การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 200.1: บทพิเศษ (4)
บทพิเศษ (4)
บทการสูญเสียครั้งแรก
ในโลกนี้เต็มไปด้วยไฟสงคราม ภายใต้สถานการณ์ที่โกลาหลก็ยังมีพื้นที่ปลอดสงครามอยู่เช่นกัน
สงครามโลกครั้งที่สาม.. มันเริ่มขึ้นปี 20xx ตามคำทำนายของนักท่องเวลาที่ว่ากันว่าเคยปรากฏขึ้นในปีสองพัน ซึ่งอ้างว่าว่าตัวเองชื่อจอห์น ไทเทอร์
หากตามคำที่กล่าวมาเป็นจริง อีกเกือบๆ สิบปีข้างหน้า จะมีเครื่องไทม์แมชชีนเครื่องแรกที่ถูกสร้างขึ้น
ใช่ ปีนี้เป็นปี 20xx สงครามดำเนินติดต่อกันมาเป็นสิบปี ไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงเลยแม้แต่น้อย
แต่ยังดีที่มีเขตปลดสงครามให้เรน ลูเซียและเอลน่าสามพี่น้องอยู่ในเขตปลอดสงครามนี้อย่างสงบสุข
เอลน่า คนเป็นพี่ที่มีความเป็นผู้นำสูงที่สุดและคอยเป็นคนค้ำจุนและนำบ้าน เธอเป็นคนที่รักน้องๆ ของตัวเองมากๆ
เรน เป็นผู้ชายคนเดียวในบ้านและมีร่างกายที่ดูน่ากลัวที่สุดในบ้านก็จริง แต่เขานั้นนับถือพี่และคอยพึ่งพาเสมอจนไม่มีความเป็นผู้ใหญ่สักที
ลูเซีย น้องคนเล็กสุดตรงกันข้ามกับเรน เธอเป็นคนที่พึ่งพาตัวเองได้ มีความสงบสุขุมรองลงมาจากเอลน่า
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เธอไม่ชอบพี่เอลน่ามากๆ แต่ตรงกันข้ามเธอชอบเรนมาก บางทีมันอาจจะเกินเลยคำว่าพี่น้องไปได้เลยด้วยซ้ำ
นี่คือครอบครัวเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ปลอดสงครามห่างไกลจากเมืองใหญ่ สามพี่น้องอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข
แม้ในบางวันเรนจะกลับมาบ้านด้วยบาดแผลจากการไปโรงเรียน ลูเซียนั้นก็จะเป็นห่วงเรนก่อนใครเพื่อน
แต่ทุกครั้งที่เรนมีปัญหา คนที่เรนจะเข้าหากลับไม่ใช่เธอ ไม่ใช่ลูเซีย แต่เรนจะไปหาเอลน่า.. ไม่ว่าจะกี่ครั้ง.. ต่อกี่ครั้ง
ลูเซียได้แต่ยืนมองอยู่เงียบๆ ไม่ว่าเธอจะพยายามเข้าหา พยายามเป็นห่วง คนที่อยู่ในสายตาพี่ชายเธอคนแรกก็จะเป็นพี่เอลน่า
“ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม!!!!!”
เมื่อลูเซียนึกถึงได้เธอก็กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ เสียงความโกรธดังก้องอยู่ในใจของเธอ ทำไมพี่ถึงไม่หันมามองเธอบ้าง
เธอไม่ว่าจะการเรียน วินัย วุฒิภาวะ เธอก็พยายาม พยายามมาตลอดแท้ๆๆ แต่ทำไมพี่ถึงไม่เคยมองเธอเลย
เธอไม่เคยเข้าใจ แต่ในตอนนั้นเองก็มีชายสองคนเดินเข้ามาล้อมลูเซียไว้พลางทักขึ้น
“เฮ้ สาวน้อยจะไปไหนเหรอ ทำไมไม่มาเที่ยวกับพวกเราล่ะ”
“เกะกะ”
ลูเซียในตอนนี้มีอายุราวๆ เด็กมัธยมต้นก็จริง แต่ทว่าไม่ว่าจะท่าทางหรือรูปลักษณ์เธอนั้นก็เหมือนกับเอลน่ามาก
ไม่แปลกใจที่พอมีคนเห็นจะรู้สึกสนใจขึ้นมา พอพวกมันได้ยินก็ทำหูทวนลม
“เมื่อกี้พูดอะไรนะ ตกลงเหรอ?”
