สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 184 ไม่ต้องร้อนใจ พวกเรายังต้องตรวจสอบ

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 184 ไม่ต้องร้อนใจ พวกเรายังต้องตรวจสอบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 184 ไม่ต้องร้อนใจ พวกเรายังต้องตรวจสอบ

บทที่ 184 ไม่ต้องร้อนใจ พวกเรายังต้องตรวจสอบ

นายท่านตระกูลหลี่รีบบึ่งกลับมา เมื่อรู้ว่าลูกชายของเขาทำความผิดร้ายแรงก็ทั้งกระวนกระวายทั้งโมโห ตะโกนเอ็ดตะโรด่าทอหลี่จวิ้นหานยกใหญ่ ด่าเสร็จแล้วก็ยังต้องมาหาคิดหาทางให้เขาอีก ดูว่าจะช่วยลูกชายออกมาได้อย่างไรบ้าง

ฮูหยินหลี่ชวนฮูหยินของนายอำเภอออกไปเดินเล่น ผลที่ได้คืออีกฝ่ายไม่มา เมื่อคิดถึงตอนที่ตน ‘มอบของกำนัลแสดงมิตรไมตรี’ ให้ฮูหยินฉินหลายปีมานี้ นางรู้สึกเหมือนตัวเองพ่ายแพ้อย่างใหญ่หลวง ไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้แม้แต่คำเดียว

“หลี่ตง เจ้าเป็นบ่าวรับใช้คนสนิทของนายน้อย จนถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังไม่บอกความจริงข้าอีก?” นายท่านหลี่ตบโต๊ะอย่างแรงหนึ่งที

บ่าวรับใช้คนสนิทคุกเข่าอยู่ข้างล่างพลางเอ่ยเสียงสั่น “นายท่าน บ่าวทำตามคำสั่งของนายน้อย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับบ่าวเลยนะขอรับ”

“เจ้าหน้าที่ทางการจับนายน้อยเจ้าไป บอกว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆ่าคนตาย แต่จนถึงตอนนี้พวกเราก็ยังไม่รู้ว่าเขาก่อเรื่องอะไรกันแน่ เจ้ารีบบอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พวกเราต้องคิดหาทางช่วยเขาออกมา”

“หากเอ่ยถึงคดีฆ่าคนตาย มีอยู่เรื่องหนึ่งจริง ๆ ขอรับ” หลี่ตงคุกเข่าอยู่บนพื้น เอ่ยไปพลางน้ำตาไหลอาบแก้ม “นายน้อยมีสหายที่สนิทสนมกันอยู่คนหนึ่งชื่อโม่ลี่ เป็นแม่นางจากเรือนวาโยวสันต์ โม่ลี่ผู้นี้ถูกพ่อค้าคนหนึ่งไถ่ตัวไปเป็นอนุ ต่อมานายน้อยบังเอิญได้พบกับนางอีกครั้งจึงติดต่อกันเรื่อยมา พ่อค้าผู้นั้นมาพบเข้า จึงต่อยตีกับนายน้อย นายน้อยผลักเขาแล้ว… นายน้อยไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะขอรับ”

“จากนั้นเล่า?”

“นายน้อยจ่ายเงินไปเล็กน้อยเพื่อปิดปากเมียหลวงของพ่อค้าผู้นั้น แล้วซุกโม่ลี่ไว้ข้างนอก เรื่องนี้จบไปแล้วขอรับ”

“คนต่ำช้า! คนต่ำช้าชัด ๆ!” ฮูหยินหลี่หายใจแทบไม่ออก

“ท่านแม่…” หลี่หงซูรีบเข้าไปลูบอกมารดา “ท่านอย่าโกรธ อย่าโกรธจนทำร้ายสุขภาพของตัวเองเลยเจ้าค่ะ”

“ซูเอ๋อร์” ฮูหยินหลี่กอดหลี่หงซูเอาไว้แล้วร้องไห้อย่างขมขื่น “ชีวิตก่อนข้าทำบาปอะไร ถึงได้ให้กำเนิดคนบาปเช่นพี่ชายเจ้าออกมา”

“พอ ๆ ร้องห่มร้องไห้ไปจะมีประโยชน์หรือ” สีหน้าของนายท่านหลี่ไม่สู้ดีนัก “คิดหาทางช่วยเจ้าลูกทรพีนี่เถอะ! วันนี้เจ้าไม่ได้พบฮูหยินนายอำเภอหรือ?”

