หมอผีแม่ลูกติด 27 หนีเสือปะจระเข้

Now you are reading หมอผีแม่ลูกติด Chapter 27 หนีเสือปะจระเข้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 27

หนีเสือปะจระเข้

น้ำเสียงของหลินซีเหยียนนั้นแย่มาก ทำเอาอันอี้กับคนอื่นๆถึงกับเหงื่อตก แต่เมื่อเห็นว่าองค์ชายไม่ได้โกรธอะไร อันอี้ก็ได้รีบพูดบอกหมอ “ท่านหมอขอรับ คนไข้นอนอยู่ที่เตียงต่างหากขอรับ”

อะไรนะ? แล้วหลินซีเหยียนก็รู้สึกอับอายขึ้นมา แล้วนางก็ได้รีบไปที่เตียง แล้วนางก็พบว่าชายผู้หนึ่งที่สวมชุดหน่วยอันอยู่ ริมฝีปากของเขาซีดดำและมีบาดแผลจำนวนมากทั่วตัวของเขา และเหมือนว่าเขาจะหายใจออกมากกว่าหายใจเข้าอีกด้วย

หลังจากที่ทำการตรวจสอบหลายๆอย่างแล้ว หลินซีเหยียนก็สรุปอาการ “แขนขวาหัก และยังมีบาดแผลทั่วตัว แล้วยังมีพิษที่ลามไปทั่วปอดอีก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้อันอี้ก็มีสายตามืดดำทันที เขาได้ยินเช่นนี้มาจากหมอมากมายมาก่อนแล้ว “ท่านหมอ หรือว่าท่านเองก็ไม่สามารถรักษาเขาได้เหมือนกันน่ะ?”

คำพูดเช่นนี้ถือเป็นการดูถูกความสามารถของหมอผีชัดๆ หลินซีเหยียนจึงได้พูดอย่างไม่พอใจ “รักษาได้อยู่แล้วน่ะ ชื่อเสียงหมอผีของข้าไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาๆจะมาทำลายกันได้ง่ายๆหรอกนะ”

ด้วยนิสัยที่หยิ่งทะนงและอวดดีเช่นนี้ ทำให้เจียงหวายเย่ได้จับจ้องไปที่นาง ชั่วขณะหนึ่งที่เขารู้สึกว่าหมอผีคนนี้ช่างดูคุ้นๆยิ่งนัก

เมื่อพูดอย่างใหญ่โตออกไปแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้แต่ต้องแสดงฝีมือเท่านั้น ขั้นแรกนางได้เขียนสูตรยาที่สามารถใช้ขับพิษได้แล้วส่งให้กับอันอี้ แล้วจากนั้นนางก็ได้ขอคนบางส่วนช่วยนางจัดการทำให้แขนขวาของผู้ป่วยกลับเข้าที่

หลังจากที่ทำการจัดการกับกระดูกที่หักให้กลับมาต่อกันเรียบร้อยแล้ว ก็ให้อันอี้ป้อนยาอันหวู่

ยาขับพิษนี้มีส่วนผสมที่ทำให้รู้สึกอ้วก ซึ่งอันอี้ที่ไม่ทันระวังก็โดนพ่นใส่ไปเต็มๆ จากนั้นอันหวู่ก็ได้ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ

ดวงตาที่ยังสับสนของเขาก็ได้หันมามองเจียงหวายเย่ แล้วเปลี่ยนไปเป็นดวงตาที่จริงจังทันที แล้วก็ไปลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้นโดยไม่สนบาดแผลของตัวเอง “นายท่านขอรับ องค์ฮ่องเต้เริ่มหมายตาที่อู๋ซานแล้วขอรับ”

ราวกับคาดเอาไว้แล้ว เจียงหวายเย่ก็ได้หลับตาลงราวกับกำลังปิดบังพายุที่กำลังก่อตัว “ต้องการที่จะฆ่าข้าจริงๆสินะ”

อู๋ซานคือภูเขาแห่งหนึ่งอยู่บริเวณชานเมืองหลวง ภูเขาลูกนั้นจะปกคลุมด้วยหมอกหนามากตั้งแต่เช้าจนถึงพลบค่ำ เรียกได้ว่าเป็นปราการธรรมชาติที่สุดยอด ซึ่งนางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเจียงหวายเย่ได้ตั้งฐานที่มั่นไว้ที่นั่นด้วย

ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังคิดถึงสถานที่อยู่นั้น นางจึงไม่ได้รู้สึกถึงสายตาของเจียงหวายเย่ที่จับจ้องมาที่นาง

อันอี้นั้นอยู่กับองค์ชายเย่มานานมากแล้ว จึงเข้าใจได้ทันทีว่าองค์ชายหมายถึงอะไร เขาจึงได้เดินไปหาหลินซีเหยียนเงียบๆ และหมายที่จะจัดการนาง ในช่วงเวลาคับขันนั้นเอง หลินซีเหยียนก็ได้หลบหนีออกมา

