อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》 17

Now you are reading อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》 Chapter 17 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 17 การพบพานในป่า

ที่นี่ดูเหมือนว่าจะต้องเข้ามาลึกกว่าตอนที่มาเก็บหญ้าพิษ ท้องฟ้าถูกบดบังด้วยใบไม่ส่วนผืนดินถูกปกคลุมโดยผืนหน้า มีมอสปกคลุมอยู่ที่ต้นไม้และหิน หมอกจางๆลอยอยู่ทั่วผืนป่าแห่งนี้

กรีนวูล์ฟ อยู่ที่นี่ด้วยสินะ

ฮิคารุเจอกรีนวูล์ฟอยู่ใกล้ๆนั้น

เสียงนกร้องดังเข้ามาที่หู แล้วเขาก็เห็นพวกนกบีนออกมาจากพุ่มไม้ กรีนวูล์ฟก็หันไปมองพวกมันเช่นกัน

!?

จากนั้น วิสัยทัศของมันก็มืดลง

“ฮ่า….”

มีดแทงลึกลงไปที่คอจนมิดด้าม ตัดที่เข้ากระดูกสันเหลังของมัน

ปกติแล้ว กรีนวูล์ฟนั้นมีประสาทสัมผัสที่ดีมาก แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์จะสามารถเข้ามาแทงมันโดยไม่ให้มันรู้ตัวได้

“…จบแล้วสินะ….”

ฮิคารุถอนหายใจ

“ก็ไม่คิดว่าจะแรงค์อัพได้แค่เพราะฆ่าไปตัวเดีนวล่ะนะ”

เขารู้สึกได้ว่าแรงค์อัพแล้ว

ต้องเก็บแต้มเอาไว้ก่อน เขาต้องการสามแต้มเอาไว้เพื่อใช้งาน

“…..ผมเอาเนื้อกลับไปไม่ได้ ขอโทษที่ต้องฆ่านายนะ”

ถ้าเราออกไปจากตรงนี้ ผลของลอบเร้นต้องอ่อนลงแน่ กลิ่นของเลือดและเนื้อของหมาป่ากระจายออกไปทั่วป่า ดึงดูดให้เหล่าสัตว์และแมลงเข้ามากินซากของมัน ฮิคารุดึงมีดออก และเช็ดเลือด ก่อนที่จะเดินเข้าไปในป่าลึกกว่าเดิม

รุนแรงชะมัดเลย

ต้องขอบคุณ ลอบเร้น จริงๆ ที่เขาสามารถเดินเข้าไปใกล้เป้าหมายและฆ่าได้อย่างไม่โดนจับได้ ฮิคารุก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน

หลังจากที่ฆ่ากรีนวูล์ฟไปอีกสองตัว เขาก็แรงค์อัพอีกครั้ง ตอนนี้เขาแรงค์ 7 แล้ว แล้วฮิคารุก็สงสัยว่าทำไมพวกนักผจญภัยถึงไม่หยุดทำตัวเรื่อยเปื่อนแล้วมาเก็บแรงค์กัน แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าอันเค็นเคยบอกไว้ว่ากรีนวูล์ฟนั้นถือเป็นตัวอันตราย

มีมอนส์เตอร์แบบอื่นอยู่เหมือนกันอย่าง โรเดนท์ ตัวเล็กว่ากระต่ายเขาแดง ดูคล้ายกับหนูสีน้ำตาล ตั๊กแตนตัวสีน้ำเงินยาวสามสิบเซนติเมตร ต้นไม้กินคนที่โจมตีด้วยการปล่อยละอองเกสร

พวกนี้ไม่เป็นปัญหามากนัก ถึงจะไม่มีลอบเร้น เขาก็ยังจัดการพวกมันได้อยู่ดี 

พวกนี้น่าจะได้ exp น้อยแฮะ 

ต้องฆ่าเยอะมากกว่าจะแรงค์อัพ แต่ก็มีปัญหาใหญ่อยู่ ทั้งคนธรรมดาและรักผจญภัย แทบจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขาแรงค์อัพแล้ว พวกเขาไม่สามารถรู้เลยว่าตัวเองมีพลังมากขึ้นแล้ว ดังนั้นพวกเขาเลยไม่มีแรงกระตุ้นที่จะอัพเวล

ฮิคารุไล่ล่ากรีนวูล์ฟโดยไม่สนใจพวกมอนตัวเล็กๆ พวกมอนสเตอร์จะต้องระวังตัวแน่นอนหากได้กลิ่นเลือด ตอนนี้สกิลตรวจจับของเขายังอ่อนอยู่ ต้องใช้ความพยายามมากหน่อยมในการหาพวกมอนส์เตอร์ที่ซ่อนอยู่

“…นั่นอะไรน่ะ?”

เที่ยงนั้นเอง ตอนที่เขากำลังกินข้าวเที่ยงอยู่ เขาก็ได้ยินเสียงร้องดังห่างออกไป

พอลล่าอยากจะตะโกนออกมาว่า “ก็บอกแล้วใช่มั้ย!”

พอลล่าเป็นนักผจญภัยหน้าใหม่ที่มาจากหมู่บ้านที่ยากจน เธอมาพร้อมกับเพื่อนสมัยเด็กที่มาจากหมู่บ้านเดียวกัน แล้วก็ตั้งปาร์ตี้กับเด็กที่มีอายุ 17ปี พอๆกัน

เด็กหนุ่มทั้งสองคนรู้จักแค่การเหวี่ยงดาบ พวกเขาอยากเป็นวีรบุรุษผู้แข็งแกร่ง…..ก็ไม่เชิง แต่พวกเขาอยากมีเงินเยอะๆพอที่จะซื้อแมนชั่นและใช้ชีวิตโดยมีผู้หญิงลายล้อม

แต่เด็กสาวทั้งสามคิดต่างออกไป

เพีย เป็นลูกของหัวหน้าหมู่บ้าน เธอนั้นมีความรับผิดชอบสูง เธอเป็นคนที่ค่อนข้างจะใส่ใจเรื่องรูปลักษณ์ของตัวเอง เธอทำกระทั่งตัดผมสั้นและเปลี่ยนมาใช้วิธีการพูดหยาบๆแบบนักผจญภัย

“ฉันจะปกป้องเธอเอง พอลล่า!” เธอพูดและเหวี่ยงดาบใหญ่ด้วยสองมือของเธอ

ตอนที่พวกเธอยังอญู่ที่หมู่บ้าน เพียจะเป็นแบบ “พอลล่าจัง คืนนี้เรามีอะไรกินเหรอ~”

พริสซิลล่า นักล่าที่เกิดขึ้นมาในครอบครัวนักล่า เธอนั้นเข้าป่ามากกว่าหนึ่งวันจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นปกติ อาจเพราะแบบนั้น เธอจึงเป็นคนเงียนๆ พูดน้อย เหมือนว่าจิตใจของเธอลอยออกไปที่ไหนสักแห่ง อย่างไรก็ตาม เธอเป็นคนทรชี่หน้าอกค่อนข้างใหญ่ พวกผู้ชายเลยชอบมองเธอ

พอลล่า นั้นต่างจากทุกคนข้างต้น เธอนั้นเติบโตในโบสถ์ ตอนที่อยู่ที่โบสถ์นั้น เธอเคยถูกสอนเรื่องมารยาท ทำให้เธอดูค่อนข้างบริสุทธิ์และเรียบร้อย 

“ใจเย็นและรอบคอบ” ”ถ้าเราบาดเจ็บ พอลล่าต้องรักษาเราแน่”

นั้นคือสิ่งที่ผู้คนรอบๆ เธอเห็นว่าเธอเป็น พอลล่านั้นใช้เวทย์รักษาได้ บางคนที่ทำงานในโบสถเป็นเวลาหลายปีจะได้ความสามารถนี้มา แต่ว่า เธอนนั้นไดพลังนี้มาก่อนที่จะเข้าโบสถเสียอีก

เพราะแบบนั้น เพียจึงชวนเธอให้เข้ามาร่วมผจญภัยด้วยกัน ตอนนี้ที่หมู้บ้านของพวกเธอนั้นประสบปัญหาอยู่ นั่นคือ ไม่มีเงิน

“พ่อจะต้องตกใจมากแน่ๆถ้าเราส่งเงินไปให้เยอะๆน่ะ!” นี่คือสิ่งที่เธอพูดเสมอ แต่พอลล่ารู้ว่าเธอนั้นแอบร้องไห้กับตัวเองอยู่ทุกคืนว่า “อยากกลับบ้าน”

พวกเราน่าจะกลับบ้านสิ!! พอลล่ากรีดร้องในใจ ใครไม่อยากจะกรี๊ดออกมาในสถานการณ์แบบนี้ล่ะ

“มาไม่รู้จักจบจักสิ้นเลย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!”

“อย่าเปิดช่องว่าง เดี๋ยวก็อปลินก็โจมตีเราได้พอดี”

“ไอ้กอปลินเวรเอ้ย ทำไมพวกมันถึงเยอะขนาดนี้ล่ะ”

“ไอ้โง่เอ้ย ง่ายๆบ้านป้าแกสิ”

“กลอเรียจังเตือนเรามาแล้วนะ!”

“ไม่สนว้อย!”

พวกเขาถูกล้อมด้วยกอปลินนับร้อย

ในป่าลึกนั้น พวกนักผจญภัยสี่คนจากเมื่อวาน บอกว่าในนั้นมีพืชหายากที่เจอได้เฉพาะที่นี่อยู่ ถ้าขายได้จะได้เงินเยอะเลยทีเดียว 

มีแค่พอลล่าเท่านั้นที่คิดว่าพวกนั้นมาเพราะร่างกายของพวกเธอ ก่อนที่จะออกจากกิลด์ พวกนักผจญภัยสี่คนนั้นก็ถูกเรียกไปโดยพนักงานต้นรับและถูกตักเตือนเรื่องมารยาท เพราะพวกนั้นเอาแต่จ้องหน้าอกของพริสซิลล่าอย่างเดียว

หลังจากนั้นก็ไปเจอกันโดยบังเอิญตอนกินอาหารเย็น หลังจากนั้นก็เมาไม่รู้เรื่อง พออกมาก็พระอาทิตย์ก็ขึ้นสูงแล้ว แล้วก็มาถึงที่ป่าตอนช่วงก่อนเที่ยงพอดี ตอนนั้นทุกอย่างก็เรียบร้อยดีอยู่หรอก จนกระทั่ง

พวกนักผจญภัยพยายามเข้ามจีบพวกเธอ โชว์ทั้งสกิลดาบและเวทย์ พวกนั้นฆ่าได้แต่มอนเตอร์ตัวเล็กๆ แล้วหน้าของพริสซิลล่าก็เปลี่ยนไป น่ากลัวมาก ไม่ปกติสำหรับเธอเลย

หลังจากที่ได้ยินทั้งสองคนคุยกัน พวกนักผจญภัยก็หัวเราะ

เขาพูดถูก ในป่านี้ไม่มีพวกมอนตัวใหญ่ๆอยู่ นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมพวกที่มีประสบการณ์ถึงล่าได้อย่างสบายใจ ไม่ใช่แค่นั้น ทั้งเพียและคนอื่นก็สู้กับมอนตัวอื่นเช่นกัน

ถ้าเขาว่าอย่างนั้น ก็คงไม่เป็นไรมั้ง พอลล่าคิด แต่ก็ยังสลัดความกังวลออกไปไม่ได้ เธอนั้นมีสัญชาติญาณที่เฉียบคมมาก ถึงจะพยายามบอกเพียให้รีบกลับแต่เธอก็เอาแต่พูดว่า “ฉันจะปกป้องเธอเอง”

ลางสังหรณ์ของเธอถูกต้อง ไม่มีพวกมอนส์เตอร์ตัวใหญ่ๆก็จริงอยู่ แต่มีก็อปลินเป็นฝูง

“อ้ากกกก?!”

ผู้ชายคนนึงถูกธนูปัก(ผป=ที่หัวเข่า) 

“ธนูเรอะ!? ไอพวกก็อบลินเวรเอ้ยยยย!”