“ไม่”

“ไม่ได้พบก็เป็นเรื่องปกติ” นายท่านหลี่กล่าว “ฮูหยินนายอำเภอไม่เคยสนใจคดีของศาลาว่าการ ไม่เคยมาข้องเกี่ยวกับคดี”

“เช่นนั้นหลายปีมานี้พวกเราจะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับนางไว้ไปทำไมกัน?”

“เจ้าลองดูอีกที ดูว่าจะพบฮูหยินนายอำเภอได้หรือไม่”

“ให้ข้าไปเถอะ” หลี่หงซูกล่าว “ความสัมพันธ์ของข้ากับคุณหนูฉินไม่เลวเลย ข้าจะไปพบกับคุณหนูฉิน ระหว่างนั้นก็จะไปทักทายฮูหยินฉิน นางจะได้พบข้าแน่”

“ซูเอ๋อร์ ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” ฮูหยินหลี่มองบุตรสาวด้วยความโล่งอก

หลี่หงซูกระอึกกระอักอยู่เป็นเวลานาน มองหน้านายท่านหลี่และฮูหยินหลี่ไปมา สุดท้ายจึงเอ่ยขึ้น

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านยังจำเรื่องที่ท่านพี่และคุณชายแซ่ถังตกน้ำที่บ้านเราเมื่อวานนี้ได้หรือไม่?”

“เพิ่งเกิดเรื่องเมื่อวานนี้ตอนบ่าย พวกเราจะจำไม่ได้ได้อย่างไร ตอนนี้เจ้าจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่ออะไรอีก พวกเราต้องรีบพาพี่ชายเจ้าออกมาเร็ว ๆ เขายังป่วย หากยังอยู่ในคุกต่อไป เขาคงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว”

“ท่านพ่อ เถ้าแก่เนี้ยเรือนกรุ่นฝันที่มายามเว่ย*[1] เมื่อวานนี้ เป็นฮูหยินของจู่ปู้ลู่ประจำศาลาว่าการ นางตกลงไปในน้ำเช่นกัน พวกท่านจำเถ้าแก่เนี้ยผู้นี้ได้หรือไม่? ข้าเคยบอกพวกท่านว่าฝีมือของนางยอดเยี่ยมมาก ตอนนี้กิจการเรือนกรุ่นฝันก็กำลังไปได้ดี พวกท่านก็เคยไปร้านยวลกลิ่นอิสตรีของเจิ้งซูอวี้ ที่นั่นก็เป็นผลงานการออกแบบของนาง ข้าเคยบอกพวกท่านว่า…”

“ซูเอ๋อร์ เจ้าหมายความว่าคดีของพี่ชายเจ้าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ตกน้ำเมื่อวานนี้หรือ?” นายท่านหลี่จ้องมองมา “ลู่อี้ผู้นี้ข้าก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่เขาจะกล้าหรือ? เป็นเพียงจู่ปู้เล็ก ๆ คนหนึ่ง ถึงแม้ฮูหยินของเขาจะตกน้ำที่จวนหลี่เรา แต่เพื่อเรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะมาแก้แค้นจวนหลี่ ไม่ใจแคบไปหน่อยหรือ?”

“ท่านพ่อ!” หลี่หงซูจ้องมองนายท่านหลี่เขม็ง “พี่ใหญ่ประพฤติตัวเช่นไร ท่านไม่รู้หรือ?”

นายท่านหลี่และฮูหยินหลี่ตกใจ

หลี่จวิ้นหานประพฤติตัวเช่นไร แน่นอนว่าพวกเขารู้

หากเมื่อวานฮูหยินของจู่ปู้ลู่ถูกทำให้อับอายในจวนหลี่ของพวกเขา เช่นนั้นวันนี้ที่คนของศาลาว่าการมาจับหลี่จวิ้นหานไปขังคุกก็มีความเป็นไปได้

“หลี่ตง เจ้ายังไม่เล่าความจริงออกมาอีก!” นายท่านหลี่โกรธเกรี้ยว “วันนี้ถ้าเจ้าไม่เอ่ยความจริงออกมาให้หมด สกุลหลี่จะไม่เอาเจ้าไว้ ข้าจะเฆี่ยนเจ้าให้ตายทันที”

“นายท่านโปรดไว้ชีวิตบ่าว บ่าวยอมพูดแล้ว!”

