กระบี่จงมา 723.6 ผู้ดื่มทิ้งชื่อไว้ อาจารย์ผู้เฒ่าอยากจะพลิกอ่านตำรา

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 723.6 ผู้ดื่มทิ้งชื่อไว้ อาจารย์ผู้เฒ่าอยากจะพลิกอ่านตำรา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การประชุมในปีนั้นที่ริมลำคลอง กล้าออกกระบี่แต่กลับไม่เคยได้ออกกระบี่ กล้าตายแต่กลับยังไม่ตาย ผู้ฝึกกระบี่ทุกคนที่ยังเหลืออยู่สุดท้ายก็ยังไม่ได้ออกกระบี่ โลกมนุษย์ไม่ได้ถูกทำลายอีกครั้งเพราะเหตุการณ์นี้ ถึงท้ายที่สุดกำแพงเมืองปราณกระบี่ถูกคนผ่าออกเป็นสองท่อน ก็ยังไม่ได้ออกกระบี่แม้แต่ครั้งเดียว เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสเทียบไม่ได้แม้กระทั่งผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตล่างอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งเชียวหรือ?

ซิ่วไฉเฒ่านั่งลงบนก้อนหิน ชำเลืองตามองม่านฟ้า จากนั้นก็เอ่ยเบาๆ ว่า “ข้าเคยถามตาเฒ่าว่าเหตุใดอริยะถึงทำเรื่องเช่นนี้ เหตุใดถึงต้องเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้โดยที่ไม่เอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว และดูเหมือนว่าศาลบุ๋นยังจงใจปิดบังไว้ด้วย มีเพียงพวกวิญญูชนผู้เที่ยงตรงที่เป็นตัวสำรองอริยะปราชญ์เท่านั้นที่พอจะรู้เรื่องวงในได้บ้างเล็กน้อย เพื่อที่จะให้พวกเขาตัดสินใจเลือกเสียแต่เนิ่นๆ ว่าต้องการเป็นคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงหรือไม่ ตอนนั้นข้าร้อนใจจริงๆ จึงถามตาเฒ่าว่า พวกเรามาบอกให้คนบนโลกมนุษย์รู้ถึงความยากลำบาก ความเหน็ดเหนื่อยของพวกเรากันเถอะ ควรจะอธิบายหลักการเหตุผลให้พวกเขาฟังด้วยความหวังดี จะฟังเข้าหูหรือไม่ จะจำได้หรือไม่ จะดีจะชั่วพวกเราก็ควรลองทำดูก่อนสิ จะได้ทำให้ในใจของพวกหมาป่าตาขาว (คนเนรคุณ) รู้ว่าตัวเองเนรคุณหรือไม่”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตาเฒ่าตอบข้าอย่างไร ตาเฒ่ายื่นนิ้วออกมาสามนิ้ว ไม่ได้เอ่ยสามประโยค แต่แค่สามคำเท่านั้น”

“อาศัยอะไร?”

เฉินฉุนอันกล่าวอย่างสงสัย “สามคำนี้ของปรมาจารย์มหาปราชญ์หมายความว่าอย่างไร?”

ปรมาจารย์มหาปราชญ์กำลังตำหนิ เข้มงวดกับอริยะปราชญ์ทุกคน หรือว่าผสานมหามรรคากับใต้หล้ามาหมื่นปีจึง…อดที่จะมีความผิดหวังนิดๆ ไม่ได้? หรือว่ามีความหมายลึกล้ำอย่างอื่น?

ซิ่วไฉเฒ่าเอ่ยด้วยความเสียดาย “เจ้าก็รู้ว่าแต่ไหนแต่ไรมาข้าถนัดจับสังเกตสีหน้าและคำพูดของคนมากที่สุด เพียงแต่ว่าตอนนั้นตาเฒ่าสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่มีเบาะแสอะไรให้สืบสาวแม้แต่น้อย ข้าก็เลยเดาคำตอบนั้นไม่ออก”

เฉินฉุนอันเอ่ย “อริยะปราชญ์ยินดีที่จะมอบอิสระให้กับโลกมนุษย์ให้ได้มากที่สุด อันที่จริงนี่ก็คือจุดที่ทำให้เจี่ยเซิงเคียดแค้นมากที่สุด เขาต้องการแบ่งฟ้าดินใหม่อีกครั้ง ผู้ฝึกตนหัวกะทิที่อยู่ลำดับสูงสุดทั้งหลายอยู่บนฟ้า นอกเหนือจากนั้นให้อยู่บนดินทั้งหมด เมื่อเทียบกับใต้หล้าไพศาลในอดีต ผู้แข็งแกร่งได้รับอิสระที่ใหญ่ที่สุด ส่วนคนอ่อนแอกลับไม่มีอิสระเลยแม้แต่น้อย และผู้แข็งแกร่งในสายตาของเจี่ยเซิง อันที่จริงแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับนิสัยใจคอเลย”

ซิ่วไฉเฒ่าเขย่งปลายเท้าตบไหล่เฉินฉุนอัน “เจ้าเองก็ไม่ง่ายเหมือนกันนะ ถูกคนแทงกระดูกสันหลัง อีกนิดเดียวก็จะตามทันมาดของข้าในปีนั้นแล้ว ใช้ได้ๆ ข้าคือพี่ทุกข์เจ้าคือน้องยาก สองพี่น้องเราช่างดีนัก มิน่าเล่าถึงคุยกันรู้เรื่อง”

ผู้ฝึกตน ชนชั้นสูงในราชวงศ์ใหญ่แห่งต่างๆ ภูเขาตระกูลเซียนมากมายของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางที่มีความเกี่ยวพันอันซับซ้อนกับสามทวีปอย่างใบถง ฝูเหยาและเกราะทอง แต่ละคนล้วนพากันจับตามองทิศทางการดำเนินไปของสนามรบในทักษินาตยทวีปเขม็ง สืบสาวราวเรื่องกันแล้วก็แค่มองดูเฉินฉุนอันคนเดียวเท่านั้น คนที่พอจะมีเหตุผลหน่อยก็เก็บความคิดไว้ในท้อง แต่คนที่มากกว่านั้นกลับเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ และยังมีบางคนที่ถึงกับป่าวประกาศคำพูดออกมาโดยตรง

ซิ่วไฉเฒ่าเอ่ยเสียงเบา “ตายๆๆ ทำไมถึงยังไม่มาตายที่ทักษินาตยทวีปสักที ทำไมถึงยังไม่ไปตายที่เกราะทองทวีป ตอนแรกทำไมบัณฑิตถึงได้ไม่ตายอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ ตอนนี้ทำไมถึงไม่ตายอยู่ที่ใบถงทวีป ทำไมไม่ตายที่ฝูเหยาทวีป วันหน้าสิบคนของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางทำไมถึงยังไม่ตาย สิบคนของใต้หล้าไพศาลทำไมไม่ตาย รองเจ้าลัทธิศาลบุ๋นผู้อำนวยการของสถานศึกษาลัทธิขงจื๊อทำไมถึงไม่ตาย อริยะทำไมถึงไม่ตาย บวกกับเจ้าเฉินฉุนอันอีกคน ทำไมถึงไม่ตายอยู่นอกทักษินาตยทวีปไปเสียเลย”

ซิ่วไฉเฒ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงจนใจ “อริยะปราชญ์ตายกันไปมากแล้วนะ”

ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห “มารดาพวกเจ้าเถอะ จะดีจะชั่วก็ควรให้โอกาสเฉินฉุนอันได้ตายอย่างสมศักดิ์ศรีหน่อยสิ ไอ้พวกชาติหมา ชาติหมายิ่งกว่าอาเหลียงร้อยเท่า!”