“นี่คือวิธีที่องค์ชายดูแลแขกอย่างนั้นเหรอ?” สายตาของหลินซีเหยียนเต็มไปด้วยความโกรธ

“ท่านหมอ ท่านรู้ในสิ่งที่ท่านไม่ควรรู้แล้ว ข้าคงต้องขอให้ท่านอยู่รับใช้องค์ชายแล้ว” อันอี้พูดด้วยสีหน้านิ่งๆ

หลินสีเหยียนที่ได้ยินก็ได้ตอบกลับไป “ข้านั้นไม่อยากที่จะยุ่งกับเรื่องวุ่นวายของพวกเจ้าหรอก อย่าทำให้ข้าต้องลำบาก”

จริงๆแล้วหลินซีเหยียนนั้นจะบอกเจียงหวายเย่ถึงตัวตนของนางก็ได้ แต่เมื่อนางคิดว่านางก็จะหายตัวไปหลังจากที่ผ่านไปสามเดือนนี้แล้ว ก็ไม่ควรจะเผยความลับนี้ออกไป นางจึงได้ทิ้งความคิดนั้นไป

อันอี้ไม่พูดอะไรอีก แต่ก็ได้บอกกับหลินซีเหยียนด้วยท่าทางแล้วว่านางจะต้องอยู่ต่อ

การปะทะซึ่งๆหน้าไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก หลินซีเหยียนจึงได้ตัดสินใจที่จะจับตัวองค์ชายให้ได้ก่อน นางก็ได้ขว้างผงยาเต็มมือไปที่อันอี้และคนอื่นๆโดยที่ไม่ทันได้ระวังตัว แล้วจากนั้นก็ใช้ร่างกายที่คล่องแคล่วของนางไปโผล่ข้างหลังของเจียงหวายเย่

เจียงหวายเย่ก็รู้สึกได้ถึงความเย็นที่คอของเขา และความมืดก็เริ่มที่จะเข้าปกคลุมดวงตาสีเข้มของเขา แต่ในขณะที่เขากำลังจะลงมือนั้นเอง เขาก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคยลอยเข้าจมูกของเขา เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะยอมทำตามหมอผีบอกเพื่อที่จะรู้ให้ได้

เพราะร่างกายที่ไม่แข็งแรงของเจียงหวายเย่ หลินซีเหยียนจึงได้บังคับให้เขากลืนยาลงไปเพื่อขู่อันอี้และคนอื่นๆ และจากนั้นจึงได้พาตัวเจียงหวายเย่ไป

“องค์ชายท่านยอมร่วมมือกับข้าเช่นนี้ วางแผนอะไรอยู่?” ในขณะที่นางเดินทางมาถึงยังที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง หลินซีเหยียนก็มั่นใจแล้วว่าไม่มีใครตามมา จึงได้ถามเจียงหวายเย่อย่างสงสัย

เจียงหวายเย่ไม่ตอบ แต่มองไปที่นางแล้วพูดอย่างเย็นชา “ยาถอนพิษ”

“ที่ข้าให้ท่านกินไปน่ะมันคือยาเห็ดโลหิตที่มีราคาเป็นพันตำลึงทองต่างหากล่ะ ไม่เพียงแต่จะไม่มีพิษและไม่เป็นอันตรายแล้ว แต่ยังดีต่อสุขภาพกายและจิตของท่านอีกต่างหาก” ในเวลาเช่นนี้หลินซีเหยียนยังไม่ลืมที่จะอวดอ้างสรรพคุณของยานี้

เจียงหวายเย่ที่ได้ยินเช่นนี้ ดวงตาสีเข้มของเขาก็ได้ยิ้มออกมา และสีหน้าของเขาก็ได้ค่อยๆซีด

“ดูเหมือนว่าเปิ่นหว่างจะไม่ได้คิดไปเองจริงๆ” ในเวลานี้ไม่มีผู้ที่อยู่อาศัยที่นี่เลย เจียงหวายเย่นั้นจะอยู่ในสภาวะอันตรายมากหากว่าเขาเกิดป่วยขึ้นมา เมื่อเห็นว่าริมฝีปากที่ซีดของเจียงหวายเย่นั้นไม่มีเลือดไหลอยู่เลย จึงได้รีบพาเขาไปที่วัดร้าง

หยิบเอาเข็มเงินออกมา หลินซีเหยียนก็ได้ฝังเข็มลงไปอย่างรวดเร็ว “ท่านจะต้องตื่นเข้าไว้นะ”

“ไม่….อยากจะเชื่อเลยว่า แม่นางหลินจะคือ…หมอผีผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง” เจียงหวายเย่ที่ดูเหมือนจะไม่ได้กังวลอะไรแล้ว และพูดด้วยน้ำเสียงฝืนๆ