เมื่อวานนี้หลี่ตงอยู่ไม่ไกลนัก หลี่จวิ้นหานกำลังเล่นสนุกอยู่กับถังหมิงฉง ไม่ให้เขาเข้าไปขัดความสุข เขาทำได้แค่ติดตามอยู่ไกล ๆ ต่อมาทั้งสองคนถูกผลักลงน้ำ เขาคิดจะเรียกหาคน ทว่ากลับเห็นชายหนุ่มสูงใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามา ในตอนนั้นเขารู้สึกได้ว่าชายผู้นั้นเป็นคนอันตราย กระทั่งคนคนนั้นพาฮูหยินลู่จากไป เขาถึงกล้าตะโกนว่า ‘นายน้อยตกน้ำ’

“แค่ผลักนางตกน้ำหรือ ไม่มีอย่างอื่นหรือ?”

หลังจากได้ยินคำนี้ ทุกคนจึงโล่งใจ

นับว่ายังไม่เลวร้าย ยังพอมีทางให้ชดเชย

“พวกเราเชิญผู้อาวุโสกลับมาดีหรือไม่? หากเขายังอยู่ในจวน นายอำเภอฉินคงไว้หน้าเราอยู่บ้าง” ฮูหยินหลี่เอ่ยขึ้น

“แต่ตอนนี้ท่านผู้เฒ่ากำลังฝึกวิชาอาคมอยู่กับนักพรตเต๋าทั้งวี่ทั้งวัน ข้าไปหาเขาที่วัดเต๋าหลายครั้งหลายครา เขาก็ไม่ยอมพบหน้าข้าแม้แต่ครั้งเดียว ตอนนี้อย่าได้คิดจะพึ่งพาเขา พวกเราแก้ปัญหากันเองก่อน!”

ท่านผู้อาวุโสหลี่เป็นขุนนางขั้นห้า ยามนี้เกษียณกลับมาอยู่จวนตระกูลหลี่ ถึงแม้จะไม่ใหญ่โต ทว่าในเมืองฮู่เป่ยเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ ย่อมสามารถเชิดหน้าชูตาอย่างสง่าผ่าเผยได้บ้าง น่าเสียดายที่เขามัวลุ่มหลงอยู่กับวิชาอาคมมาเป็นเวลาครึ่งปีแล้ว แม้แต่ลูกหลานก็ยังไม่ได้พบหน้าเขา

ณ ศาลาว่าการ นักการเกาเข้ามาในห้องทำงานของลู่อี้ เห็นว่าเขากำลังขีดเขียน ท่วงท่าสง่างามประหนึ่งเทพเซียน ราวกับทั้งร่างของเขาเปล่งแสงเรืองรองออกมา

สีหน้าของนักการเกาขึงขังขึ้นมา เขาเดินเข้าไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วเอ่ยขึ้น “จู่ปู้ลู่”

“พี่เกา ลำบากท่านแล้ว”

“จู่ปู้ลู่เอ่ยเช่นนี้นับว่าแหย่ข้าแล้ว” นักการเกายิ้มกริ่ม “เรื่องนี้พวกเราทำเพื่อราษฎร ทำงานให้ใต้เท้า มีอะไรให้ลำบากกัน? นี่เป็นเรื่องของหน้าที่ไม่ใช่หรือ?”

“นี่เป็นคำร้องที่ฟางซื่อยื่นมาขอทวงความยุติธรรมให้สามีของนาง ช่างซาบซึ้งกินใจเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าสกุลหลี่มีใต้เท้าขุนนางใหญ่ผู้หนึ่ง แม้แต่ใต้เท้านายอำเภอยังต้องให้การช่วยเหลือสกุลหลี่ เรื่องวันนี้เกรงว่าจะทำให้ใต้เท้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก”

“ใต้เท้าฉินเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ ย่อมไม่ถูกอำนาจควบคุม ยิ่งไปกว่านั้น อนุผู้นั้นก็หาเจอแล้ว ทั้งยังเล่าขั้นตอนที่หลี่จวิ้นหานตีจางหยางตายออกมาจนหมดสิ้น”

“คดีนับว่าสรุปได้แล้ว” ลู่อี้เคาะนิ้วที่โต๊ะเบา ๆ “เหลือแค่ลายมือของคนผิดเท่านั้น โชคไม่ดีที่คนผิดหมดสติไปแล้ว เราทำได้แค่รอให้เขาตื่น”

เมื่อนักการเกาออกมาจากห้องของลู่อี้ ทั่วทั้งตัวของเขาก็ชโลมด้วยเหงื่อเย็น

บางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด เห็นได้ชัดว่าลู่อี้เป็นมิตรกับเขา แต่เขากลับรู้สึกถึงความกดดันมหาศาลโดยสัญชาตญาณ ความรู้สึกนั้นรุนแรงยิ่งกว่าตอนที่เขาเผชิญหน้ากับนายอำเภอเสียอีก

“หัวหน้า เจ้าหลี่นั่นข้าเกรงว่าจะไม่ไหวแล้ว”

“เชิญท่านหมอมา”

“หา? นั่นไม่ต้องใช้เงินหรือ?”

นักการเกาตบผัวะลงไปบนหัวของลูกน้อง “ไม่มีสมองหรือไร! ลูกชายของคนสกุลหลี่กำลังจะตาย เจ้าจะรอพวกเขาอ้อนวอนให้เราเชิญท่านหมอมาเรอะ”

ลูกน้องจึงเข้าใจในทันที เขาเอ่ยอย่างประจบเอาใจ “ท่านหัวหน้าช่างชาญฉลาด หากติดตามท่านหัวหน้า พวกเราจะต้องร่ำรวยแน่นอน ฮ่าฮ่าฮ่า”

[1] ยามเว่ย คือช่วงเวลาบ่าย 13.00 – 14.59 น.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 184 ไม่ต้องร้อนใจ พวกเรายังต้องตรวจสอบ

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 184 ไม่ต้องร้อนใจ พวกเรายังต้องตรวจสอบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 184 ไม่ต้องร้อนใจ พวกเรายังต้องตรวจสอบ

บทที่ 184 ไม่ต้องร้อนใจ พวกเรายังต้องตรวจสอบ

นายท่านตระกูลหลี่รีบบึ่งกลับมา เมื่อรู้ว่าลูกชายของเขาทำความผิดร้ายแรงก็ทั้งกระวนกระวายทั้งโมโห ตะโกนเอ็ดตะโรด่าทอหลี่จวิ้นหานยกใหญ่ ด่าเสร็จแล้วก็ยังต้องมาหาคิดหาทางให้เขาอีก ดูว่าจะช่วยลูกชายออกมาได้อย่างไรบ้าง

ฮูหยินหลี่ชวนฮูหยินของนายอำเภอออกไปเดินเล่น ผลที่ได้คืออีกฝ่ายไม่มา เมื่อคิดถึงตอนที่ตน ‘มอบของกำนัลแสดงมิตรไมตรี’ ให้ฮูหยินฉินหลายปีมานี้ นางรู้สึกเหมือนตัวเองพ่ายแพ้อย่างใหญ่หลวง ไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้แม้แต่คำเดียว

“หลี่ตง เจ้าเป็นบ่าวรับใช้คนสนิทของนายน้อย จนถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังไม่บอกความจริงข้าอีก?” นายท่านหลี่ตบโต๊ะอย่างแรงหนึ่งที

บ่าวรับใช้คนสนิทคุกเข่าอยู่ข้างล่างพลางเอ่ยเสียงสั่น “นายท่าน บ่าวทำตามคำสั่งของนายน้อย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับบ่าวเลยนะขอรับ”

“เจ้าหน้าที่ทางการจับนายน้อยเจ้าไป บอกว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆ่าคนตาย แต่จนถึงตอนนี้พวกเราก็ยังไม่รู้ว่าเขาก่อเรื่องอะไรกันแน่ เจ้ารีบบอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พวกเราต้องคิดหาทางช่วยเขาออกมา”

“หากเอ่ยถึงคดีฆ่าคนตาย มีอยู่เรื่องหนึ่งจริง ๆ ขอรับ” หลี่ตงคุกเข่าอยู่บนพื้น เอ่ยไปพลางน้ำตาไหลอาบแก้ม “นายน้อยมีสหายที่สนิทสนมกันอยู่คนหนึ่งชื่อโม่ลี่ เป็นแม่นางจากเรือนวาโยวสันต์ โม่ลี่ผู้นี้ถูกพ่อค้าคนหนึ่งไถ่ตัวไปเป็นอนุ ต่อมานายน้อยบังเอิญได้พบกับนางอีกครั้งจึงติดต่อกันเรื่อยมา พ่อค้าผู้นั้นมาพบเข้า จึงต่อยตีกับนายน้อย นายน้อยผลักเขาแล้ว… นายน้อยไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะขอรับ”

“จากนั้นเล่า?”

“นายน้อยจ่ายเงินไปเล็กน้อยเพื่อปิดปากเมียหลวงของพ่อค้าผู้นั้น แล้วซุกโม่ลี่ไว้ข้างนอก เรื่องนี้จบไปแล้วขอรับ”

“คนต่ำช้า! คนต่ำช้าชัด ๆ!” ฮูหยินหลี่หายใจแทบไม่ออก

“ท่านแม่…” หลี่หงซูรีบเข้าไปลูบอกมารดา “ท่านอย่าโกรธ อย่าโกรธจนทำร้ายสุขภาพของตัวเองเลยเจ้าค่ะ”

“ซูเอ๋อร์” ฮูหยินหลี่กอดหลี่หงซูเอาไว้แล้วร้องไห้อย่างขมขื่น “ชีวิตก่อนข้าทำบาปอะไร ถึงได้ให้กำเนิดคนบาปเช่นพี่ชายเจ้าออกมา”

“พอ ๆ ร้องห่มร้องไห้ไปจะมีประโยชน์หรือ” สีหน้าของนายท่านหลี่ไม่สู้ดีนัก “คิดหาทางช่วยเจ้าลูกทรพีนี่เถอะ! วันนี้เจ้าไม่ได้พบฮูหยินนายอำเภอหรือ?”

“ไม่”

“ไม่ได้พบก็เป็นเรื่องปกติ” นายท่านหลี่กล่าว “ฮูหยินนายอำเภอไม่เคยสนใจคดีของศาลาว่าการ ไม่เคยมาข้องเกี่ยวกับคดี”

“เช่นนั้นหลายปีมานี้พวกเราจะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับนางไว้ไปทำไมกัน?”

“เจ้าลองดูอีกที ดูว่าจะพบฮูหยินนายอำเภอได้หรือไม่”

“ให้ข้าไปเถอะ” หลี่หงซูกล่าว “ความสัมพันธ์ของข้ากับคุณหนูฉินไม่เลวเลย ข้าจะไปพบกับคุณหนูฉิน ระหว่างนั้นก็จะไปทักทายฮูหยินฉิน นางจะได้พบข้าแน่”

“ซูเอ๋อร์ ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” ฮูหยินหลี่มองบุตรสาวด้วยความโล่งอก

หลี่หงซูกระอึกกระอักอยู่เป็นเวลานาน มองหน้านายท่านหลี่และฮูหยินหลี่ไปมา สุดท้ายจึงเอ่ยขึ้น

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านยังจำเรื่องที่ท่านพี่และคุณชายแซ่ถังตกน้ำที่บ้านเราเมื่อวานนี้ได้หรือไม่?”