“ฮ่าๆ”
พวกมันที่ตามมาด้วยก็หัวเราะ ลูเซียตะโกนออกมาอีกครั้ง
“ฉันบอกว่ามันเกะกะ”
ด้วยความที่หงุดหงิดอยู่เธอก็เตะใส่ขาอีกฝ่ายจนอีกฝ่ายหน้าเปลี่ยนสี
“อ้ากกกก ขา.. ขาฉัน”
ทุกคนที่มองอยู่ต่างพากันตกใจ ในโลกที่วุ่นวายเช่นนี้การมีเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้แปลกขนาดนั้น แต่ที่มันแปลกคือฉากเด็กตัวเล็กๆ เตะขาผู้ใหญ่คนหนึ่ง
จนผู้ใหญ่คนนั้นร้องออกมาอย่างอเนจอนาถ ลูเซียเดินผ่านไปด้วยความหงุดหงิดฉุนเฉียว เพื่อนของชายที่ถูกเตะขาก็ได้สติ
“เฮ้ย เดี๋ยวสิวะ ยัยเด็กนี่ ใครบอกให้เธอไปได้กัน”
ว่าแล้วมันก็จับแขนลูเซีย แต่พอมันจับแขนเธอร่างกายเธอก็สะดุ้งก่อนจะหันมามองอีกฝ่าย
“อย่าเอามือสกปรกๆ มาแตะฉัน ไอ้พวกขยะ”
“ห๊า?! นี่จะหาเรื่อ—”
แต่ก่อนที่จะได้พูดจบก็ถูกหมัดลูเซียต่อยเข้าจนปากแตกฟันร่วง เธอมองนักเลงสองคนพร้อมกับบ่นอุบอิบ
“มันน่าขยะแขยงไม่ใช่หรือไง”
เธอเบ๊ปากแล้วก็เดินกลับบ้าน เธอใช้ผ้าเช็ดแขนเหมือนมีของสกปรกโสโครกที่สุดมาแตะตัวเอง
“คิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนกัน ชิ”
เธอเดินกลับบ้านด้วยความหงุดหงิดกว่าเดิม
“คนที่แตะฉันได้น่ะมีแค่พี่เรนก็พอแล้ว”
พอกลับมาถึงบ้าน เรนก็เหมือนกำลังจะออกไปข้างนอกพอดี
“กลับมาแล้วเหรอ”
ใบหน้าที่ดูน่ากลัวของลูเซียหายวับไปกับสายลม ก่อนที่จะเต็มไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใส
“กลับมาแล้วค่ะ ว่าแต่พี่จะไปไหนเนี่ย ให้ฉันช่วยไหม”
ว่าแล้วลูเซียก็กระโดดกอดเรนเหมือนเด็กน้อยขี้แย เรนยิ้มตอบแล้วก็ลูบหัวลูเซีย
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่จะออกไปซื้อของน่ะ อยู่ที่บ้านนี่แหละ”
แต่ในตอนนั้นเอง เอลน่าก็เดินออกมาจากห้องครัวพลางถามว่า
“เรนจะไปซื้อของเหรอ?”
