบช่วงชิงความได้เปรียบ ทั้งยังจะต้องสร้างชื่อเสียงอันดีงามให้ตัวเองไปพร้อมๆ กันด้วย ดังนั้นจึงไปยังทักษินาตยทวีปที่มีเฉินฉุนอันนั่งเฝ้าพิทักษ์แล้ว

ตาเฒ่าเจ้าอารมณ์อย่างโจวเสินจือออกจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางมายังฝูเหยาทวีป แล้วเป็นอย่างไร? สมกับเป็นวีรบุรุษหรือไม่? ห้าวหาญสมกับเป็นวีรบุรุษอย่างยิ่ง! อยู่ในถ้ำซานสุ่ยที่อยู่เลียบมหาสมุทรของฝูเหยาทวีป สังหารปีศาจได้อย่างสาแก่ใจหรือไม่ สาแก่ใจอย่างยิ่ง! แล้วต่อจากนั้นล่ะ? ไม่มีต่อจากนั้นแล้ว หนึ่งในสิบคนของแผ่นดินกลาง นึกจะตายก็ตายไปอย่างนี้เอง

ทำให้ตาเฒ่าไหวซ่วนผานที่อยู่อันดับสิบรั้งท้ายกลายมาเป็นอันดับที่เก้า

ตอนที่โจวเสินจือยังมีชีวิตอยู่บนโลก เคยพูดว่าอะไรแล้วนะ ขอแค่ข้าผู้อาวุโสยังอยู่ ก็จะนั่งบนเก้าอี้ตัวที่เก้าอย่างมั่นคงตลอดไป ต่อให้ยกอันดับที่แปดให้ ข้าผู้อาวุโสก็ไม่เอา ข้าจะให้ไหวซ่วนผานอยู่อันดับสุดท้ายไปชั่วชีวิต จะคอยฉี่อึราดรดหัวเขาอยู่อย่างนี้

ปีศาจใหญ่หกตนเชียวนะ

หากมีตัวที่เจ็ดเพิ่มเข้ามาล่ะ?

หากกับผายลมอะไรกัน ต้องมีแน่นอน!

ตรงท่าเรือทางทิศเหนือของฝูเหยาทวีป โจวมี่นับนิ้วคำนวณอยู่เงียบๆ

ฝูเหยาทวีป

เป็นชื่อดีที่ยิ่งนัก เหมาะสมกับป๋ายเหย่พอดี

หลิวชาจะเป็นคนที่เจ็ด

และหลิวชาเองก็กำลังอยู่ระหว่างเดินทางไปฝูเหยาทวีปจริงๆ อีกทั้งยังไม่ได้จงใจอำพรางปราณกระบี่ และนี่ก็อยู่ในสายตาของผู้ฝึกตนบนยอดเขาของทักษินาตยทวีป ร่างของเขากลายเป็นแสงกระบี่เส้นหนึ่งที่ออกเดินทางไกล

ก่อนหน้านี้อาจารย์โจวได้ให้ทางเลือกสองอย่างแก่จอมยุทธเคราดกแห่งใต้หล้าเปลี่ยวร้างผู้นี้ ร่วมมือกับหลงจวินสังหารผู้เยาว์ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ผู้นั้น หรือไปส่งป๋ายเหย่ออกเดินทางเป็นครั้งสุดท้ายในฝูเหยาทวีป

มือกระบี่ส่งมือกระบี่

ถึงอย่างไรก็ดีกว่าให้ป๋ายเหย่ตายอนาถอยู่ท่ามกลางเวทวิชาอภินิหาร ถึงอย่างไรก็ทำให้เขาตายอย่างสมใจปรารถนาได้มากหน่อย

ชอบเป็นนกที่บินออกหน้านักไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นก็ฆ่าทิ้งซะ

โจวเสินจือเป็นเพียงแค่คนแรก ส่วนหวานเหยียนเหล่าจิ่งขอบเขตบินทะยานที่สติวิปลาสผู้นั้นกลับเป็นความสุดโต่งอีกทางหนึ่งอย่างสิ้นเชิง

เหมือนอย่างที่บรรพบุรุษใหญ่ของภูเขาทัวเยว่ว่าไว้ที่ซากปรักของภูเขาห้อยหัวจริงๆ ตอนนั้นเขาป่าวประกาศแก่ใต้หล้าว่า ใต้หล้าไพศาลของพวกเจ้าไม่ได้มีอิสระกันมานานมากแล้ว

ใครทำให้ผู้ฝึกตนบนยอดเขาไม่มีอิสระ? แน่นอนว่าต้องเป็นกฎของลัทธิขงจื๊อ จุดที่น่าชิงชังรังเกียจที่สุดก็คือยิ่งขอบเขตสูงเท่าไร พันธนาการก็ยิ่งหนาหนักมากเท่านั้น ขอบเขตบินทะยานจะออกจากทวีปของตัวเองยังต้องบอกกล่าวแก่อริยะปราชญ์ที่มีรูปปั้นในศาลบุ๋นซึ่งเฝ้าพิทักษ์ม่านฟ้าเสียก่อน ต้องได้รับอนุญาตถึงจะเดินทางไกลข้ามทวีปได้ อย่าว่าแต่ใต้หล้าเปลี่ยวร้างเลย ต่อให้เป็นใต้หล้ามืดสลัวที่ลัทธิเต๋ายึดครองความเป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียว เคยมีกฎเช่นนี้ไหม? กลับกลายเป็นใต้หล้าไพศาลที่ร้อยสำนักร้องประชันที่ดันมีกฎเกณฑ์มากมายคอยพันธนาการเซียนเหรินและขอบเขตบินทะยาน

หลิวชาจึงเลือกอย่างที่สอง

อยู่ที่ใต้หล้าเปลี่ยวร้างไม่ค่อยได้ออกแรงทำอะไร นั่นก็เพราะเคารพในตัวเฉินชิงตูและผู้ฝึกกระบี่ทั้งหลาย แต่นี่มาถึงใต้หล้าไพศาลแล้ว หลังจากถามกระบี่เฉินฉุนอันไปหนึ่งครั้งจะไม่ให้ออกกระบี่อีกเลยก็คงไม่ได้กระมัง

เดิมทีป๋ายเหย่ก็เหมือนอาเหลียง เป็นคนที่หลิวชาอยากถามกระบี่ด้วยมากที่สุด

ไม่อาจถามกระบี่ตัวต่อตัว แล้วอย่างไรเล่า หลิวชาก็อยากอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่มีโอกาสให้ทำได้

สุดท้ายอาจารย์โจวเอ่ยสองประโยค ประโยคแรกคือ ‘รบกวนอาจารย์หลิวจดจำไว้ด้วยว่าบ้านเกิดของตัวเองอยู่ที่ใด’

ประโยคที่สองคือ ‘ภูเขาทัวเยว่ขอเชิญหลิวชาออกกระบี่’

นอกจากนี้อันที่จริงอาจารย์โจวก็ถือโอกาสวางแผนเล่นงานเฉินฉุนอันและตลอดทั้งทักษินาตยทวีปไปด้วยแล้ว

โจวเสินจือกายดับมรรคาสลาย ฝูเหยาทวีปและใบถงทวีปตกอยู่ในเงื้อมมือของใต้หล้าเปลี่ยวร้าง

มีเพียงทักษินาตยทวีปที่อยู่ใกล้ภูเขาห้อยหัวและกำแพงเมืองปราณกระบี่มากที่สุดที่สงครามใหญ่ยังคงเปิดฉากน้อยครั้ง ไม่เจ็บไม่คันใดๆ

ถ้าขนาดป๋ายเหย่ก็ยังมาตายอยู่ที่ฝูเหยาทวีป

ถ้าอย่างนั้นเฉินฉุนอันผู้รอบรู้เล่า?

ทุกวันนี้ทักษินาตยทวีปทั้งมีบรรพบุรุษตระกูลไหวพาคนไปช่วยเป็นกองหนุน และยิ่งมีลู่จือหนึ่งในสิบเซียนกระบี่บนยอดเขาใหญ่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่ที่คอยช่วยคุมหลังให้

เฉินฉุนอันช่างว่างงานยิ่งนัก ผู้รอบรู้ผู้เที่ยงธรรมไพศาลท่านนี้นั่งตกปลาได้อย่างสบายอารมณ์เสียจริง

โจวมี่หยุดความคิดในใจ สะบัดชายแขนเสื้อเบาๆ ยิ้มเอ่ยกับชุยฉานว่า “รอแค่จั่วโย่วออกกระบี่โจมตีให้เซียวสวิ้นถอยร่นเท่านั้น ใช้สถานะของลูกศิษย์มาปลิดชีพอาจารย์ไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นค่อยไปฝูเหยาทวีป”

ชุยฉานเงียบงันไม่เอ่ยคำ

นั่นเป็นเรื่องที่จั่วโย่วจะทำ ต่อให้จั่วโย่วไม่ทำ ซิ่วไฉเฒ่าก็จะบีบให้จั่วโย่วยอมก้มหัวไปออกกระบี่

เส้นสายตาของชุยฉานขยับไปทางทิศใต้ยิ่งกว่าโจวมี่

เพียงไม่นานทางฝั่งนั้นก็มีต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้าต้นหนึ่งตั้งตระหง่าน คือหอพิทักษ์เมืองแห่งหนึ่ง

ซิ่วไฉมอบของชิ้นหนึ่งให้หลิวสือลิ่วช่วยนำไปมอบให้ที่ใบถงทวีป

อารามกวานเต๋า ใบถงทวีป ต้นอู๋ถง

เจ้าวางแผนของเจ้า ข้าก็วางแผนของข้า

ข้าชุยฉานไม่สนใจคนและเรื่องราวที่เจ้าวางแผนเล่นงาน อย่าว่าแต่ความเป็นความตายของป๋ายเหย่คนเดียวเลย แม้แต่ความเป็นและความตายของซิ่วไฉเฒ่ากับจั่วโย่ว เขาก็ไม่สนใจเหมือนกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉินฉุนที่มีชาติกำเนิดจากสายหย่าเซิ่ง