“เพิ่งเกิดเรื่องเมื่อวานนี้ตอนบ่าย พวกเราจะจำไม่ได้ได้อย่างไร ตอนนี้เจ้าจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่ออะไรอีก พวกเราต้องรีบพาพี่ชายเจ้าออกมาเร็ว ๆ เขายังป่วย หากยังอยู่ในคุกต่อไป เขาคงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว”

“ท่านพ่อ เถ้าแก่เนี้ยเรือนกรุ่นฝันที่มายามเว่ย*[1] เมื่อวานนี้ เป็นฮูหยินของจู่ปู้ลู่ประจำศาลาว่าการ นางตกลงไปในน้ำเช่นกัน พวกท่านจำเถ้าแก่เนี้ยผู้นี้ได้หรือไม่? ข้าเคยบอกพวกท่านว่าฝีมือของนางยอดเยี่ยมมาก ตอนนี้กิจการเรือนกรุ่นฝันก็กำลังไปได้ดี พวกท่านก็เคยไปร้านยวลกลิ่นอิสตรีของเจิ้งซูอวี้ ที่นั่นก็เป็นผลงานการออกแบบของนาง ข้าเคยบอกพวกท่านว่า…”

“ซูเอ๋อร์ เจ้าหมายความว่าคดีของพี่ชายเจ้าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ตกน้ำเมื่อวานนี้หรือ?” นายท่านหลี่จ้องมองมา “ลู่อี้ผู้นี้ข้าก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่เขาจะกล้าหรือ? เป็นเพียงจู่ปู้เล็ก ๆ คนหนึ่ง ถึงแม้ฮูหยินของเขาจะตกน้ำที่จวนหลี่เรา แต่เพื่อเรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะมาแก้แค้นจวนหลี่ ไม่ใจแคบไปหน่อยหรือ?”

“ท่านพ่อ!” หลี่หงซูจ้องมองนายท่านหลี่เขม็ง “พี่ใหญ่ประพฤติตัวเช่นไร ท่านไม่รู้หรือ?”

นายท่านหลี่และฮูหยินหลี่ตกใจ

หลี่จวิ้นหานประพฤติตัวเช่นไร แน่นอนว่าพวกเขารู้

หากเมื่อวานฮูหยินของจู่ปู้ลู่ถูกทำให้อับอายในจวนหลี่ของพวกเขา เช่นนั้นวันนี้ที่คนของศาลาว่าการมาจับหลี่จวิ้นหานไปขังคุกก็มีความเป็นไปได้

“หลี่ตง เจ้ายังไม่เล่าความจริงออกมาอีก!” นายท่านหลี่โกรธเกรี้ยว “วันนี้ถ้าเจ้าไม่เอ่ยความจริงออกมาให้หมด สกุลหลี่จะไม่เอาเจ้าไว้ ข้าจะเฆี่ยนเจ้าให้ตายทันที”

“นายท่านโปรดไว้ชีวิตบ่าว บ่าวยอมพูดแล้ว!”

เมื่อวานนี้หลี่ตงอยู่ไม่ไกลนัก หลี่จวิ้นหานกำลังเล่นสนุกอยู่กับถังหมิงฉง ไม่ให้เขาเข้าไปขัดความสุข เขาทำได้แค่ติดตามอยู่ไกล ๆ ต่อมาทั้งสองคนถูกผลักลงน้ำ เขาคิดจะเรียกหาคน ทว่ากลับเห็นชายหนุ่มสูงใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามา ในตอนนั้นเขารู้สึกได้ว่าชายผู้นั้นเป็นคนอันตราย กระทั่งคนคนนั้นพาฮูหยินลู่จากไป เขาถึงกล้าตะโกนว่า ‘นายน้อยตกน้ำ’

“แค่ผลักนางตกน้ำหรือ ไม่มีอย่างอื่นหรือ?”

หลังจากได้ยินคำนี้ ทุกคนจึงโล่งใจ

นับว่ายังไม่เลวร้าย ยังพอมีทางให้ชดเชย

“พวกเราเชิญผู้อาวุโสกลับมาดีหรือไม่? หากเขายังอยู่ในจวน นายอำเภอฉินคงไว้หน้าเราอยู่บ้าง” ฮูหยินหลี่เอ่ยขึ้น

“แต่ตอนนี้ท่านผู้เฒ่ากำลังฝึกวิชาอาคมอยู่กับนักพรตเต๋าทั้งวี่ทั้งวัน ข้าไปหาเขาที่วัดเต๋าหลายครั้งหลายครา เขาก็ไม่ยอมพบหน้าข้าแม้แต่ครั้งเดียว ตอนนี้อย่าได้คิดจะพึ่งพาเขา พวกเราแก้ปัญหากันเองก่อน!”