“ใช่แล้วพี่ทำไมเหรอ”
“เดี๋ยวพี่จะไปด้วยนะ”
“เอ๊ะ จริงเหรอ”
ว่าแบบนั้นเรนก็ยิ้มดีใจจนออกนอกหน้า ลูเซียยิ้มค้าง.. อีกแล้ว… อีกแล้วเป็นแบบนี้อีกแล้ว
เธอได้แต่มองเรนกับเอลน่าออกจากบ้านไป ทั้งสองคุยกันอย่างสนุกสนาน เดินจากบ้านไป กระเป๋าในมือของลูเซียถูกปาใส่ผนังบ้าน
“ทำไม ทำไมต้องเป็นยัยพี่บ้านั่นอีกแล้ว ทำไมพี่ไม่มองมาที่ฉันบ้าง”
ลูเซียกัดฟัน.. ในตอนนั้นภาพต่างๆ ในอดีตก็ลอยเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามคนที่พี่ชายของเธอให้ความสำคัญจะเป็นเอลน่าเสมอ
เธอน่ะ เห็นทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น คืนที่พี่เอลน่ากลุ้มใจอะไรบางอย่าง
แล้วเรนก็เข้าไปทัก และพวกเขาก็จูบกัน… อิจฉา.. ใช่มันเป็นความอิจฉา มันไม่ได้พึ่งเกิด แต่มันมีมานานแล้ว
ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้… เธอกัดฟัน..
“ถ้าไม่มียัยนั่นสักคน… ถ้าไม่มียัยนั่นสักคน…….”
ลูเซียบ่นพึมพำด้วยความโกรธ ดวงตามีไฟอิจฉาริษยา ใช่.. แม้เธอจะเหมือนเอลน่าทุกระเบียบนิ้ว
แต่ลูเซียเป็นเด็กนิสัยไม่ดีมากๆ เธอน่ะมองคนอื่นต่ำกว่าตัวเอง เหมือนกับขยะ ในที่นี้เธอไม่ได้มองว่าที่ตัวเองดีกว่าใคร
แต่เธอนั้นมองว่าเพราะตัวเองเป็นของของพี่ชาย.. หากมีคนมาแตะต้องเธอ มีครั้งหนึ่งเธอเคยอ้วกออกมาเลย… ทุกอย่างของเธอน่ะมีเพื่อพี่ชาย
เรียน ความรู้ ความสามารถหรือแม้แต่.. ความรัก.. ทุกอย่างเป็นแค่ของพี่ชายเธอเท่านั้น.. และทุกๆ วันที่เติบโต ความรู้สึกนี้ของเธอก็เติบโตไปด้วย
ท้ายที่สุดก็กลายเป็นความโลภต้องการที่จะให้พี่ชายมองมาที่เธอ.. ใครที่ยุ่งกับพี่ชายเธอจะไปสั่งสอนมัน.. ใครที่มาแตะต้องพี่ชายเธอเธอก็จะเอาคืนอย่างสาสม
ใช่.. มันดูพิลึกและบิดเบี้ยว.. และนี่แหละคือลูเซีย.. บางทีเรนอาจจะไม่รู้ แต่เอลน่าคงจะรู้ดียิ่งกว่าใคร
ความต้องการ ความโหยหา ความหวังที่จะครอบครองและ..ท้ายที่สุดจึงมีตัวตนนอย่างลูเซียในตอนนี้
ทุกอย่างคือพี่ชาย พี่ชายคือทุกอย่าง
“แค่ยัยนั่นหายไป….”
ในวันนั้นเป็นวันที่ฝนตก เรนยังไม่กลับมาที่บ้านจากไปฝึกงาน มีเพียงพี่สาวกับน้องสาวอยู่กันสองต่อสอง…
ภายในบ้านมีปากเสียงกันอยู่พักใหญ่ จนท้ายที่สุดลูเซียก็วิ่งออกจากบ้านพร้อมทั้งน้ำตา… ผ่านไปหลายชั่วโมงและเมื่อเรนกลับมาถึง
นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เสียใจที่สุดในโลกตั้งแต่เกิดมา.. ใช่.. สิ่งที่เขาเจอคือศพของผู้เป็นพี่.. นอนอยู่บนเตียง
เสียงกรีดร้องแห่งความสิ้นหวังของเรน.. เสียงร้องของเขามันทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยิน และได้รู้มีคนตาย…
เอลน่า.. ไม่มีสกุล…
ตายจาก..การขาดอากาศหายใจ.. มีรอยที่คอคงถูกบีบคอตาย.. น้ำตายังเปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าราวกับว่าเธอได้เสียใจที่สุดในชีวิต
พอลูเซียกลับมาเธอก็ร้องห่มร้องไห้ไม่ต่างจากเรน.. แต่ไม่นานเธอก็ปรับอารมณ์ได้และเป็นคนช่วยเรนให้พ้นจากความทุกข์
ตั้งแต่นั้นมา.. เรนเป็นคนห่วงแหนน้องที่สุดในชีวิต…
คดีปิดลงโดยไม่มีคนทราบมือฆาตกร..