สายตาของหลินซีเหยียนก็ได้เบิกกว้างขึ้นมา “ท่านรู้ได้อย่างไร….” บ้าจริงนางลืมเปลี่ยนเสียงเสียสนิท ในตอนที่นางอยู่ภาวะคับขันอย่างสุดๆแล้วทำให้นางลืมเสียสนิท

โดยปราศจากซึ่งการโต้เถียงใดๆ หลินซีเหยียนได้ตั้งใจไปกับการรักษาเจียงหวายเย่

แต่แล้วสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นเมื่อท้องฟ้าไม่เป็นใจกับทั้งคู่ ด้วยสภาพที่น่าอึดอัดของทั้งคู่นั้นดูเหมือนว่าจะทำให้ฟ้าไม่พอใจจึงได้ปล่อยฝนลงมา

วัดร้างแห่งนี้ก็ดูเหมือนจะกันได้แค่ลมเท่านั้นไม่สามารถกันฝนได้ หลินซีเหยียนจึงได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะบรรเทาอาการเจ็บปวดของเขาท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบาก จนในที่สุดเจียงหวายเย่ก็ได้หลับไป

หลินซีเหยียนลูบที่หน้าผากของเขา และพูดพึมพำกับตัวเอง เจียงหวายเย่คงได้ตายแน่หากว่าเขายังอยู่ที่นี่ต่อไป แต่ฝนด้านนอกก็ตกหนักมากเสียด้วย

ในขณะที่นางกำลังกระวนกระวายอยู่นั้น ก็ได้มีการเคลื่อนไหวบางอย่างอยู่ด้านนอกวัดร้าง

“องค์ชายเย่ยังเดินทางไปไหนไกลไม่ได้ เขาจะต้องยังหนีไปได้ไม่ไกลแน่ แยกย้ายกันค้นหาเร็วเข้า” เสียงของคนที่พูดนั้นดูไม่คุ้นหูเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเกรงว่าคนพวกนี้น่าจะเป็นศัตรูกับเจียงหวายเย่

หลินซีเหยียนได้สาปแช่งดวงของตัวเอง แล้วรีบมองไปรอบๆหาที่ซ่อนตัวให้องค์ชายเย่

“หัวหน้าขอรับ มีวัดร้างแห่งหนึ่งอยู่ที่นี่ขอรับ” มีคนๆวิ่งกลับมารายงาน

จากนั้นตัวหัวหน้าก็ได้ทำสัญญาณให้เงียบ ทำมือเป็นวงกลมหมายให้เข้าล้อมจับ จากนั้นก็ได้เข้าไปในวัดร้างนั้น พากัน “ค้นหา”โดยไม่ได้พูดอะไร

หลินซีเหยียนกับเจียงหวายเย่ที่หลบอยู่ด้านหลังของพระพุทธรูปนั้น ก็ได้ฟังเสียงของฝีเท้าอย่างเงียบๆ แล้วพบว่ามีมากัน 15 คน พวกเขาล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ

“ไม่พบใครขอรับหัวหน้า”

คนเหล่านี้ได้ทำการค้นหาจนทั่วแล้ว แต่ก็ไม่พบอะไร หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวดและกล่าวชื่นชมในความสะเพร่าของพวกเขา

“งั้นไปหาที่อื่นต่อ อย่าปล่อยให้เขาหนีไปที่อื่นได้” หัวหน้าหน่วยสังหารก็ได้สั่งการออกไป แล้วหลินซีเหยียนก็ได้ถอนหายใจออกมา แต่แล้วก็มีเสียงครางเบาๆดังออกมาจากปากของ เจียงหวายเย่

“ใครน่ะ?” เสียงนี้ได้ทำให้เหล่านักฆ่าที่กำลังจะออกไปรู้สึกตัว

หลินซีเหยียนเม้มปากของนาง นางรู้สึกได้ว่าคนเหล่านั้นได้เข้ามาใกล้นางมากขึ้นเรื่อยๆ นางจึงได้ทิ้งเจียงหวายเย่ไว้แล้วเตรียมที่จะดึงดูดความสนใจ

“คารวะ นายท่าน!” เมื่อหลินซีเหยียนปรากฏตัวออกมาก็ได้ทักทายอย่างสุภาพ

ถึงแม้ว่านางจะมาอย่างเจตนาดี แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาลดการระวังตัวแต่อย่างใด

“เจ้าเป็นใคร?” ตัวหัวหน้ากล่าวถาม

“ตัวข้านั้นมีนามว่าไฉ่เตี๋ยเจ้าค่ะ เป็นเพียงสาวชาวที่เก็บสมุนไพรในละแวกนี้ แต่เพราะฝนที่ตกหนักข้าจึงได้เข้ามาหลบฝนที่นี่” หลินซีเหยียนกล่าวเรื่องโกหกออกมาโดยที่หน้าไม่แดงและหัวใจที่เต้นเร็วปกติ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด