ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 284 รอคอยโชคลาภมาหา
มู่เฉียนซี “ข้าบอกแล้วว่าขอให้เจ้าช่วยเล็กน้อยเท่านั้น”
เข็มยาหลายเล่มฉีดเข้าไปในร่างของเจ้าสำนักซวนปิงอย่างไม่เกรงใจ “ท่านถูกข้าวางยาพิษแล้ว ทั้งเซี่ยโจวมีข้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่แก้พิษนี้ได้ ขอเพียงท่านช่วยข้าจัดการเรื่องเรื่องหนึ่ง ข้าจะแก้พิษให้ท่าน”
เจ้าสำนักซวนปิงกล่าวถาม “เจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใด ?”
มู่เฉียนซี “ผู้เฒ่าหัวหงอกจากสำนักอวิ๋นเยียนผู้นั้นขโมยสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีของข้าไป ข้าต้องการแย่งคืนมา”
สีหน้าของเจ้าสำนักซวนปิงซีดเผือด “เจ้าบ้าไปแล้วหรืออย่างไร ? นั่นเจ้าสำนักอวิ๋นเยียน สำนักระดับหนึ่งเลยเชียว เขาเป็นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุด แล้วเจ้า จะ… เจ้าคิดจะแย่งของของเขา”
มู่เฉียนซี “เจ้าสำนักซวนปิง ท่านไม่มีทางเลือก หากไม่ทำท่านก็ต้องตาย หากท่านเลือกที่จะลงมือ ไม่แน่เราอาจจะไม่แพ้ก็ได้”
เจ้าสำนักซวนปิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี หากองครักษ์ชิงอิ่งของเจ้ายังอยู่ ข้าคิดว่าเรามีโอกาสชนะ แต่นี่เจ้ามีเพียงแค่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวกับข้า จะไปต่อสู้กับจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุด โอกาสชนะเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันเท่านั้นเจ้าเดาไม่ออกรึ ?!”
“จักรพรรดิแห่งภูตระดับสูง ห่างกันเพียงระดับเดียวก็เท่ากับห่างกันมากแล้ว เจ้าปล่อยให้ข้าจากไปด้วยพิษของเจ้าเถอะ”
มู่เฉียนซี “ข้ามีวิธีที่จะทำให้พลังของท่านเพิ่มขึ้นถึงขั้นสูงสุดภายในเวลาหนึ่งก้านธูป รากฐานของท่านจะสูญเสียเล็กน้อยแต่มันก็ดีกว่าที่ท่านจะต้องตาย ท่านจะเลือกทางใด”
เจ้าสำนักซวนปิงสูดลมหายใจเข้าลึก ชีวิตนี้ของเขา หากไม่มีโอกาสที่ดีก็ไม่สามารถทะลวงพลังเป็นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดได้
เพื่อปกป้องชีวิตของตัวเองเอาไว้ ถึงแม้ว่ารากฐานจะต้องสูญเสียไปบ้าง แต่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งเขาคงต้องยอมแล้ว เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายพยักหน้ารับปาก
“ตกลง ข้ารับปากเจ้า”
มู่เฉียนซีฉีดยาให้เจ้าสำนักซวนปิงสองสามเข็ม จากนั้นก็โยนยาวิญญาณให้เขาเม็ดหนึ่ง “หากต้องต่อสู้ก็กินยาเม็ดนี้เข้าไป พลังของยาที่ฉีดไปเมื่อครู่จะบังคับให้ยานั้นระเบิดออกมา และจะทำให้พลังวิญญาณของท่านเพิ่มขึ้น”
เจ้าสำนักซวนปิง “ได้”
จากนั้นมู่เฉียนซีกับเจ้าสำนักซวนปิงก็ได้ตามหาร่องรอยของผู้อาวุโสจากสำนักอวิ๋นเยียนในดินแดนลึกลับทางตกแห่งนี้ เพียงแต่ดินแดนลึกลับแห่งนี้กว้างใหญ่ยิ่งนัก การตามหาผู้เป็นถึงจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุดเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก
มู่เฉียนซี “เรากลับกันเถอะ”
หากตาเฒ่าหัวหงอกผู้นั้นต้องการจะกลับและได้พบว่าศิษย์ของตนยังไม่กลับมา เขาจะต้องย้อนกลับมาตามหาทางเดิมอย่างแน่นอน นางต้องรอคอยให้เหยื่อเข้ามาหา นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
มู่เฉียนซีย้อนกลับไปรอที่สระน้ำอันเย็นยะเยือกนั้นอีกครั้ง ทันใดนั้นอู๋ตี้กล่าวขึ้นว่า “นายท่าน ข้ารู้สึกเหมือนว่าข้าลืมเรื่องสำคัญไปแล้ว”
— ตูม! —
อู๋ตี๋กระโดดลงไปในสระน้ำอันเย็นยะเยือกนั้น ไม่นานนักมันก็ได้เจอผลึกวิญญาณสีเขียวสามอันปรากฏอยู่ในสระ
— ฉึก! —
“นี่เป็นผลึกวิญญาณของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ โชคดีที่ตาเฒ่าผู้นั้นไม่ได้ลงมาในสระนี้”
เสี่ยวหงเหลือบมองไปด้านบนอย่างเอือม ๆ พลางกล่าว “เจ้าคิดว่าสายตาของตาเฒ่าหัวหงอกนั่นจะตะกละเช่นเจ้ารึ ที่จะหาผลึกวิญญาณสามอันใต้ก้นสระได้”
อสรพิษสามหัวนี้มีผลึกวิญญาณถึงสามอัน ทำให้อู๋ตี้ชื่นชอบอย่างมาก ส่วนมู่เฉียนซีก็ได้เอาส่วนที่เหลือในมิติออกมาให้กับอู๋ตี้ “อู๋ตี้ เจ้ากินได้เต็มที่”
อู๋ตี้กัดผลึกวิญญาณ สีหน้าท่าทางดูเอร็ดอร่อยไม่เบา “อื้มนายท่าน…! อร่อยมากข้าชอบ”
ครานี้ต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่งจึงเกือบจะทำให้นายท่านต้องเป็นอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นอู๋ตี้จึงมุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ ต่อให้ตายก็ต้องแข็งแกร่งขึ้น
ร่างสีดำปรากฏขึ้นด้านหลังมู่เฉียนซี เขาโบกมือเล็กน้อยและโยนผลึกวิญญาณนับไม่ถ้วนลงตรงหน้าอู๋ตี้ จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ให้เจ้ากิน”
เมื่อมองไปที่ผลึกวิญญาณกองเท่าภูเขาขนาดย่อม ๆ อู๋ตี๋ก็รู้สึกได้ทันทีว่าบุรุษผู้นี้ต้องจงใจให้เขากินจนท้องแตกตายเป็นแน่!
บุรุษผู้นี้ใจดีแปลก ๆ!
มู่เฉียนซี “อู๋ตี้ ค่อย ๆ กินสิ”
เจ้าสำนักซวนปิงเห็นฉากที่อยู่ตรงหน้านี้ก็นิ่งอึ้ง นี่…
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นกับตาตนเองว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์กินผลึกวิญญาณเข้าไปเยอะมากแต่ไม่ได้เป็นอะไรเลย มันช่างเป็นเรื่องที่น่าทึ่งยิ่งนัก
แต่สิ่งที่ทวีความประหลาดใจกว่านั้นอยู่ที่ตอนท้ายสุด ในขณะที่อู๋ตี๋กลืนกินผลึกวิญญาณเหล่านั้นเข้าไป พลังของมันก็เพิ่มขึ้นอีกระดับ
ภายในชั่วพริบตาเดียว แมวน้อยผู้นี้ก็ได้เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสองแล้ว เดิมทีอู๋ตี๋คิดจะกิน ๆ ๆ แล้วก็นอน ๆ ๆ แต่สุดท้ายเสียงที่เย็นชาก็ดังขึ้นว่า “กินต่อไป!”
“หากเจ้าเลื่อนขั้นเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามไม่ได้ข้าจะฆ่าเจ้า!”
อู๋ตี้กัดฟันด้วยความโกรธเกรี้ยว บุรุษผู้นี้ทำร้ายกันเกินไปแล้ว เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนเช่นไร ? มีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่งกับข้า!
ถึงแม้ว่าอู๋ตี้จะโกรธมากเพียงใด แต่ภายใต้กลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวของจิ่วเยี่ยแล้ว มันก็จำใจต้องกินต่อไป
อู๋ตี๋พยายามกินอย่างสุดชีวิต ส่วนเสี่ยวหงนั้นไม่กล้าที่จะนอนขี้เกียจ เจ้าแมวบัดซบนั่นได้เลื่อนขั้นขึ้นอีกหนึ่งระดับ หากเลื่อนขั้นเหนือกว่าอีกขั้นมันจะไม่อยู่ให้เสียหน้าเด็ดขาด
ฝึกฝน ต้องฝึกฝน!