เป็นการสูญเสียครั้งแรกที่ทำให้เรนได้ปรับตัวพยายามจะเป็นผู้นำบ้าน ได้รู้จักกับคนรู้จักของพี่เอลน่า ที่เหมือนร่างกายจะตัวเล็กสูงไม่ถึง 150 เซนติเมตรก็จริง แต่เหมือนเธอจะอายุไม่น้อยแล้ว
และเธอคนนี้นอกจากจะรับเรนทำงานด้วยแล้ว ยังเป็นหัวหน้าที่ใจดีมอบยากล่อมประสาทบางอนย่างให้เรน จนเขาไม่คิดลบตลอดเวลา
จึงสามารถทำงานได้ในที่สุด
เธอยังเป็นนักสืบชื่อดัง.. ที่ว่ากันว่าไม่มีคดีไหนที่เธอสิบผิดเลย..เธอคนนี้มีชื่อว่า ‘ริสโรส เจเนซิส’
ตอนเธอเจอศพเอลน่าเธอเป็นคนเดียวที่เหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง…
บางที.. เธอคงเป็นคนเดียวที่อาจจะรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในวันนั้น
แต่เธอก็เลือกที่จะไม่พูดมันออกมา..
…………
[ควรเพิ่ม Tag : horror หรือเปล่าเนี่ย – ใครสักคน]
Comments
การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 200.1: บทพิเศษ (4)
บทพิเศษ (4)
บทการสูญเสียครั้งแรก
ในโลกนี้เต็มไปด้วยไฟสงคราม ภายใต้สถานการณ์ที่โกลาหลก็ยังมีพื้นที่ปลอดสงครามอยู่เช่นกัน
สงครามโลกครั้งที่สาม.. มันเริ่มขึ้นปี 20xx ตามคำทำนายของนักท่องเวลาที่ว่ากันว่าเคยปรากฏขึ้นในปีสองพัน ซึ่งอ้างว่าว่าตัวเองชื่อจอห์น ไทเทอร์
หากตามคำที่กล่าวมาเป็นจริง อีกเกือบๆ สิบปีข้างหน้า จะมีเครื่องไทม์แมชชีนเครื่องแรกที่ถูกสร้างขึ้น
ใช่ ปีนี้เป็นปี 20xx สงครามดำเนินติดต่อกันมาเป็นสิบปี ไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงเลยแม้แต่น้อย
แต่ยังดีที่มีเขตปลดสงครามให้เรน ลูเซียและเอลน่าสามพี่น้องอยู่ในเขตปลอดสงครามนี้อย่างสงบสุข
เอลน่า คนเป็นพี่ที่มีความเป็นผู้นำสูงที่สุดและคอยเป็นคนค้ำจุนและนำบ้าน เธอเป็นคนที่รักน้องๆ ของตัวเองมากๆ
เรน เป็นผู้ชายคนเดียวในบ้านและมีร่างกายที่ดูน่ากลัวที่สุดในบ้านก็จริง แต่เขานั้นนับถือพี่และคอยพึ่งพาเสมอจนไม่มีความเป็นผู้ใหญ่สักที
ลูเซีย น้องคนเล็กสุดตรงกันข้ามกับเรน เธอเป็นคนที่พึ่งพาตัวเองได้ มีความสงบสุขุมรองลงมาจากเอลน่า
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เธอไม่ชอบพี่เอลน่ามากๆ แต่ตรงกันข้ามเธอชอบเรนมาก บางทีมันอาจจะเกินเลยคำว่าพี่น้องไปได้เลยด้วยซ้ำ
นี่คือครอบครัวเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ปลอดสงครามห่างไกลจากเมืองใหญ่ สามพี่น้องอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข
แม้ในบางวันเรนจะกลับมาบ้านด้วยบาดแผลจากการไปโรงเรียน ลูเซียนั้นก็จะเป็นห่วงเรนก่อนใครเพื่อน
แต่ทุกครั้งที่เรนมีปัญหา คนที่เรนจะเข้าหากลับไม่ใช่เธอ ไม่ใช่ลูเซีย แต่เรนจะไปหาเอลน่า.. ไม่ว่าจะกี่ครั้ง.. ต่อกี่ครั้ง
ลูเซียได้แต่ยืนมองอยู่เงียบๆ ไม่ว่าเธอจะพยายามเข้าหา พยายามเป็นห่วง คนที่อยู่ในสายตาพี่ชายเธอคนแรกก็จะเป็นพี่เอลน่า
“ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม!!!!!”