“ถึงเวลานั้นขุนเขาสายน้ำของทักษินาตยทวีปล่มสลาย อ้อ หุบปากแล้ว หรือถึงขั้นไม่คิดจะหุบปากแล้ว ยิ่งกลายเป็นว่าอยากจะพูดเข้าไปใหญ่ ด่าเจ้าเฉินฉุนอันว่าเป็นเศษสวะไร้ค่าก่อน ไม่ยอมตายไปตั้งแต่แรก ใช้ชีวิตอยู่รอดไปวันๆ ตายไปแล้วยังพอจะมีมาดวีรบุรุษอยู่บ้าง จากนั้นค่อยด่าว่าเจ้าเฉินฉุนอันเป็นคนผิดต่อกิจการใหญ่พันปีของสายบุ๋น สมควรตายๆ ไปซะ ตายไปได้ก็ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นจะยิ่งผิดต่อสายหย่าเซิ่ง ผิดต่อศาลบุ๋นแผ่นดินกลาง”

ดูเหมือนว่าเฉินฉุนอันจะคาดเดาสิ่งเหล่านี้ได้ล่วงหน้านานแล้ว จึงไม่มีความผิดหวังไม่ผิดหวังอะไร เพียงยิ้มเอ่ยว่า “สายหย่าเซิ่งของพวกเรามีเทวรูปอริยะปราชญ์ตั้งวางอยู่ในศาลบุ๋นมากที่สุด”

ระบบสืบทอดของลัทธิขงจื๊อในใต้หล้าไพศาล มีสายแบ่งแยกออกไปมากมาย และสายของหย่าเซิ่งก็มีควันธูปโชติช่วงมากที่สุดจริงๆ

ซิ่วไฉเฒ่าอืมรับหนึ่งที “ดังนั้นพวกเจ้าจึงมีคนตายกันมาก แบกรับภาระหนักยิ่งกว่า ข้าจึงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเจ้าในเรื่องบางอย่าง”

ซิ่วไฉเฒ่ามีดีอยู่อย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นหลักการเหตุผลที่ดี หรือคนดีที่มีเจตนาดี เขาล้วนรับไว้ได้ทั้งหมด ถูกผิดล้วนแยกแยะชัดเจน

ใต้หล้านี้ผู้ที่ไม่อาจยอมรับความอยุติธรรมได้แม้แต่น้อยก็คือบัณฑิตทั้งหลายที่ ‘เลือกดู เลือกฟังแต่สิ่งที่ดี เลือกเรียนรู้แค่สิ่งที่มีผลประโยชน์ให้ฉกฉวย’

เจี่ยเซิงแห่งใต้หล้าไพศาลก็ดี โจวมี่แห่งใต้หล้าเปลี่ยวร้างก็ช่าง มีอยู่ข้อหนึ่งที่เขาพูดไม่ผิดเลยจริงๆ ศาลบุ๋นของลัทธิขงจื๊อควบคุมน้อยเกินไปจริงๆ ตามใจพวกเขามากเกินไป

ทุกวันนี้ลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อหลายคนของสายหย่าเซิ่งค่อนข้างจะหยิ่งในศักดิ์ศรี ใครผิดก็ด่า ต่อให้จะเป็นเฉินฉุนอันผู้รอบรู้ที่บนบ่าแบกตะวันจันทรา เป็นเสาหลักของสายบุ๋นบ้านตัวเองก็ยังกล้าด่า หักใจด่าได้ลงคอ

เฉินฉุนอันกลับไม่ถือสาเลยสักนิด กลับกันยังช่วยอธิบายแทนคนหลายคนอย่างจริงใจด้วยการยิ้มเอ่ยว่า “คิดแบบนี้ได้ กล้าพูดแบบนี้อย่างเปิดเผย อันที่จริงก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ถึงอย่างไรจิตใจก็มุ่งหาใต้หล้าไพศาล วันหน้าพออ่านตำรามากเข้า เมื่อวิสัยทัศน์เปิดกว้าง เดี๋ยวก็ต่างไปจากเดิมเอง ข้ากลับรู้สึกมาโดยตลอดว่าหลายปีมานี้ยิ่งคนรุ่นเยาว์อ่านหนังสือมากเท่าไร เมื่อความรู้กว้างขวางมากขึ้น คนแต่ละรุ่นก็จะยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น สำหรับเรื่องนี้ข้าเชื่อมั่นอย่างยิ่ง วันหน้าเจ้าลองหันไปมองดูหวานเหยียนเหล่าจิ่งดูสิ นอกจากตบะสูงอยู่บ้างแล้ว เรื่องอื่นๆ ยังมีอะไรมาเทียบได้? แล้วลองหันมาดูอาจารย์น่าหลันของแผ่นดินกลางท่านนั้น สำนักที่เขาอยู่ เนื่องจากชาติกำเนิดของเขา บวกกับที่ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจมีค่อนข้างเยอะ สภาพการณ์จึงค่อนข้างน่ากระอักกระอ่วน เขาเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้าสักเท่าไร แต่ก็ยังต้องอดทนเหมือนกันไม่ใช่หรือ เพราะฉะนั้นถึงได้บอกอย่างไรล่ะว่า คำกล่าวของเจ้าที่บอกว่าแก่ต้องฮึกเหิมบ้าคลั่งเด็กต้องสุขุมหนักแน่น ไม่ได้ถูกต้องไปทั้งหมด”

“เหตุผลเดียวกันยังแบ่งคน แบ่งสถานที่และแบ่งเวลา เหตุผลนี้ของเจ้าอธิบายได้ห่วยแตกเกินไปแล้ว”

ซิ่วไฉเฒ่าหัวเราะอย่างฉุนๆ “หากไม่ใช่เพราะมีวิญญูชนและนักปราชญ์กลุ่มใหญ่พยายามห้ามไว้ บอกให้อธิบายต้นสายปลายเหตุให้ดี หมากของเผ่าปีศาจที่อีกนิดเดียวก็จะตายอยู่ในจุดที่เหมาะสมก็คงก่อหายนะจนทำให้ผู้ฝึกตนบนภูเขาและนอกภูเขาเปิดฉากเข่นฆ่ากันครั้งใหญ่แล้ว”

เฉินฉุนอันพลันเอ่ยว่า “ใต้หล้านี้ยังคงมีซิ่วไฉเฒ่าน้อยเกินไป ไม่อย่างนั้นคงจะดีกว่านี้มาก”

มีเพียงซิ่วไฉเฒ่าที่เชื้อเชิญป๋ายเหย่ให้ไปบุกเบิกใต้หล้าแห่งที่ห้าได้

ขอให้ป๋ายเจ๋อ ‘ไม่ช่วยสักฝ่าย’ ถึงขั้นที่ว่ายังสามารถทำให้ป๋ายเจ๋อยอมเป็นฝ่ายนำภาพค้นภูเขาบรรพบุรุษมามอบให้ทักษินาตยทวีปด้วยตัวเอง

หาได้ยากนักที่เฉินฉุนอันจะพูดดีๆ เพื่อซิ่วไฉเฒ่า คาดไม่ถึงว่าซิ่วไฉเฒ่าดันไม่รับน้ำใจ กระทืบเท้าเอ่ยว่า “ตาเฒ่าพูดได้ดี! อาศัยอะไร?! อาศัยอะไรโจวเสินจือถึงต้องไปถ้ำซานสุ่ยของฝูเหยาทวีป? อาศัยอะไรฝูลู่อวี๋เสวียนถึงต้องเสี่ยงอันตรายออกมาจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง อาศัยอะไรเจิ้งจวีจงของนครจักรพรรดิขาวถึงต้องไปรับลูกศิษย์อยู่ที่แจกันสมบัติทวีปแล้วก็ ‘ถือโอกาส’ ผ่านทางไปที่หลุมน้ำลู่ด้วยรอบหนึ่ง อาศัยอะไรไหวเหล่าซ่วนผาน (ซ่วนผาน หมายถึงลูกคิด) ถึงต้องฝืนใจพาคนเดินทางมาที่ทักษินาตยทวีปให้ขาดทุน?! อาศัยอะไรบุตรชายโทนของหย่าเซิ่งถึงต้องไปนอนหมอบอยู่ใต้ภูเขาทัวเยว่ อาศัยอะไรจั่วโย่วลูกศิษย์ของข้าถึงต้องออกกระบี่ฟันลงมาบนร่างของอาจารย์แต่ก็ต้องช่วยป๋ายเหย่ให้จงได้?! อาศัยอะไรลู่จือไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ไล่ตามหลิวชาไปทันที? อาศัยอะไรผู้พิฆาตมังกรไปถึงถ้ำสวรรค์หลีจูแล้วถึงไม่ฆ่ามังกร?! อาศัยอะไรฮว่อหลงเจินเหรินถึงต้องปกป้องสะพานยาวที่อยู่เหนือมหาสมุทร อาศัยอะไรนักพรตจมูกโคของอารามกวานเต๋าถึงได้เอาห่วงเหล็กแห่งชะตาชีวิตชิ้นหนึ่งออกมา? อาศัยอะไรภิกษุเฒ่าน้ำแกงไก่ถึงต้องเป็นฝ่ายมาเข้าร่วมสถานการณ์ อาศัยอะไรป๋ายเหย่ถึงพกกระบี่ออกเดินทางไกล แล้วแม่งยังต้องรู้สึกว่าในที่สุดตนก็เคยได้ภาคภูมิใจครั้งหนึ่งด้วย?”

ซิ่วไฉเฒ่าถอนหายใจ “ชาวบ้านถามใจตัวเองแล้วย่อมไม่ละอาย เพราะพวกเขาไม่เคยรู้เรื่องบนภูเขาเรื่องบนท้องฟ้า จะไปเรียกร้องกับพวกเขาอย่างเข้มงวดไม่ได้เด็ดขาด”

เพียงแต่เขาก็ยังถามอีกว่า “ถ้าอย่างนั้นผู้ฝึกตนที่หูตากว้างไกลมากพอเล่า? ทั้งๆ ที่เห็นอยู่ในสายตาแต่กลับทำเป็นมองไม่เห็นอย่างนั้นหรือ?”

เฉินฉุนอันตอบ “นี่ก็คืออิสระที่ลัทธิขงจื๊อของพวกเรามอบให้ ตัวพวกเราเองยินดีทำเช่นนี้ก็จงแบกรับไว้แต่โดยดี อย่าได้มีคำบ่นแม้เพียงครึ่งคำ”

เผ่าปีศาจของใต้หล้าเปลี่ยวร้างก็เหมือนคนคนหนึ่งที่หิวโหยถึงขีดสุด จึงบุกเข้ามาในบ้านของคนรวยครอบครัวหนึ่งอย่างป่าเถื่อน มุ่งหวังที่จะกินให้อิ่มเพื่อมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป หากวิ่งช้าเกินไปอาจยังถูกปีศาจใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังตามมาฆ่าให้ตายคาที่ หากอยู่บนสนามรบแล้วกลัวตาย ตระกูลที่อยู่ในบ้านเกิดก็ล้วนต้องตายตกตามไปด้วย

ศาลบุ๋นแผ่นดินกลาง อริยะลัทธิขงจื๊อ จะทำแบบนี้ไหม? กล้าไหม? ยินดีไหม? หักใจทำได้ลงไหม? เหมาะสมไหม?

มีเพียงแจกันสมบัติทวีปที่ตัดใจได้มากที่สุด กล้าที่จะประชันเรื่องความใจเด็ด แข่งเรื่องความรอบคอบในกลยุทธวิธีการ ประชันเรื่องการวางแผนคิดคำนวณจิตใจคนกับใต้หล้าเปลี่ยวร้างมากที่สุด ยอมที่จะวางหลักการเหตุผลบางอย่างของอริยะปราชญ์ไว้เฉพาะบนหน้าหนังสือก่อนชั่วคราว

ประโยคนั้นของบรรพบุรุษใหญ่ภูเขาทัวเยว่ มีผู้ฝึกตนบนยอดเขามากน้อยเท่าไรของใต้หล้าไพศาลที่ได้ยิน แล้วจะมีคนอีกมากน้อยเท่าไหร่ที่อันที่จริงได้ยินเข้าหูจริงๆ? ย่อมไม่ได้มีแค่หวานเหยียนเหล่าจิ่งที่ทรยศเกราะทองทวีปเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน

ซิ่วไฉเฒ่ากระทืบเท้าเอ่ยอย่างเดือดดาล “ก็ข้าจะมีคำบ่น มีความไม่พอใจ ชาวบ้านข้าตัดใจด่าไม่ลงแม้แต่ครึ่งคำ แต่ผู้ฝึกตนใหญ่บนยอดเขาที่ดีดลูกคิดได้เก่งกว่าตาเฒ่าไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบัณฑิตระยำบางคนที่อยู่ฝ่ายในของระบบลัทธิขงจื๊อที่น้ำเข้าสมองกันไปหมดแล้ว! มาคนหนึ่งข้าก็จะถ่มน้ำลายรดหน้าพวกเขาคนหนึ่ง!”