ก็อบลินนั้นเป็นมอนส์เตอร์ที่มีขนาดต่ำกว่าร้อยเซนติเมตร ถึงหัวมันจะใหญ่แต่มันก็ไม่ค่อยจะฉลาดนัก สีผิวของทันคล้ายกับมนุษย์แต่เหลืองกว่า สู้ตัวต่อตัวอาจจะง่ายแต่ว่าสู้กับมันที่รวมเป็นกลุ่มนั้นค่อนข้างมีปัญหาเลยทีเดียว

 “ถ้าพวกมันใช้ธนู แปลว่าครอบครัวก็อปลินก็อยู่ในมือเราแล้ว!”

อะไรนะ ครอบครัว? พอลล่าคิด

“มีตัวใหญ่คอยนำพวกมันอยู่….”

“เราฆ่ามันได้มั้ย?”

“ไม่มีทางว้อย แค่จัดการกับไอ้พวกเวรนี่ก็ตึงมือแล้ว”

ผู้มีประสบการณ์คำรามออกมา เจอกับก็อบลินว่าแย่แล้ว เจอหัวหน้าพวกมันก็ยิ่งแย่เข้าไปอีก

“?!”

พวกนั้นหันมาที่พอลล่า เธอนั้นรับรู้ได้ถึงความชิบหาย สายตาพวกนั้นดูเหมือนกำลังมองมาที่เครื่องมือ

“สาวน้อย รู้มั้ยว่าพวกก็อบลินมันอยากได้อะไร”

“มะมะมะมะไม่รู้….”

พวกนั้นค่อยเข้ามาใกล้พอลล่าเรื่อยๆ เพียที่บอกว่าจะช่วยปกป้องก็ออกไปแนวหน้าอยู่

“ผสมพันธุ์ไง”

“ผสม…..พันธุ์?”

เธอไม่เข้าใจว่าพวกนั้นพูดถึงอะไร

“พวกมันจะจับมนุษย์มาเพื่อขยายพันธุ์ยังไงล่ะ พูดง่ายๆก็มันตามพวกเธอไงไม่ใช่เรา”

“อะ—-”

พวกก็อปลินตามเรามางั้นเหรอ มันจะไม่ฆ่าเราแต่จะใช้เรางั้นเหรอ?

“เข้าใจใช่มั้ย”

“ไม่นะ…..”

“ถ้าเราทิ้งพวกเธอไว้ที่นี่พวกเราก็จะรอด”

“ม่ายยย!!!”

พวกนั้นจับแขนเธอ

“พอลล่า!”

พริสซีลล่า ที่กำลังยิงธนูอยู่นั้น วิ่งตามเธอมา แต่ผู้ชายคนอื่นก็หยุดเธอไว้

“ไม่ ไม่ ม่ายยยยยยย!”

“เธอเป็นฮีลเลอร์นี่ ต้องช่วยคนอื่นไม่ใช่เหรอ”

พวกนั้นลากเธอไป เพียเหมือนจะรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น แต่คนอื่นพยายามซ่อนไว้ ส่วนเด็กหนุ่มอีสองคนไม่รู้เรื่องอะไรเลย เป็นไอ้โง่ขนานแท้

“ไปเลย!”

เธอถูกโยนเข้าไปห่างจากก็อบลินแค่นิดเดียว พวกมันมีอาวุธอย่าง มีด ไม้กระบอง และหิน 

“อา….”

ก็อบลินนั้นตกใจไปเดี๋ยวหนึ่ง แต่ก็รู้ว่าพวกนั้น “ให้” และกำลังจะหนี น้ำตานองสองแก้มของพอลล่า การเคลื่อนไหวของก็อบลินดูเหมือนช้าลง

เราไม่น่ามาที่นี่เลย

แต่ก็สายไปแล้ว บางที เธอไม่ควรออกมาจากหมู่บ้านด้วยซ้ำ ถึงเพียจะเป็นคนบอกให้เธอออกมาแต่คนที่ตัดสินใจก็ยังเป็นเธอ