เมื่อลูเซียนึกถึงได้เธอก็กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ เสียงความโกรธดังก้องอยู่ในใจของเธอ ทำไมพี่ถึงไม่หันมามองเธอบ้าง
เธอไม่ว่าจะการเรียน วินัย วุฒิภาวะ เธอก็พยายาม พยายามมาตลอดแท้ๆๆ แต่ทำไมพี่ถึงไม่เคยมองเธอเลย
เธอไม่เคยเข้าใจ แต่ในตอนนั้นเองก็มีชายสองคนเดินเข้ามาล้อมลูเซียไว้พลางทักขึ้น
“เฮ้ สาวน้อยจะไปไหนเหรอ ทำไมไม่มาเที่ยวกับพวกเราล่ะ”
“เกะกะ”
ลูเซียในตอนนี้มีอายุราวๆ เด็กมัธยมต้นก็จริง แต่ทว่าไม่ว่าจะท่าทางหรือรูปลักษณ์เธอนั้นก็เหมือนกับเอลน่ามาก
ไม่แปลกใจที่พอมีคนเห็นจะรู้สึกสนใจขึ้นมา พอพวกมันได้ยินก็ทำหูทวนลม
“เมื่อกี้พูดอะไรนะ ตกลงเหรอ?”
“ฮ่าๆ”
พวกมันที่ตามมาด้วยก็หัวเราะ ลูเซียตะโกนออกมาอีกครั้ง
“ฉันบอกว่ามันเกะกะ”
ด้วยความที่หงุดหงิดอยู่เธอก็เตะใส่ขาอีกฝ่ายจนอีกฝ่ายหน้าเปลี่ยนสี
“อ้ากกกก ขา.. ขาฉัน”
ทุกคนที่มองอยู่ต่างพากันตกใจ ในโลกที่วุ่นวายเช่นนี้การมีเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้แปลกขนาดนั้น แต่ที่มันแปลกคือฉากเด็กตัวเล็กๆ เตะขาผู้ใหญ่คนหนึ่ง
จนผู้ใหญ่คนนั้นร้องออกมาอย่างอเนจอนาถ ลูเซียเดินผ่านไปด้วยความหงุดหงิดฉุนเฉียว เพื่อนของชายที่ถูกเตะขาก็ได้สติ
“เฮ้ย เดี๋ยวสิวะ ยัยเด็กนี่ ใครบอกให้เธอไปได้กัน”
ว่าแล้วมันก็จับแขนลูเซีย แต่พอมันจับแขนเธอร่างกายเธอก็สะดุ้งก่อนจะหันมามองอีกฝ่าย
“อย่าเอามือสกปรกๆ มาแตะฉัน ไอ้พวกขยะ”
“ห๊า?! นี่จะหาเรื่อ—”
แต่ก่อนที่จะได้พูดจบก็ถูกหมัดลูเซียต่อยเข้าจนปากแตกฟันร่วง เธอมองนักเลงสองคนพร้อมกับบ่นอุบอิบ
“มันน่าขยะแขยงไม่ใช่หรือไง”
เธอเบ๊ปากแล้วก็เดินกลับบ้าน เธอใช้ผ้าเช็ดแขนเหมือนมีของสกปรกโสโครกที่สุดมาแตะตัวเอง
“คิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนกัน ชิ”
เธอเดินกลับบ้านด้วยความหงุดหงิดกว่าเดิม
“คนที่แตะฉันได้น่ะมีแค่พี่เรนก็พอแล้ว”
พอกลับมาถึงบ้าน เรนก็เหมือนกำลังจะออกไปข้างนอกพอดี
“กลับมาแล้วเหรอ”
ใบหน้าที่ดูน่ากลัวของลูเซียหายวับไปกับสายลม ก่อนที่จะเต็มไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใส
“กลับมาแล้วค่ะ ว่าแต่พี่จะไปไหนเนี่ย ให้ฉันช่วยไหม”
ว่าแล้วลูเซียก็กระโดดกอดเรนเหมือนเด็กน้อยขี้แย เรนยิ้มตอบแล้วก็ลูบหัวลูเซีย
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่จะออกไปซื้อของน่ะ อยู่ที่บ้านนี่แหละ”
แต่ในตอนนั้นเอง เอลน่าก็เดินออกมาจากห้องครัวพลางถามว่า
“เรนจะไปซื้อของเหรอ?”
“ใช่แล้วพี่ทำไมเหรอ”
“เดี๋ยวพี่จะไปด้วยนะ”
“เอ๊ะ จริงเหรอ”
ว่าแบบนั้นเรนก็ยิ้มดีใจจนออกนอกหน้า ลูเซียยิ้มค้าง.. อีกแล้ว… อีกแล้วเป็นแบบนี้อีกแล้ว
เธอได้แต่มองเรนกับเอลน่าออกจากบ้านไป ทั้งสองคุยกันอย่างสนุกสนาน เดินจากบ้านไป กระเป๋าในมือของลูเซียถูกปาใส่ผนังบ้าน
“ทำไม ทำไมต้องเป็นยัยพี่บ้านั่นอีกแล้ว ทำไมพี่ไม่มองมาที่ฉันบ้าง”
ลูเซียกัดฟัน.. ในตอนนั้นภาพต่างๆ ในอดีตก็ลอยเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามคนที่พี่ชายของเธอให้ความสำคัญจะเป็นเอลน่าเสมอ
เธอน่ะ เห็นทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น คืนที่พี่เอลน่ากลุ้มใจอะไรบางอย่าง
แล้วเรนก็เข้าไปทัก และพวกเขาก็จูบกัน… อิจฉา.. ใช่มันเป็นความอิจฉา มันไม่ได้พึ่งเกิด แต่มันมีมานานแล้ว
ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้… เธอกัดฟัน..
“ถ้าไม่มียัยนั่นสักคน… ถ้าไม่มียัยนั่นสักคน…….”
ลูเซียบ่นพึมพำด้วยความโกรธ ดวงตามีไฟอิจฉาริษยา ใช่.. แม้เธอจะเหมือนเอลน่าทุกระเบียบนิ้ว
แต่ลูเซียเป็นเด็กนิสัยไม่ดีมากๆ เธอน่ะมองคนอื่นต่ำกว่าตัวเอง เหมือนกับขยะ ในที่นี้เธอไม่ได้มองว่าที่ตัวเองดีกว่าใคร
แต่เธอนั้นมองว่าเพราะตัวเองเป็นของของพี่ชาย.. หากมีคนมาแตะต้องเธอ มีครั้งหนึ่งเธอเคยอ้วกออกมาเลย… ทุกอย่างของเธอน่ะมีเพื่อพี่ชาย
เรียน ความรู้ ความสามารถหรือแม้แต่.. ความรัก.. ทุกอย่างเป็นแค่ของพี่ชายเธอเท่านั้น.. และทุกๆ วันที่เติบโต ความรู้สึกนี้ของเธอก็เติบโตไปด้วย
ท้ายที่สุดก็กลายเป็นความโลภต้องการที่จะให้พี่ชายมองมาที่เธอ.. ใครที่ยุ่งกับพี่ชายเธอจะไปสั่งสอนมัน.. ใครที่มาแตะต้องพี่ชายเธอเธอก็จะเอาคืนอย่างสาสม
ใช่.. มันดูพิลึกและบิดเบี้ยว.. และนี่แหละคือลูเซีย.. บางทีเรนอาจจะไม่รู้ แต่เอลน่าคงจะรู้ดียิ่งกว่าใคร
ความต้องการ ความโหยหา ความหวังที่จะครอบครองและ..ท้ายที่สุดจึงมีตัวตนนอย่างลูเซียในตอนนี้
ทุกอย่างคือพี่ชาย พี่ชายคือทุกอย่าง
“แค่ยัยนั่นหายไป….”
ในวันนั้นเป็นวันที่ฝนตก เรนยังไม่กลับมาที่บ้านจากไปฝึกงาน มีเพียงพี่สาวกับน้องสาวอยู่กันสองต่อสอง…
ภายในบ้านมีปากเสียงกันอยู่พักใหญ่ จนท้ายที่สุดลูเซียก็วิ่งออกจากบ้านพร้อมทั้งน้ำตา… ผ่านไปหลายชั่วโมงและเมื่อเรนกลับมาถึง
นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เสียใจที่สุดในโลกตั้งแต่เกิดมา.. ใช่.. สิ่งที่เขาเจอคือศพของผู้เป็นพี่.. นอนอยู่บนเตียง
เสียงกรีดร้องแห่งความสิ้นหวังของเรน.. เสียงร้องของเขามันทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยิน และได้รู้มีคนตาย…
เอลน่า.. ไม่มีสกุล…
ตายจาก..การขาดอากาศหายใจ.. มีรอยที่คอคงถูกบีบคอตาย.. น้ำตายังเปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าราวกับว่าเธอได้เสียใจที่สุดในชีวิต
พอลูเซียกลับมาเธอก็ร้องห่มร้องไห้ไม่ต่างจากเรน.. แต่ไม่นานเธอก็ปรับอารมณ์ได้และเป็นคนช่วยเรนให้พ้นจากความทุกข์
ตั้งแต่นั้นมา.. เรนเป็นคนห่วงแหนน้องที่สุดในชีวิต…
คดีปิดลงโดยไม่มีคนทราบมือฆาตกร..
เป็นการสูญเสียครั้งแรกที่ทำให้เรนได้ปรับตัวพยายามจะเป็นผู้นำบ้าน ได้รู้จักกับคนรู้จักของพี่เอลน่า ที่เหมือนร่างกายจะตัวเล็กสูงไม่ถึง 150 เซนติเมตรก็จริง แต่เหมือนเธอจะอายุไม่น้อยแล้ว
และเธอคนนี้นอกจากจะรับเรนทำงานด้วยแล้ว ยังเป็นหัวหน้าที่ใจดีมอบยากล่อมประสาทบางอนย่างให้เรน จนเขาไม่คิดลบตลอดเวลา
จึงสามารถทำงานได้ในที่สุด
เธอยังเป็นนักสืบชื่อดัง.. ที่ว่ากันว่าไม่มีคดีไหนที่เธอสิบผิดเลย..เธอคนนี้มีชื่อว่า ‘ริสโรส เจเนซิส’
ตอนเธอเจอศพเอลน่าเธอเป็นคนเดียวที่เหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง…
บางที.. เธอคงเป็นคนเดียวที่อาจจะรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในวันนั้น
แต่เธอก็เลือกที่จะไม่พูดมันออกมา..
…………
[ควรเพิ่ม Tag : horror หรือเปล่าเนี่ย – ใครสักคน]
Comments