มีใครบ้างที่ข้าชุยฉานไม่อาจวางใจได้

แต่แผนการเล็กๆ น้อยๆ ของข้าชุยฉาน เมื่อมีมอบให้ก็ต้องมีส่งกลับคืน อยากจะรู้นักว่าเจ้าเจี่ยเซิงจะกล้าไม่สนใจหรือไม่ จะไม่อาจไม่สนใจได้หรือไม่

บนเส้นแนวรบสามเส้นของในทวีปล้วนมีคนตายอยู่ตลอดเวลา สีหน้าของราชครูต้าหลีกลับสุขุมเยือกเย็นอยู่เสมอ นอกจากบังคับป๋ายอวี้จิงและกระบี่บินให้สังหารปีศาจใหญ่แล้ว ก็ทำเพียงแค่อธิบายแก่นอันสำคัญของเมธีร้อยสำนักให้กับลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อฟังเท่านั้น

นอกจากวางแผนกับใจคน เขายังคอยแบ่งสมาธิไปถามตอบกับพวกลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อด้วย มีลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อของสำนักศึกษากวานหูที่ท่าทางฮึกเหิมมีชีวิตชีวาคนหนึ่งไม่รู้คิดอย่างไรถึงได้พูดถึงเรื่องเอาจิตใจผูกไว้กับใต้หล้าไม่ต้องสนบ้านเมือง

ชุยฉานจึงเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ไม่สนบ้านเมืองกับมารดามันเถอะ”

บรรยากาศรอบด้านพลันเงียบกริบ

คนที่พูดประโยคนี้ไม่ใช่ชุยตงซาน แต่เป็นราชครูชุยฉาน

ฝูเหยาทวีป ป๋ายเหย่พกกระบี่ออกจากโรงเรียนทุรกันดารแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไกลจากไฟสงคราม รับฟังเสียงทุ้มหนักสำเนียงท้องถิ่นของอาจารย์ผู้เฒ่าที่กำลังช่วยถ่ายทอดความรู้ไขข้อข้องใจให้กับเด็กนักเรียนตัวน้อย

ป๋ายเหย่กวาดตามองรอบด้าน คลี่ยิ้มอ่อนจาง

ไม่รู้ว่าต้นหลีที่บ้านเกิดต้นนั้นออกดอกสีขาวบานสะพรั่งแล้วหรือยัง

ที่แท้หลังจากท่านพ่อท่านแม่จากไป ก็คือการเดินทางไกลครั้งหนึ่ง

บัณฑิตป๋ายเหย่ ไม่ละอายใจต่อชีวิตนี้ ไม่ละอายใจต่อความเที่ยงตรงไพศาล

ถ้าอย่างนั้นป๋ายเหย่ก็ขอจากไปนับแต่นี้

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กระบี่จงมา 722.5 ป๋ายเหย่จากไป

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 722.5 ป๋ายเหย่จากไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เกราะทองทวีป

อวี๋เสวียนอยู่ตรงจุดสูงของม่านฟ้าในทวีป บริเวณใกล้เคียงกับที่เขาอยู่ตอนนี้ เดิมทีควรเป็นตำแหน่งที่อริยะปราชญ์ผู้มีรูปปั้นในศาลบุ๋นมาเฝ้าพิทักษ์

ส่วนผู้ฝึกตนเฒ่าขอบเขตบินทะยานในท้องถิ่นของขุนเขาสายน้ำใต้ฝ่าเท้าของเขาอย่างหวานเหยียนเหล่าจิ่ง เป็นถึงขอบเขตบินทะยานแล้ว แต่สภาพกลับแก่ชราหงำเหงือกเหมือนคนแก่ในหมู่ชาวบ้านร้านตลาด ได้แต่เบิกตามองกระแสน้ำแห่งกาลเวลาไหลหายไปทีละนิด แก่ตาย แก่ตาย เทียบกับคนแก่ในหมู่ชาวบ้านแล้วยังสู้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

ในฐานะบุคคลอันดับหนึ่งในบรรดาผู้ฝึกตนของเกราะทองทวีป หวานเหยียนเหล่าจิ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือมานานมากแล้ว เพียงแต่ว่าก่อนจะออกจากด่านก็ได้ปิดด่านมานานถึงห้าร้อยปีแล้ว แทบทุกๆ หนึ่งร้อยปีก็จะต้องมีข่าวเล็กๆ บอกว่าบรรพบุรุษผู้บุกเบิกขุนเขากำลังจะฝ่าทะลุคอขวด ฟ้าดินร่วมกันขานรับแพร่ออกไปทั่วทั้งทวีป เพียงแต่ว่าจำนวนครั้งมากเข้าจึงกลายเป็นว่าไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจสักเท่าไร ตามหลังฮว่อหลงเจินเหรินของอุตรกุรุทวีป เฉินฉุนอันแห่งทักษินาตยทวีป และเทพเจ้าแห่งโชคลาภหลิวของธวัลทวีป หวานเหยียนเหล่าจิ่งขอบเขตบินทะยานของเกราะทองทวีปผู้นี้เคยเป็นผู้ฝึกตนบนยอดเขาในบรรดาผู้ฝึกตนขอบเขตบินทะยานของใต้หล้าไพศาลที่มีหวังจะได้เลื่อนขั้นเป็นหนึ่งในสิบคนของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางมากที่สุด

ส่วนข้อที่ว่าเหตุใดเขาถึงไม่ได้อยู่บนสนามรบของบ้านเกิดที่เดิมทีแพ้ชนะยากจะคาดการณ์ ไปหาปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานของใต้หล้าเปลี่ยวร้างแล้วต่อสู้จนพินาศวอดวายกันไปทั้งสองฝ่ายอย่างดุเดือดกล้าหาญ หรือไม่ก็ทำลายกองทัพใหญ่เผ่าปีศาจให้เละไปในรวดเดียว เหตุใดถึงได้เลือกสังหารผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนของบ้านเกิดตัวเองอย่างกำเริบเสิบสาน สวรรค์เท่านั้นที่รู้

เพราะว่ามหามรรคาขาดสะบั้น จิตวิญญาณและเนื้อหนังมังสาแห้งเหี่ยวเสื่อมโทรม ได้แต่รอความตายอย่างเดียวเท่านั้น จิตแห่งมรรคาก็เลยแหลกสลาย เป็นเหตุให้จิตมารออกอาละวาด ชักนำให้เทวบุตรมารนอกโลกเข้ามาช่วงชิงทะเลสาบหัวใจ?

เพราะว่าเกลียดแค้นพันธนาการที่ใหญ่เทียมฟ้าจากศาลบุ๋นแผ่นดินกลางมานานมากแล้ว? หรือว่าจะเป็นความอาฆาตแค้นในอดีตบางอย่างที่ไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหนแล้ว? สรุปก็คือล้วนถูกกำหนดมาแล้วว่าจะเป็นคดีที่ไม่อาจคลี่คลาย ไม่อาจรู้ความจริงไปได้ตลอดกาล

อวี๋เสวียนคร้านจะสืบสาวให้ลึกถึงแก่นด้วยซ้ำ หวานเหยียนเหล่าจิ่งผู้นั้น เดิมทีก็เป็นตาแก่หัวแข็งนิสัยดื้อรั้น ทั้งสองฝ่ายผูกปมแค้นกันมานานแล้ว อีกทั้งความแค้นนั้นยังไม่ใช่เล็กๆ อีกด้วย

หากไม่เพราะติดที่กฎเกณฑ์คร่ำครึซึ่งน่ารำคาญอย่างถึงที่สุดของศาลบุ๋น อวี๋เสวียนก็คงข้ามทวีปเดินทางมาเยือนเกราะทองทวีปนานแล้ว ไม่ใช่ว่าชอบปิดด่านนักหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็อย่าออกมามันเสียเลย

อวี๋เสวียนก้มหน้าลงมองภาคกลางค่อนไปทางเหนือของเกราะทองทวีปแล้วก็ต้องทอดถอนใจด้วยความปลงอนิจจัง เจ้าเจี่ยเซิงตัวดี ช่างมีฝีมือที่ดีเยี่ยมนัก ยามที่บัณฑิตเกิดจิตใจชั่วร้ายขึ้นมาก็น่ากลัวอย่างถึงที่สุดจริงๆ

บุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำของใบถงทวีปทำให้ภาคกลางค่อนไปทางเหนือของเกราะทองทวีปที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าผู้เฒ่า เว้นเสียจากสำนักตระกูลเซียนอักษรจงไม่กี่แห่งแล้ว ทุกพื้นที่ล้วนมองเห็นได้อย่างชัดเจน สรรพชีวิตมีมากมายหลากหลาย คำกล่าวนี้ช่างเหมาะกับใบถงทวีปเสียจริง

อวี๋เสวียนพลิ้วตัวลงมายังโลกมนุษย์ เขาไม่กล้าใช้จิตหยินเดินทางไกลแม้แต่น้อย อยู่ในเกราะทองทวีปที่แผ่นดินเกินครึ่งตกเป็นของใต้หล้าเปลี่ยวร้างแล้วแห่งนี้ รนหาที่ตายหรือ?

เขาอวี๋เสวียนพอจะเป็นเคล็ดวิชาสายยันต์บ้างเล็กน้อย เป็นหนึ่งในสิบคนของแผ่นดินกลาง แล้วอย่างไร?

ขนาดป๋ายเหย่ เจี่ยเซิงผู้นั้นยังคิดจะฆ่าเลย!

ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางที่กินอาณาบริเวณครึ่งหนึ่งของใต้หล้าไพศาล มีคนสิบคนที่ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งใต้หล้า

ผู้ที่เป็นความภาคภูมิใจที่สุดในโลกมนุษย์ เซียนกวีป๋ายเหย่ เป็นผู้ที่ได้ครอบครองพื้นที่ส่วนหนึ่งไปเพียงลำพัง

อีกเก้าคนที่เหลือแบ่งเป็นอีกสามระดับ ไม่แน่เสมอไปว่าจะถูกต้องแม่นยำ เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกันแล้วค่อนข้างมีชื่อเสียงแพร่หลายมากที่สุด

เทียนซือใหญ่แห่งภูเขามังกรพยัคฆ์ เสาหลักของผู้ฝึกตนสำนักการทหารในใต้หล้า ฝูลู่อวี๋เสวียน

เจิ้งจวีจงแห่งนครจักรพรรดิขาว เทพีแห่งสงครามเผยเปย ปีศาจใหญ่ตนหนึ่งที่ก่อสำนักตั้งพรรคเป็นของตัวเอง

จวี้จื่อแห่งสำนักโม่ บุคคลพิเศษที่ถูกขนานนามว่าสามารถโจมตีเมืองได้ด้วยกำลังของคนคนเดียว เล่าลือกันว่าขอแค่ไม่มีหนึ่งในสิบคนนี้นั่งเฝ้าพิทักษ์ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเซียนอักษรจงแห่งใดก็ล้วนสามารถถูกทำลายจนสิ้นซากย่อยยับได้ในเสี้ยววินาที

โจวเสินจือเซียนกระบี่ผู้เฒ่า

ไหวอิน

ลำดับรายชื่อนี้แน่นอนว่าจงใจอ้อมผ่านศาลบุ๋นแผ่นดินกลางไป

นอกจากนี้ยังมีอีกสิบคนผู้เที่ยงตรงไพศาล เพียงแต่ว่าพวกคนที่ชอบจุ้นจ้านยังทะเลาะกันไม่เลิก ชวนให้หนวกหูน่ารำคาญนัก แม้แต่อวี๋เสวียนก็ยังรู้สึกว่าน่าเบื่อเกินไป

ปรมาจารย์มหาปราชญ์ หลี่เซิ่ง หย่าเซิ่ง ป๋ายเหย่ ตงไห่เจ้าอารามผู้เฒ่าของอารามกวานเต๋า เทียนซือใหญ่แห่งภูเขามังกรพยัคฆ์

ท่านทั้งหลายเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่ผู้ฝึกตนใหญ่ซึ่งอยู่บนยอดเขาอย่างแท้จริงอย่างฝูลู่อวี๋เสวียนค่อนข้างให้การยอมรับ

นอกจากนี้ก็มีขึ้นๆ ลงๆ ไปๆ มาๆ ประเภทที่ว่าสิบคนบวกกับตัวสำรอง ผู้คนพากันพูดไปหลากหลาย ต่างคนต่างก็มีความเห็นแก่ตัวและความชื่นชอบส่วนตัว ยกตัวอย่างเช่นมือกระบี่อาเหลียงสายของหย่าเซิ่ง ปณิธานกระบี่โชติช่วง วิถีกระบี่สูงล้ำ ออกกระบี่แล้วมีมาดองอาจยิ่งใหญ่ดุจขุนเขาสายน้ำมากที่สุด หรือยกตัวอย่างเช่นจั่วโย่ว ลูกศิษย์คนรองของสายเหวินเซิ่งที่เวทกระบี่เลิศล้ำเป็นหนึ่งในใต้หล้า

อวี๋เสวียนสังเกตเห็นว่าขอบเขตบินทะยานตนนั้นหนีไปแล้ว ผู้ฝึกยุทธรุ่นเยาว์สองคนนั้นไม่มีปัญหาใดๆ กลับกลายเป็นว่าอวี๋เสวียนรู้สึกกลุ้มใจอยู่บ้าง อะไรกัน หากมาเสียเที่ยวก็ต้องแอบดอดกลับไปที่ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางจริงๆ หรือ? ต้องสังหารหรือไม่ก็ทำให้ปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานนอกเหนือจากปีศาจบนบัลลังก์สิบสี่ตนบาดเจ็บสาหัสเสียบ้าง มโนธรรมในใจจึงจะสงบลงได้ ส่วนฝูเหยาทวีปนั่น อวี๋เสวียนไม่ยินดีจะเข้าไปเหยียบน้ำขุ่นบ่อนั้นจริงๆ น้ำลึกเกินไป

ข้าอวี๋เสวียนก็ตัวเตี้ยเสียด้วยสิ

อวี๋เสวียนยังติดสินใจไม่ได้ เลยคิดว่าจะไปคุยเล่นกับผู้ฝึกยุทธรุ่นเยาว์สองคนนั้นให้สบายใจเสียก่อน

คาดไม่ถึงว่าเฉาสือเพียงแค่ยิ้มบางๆ กุมหมัดเอ่ยขอบคุณแล้วก็ขอตัวลาจากไป มองดูแล้วท่าทางยังสงบเยือกเย็นอย่างมากด้วย?

กลับเป็นแม่นางน้อยผิวคล้ำที่รูปโฉมสง่างามที่มีมารยาทมากกว่า ไม่เพียงแต่กุมหมัดเอ่ยขอบคุณ ยังไม่ได้จากไปทันทีทันใดอีกด้วย

อวี๋เสวียนอดไม่ไหวหันไปมองทางทิศใต้

ถึงอย่างไรฝูเหยาทวีปก็ไม่ใช่ของใต้หล้าไพศาลอีกต่อไปแล้ว แต่กลายเป็นอาณาเขตแผ่นดินของใต้หล้าเปลี่ยวร้างแล้ว

บางทีเจ้าป๋ายเหย่อาจไม่ถือสาว่าตัวเองได้อยู่ในใต้หล้าไพศาลหรือไม่ แต่สัตว์เดรัจฉานหกตัวฝ่ายตรงข้ามกลับเหยียบยืนอยู่บนขุนเขาสายน้ำบ้านตัวเอง

ค่ายกลใหญ่ยี่สิบสี่ฤดูกาลของแจกันสมบัติทวีปมองดูเหมือนเลื่อนลอย หรืออาจถึงขั้นไร้ประโยชน์ ทว่าความลี้ลับมหัศจรรย์มากที่สุดในนั้น คนธรรมดามองไม่ออก แต่เจ้าป๋ายเหย่จะไม่รู้เชียวหรือ

โชคชะตาแห่งสวรรค์ส่วนหนึ่ง

สิ่งหนึ่งเพิ่มขึ้น สิ่งหนึ่งลดลง

การเข่นฆ่าของผู้ฝึกตนแจกันสมบัติทวีปที่ไม่มีโอกาสจะชนะได้เลย อยู่ดีๆ กลับมีโอกาสชนะเพิ่มมาส่วนหนึ่ง สำคัญหรือไม่?

ฝีมือสูสี จากโอกาสชนะห้าต่อห้าส่วนกลายเป็นหกส่วน? ใช่กุญแจสำคัญหรือไม่?

โอกาสชนะเก้าส่วน กลายเป็นโอกาสชนะสิบส่วนเต็ม? ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่เป็นศัตรูด้วยจะต้องอกสั่นขวัญผวาหรือไม่?

ป๋ายเหย่ลดกระบี่ลงสู่ฝูเหยาทวีป การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างจากการเลือกที่จะรอคอยการล้อมสังหารเพียงลำพังอย่างสงบ

แต่จำนวนของปีศาจใหญ่ที่ล้อมฆ่าป๋ายเหย่ รวมไปถึงขอบเขตของพวกมัน คาดว่าต่อให้เป็นป๋ายเหย่ก็ยังต้องเจอเรื่องไม่คาดฝัน

เพียงแต่ว่าเจ้าป๋ายเหย่ผู้นี้ เรื่องไม่คาดฝันก็เป็นแค่เรื่องไม่คาดฝัน มิอาจขัดขวางการออกกระบี่ของเขาได้ก็เท่านั้น

ตาเฒ่าตระกูลไหวเป็นคนที่ชอบช่วงชิงความได้เปรียบ ทั้งยังจะต้องสร้างชื่อเสียงอันดีงามให้ตัวเองไปพร้อมๆ กันด้วย ดังนั้นจึงไปยังทักษินาตยทวีปที่มีเฉินฉุนอันนั่งเฝ้าพิทักษ์แล้ว

ตาเฒ่าเจ้าอารมณ์อย่างโจวเสินจือออกจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางมายังฝูเหยาทวีป แล้วเป็นอย่างไร? สมกับเป็นวีรบุรุษหรือไม่? ห้าวหาญสมกับเป็นวีรบุรุษอย่างยิ่ง! อยู่ในถ้ำซานสุ่ยที่อยู่เลียบมหาสมุทรของฝูเหยาทวีป สังหารปีศาจได้อย่างสาแก่ใจหรือไม่ สาแก่ใจอย่างยิ่ง! แล้วต่อจากนั้นล่ะ? ไม่มีต่อจากนั้นแล้ว หนึ่งในสิบคนของแผ่นดินกลาง นึกจะตายก็ตายไปอย่างนี้เอง

ทำให้ตาเฒ่าไหวซ่วนผานที่อยู่อันดับสิบรั้งท้ายกลายมาเป็นอันดับที่เก้า

ตอนที่โจวเสินจือยังมีชีวิตอยู่บนโลก เคยพูดว่าอะไรแล้วนะ ขอแค่ข้าผู้อาวุโสยังอยู่ ก็จะนั่งบนเก้าอี้ตัวที่เก้าอย่างมั่นคงตลอดไป ต่อให้ยกอันดับที่แปดให้ ข้าผู้อาวุโสก็ไม่เอา ข้าจะให้ไหวซ่วนผานอยู่อันดับสุดท้ายไปชั่วชีวิต จะคอยฉี่อึราดรดหัวเขาอยู่อย่างนี้

ปีศาจใหญ่หกตนเชียวนะ

หากมีตัวที่เจ็ดเพิ่มเข้ามาล่ะ?

หากกับผายลมอะไรกัน ต้องมีแน่นอน!