“ไม่อาจไม่ยอมรับว่า ผู้ฝึกตนก็ถือเป็นพวกคนประหลาดแล้ว ย่อมต้องมีทั้งดีทั้งเลวกระมัง”

เฉินฉุนอันเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยอีกว่า “สันดานเดิมของมนุษย์นั้นเลวทราม”

ซิ่วไฉเฒ่าได้ยินประโยคนี้แล้วกลับไม่เหลือความอารมณ์ดีแม้แต่นิด กลับยังเอ่ยว่า “นิสัยแบ่งออกเป็นสองอย่าง จิตใจคนมุ่งสู่ความดีงาม คนรุ่นเยาว์ในทุกวันนี้ค่อนข้างจะต่างไปจากเดิม ในอนาคตถึงอย่างไรก็ยังมีความหวังอยู่มาก”

สุดท้ายเฉินฉุนอันยิ้มเอ่ย “สายเหวินเซิ่งในทุกวันนี้ ลูกศิษย์แต่ละคนล้วนมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ดีงาม หันกลับมามองดูสายหย่าเซิ่งของข้า กลับต้องโดนด่าเพราะข้า เจ้าแอบชอบใจอยู่ใช่หรือไม่?”

ซิ่วไฉเฒ่าตบชายแขนเสื้อของเฉินฉุนอัน “ข้าไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกนะ ใช้จิตใจของอริยะปราชญ์มาวัดใจซิ่วไฉ ไม่ควรเลย”

ซิ่วไฉเฒ่ากลั้นไม่ไหวเลยหลุดเสียงหัวเราะออกมา ดูสิ บอกว่าแอบชอบใจหรือ? ไม่มีเรื่องแบบนั้นเสียหน่อย

เงาร่างพลันเปล่งวูบหายไป ซิ่วไฉเฒ่าไปหาเป่าผิงน้อยแล้ว

เฉินฉุนอันกำลังจะอ้าปากถาม

น้ำเสียงแหบพร่าของซิ่วไฉเฒ่าก็ดังก้องอยู่ในทะเลสาบหัวใจของเฉินฉุนอัน “มารอดูกัน”

ศาลบุ๋นแผ่นดินกลางที่มองดูเหมือนไร้ผู้คนพลันเกิดริ้วคลื่นกระเพื่อมเบาๆ

บนลานกว้างของศาลบุ๋นปริแตกไม่เหลือสภาพดีแล้ว

ส่วนบริเวณใกล้เคียงกับร่องเจียวหลง ใต้ฝ่าเท้าของผู้เฒ่าชุดเทาคนหนึ่งก็มีน้ำวนลูกใหญ่ยักษ์ปรากฏขึ้นมา

บนยอดเขาของภูเขาสุ้ยซานทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง เทพภูเขาสวมเสื้อเกราะสีทองเรือนกายใหญ่โตกุมหมัดเอ่ย “คารวะปรมาจารย์มหาปราชญ์”

อาจารย์ผู้เฒ่าสวมชุดลัทธิขงจื๊อคนหนึ่งยิ้มกล่าว “ภูเขาสุ้ยซานแห่งนี้สูงที่สุดในใต้หล้า ขออาศัยพื้นที่ของเจ้าชั่วคราวสักหน่อย รบกวนแล้ว จำไว้ว่าต้องส่งสิ่งมีชีวิตทั้งหมดไปยังภูเขาทายาท อีกเดี๋ยวความเคลื่อนไหวจะค่อนข้างรุนแรง”

เทพเกราะทองยังคงกุมหมัด เอ่ยเสียงทุ้มหนัก “เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

อาจารย์ผู้เฒ่าเอ่ยอย่างจนใจ “เรียนรู้มาจากซิ่วไฉรึ?”

เทพเกราะทองคลี่ยิ้ม ไม่รบกวนการถามมรรคาต่อหนึ่งใต้หล้ากับปรมาจารย์มหาปราชญ์และผู้อื่นอีก ตรงไปที่ตีนเขาของภูเขาสุ้ยซานทันที

อาจารย์ผู้เฒ่านั่งลงขัดสมาธิ หยิบตำราเล่มหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ ใช้เสียงในใจเอ่ยกับหลี่เซิ่งที่อยู่นอกฟ้า “ไม่เหมือนเจ้า ไม่ได้ต่อสู้มานานมากแล้ว ต้องขอโทษด้วย”

ตอนที่ผู้เฒ่าเอาตำราเล่มนี้ออกมา เทพเกราะทองที่อยู่ตรงตีนเขาภูเขาสุ้ยซานพลันรู้สึกว่าบ่าทั้งสองหนักอึ้ง ไม่เพียงเท่านี้ ตลอดทั้งภูเขาสุ้ยซานยังลดต่ำฮวบลงไปหลายจั้งในเสี้ยววินาที

นอกฟ้าของใต้หล้าไพศาล

ลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อสวมชุดสีเขียวมีใบหน้าเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งร่ายวิชาอภินิหารแผ่ไพศาลเกรียงไกร มือทั้งสองคว้าจับความว่างเปล่า อาศัยกำลังของตัวเองคนเดียว พิธีการของตัวเองคนเดียว ปกป้องตลอดทั้งใต้หล้าไพศาลไว้ในฝ่ามือ

อริยะปราชญ์ที่มีเทวรูปในศาลบุ๋นแต่ละท่านซึ่งเดินทางไกลมายังที่แห่งนี้กำลังคุมเชิงต่อสู้อยู่กับกากเดนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยุคบรรพกาลหลายตน

หมื่นปีที่ผ่านมา สถานการณ์นอกฟ้าไม่เคยอันตรายถึงเพียงนี้มาก่อน

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตนหนึ่งที่กายธรรมใหญ่โตมโหฬารพอๆ กับของหลี่เซิ่ง เพียงแต่ว่าอยู่ห่างออกไปไกลมากถึงได้ดูเหมือนเล็กเท่าเมล็ดงา เงื้อกระบี่ฟันลงมาอีกครั้ง

ข้างกายมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ร่างยักษ์ที่ติดตามอยู่เคียงข้างมานานหมื่นปีเอื้อมมือไปคว้าดวงดาวดวงหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง ใช้สายฟ้าหลอมมันให้กลายเป็นบ่อสายฟ้าในเสี้ยววินาทีแล้วขว้างเข้าใส่กายธรรมร่างทองของรองเจ้าลัทธิศาลบุ๋นท่านหนึ่งอย่างแรง

เมื่ออาจารย์ผู้เฒ่าที่นั่งบัญชาการณ์อยู่ในใต้หล้าไพศาลเปิดตำราหน้าแรก

ตลอดทั้งขุนเขาก็สะเทือนไปถึงรากภูเขาอีกครั้ง แล้วภูเขาทั้งลูกก็พลันทรุดฮวบลงไปมากกว่าเดิม

มีเพียงไพศาลของข้าที่มีป๋ายเหย่ แล้วนับประสาอะไรกับที่ยังมีบัณฑิต

บนยอดเขาของภูเขาสุ้ยซาน อาจารย์ผู้เฒ่าชำเลืองตามองไปยังโลกมนุษย์แห่งหนึ่งในทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ต้นหลีผลิดอกแล้ว

สุดท้ายอาจารย์ผู้เฒ่ามองไปยังทิศไกล

มารดาเจ้าเถอะ คิดจริงๆ หรือว่าข้าผู้อาวุโสต่อยตีไม่เป็น?!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กระบี่จงมา 723.6 ผู้ดื่มทิ้งชื่อไว้ อาจารย์ผู้เฒ่าอยากจะพลิกอ่านตำรา