ท่านผู้อาวุโสหลี่เป็นขุนนางขั้นห้า ยามนี้เกษียณกลับมาอยู่จวนตระกูลหลี่ ถึงแม้จะไม่ใหญ่โต ทว่าในเมืองฮู่เป่ยเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ ย่อมสามารถเชิดหน้าชูตาอย่างสง่าผ่าเผยได้บ้าง น่าเสียดายที่เขามัวลุ่มหลงอยู่กับวิชาอาคมมาเป็นเวลาครึ่งปีแล้ว แม้แต่ลูกหลานก็ยังไม่ได้พบหน้าเขา

ณ ศาลาว่าการ นักการเกาเข้ามาในห้องทำงานของลู่อี้ เห็นว่าเขากำลังขีดเขียน ท่วงท่าสง่างามประหนึ่งเทพเซียน ราวกับทั้งร่างของเขาเปล่งแสงเรืองรองออกมา

สีหน้าของนักการเกาขึงขังขึ้นมา เขาเดินเข้าไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วเอ่ยขึ้น “จู่ปู้ลู่”

“พี่เกา ลำบากท่านแล้ว”

“จู่ปู้ลู่เอ่ยเช่นนี้นับว่าแหย่ข้าแล้ว” นักการเกายิ้มกริ่ม “เรื่องนี้พวกเราทำเพื่อราษฎร ทำงานให้ใต้เท้า มีอะไรให้ลำบากกัน? นี่เป็นเรื่องของหน้าที่ไม่ใช่หรือ?”

“นี่เป็นคำร้องที่ฟางซื่อยื่นมาขอทวงความยุติธรรมให้สามีของนาง ช่างซาบซึ้งกินใจเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าสกุลหลี่มีใต้เท้าขุนนางใหญ่ผู้หนึ่ง แม้แต่ใต้เท้านายอำเภอยังต้องให้การช่วยเหลือสกุลหลี่ เรื่องวันนี้เกรงว่าจะทำให้ใต้เท้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก”

“ใต้เท้าฉินเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ ย่อมไม่ถูกอำนาจควบคุม ยิ่งไปกว่านั้น อนุผู้นั้นก็หาเจอแล้ว ทั้งยังเล่าขั้นตอนที่หลี่จวิ้นหานตีจางหยางตายออกมาจนหมดสิ้น”

“คดีนับว่าสรุปได้แล้ว” ลู่อี้เคาะนิ้วที่โต๊ะเบา ๆ “เหลือแค่ลายมือของคนผิดเท่านั้น โชคไม่ดีที่คนผิดหมดสติไปแล้ว เราทำได้แค่รอให้เขาตื่น”

เมื่อนักการเกาออกมาจากห้องของลู่อี้ ทั่วทั้งตัวของเขาก็ชโลมด้วยเหงื่อเย็น

บางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด เห็นได้ชัดว่าลู่อี้เป็นมิตรกับเขา แต่เขากลับรู้สึกถึงความกดดันมหาศาลโดยสัญชาตญาณ ความรู้สึกนั้นรุนแรงยิ่งกว่าตอนที่เขาเผชิญหน้ากับนายอำเภอเสียอีก

“หัวหน้า เจ้าหลี่นั่นข้าเกรงว่าจะไม่ไหวแล้ว”

“เชิญท่านหมอมา”

“หา? นั่นไม่ต้องใช้เงินหรือ?”

นักการเกาตบผัวะลงไปบนหัวของลูกน้อง “ไม่มีสมองหรือไร! ลูกชายของคนสกุลหลี่กำลังจะตาย เจ้าจะรอพวกเขาอ้อนวอนให้เราเชิญท่านหมอมาเรอะ”

ลูกน้องจึงเข้าใจในทันที เขาเอ่ยอย่างประจบเอาใจ “ท่านหัวหน้าช่างชาญฉลาด หากติดตามท่านหัวหน้า พวกเราจะต้องร่ำรวยแน่นอน ฮ่าฮ่าฮ่า”

[1] ยามเว่ย คือช่วงเวลาบ่าย 13.00 – 14.59 น.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+