ตรงท่าเรือทางทิศเหนือของฝูเหยาทวีป โจวมี่นับนิ้วคำนวณอยู่เงียบๆ

ฝูเหยาทวีป

เป็นชื่อดีที่ยิ่งนัก เหมาะสมกับป๋ายเหย่พอดี

หลิวชาจะเป็นคนที่เจ็ด

และหลิวชาเองก็กำลังอยู่ระหว่างเดินทางไปฝูเหยาทวีปจริงๆ อีกทั้งยังไม่ได้จงใจอำพรางปราณกระบี่ และนี่ก็อยู่ในสายตาของผู้ฝึกตนบนยอดเขาของทักษินาตยทวีป ร่างของเขากลายเป็นแสงกระบี่เส้นหนึ่งที่ออกเดินทางไกล

ก่อนหน้านี้อาจารย์โจวได้ให้ทางเลือกสองอย่างแก่จอมยุทธเคราดกแห่งใต้หล้าเปลี่ยวร้างผู้นี้ ร่วมมือกับหลงจวินสังหารผู้เยาว์ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ผู้นั้น หรือไปส่งป๋ายเหย่ออกเดินทางเป็นครั้งสุดท้ายในฝูเหยาทวีป

มือกระบี่ส่งมือกระบี่

ถึงอย่างไรก็ดีกว่าให้ป๋ายเหย่ตายอนาถอยู่ท่ามกลางเวทวิชาอภินิหาร ถึงอย่างไรก็ทำให้เขาตายอย่างสมใจปรารถนาได้มากหน่อย

ชอบเป็นนกที่บินออกหน้านักไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นก็ฆ่าทิ้งซะ

โจวเสินจือเป็นเพียงแค่คนแรก ส่วนหวานเหยียนเหล่าจิ่งขอบเขตบินทะยานที่สติวิปลาสผู้นั้นกลับเป็นความสุดโต่งอีกทางหนึ่งอย่างสิ้นเชิง

เหมือนอย่างที่บรรพบุรุษใหญ่ของภูเขาทัวเยว่ว่าไว้ที่ซากปรักของภูเขาห้อยหัวจริงๆ ตอนนั้นเขาป่าวประกาศแก่ใต้หล้าว่า ใต้หล้าไพศาลของพวกเจ้าไม่ได้มีอิสระกันมานานมากแล้ว

ใครทำให้ผู้ฝึกตนบนยอดเขาไม่มีอิสระ? แน่นอนว่าต้องเป็นกฎของลัทธิขงจื๊อ จุดที่น่าชิงชังรังเกียจที่สุดก็คือยิ่งขอบเขตสูงเท่าไร พันธนาการก็ยิ่งหนาหนักมากเท่านั้น ขอบเขตบินทะยานจะออกจากทวีปของตัวเองยังต้องบอกกล่าวแก่อริยะปราชญ์ที่มีรูปปั้นในศาลบุ๋นซึ่งเฝ้าพิทักษ์ม่านฟ้าเสียก่อน ต้องได้รับอนุญาตถึงจะเดินทางไกลข้ามทวีปได้ อย่าว่าแต่ใต้หล้าเปลี่ยวร้างเลย ต่อให้เป็นใต้หล้ามืดสลัวที่ลัทธิเต๋ายึดครองความเป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียว เคยมีกฎเช่นนี้ไหม? กลับกลายเป็นใต้หล้าไพศาลที่ร้อยสำนักร้องประชันที่ดันมีกฎเกณฑ์มากมายคอยพันธนาการเซียนเหรินและขอบเขตบินทะยาน

หลิวชาจึงเลือกอย่างที่สอง

อยู่ที่ใต้หล้าเปลี่ยวร้างไม่ค่อยได้ออกแรงทำอะไร นั่นก็เพราะเคารพในตัวเฉินชิงตูและผู้ฝึกกระบี่ทั้งหลาย แต่นี่มาถึงใต้หล้าไพศาลแล้ว หลังจากถามกระบี่เฉินฉุนอันไปหนึ่งครั้งจะไม่ให้ออกกระบี่อีกเลยก็คงไม่ได้กระมัง

เดิมทีป๋ายเหย่ก็เหมือนอาเหลียง เป็นคนที่หลิวชาอยากถามกระบี่ด้วยมากที่สุด

ไม่อาจถามกระบี่ตัวต่อตัว แล้วอย่างไรเล่า หลิวชาก็อยากอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่มีโอกาสให้ทำได้

สุดท้ายอาจารย์โจวเอ่ยสองประโยค ประโยคแรกคือ ‘รบกวนอาจารย์หลิวจดจำไว้ด้วยว่าบ้านเกิดของตัวเองอยู่ที่ใด’

ประโยคที่สองคือ ‘ภูเขาทัวเยว่ขอเชิญหลิวชาออกกระบี่’

นอกจากนี้อันที่จริงอาจารย์โจวก็ถือโอกาสวางแผนเล่นงานเฉินฉุนอันและตลอดทั้งทักษินาตยทวีปไปด้วยแล้ว

โจวเสินจือกายดับมรรคาสลาย ฝูเหยาทวีปและใบถงทวีปตกอยู่ในเงื้อมมือของใต้หล้าเปลี่ยวร้าง

มีเพียงทักษินาตยทวีปที่อยู่ใกล้ภูเขาห้อยหัวและกำแพงเมืองปราณกระบี่มากที่สุดที่สงครามใหญ่ยังคงเปิดฉากน้อยครั้ง ไม่เจ็บไม่คันใดๆ

ถ้าขนาดป๋ายเหย่ก็ยังมาตายอยู่ที่ฝูเหยาทวีป

ถ้าอย่างนั้นเฉินฉุนอันผู้รอบรู้เล่า?

ทุกวันนี้ทักษินาตยทวีปทั้งมีบรรพบุรุษตระกูลไหวพาคนไปช่วยเป็นกองหนุน และยิ่งมีลู่จือหนึ่งในสิบเซียนกระบี่บนยอดเขาใหญ่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่ที่คอยช่วยคุมหลังให้

เฉินฉุนอันช่างว่างงานยิ่งนัก ผู้รอบรู้ผู้เที่ยงธรรมไพศาลท่านนี้นั่งตกปลาได้อย่างสบายอารมณ์เสียจริง

โจวมี่หยุดความคิดในใจ สะบัดชายแขนเสื้อเบาๆ ยิ้มเอ่ยกับชุยฉานว่า “รอแค่จั่วโย่วออกกระบี่โจมตีให้เซียวสวิ้นถอยร่นเท่านั้น ใช้สถานะของลูกศิษย์มาปลิดชีพอาจารย์ไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นค่อยไปฝูเหยาทวีป”

ชุยฉานเงียบงันไม่เอ่ยคำ

นั่นเป็นเรื่องที่จั่วโย่วจะทำ ต่อให้จั่วโย่วไม่ทำ ซิ่วไฉเฒ่าก็จะบีบให้จั่วโย่วยอมก้มหัวไปออกกระบี่

เส้นสายตาของชุยฉานขยับไปทางทิศใต้ยิ่งกว่าโจวมี่

เพียงไม่นานทางฝั่งนั้นก็มีต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้าต้นหนึ่งตั้งตระหง่าน คือหอพิทักษ์เมืองแห่งหนึ่ง

ซิ่วไฉมอบของชิ้นหนึ่งให้หลิวสือลิ่วช่วยนำไปมอบให้ที่ใบถงทวีป

อารามกวานเต๋า ใบถงทวีป ต้นอู๋ถง

เจ้าวางแผนของเจ้า ข้าก็วางแผนของข้า

ข้าชุยฉานไม่สนใจคนและเรื่องราวที่เจ้าวางแผนเล่นงาน อย่าว่าแต่ความเป็นความตายของป๋ายเหย่คนเดียวเลย แม้แต่ความเป็นและความตายของซิ่วไฉเฒ่ากับจั่วโย่ว เขาก็ไม่สนใจเหมือนกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉินฉุนที่มีชาติกำเนิดจากสายหย่าเซิ่ง

มีใครบ้างที่ข้าชุยฉานไม่อาจวางใจได้

แต่แผนการเล็กๆ น้อยๆ ของข้าชุยฉาน เมื่อมีมอบให้ก็ต้องมีส่งกลับคืน อยากจะรู้นักว่าเจ้าเจี่ยเซิงจะกล้าไม่สนใจหรือไม่ จะไม่อาจไม่สนใจได้หรือไม่

บนเส้นแนวรบสามเส้นของในทวีปล้วนมีคนตายอยู่ตลอดเวลา สีหน้าของราชครูต้าหลีกลับสุขุมเยือกเย็นอยู่เสมอ นอกจากบังคับป๋ายอวี้จิงและกระบี่บินให้สังหารปีศาจใหญ่แล้ว ก็ทำเพียงแค่อธิบายแก่นอันสำคัญของเมธีร้อยสำนักให้กับลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อฟังเท่านั้น

นอกจากวางแผนกับใจคน เขายังคอยแบ่งสมาธิไปถามตอบกับพวกลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อด้วย มีลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อของสำนักศึกษากวานหูที่ท่าทางฮึกเหิมมีชีวิตชีวาคนหนึ่งไม่รู้คิดอย่างไรถึงได้พูดถึงเรื่องเอาจิตใจผูกไว้กับใต้หล้าไม่ต้องสนบ้านเมือง

ชุยฉานจึงเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ไม่สนบ้านเมืองกับมารดามันเถอะ”

บรรยากาศรอบด้านพลันเงียบกริบ

คนที่พูดประโยคนี้ไม่ใช่ชุยตงซาน แต่เป็นราชครูชุยฉาน

ฝูเหยาทวีป ป๋ายเหย่พกกระบี่ออกจากโรงเรียนทุรกันดารแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไกลจากไฟสงคราม รับฟังเสียงทุ้มหนักสำเนียงท้องถิ่นของอาจารย์ผู้เฒ่าที่กำลังช่วยถ่ายทอดความรู้ไขข้อข้องใจให้กับเด็กนักเรียนตัวน้อย

ป๋ายเหย่กวาดตามองรอบด้าน คลี่ยิ้มอ่อนจาง

ไม่รู้ว่าต้นหลีที่บ้านเกิดต้นนั้นออกดอกสีขาวบานสะพรั่งแล้วหรือยัง

ที่แท้หลังจากท่านพ่อท่านแม่จากไป ก็คือการเดินทางไกลครั้งหนึ่ง

บัณฑิตป๋ายเหย่ ไม่ละอายใจต่อชีวิตนี้ ไม่ละอายใจต่อความเที่ยงตรงไพศาล

ถ้าอย่างนั้นป๋ายเหย่ก็ขอจากไปนับแต่นี้

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+