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองกำลังพยายามอย่างมุ่งมั่นทำให้มู่เฉียนซีดีใจและมีความสุข
เมื่อเวลาแห่งการฝึกฝนกำลังจะผ่านไปครึ่งเดือน ผู้อาวุโสแห่งสำนักอวิ๋นเยียนกลับไม่เจอศิษย์ของตนเองที่ทางออก
ผู้อาวุโสแห่งสำนักอวิ๋นเยียน “คนหนุ่มสาวเหล่านี้เล่นสนุกกันเพลินจนเกินไปแล้ว จนป่านนี้แล้วยังไม่กลับกันมาอีก ช่างน่าโมโหยิ่งนัก”
เขากลับไปที่สระอันเย็นยะเยือกนั้นเพื่อที่จะกลับไปดูว่าศิษย์ของเขายังอยู่ที่นั่นหรือไม่
“มาแล้ว” จิ่วเยี่ยกล่าวขึ้น
สภาพของเสี่ยวหงและอู๋ตี้ในเวลานี้พร้อมที่จะต่อสู้แล้ว “ช่างมาได้จังหวะพอดี”
พวกเขาทั้งหมดปกปิดร่างของตัวเองเอาไว้ เมื่อร่างในชุดขาวเข้ามา เขาก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่เห็นร่องรอยใด ๆ ของผู้เป็นศิษย์เลย
ผู้อาวุโสผงะไปครู่หนึ่ง “ไม่ได้อยู่ที่นี่ หรือว่าไปที่อื่นแล้ว ?”
ในขณะที่เขากำลังจะออกไปนั้น เขาก็เห็นป้ายประจำตัวของสำนักอวิ๋นเยียนหลายชิ้นวางอยู่บนพื้นอย่างเป็นระเบียบ เขารู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที
— ตูม! ตูม! ตูม! —
ในขณะเดียวกันนั้นระเบิดควันจำนวนมากระเบิดขึ้นบริเวณรอบ ๆ
“มีพิษ!”
ผู้อาวุโสรีบแผ่พลังวิญญาณออกมาเพื่อต้านควันพิษนี้ไว้ และเร่งออกมาจากควันพิษนั้น เขากล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “บัดซบ! ใครกล้าลอบทำร้ายข้า ?”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสที่มีพลังวิญญาณเป็นถึงจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าของสำนักอวิ๋นเยียน เจ้าสำนักซวนปิงรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด
มู่เฉียนซีกล่าวอยู่ด้านหลัง “เจ้าสำนักซวนปิง ได้เวลาลงมือแล้ว”
เจ้าสำนักซวนปิงกินเม็ดยาวิญญาณเข้าไป เขารู้สึกได้ว่าพลังของเขานั้นแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก เขามีความมั่นใจมากขึ้นแล้ว!
ร่างของเขากะพริบ พุ่งตรงเข้าหาผู้อาวุโสของสำนักอวิ๋นเยียน!
— ปัง! —
ทั้งสองได้เผชิญหน้าต่อสู้กัน ทันใดนั้นผู้อาวุโสของสำนักอวิ๋นเยียนก็ได้เห็นใบหน้าศัตรูอย่างชัดเจน
“เจ้า… เจ้าเป็นเจ้าสำนักซวนปิง เจ้ากล้าลงมือกับผู้อาวุโสของสำนักอวิ๋นเยียนรึ ? สำนักซวนปิงช่างบังอาจยิ่งนัก!”
เจ้าสำนักซวนปิง “ผู้อาวุโส… ข้าเองก็ไม่อยากจะตั้งตนเป็นศัตรูกับท่าน ขอเพียงแค่ท่านเอาผลึกดอกบัวหัวใจศักดิ์สิทธิ์ให้กับข้า ข้าจะหยุดต่อสู้ทันที”
ผู้อาวุโสแห่งสำนักอวิ๋นเยียนหัวเราะก่อนจะกล่าวเย้ยหยัน “ข้าต้องเสี่ยงชีวิตอย่างมากกว่าจะนำเอาสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีนี้มาได้ เหตุใดข้าถึงต้องมอบให้กับคนอย่างเจ้า”
ร่างสีขาวพุ่งพรวดเข้ามา อู๋ตี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มันกล่าวอย่างไม่รีรอ “สำนักอวิ๋นเยียนช่างเป็นสำนักที่ไร้ยางอายยิ่งนัก นายท่านของข้ากับเจ้าท่อนไม้ต่างหากที่เสี่ยงชีวิตต่อสู้กับอสรพิษสามหัวนั่น เจ้าก็แค่เอามันไปยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองเสี่ยงชีวิตอีกรึ ?! เสี่ยงชีวิตกับผีน่ะซี่!”
.
Related
Comments