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 723.6 ผู้ดื่มทิ้งชื่อไว้ อาจารย์ผู้เฒ่าอยากจะพลิกอ่านตำรา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การประชุมในปีนั้นที่ริมลำคลอง กล้าออกกระบี่แต่กลับไม่เคยได้ออกกระบี่ กล้าตายแต่กลับยังไม่ตาย ผู้ฝึกกระบี่ทุกคนที่ยังเหลืออยู่สุดท้ายก็ยังไม่ได้ออกกระบี่ โลกมนุษย์ไม่ได้ถูกทำลายอีกครั้งเพราะเหตุการณ์นี้ ถึงท้ายที่สุดกำแพงเมืองปราณกระบี่ถูกคนผ่าออกเป็นสองท่อน ก็ยังไม่ได้ออกกระบี่แม้แต่ครั้งเดียว เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสเทียบไม่ได้แม้กระทั่งผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตล่างอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งเชียวหรือ?

ซิ่วไฉเฒ่านั่งลงบนก้อนหิน ชำเลืองตามองม่านฟ้า จากนั้นก็เอ่ยเบาๆ ว่า “ข้าเคยถามตาเฒ่าว่าเหตุใดอริยะถึงทำเรื่องเช่นนี้ เหตุใดถึงต้องเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้โดยที่ไม่เอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว และดูเหมือนว่าศาลบุ๋นยังจงใจปิดบังไว้ด้วย มีเพียงพวกวิญญูชนผู้เที่ยงตรงที่เป็นตัวสำรองอริยะปราชญ์เท่านั้นที่พอจะรู้เรื่องวงในได้บ้างเล็กน้อย เพื่อที่จะให้พวกเขาตัดสินใจเลือกเสียแต่เนิ่นๆ ว่าต้องการเป็นคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงหรือไม่ ตอนนั้นข้าร้อนใจจริงๆ จึงถามตาเฒ่าว่า พวกเรามาบอกให้คนบนโลกมนุษย์รู้ถึงความยากลำบาก ความเหน็ดเหนื่อยของพวกเรากันเถอะ ควรจะอธิบายหลักการเหตุผลให้พวกเขาฟังด้วยความหวังดี จะฟังเข้าหูหรือไม่ จะจำได้หรือไม่ จะดีจะชั่วพวกเราก็ควรลองทำดูก่อนสิ จะได้ทำให้ในใจของพวกหมาป่าตาขาว (คนเนรคุณ) รู้ว่าตัวเองเนรคุณหรือไม่”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตาเฒ่าตอบข้าอย่างไร ตาเฒ่ายื่นนิ้วออกมาสามนิ้ว ไม่ได้เอ่ยสามประโยค แต่แค่สามคำเท่านั้น”

“อาศัยอะไร?”

เฉินฉุนอันกล่าวอย่างสงสัย “สามคำนี้ของปรมาจารย์มหาปราชญ์หมายความว่าอย่างไร?”

ปรมาจารย์มหาปราชญ์กำลังตำหนิ เข้มงวดกับอริยะปราชญ์ทุกคน หรือว่าผสานมหามรรคากับใต้หล้ามาหมื่นปีจึง…อดที่จะมีความผิดหวังนิดๆ ไม่ได้? หรือว่ามีความหมายลึกล้ำอย่างอื่น?

ซิ่วไฉเฒ่าเอ่ยด้วยความเสียดาย “เจ้าก็รู้ว่าแต่ไหนแต่ไรมาข้าถนัดจับสังเกตสีหน้าและคำพูดของคนมากที่สุด เพียงแต่ว่าตอนนั้นตาเฒ่าสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่มีเบาะแสอะไรให้สืบสาวแม้แต่น้อย ข้าก็เลยเดาคำตอบนั้นไม่ออก”

เฉินฉุนอันเอ่ย “อริยะปราชญ์ยินดีที่จะมอบอิสระให้กับโลกมนุษย์ให้ได้มากที่สุด อันที่จริงนี่ก็คือจุดที่ทำให้เจี่ยเซิงเคียดแค้นมากที่สุด เขาต้องการแบ่งฟ้าดินใหม่อีกครั้ง ผู้ฝึกตนหัวกะทิที่อยู่ลำดับสูงสุดทั้งหลายอยู่บนฟ้า นอกเหนือจากนั้นให้อยู่บนดินทั้งหมด เมื่อเทียบกับใต้หล้าไพศาลในอดีต ผู้แข็งแกร่งได้รับอิสระที่ใหญ่ที่สุด ส่วนคนอ่อนแอกลับไม่มีอิสระเลยแม้แต่น้อย และผู้แข็งแกร่งในสายตาของเจี่ยเซิง อันที่จริงแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับนิสัยใจคอเลย”

ซิ่วไฉเฒ่าเขย่งปลายเท้าตบไหล่เฉินฉุนอัน “เจ้าเองก็ไม่ง่ายเหมือนกันนะ ถูกคนแทงกระดูกสันหลัง อีกนิดเดียวก็จะตามทันมาดของข้าในปีนั้นแล้ว ใช้ได้ๆ ข้าคือพี่ทุกข์เจ้าคือน้องยาก สองพี่น้องเราช่างดีนัก มิน่าเล่าถึงคุยกันรู้เรื่อง”

ผู้ฝึกตน ชนชั้นสูงในราชวงศ์ใหญ่แห่งต่างๆ ภูเขาตระกูลเซียนมากมายของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางที่มีความเกี่ยวพันอันซับซ้อนกับสามทวีปอย่างใบถง ฝูเหยาและเกราะทอง แต่ละคนล้วนพากันจับตามองทิศทางการดำเนินไปของสนามรบในทักษินาตยทวีปเขม็ง สืบสาวราวเรื่องกันแล้วก็แค่มองดูเฉินฉุนอันคนเดียวเท่านั้น คนที่พอจะมีเหตุผลหน่อยก็เก็บความคิดไว้ในท้อง แต่คนที่มากกว่านั้นกลับเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ และยังมีบางคนที่ถึงกับป่าวประกาศคำพูดออกมาโดยตรง

ซิ่วไฉเฒ่าเอ่ยเสียงเบา “ตายๆๆ ทำไมถึงยังไม่มาตายที่ทักษินาตยทวีปสักที ทำไมถึงยังไม่ไปตายที่เกราะทองทวีป ตอนแรกทำไมบัณฑิตถึงได้ไม่ตายอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ ตอนนี้ทำไมถึงไม่ตายอยู่ที่ใบถงทวีป ทำไมไม่ตายที่ฝูเหยาทวีป วันหน้าสิบคนของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางทำไมถึงยังไม่ตาย สิบคนของใต้หล้าไพศาลทำไมไม่ตาย รองเจ้าลัทธิศาลบุ๋นผู้อำนวยการของสถานศึกษาลัทธิขงจื๊อทำไมถึงไม่ตาย อริยะทำไมถึงไม่ตาย บวกกับเจ้าเฉินฉุนอันอีกคน ทำไมถึงไม่ตายอยู่นอกทักษินาตยทวีปไปเสียเลย”

ซิ่วไฉเฒ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงจนใจ “อริยะปราชญ์ตายกันไปมากแล้วนะ”

ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห “มารดาพวกเจ้าเถอะ จะดีจะชั่วก็ควรให้โอกาสเฉินฉุนอันได้ตายอย่างสมศักดิ์ศรีหน่อยสิ ไอ้พวกชาติหมา ชาติหมายิ่งกว่าอาเหลียงร้อยเท่า!”

“ถึงเวลานั้นขุนเขาสายน้ำของทักษินาตยทวีปล่มสลาย อ้อ หุบปากแล้ว หรือถึงขั้นไม่คิดจะหุบปากแล้ว ยิ่งกลายเป็นว่าอยากจะพูดเข้าไปใหญ่ ด่าเจ้าเฉินฉุนอันว่าเป็นเศษสวะไร้ค่าก่อน ไม่ยอมตายไปตั้งแต่แรก ใช้ชีวิตอยู่รอดไปวันๆ ตายไปแล้วยังพอจะมีมาดวีรบุรุษอยู่บ้าง จากนั้นค่อยด่าว่าเจ้าเฉินฉุนอันเป็นคนผิดต่อกิจการใหญ่พันปีของสายบุ๋น สมควรตายๆ ไปซะ ตายไปได้ก็ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นจะยิ่งผิดต่อสายหย่าเซิ่ง ผิดต่อศาลบุ๋นแผ่นดินกลาง”

ดูเหมือนว่าเฉินฉุนอันจะคาดเดาสิ่งเหล่านี้ได้ล่วงหน้านานแล้ว จึงไม่มีความผิดหวังไม่ผิดหวังอะไร เพียงยิ้มเอ่ยว่า “สายหย่าเซิ่งของพวกเรามีเทวรูปอริยะปราชญ์ตั้งวางอยู่ในศาลบุ๋นมากที่สุด”

ระบบสืบทอดของลัทธิขงจื๊อในใต้หล้าไพศาล มีสายแบ่งแยกออกไปมากมาย และสายของหย่าเซิ่งก็มีควันธูปโชติช่วงมากที่สุดจริงๆ

ซิ่วไฉเฒ่าอืมรับหนึ่งที “ดังนั้นพวกเจ้าจึงมีคนตายกันมาก แบกรับภาระหนักยิ่งกว่า ข้าจึงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเจ้าในเรื่องบางอย่าง”

ซิ่วไฉเฒ่ามีดีอยู่อย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นหลักการเหตุผลที่ดี หรือคนดีที่มีเจตนาดี เขาล้วนรับไว้ได้ทั้งหมด ถูกผิดล้วนแยกแยะชัดเจน

ใต้หล้านี้ผู้ที่ไม่อาจยอมรับความอยุติธรรมได้แม้แต่น้อยก็คือบัณฑิตทั้งหลายที่ ‘เลือกดู เลือกฟังแต่สิ่งที่ดี เลือกเรียนรู้แค่สิ่งที่มีผลประโยชน์ให้ฉกฉวย’

เจี่ยเซิงแห่งใต้หล้าไพศาลก็ดี โจวมี่แห่งใต้หล้าเปลี่ยวร้างก็ช่าง มีอยู่ข้อหนึ่งที่เขาพูดไม่ผิดเลยจริงๆ ศาลบุ๋นของลัทธิขงจื๊อควบคุมน้อยเกินไปจริงๆ ตามใจพวกเขามากเกินไป

ทุกวันนี้ลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อหลายคนของสายหย่าเซิ่งค่อนข้างจะหยิ่งในศักดิ์ศรี ใครผิดก็ด่า ต่อให้จะเป็นเฉินฉุนอันผู้รอบรู้ที่บนบ่าแบกตะวันจันทรา เป็นเสาหลักของสายบุ๋นบ้านตัวเองก็ยังกล้าด่า หักใจด่าได้ลงคอ

เฉินฉุนอันกลับไม่ถือสาเลยสักนิด กลับกันยังช่วยอธิบายแทนคนหลายคนอย่างจริงใจด้วยการยิ้มเอ่ยว่า “คิดแบบนี้ได้ กล้าพูดแบบนี้อย่างเปิดเผย อันที่จริงก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ถึงอย่างไรจิตใจก็มุ่งหาใต้หล้าไพศาล วันหน้าพออ่านตำรามากเข้า เมื่อวิสัยทัศน์เปิดกว้าง เดี๋ยวก็ต่างไปจากเดิมเอง ข้ากลับรู้สึกมาโดยตลอดว่าหลายปีมานี้ยิ่งคนรุ่นเยาว์อ่านหนังสือมากเท่าไร เมื่อความรู้กว้างขวางมากขึ้น คนแต่ละรุ่นก็จะยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น สำหรับเรื่องนี้ข้าเชื่อมั่นอย่างยิ่ง วันหน้าเจ้าลองหันไปมองดูหวานเหยียนเหล่าจิ่งดูสิ นอกจากตบะสูงอยู่บ้างแล้ว เรื่องอื่นๆ ยังมีอะไรมาเทียบได้? แล้วลองหันมาดูอาจารย์น่าหลันของแผ่นดินกลางท่านนั้น สำนักที่เขาอยู่ เนื่องจากชาติกำเนิดของเขา บวกกับที่ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจมีค่อนข้างเยอะ สภาพการณ์จึงค่อนข้างน่ากระอักกระอ่วน เขาเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้าสักเท่าไร แต่ก็ยังต้องอดทนเหมือนกันไม่ใช่หรือ เพราะฉะนั้นถึงได้บอกอย่างไรล่ะว่า คำกล่าวของเจ้าที่บอกว่าแก่ต้องฮึกเหิมบ้าคลั่งเด็กต้องสุขุมหนักแน่น ไม่ได้ถูกต้องไปทั้งหมด”

“เหตุผลเดียวกันยังแบ่งคน แบ่งสถานที่และแบ่งเวลา เหตุผลนี้ของเจ้าอธิบายได้ห่วยแตกเกินไปแล้ว”

ซิ่วไฉเฒ่าหัวเราะอย่างฉุนๆ “หากไม่ใช่เพราะมีวิญญูชนและนักปราชญ์กลุ่มใหญ่พยายามห้ามไว้ บอกให้อธิบายต้นสายปลายเหตุให้ดี หมากของเผ่าปีศาจที่อีกนิดเดียวก็จะตายอยู่ในจุดที่เหมาะสมก็คงก่อหายนะจนทำให้ผู้ฝึกตนบนภูเขาและนอกภูเขาเปิดฉากเข่นฆ่ากันครั้งใหญ่แล้ว”

เฉินฉุนอันพลันเอ่ยว่า “ใต้หล้านี้ยังคงมีซิ่วไฉเฒ่าน้อยเกินไป ไม่อย่างนั้นคงจะดีกว่านี้มาก”

มีเพียงซิ่วไฉเฒ่าที่เชื้อเชิญป๋ายเหย่ให้ไปบุกเบิกใต้หล้าแห่งที่ห้าได้

ขอให้ป๋ายเจ๋อ ‘ไม่ช่วยสักฝ่าย’ ถึงขั้นที่ว่ายังสามารถทำให้ป๋ายเจ๋อยอมเป็นฝ่ายนำภาพค้นภูเขาบรรพบุรุษมามอบให้ทักษินาตยทวีปด้วยตัวเอง

หาได้ยากนักที่เฉินฉุนอันจะพูดดีๆ เพื่อซิ่วไฉเฒ่า คาดไม่ถึงว่าซิ่วไฉเฒ่าดันไม่รับน้ำใจ กระทืบเท้าเอ่ยว่า “ตาเฒ่าพูดได้ดี! อาศัยอะไร?! อาศัยอะไรโจวเสินจือถึงต้องไปถ้ำซานสุ่ยของฝูเหยาทวีป? อาศัยอะไรฝูลู่อวี๋เสวียนถึงต้องเสี่ยงอันตรายออกมาจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง อาศัยอะไรเจิ้งจวีจงของนครจักรพรรดิขาวถึงต้องไปรับลูกศิษย์อยู่ที่แจกันสมบัติทวีปแล้วก็ ‘ถือโอกาส’ ผ่านทางไปที่หลุมน้ำลู่ด้วยรอบหนึ่ง อาศัยอะไรไหวเหล่าซ่วนผาน (ซ่วนผาน หมายถึงลูกคิด) ถึงต้องฝืนใจพาคนเดินทางมาที่ทักษินาตยทวีปให้ขาดทุน?! อาศัยอะไรบุตรชายโทนของหย่าเซิ่งถึงต้องไปนอนหมอบอยู่ใต้ภูเขาทัวเยว่ อาศัยอะไรจั่วโย่วลูกศิษย์ของข้าถึงต้องออกกระบี่ฟันลงมาบนร่างของอาจารย์แต่ก็ต้องช่วยป๋ายเหย่ให้จงได้?! อาศัยอะไรลู่จือไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ไล่ตามหลิวชาไปทันที? อาศัยอะไรผู้พิฆาตมังกรไปถึงถ้ำสวรรค์หลีจูแล้วถึงไม่ฆ่ามังกร?! อาศัยอะไรฮว่อหลงเจินเหรินถึงต้องปกป้องสะพานยาวที่อยู่เหนือมหาสมุทร อาศัยอะไรนักพรตจมูกโคของอารามกวานเต๋าถึงได้เอาห่วงเหล็กแห่งชะตาชีวิตชิ้นหนึ่งออกมา? อาศัยอะไรภิกษุเฒ่าน้ำแกงไก่ถึงต้องเป็นฝ่ายมาเข้าร่วมสถานการณ์ อาศัยอะไรป๋ายเหย่ถึงพกกระบี่ออกเดินทางไกล แล้วแม่งยังต้องรู้สึกว่าในที่สุดตนก็เคยได้ภาคภูมิใจครั้งหนึ่งด้วย?”

ซิ่วไฉเฒ่าถอนหายใจ “ชาวบ้านถามใจตัวเองแล้วย่อมไม่ละอาย เพราะพวกเขาไม่เคยรู้เรื่องบนภูเขาเรื่องบนท้องฟ้า จะไปเรียกร้องกับพวกเขาอย่างเข้มงวดไม่ได้เด็ดขาด”

เพียงแต่เขาก็ยังถามอีกว่า “ถ้าอย่างนั้นผู้ฝึกตนที่หูตากว้างไกลมากพอเล่า? ทั้งๆ ที่เห็นอยู่ในสายตาแต่กลับทำเป็นมองไม่เห็นอย่างนั้นหรือ?”

เฉินฉุนอันตอบ “นี่ก็คืออิสระที่ลัทธิขงจื๊อของพวกเรามอบให้ ตัวพวกเราเองยินดีทำเช่นนี้ก็จงแบกรับไว้แต่โดยดี อย่าได้มีคำบ่นแม้เพียงครึ่งคำ”

เผ่าปีศาจของใต้หล้าเปลี่ยวร้างก็เหมือนคนคนหนึ่งที่หิวโหยถึงขีดสุด จึงบุกเข้ามาในบ้านของคนรวยครอบครัวหนึ่งอย่างป่าเถื่อน มุ่งหวังที่จะกินให้อิ่มเพื่อมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป หากวิ่งช้าเกินไปอาจยังถูกปีศาจใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังตามมาฆ่าให้ตายคาที่ หากอยู่บนสนามรบแล้วกลัวตาย ตระกูลที่อยู่ในบ้านเกิดก็ล้วนต้องตายตกตามไปด้วย

ศาลบุ๋นแผ่นดินกลาง อริยะลัทธิขงจื๊อ จะทำแบบนี้ไหม? กล้าไหม? ยินดีไหม? หักใจทำได้ลงไหม? เหมาะสมไหม?

มีเพียงแจกันสมบัติทวีปที่ตัดใจได้มากที่สุด กล้าที่จะประชันเรื่องความใจเด็ด แข่งเรื่องความรอบคอบในกลยุทธวิธีการ ประชันเรื่องการวางแผนคิดคำนวณจิตใจคนกับใต้หล้าเปลี่ยวร้างมากที่สุด ยอมที่จะวางหลักการเหตุผลบางอย่างของอริยะปราชญ์ไว้เฉพาะบนหน้าหนังสือก่อนชั่วคราว

ประโยคนั้นของบรรพบุรุษใหญ่ภูเขาทัวเยว่ มีผู้ฝึกตนบนยอดเขามากน้อยเท่าไรของใต้หล้าไพศาลที่ได้ยิน แล้วจะมีคนอีกมากน้อยเท่าไหร่ที่อันที่จริงได้ยินเข้าหูจริงๆ? ย่อมไม่ได้มีแค่หวานเหยียนเหล่าจิ่งที่ทรยศเกราะทองทวีปเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน

ซิ่วไฉเฒ่ากระทืบเท้าเอ่ยอย่างเดือดดาล “ก็ข้าจะมีคำบ่น มีความไม่พอใจ ชาวบ้านข้าตัดใจด่าไม่ลงแม้แต่ครึ่งคำ แต่ผู้ฝึกตนใหญ่บนยอดเขาที่ดีดลูกคิดได้เก่งกว่าตาเฒ่าไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบัณฑิตระยำบางคนที่อยู่ฝ่ายในของระบบลัทธิขงจื๊อที่น้ำเข้าสมองกันไปหมดแล้ว! มาคนหนึ่งข้าก็จะถ่มน้ำลายรดหน้าพวกเขาคนหนึ่ง!”

“ไม่อาจไม่ยอมรับว่า ผู้ฝึกตนก็ถือเป็นพวกคนประหลาดแล้ว ย่อมต้องมีทั้งดีทั้งเลวกระมัง”

เฉินฉุนอันเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยอีกว่า “สันดานเดิมของมนุษย์นั้นเลวทราม”

ซิ่วไฉเฒ่าได้ยินประโยคนี้แล้วกลับไม่เหลือความอารมณ์ดีแม้แต่นิด กลับยังเอ่ยว่า “นิสัยแบ่งออกเป็นสองอย่าง จิตใจคนมุ่งสู่ความดีงาม คนรุ่นเยาว์ในทุกวันนี้ค่อนข้างจะต่างไปจากเดิม ในอนาคตถึงอย่างไรก็ยังมีความหวังอยู่มาก”

สุดท้ายเฉินฉุนอันยิ้มเอ่ย “สายเหวินเซิ่งในทุกวันนี้ ลูกศิษย์แต่ละคนล้วนมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ดีงาม หันกลับมามองดูสายหย่าเซิ่งของข้า กลับต้องโดนด่าเพราะข้า เจ้าแอบชอบใจอยู่ใช่หรือไม่?”

ซิ่วไฉเฒ่าตบชายแขนเสื้อของเฉินฉุนอัน “ข้าไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกนะ ใช้จิตใจของอริยะปราชญ์มาวัดใจซิ่วไฉ ไม่ควรเลย”

ซิ่วไฉเฒ่ากลั้นไม่ไหวเลยหลุดเสียงหัวเราะออกมา ดูสิ บอกว่าแอบชอบใจหรือ? ไม่มีเรื่องแบบนั้นเสียหน่อย

เงาร่างพลันเปล่งวูบหายไป ซิ่วไฉเฒ่าไปหาเป่าผิงน้อยแล้ว

เฉินฉุนอันกำลังจะอ้าปากถาม

น้ำเสียงแหบพร่าของซิ่วไฉเฒ่าก็ดังก้องอยู่ในทะเลสาบหัวใจของเฉินฉุนอัน “มารอดูกัน”

ศาลบุ๋นแผ่นดินกลางที่มองดูเหมือนไร้ผู้คนพลันเกิดริ้วคลื่นกระเพื่อมเบาๆ

บนลานกว้างของศาลบุ๋นปริแตกไม่เหลือสภาพดีแล้ว

ส่วนบริเวณใกล้เคียงกับร่องเจียวหลง ใต้ฝ่าเท้าของผู้เฒ่าชุดเทาคนหนึ่งก็มีน้ำวนลูกใหญ่ยักษ์ปรากฏขึ้นมา

บนยอดเขาของภูเขาสุ้ยซานทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง เทพภูเขาสวมเสื้อเกราะสีทองเรือนกายใหญ่โตกุมหมัดเอ่ย “คารวะปรมาจารย์มหาปราชญ์”

อาจารย์ผู้เฒ่าสวมชุดลัทธิขงจื๊อคนหนึ่งยิ้มกล่าว “ภูเขาสุ้ยซานแห่งนี้สูงที่สุดในใต้หล้า ขออาศัยพื้นที่ของเจ้าชั่วคราวสักหน่อย รบกวนแล้ว จำไว้ว่าต้องส่งสิ่งมีชีวิตทั้งหมดไปยังภูเขาทายาท อีกเดี๋ยวความเคลื่อนไหวจะค่อนข้างรุนแรง”

เทพเกราะทองยังคงกุมหมัด เอ่ยเสียงทุ้มหนัก “เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

อาจารย์ผู้เฒ่าเอ่ยอย่างจนใจ “เรียนรู้มาจากซิ่วไฉรึ?”

เทพเกราะทองคลี่ยิ้ม ไม่รบกวนการถามมรรคาต่อหนึ่งใต้หล้ากับปรมาจารย์มหาปราชญ์และผู้อื่นอีก ตรงไปที่ตีนเขาของภูเขาสุ้ยซานทันที

อาจารย์ผู้เฒ่านั่งลงขัดสมาธิ หยิบตำราเล่มหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ ใช้เสียงในใจเอ่ยกับหลี่เซิ่งที่อยู่นอกฟ้า “ไม่เหมือนเจ้า ไม่ได้ต่อสู้มานานมากแล้ว ต้องขอโทษด้วย”

ตอนที่ผู้เฒ่าเอาตำราเล่มนี้ออกมา เทพเกราะทองที่อยู่ตรงตีนเขาภูเขาสุ้ยซานพลันรู้สึกว่าบ่าทั้งสองหนักอึ้ง ไม่เพียงเท่านี้ ตลอดทั้งภูเขาสุ้ยซานยังลดต่ำฮวบลงไปหลายจั้งในเสี้ยววินาที

นอกฟ้าของใต้หล้าไพศาล

ลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อสวมชุดสีเขียวมีใบหน้าเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งร่ายวิชาอภินิหารแผ่ไพศาลเกรียงไกร มือทั้งสองคว้าจับความว่างเปล่า อาศัยกำลังของตัวเองคนเดียว พิธีการของตัวเองคนเดียว ปกป้องตลอดทั้งใต้หล้าไพศาลไว้ในฝ่ามือ

อริยะปราชญ์ที่มีเทวรูปในศาลบุ๋นแต่ละท่านซึ่งเดินทางไกลมายังที่แห่งนี้กำลังคุมเชิงต่อสู้อยู่กับกากเดนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยุคบรรพกาลหลายตน

หมื่นปีที่ผ่านมา สถานการณ์นอกฟ้าไม่เคยอันตรายถึงเพียงนี้มาก่อน

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตนหนึ่งที่กายธรรมใหญ่โตมโหฬารพอๆ กับของหลี่เซิ่ง เพียงแต่ว่าอยู่ห่างออกไปไกลมากถึงได้ดูเหมือนเล็กเท่าเมล็ดงา เงื้อกระบี่ฟันลงมาอีกครั้ง

ข้างกายมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ร่างยักษ์ที่ติดตามอยู่เคียงข้างมานานหมื่นปีเอื้อมมือไปคว้าดวงดาวดวงหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง ใช้สายฟ้าหลอมมันให้กลายเป็นบ่อสายฟ้าในเสี้ยววินาทีแล้วขว้างเข้าใส่กายธรรมร่างทองของรองเจ้าลัทธิศาลบุ๋นท่านหนึ่งอย่างแรง

เมื่ออาจารย์ผู้เฒ่าที่นั่งบัญชาการณ์อยู่ในใต้หล้าไพศาลเปิดตำราหน้าแรก

ตลอดทั้งขุนเขาก็สะเทือนไปถึงรากภูเขาอีกครั้ง แล้วภูเขาทั้งลูกก็พลันทรุดฮวบลงไปมากกว่าเดิม

มีเพียงไพศาลของข้าที่มีป๋ายเหย่ แล้วนับประสาอะไรกับที่ยังมีบัณฑิต

บนยอดเขาของภูเขาสุ้ยซาน อาจารย์ผู้เฒ่าชำเลืองตามองไปยังโลกมนุษย์แห่งหนึ่งในทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ต้นหลีผลิดอกแล้ว

สุดท้ายอาจารย์ผู้เฒ่ามองไปยังทิศไกล

มารดาเจ้าเถอะ คิดจริงๆ หรือว่าข้าผู้อาวุโสต่อยตีไม่เป็น?!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+