พอลล่านั้นโตขึ้นมาที่โบถส์ ไม่เหมือนคนอื่น เธอนั้นอ่านหนังสือมาบ้าง ไม่ใช่แค่พวกตำรา แต่ยังอ่านนิยายอีกด้วย มีชาวบ้านเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่อ่านหนังสือได้

พอลล่านั้นชอบอ่านนิยายโรแมนนติก เธอหวังว่าจะได้ออกจากหมู่บ้านเข้าสู่เมืองใหญ่และเจอกับหนุ่มหล่อและตกหลุมรักกัน บางคืนถึงกับนอนไม่หลับเพราะอารมณ์ค้าง เธอถึงขนาดแต่งนิยายด้วยตัวเองโดยใช้เด็กสาวชื่อ พอลลาเรีย ที่ชื่อคล้ายกับเธอให้เป็นตัวเอก

เรานี่มันโง่จริงๆ……เรายึดติดกับนิยายมากเกินไป

ไม่มีหนังสือเล่มไหนที่จบลงโดยที่เด็กสาวถูกข่มขืนโดยก็อบลิน เธอยอมตายดีกว่าที่จะเป็นแบบนั้น สิ่งที่เธอเสียใจมีอยู่อย่างเดียวคือ เธอไม่ดืทิ้งหนังสือที่เธอเคยเขียนไว้ 

เราน่าจะเผามันซะให้เรียบร้อย

เธอหลับตาปี๋ ในขณะที่ก็อบลินกำลังตรงมาทางเธอ

เธอสั่นกลัว แล้วก็บังคับตัวเองให้คิดว่า 

เดี๋ยวสิ ก็อบลินไม่มาแล้วนี่

“….ลุกขึ้นซะ”

“คะ?”

เธอเปิดตาอย่างสับสน เด็กหนุ่มผมดำและตาสีดำสวมผ้าคลุมสีดำยืนอยู่ตรงนั้น เขาดึงมีดออกจากหลังหัวของก็อบลิน

เขาโผล่มาที่นี่ได้ยังไงไม่มีใครรู้ แม้แต่ก็อบลินก็สับสนเช่นกัน

จริงด้วยล่ะ….

สิ่งเดียวที่เธอคิดคือ

การพบพานเห่งโชคชะตาล่ะ!
 

————————————————————————–

เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ฮิคารุคิด ค่อนข้างบอบบางเลยนะเนี่ย 

อาวุธเดียวของเธอคือมีดสั้น เหมือนกับเขา ถ้าช้ากว่านี้ไปนิดเดียวเธออาจจะแย่แล้วก็ได้

“…….”

“เกะกะน่า หลบไป”

“……”

“ฟังอยู่มั้ยเนี่ย?”

“…..หนุ่มหล่อล่ะ”

“อะไรนะ?”

“ในที่สุด—แอ่ก!”

เธอโผเข้าหาเขาอย่างรวดเร็วฮิคารุเลยจัดหมัดตรงเข้าให้ที่หน้า

“ปะ เป็นบ้าอะไรของเธอกันห๊า–”

“ฮ่า….โดนกระทำโดยเด็กผู้ชายล่ะ….”

 ฮิคารุเห็นว่าเธอตกอยู่ในอันตตราย เขาเลยมาช่วยเธอ 

เธอกลิ้งไปรอบๆพร้อมกับสั่นเทา เธอมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ฮิคารุรับรู้ได้ถึงความชิบหายจากเด็กคนนี้

“ไอ้เด็กเชี่ยเอ้ย เข้ามาจุ้นทำไมวะ” นักผจญภัยคนหนึ่งตะโกน

“….จุ้นเหรอ”

“แค่สังเวยเด็กผู้หญิงคนเดียวเราก็รอดแล้ว”

“เข้าใจล่ะ ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมถึงถีบเธอออกมา อยากจะใช้เธอเป็นเหยื่อล่อสินะ”

“….แล้วมันทำไมวะ” พวกนั้นถามกลับมา

“อะไรนะ ได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย แกกล้าดียังไงมาทำกับพอลล่าแบบนี้” เพียว่า

“….แก จะต้องชดใช้” พริสซิลล่าพึมพัม

“อะไรนะ?”

“เกิดอะไรขึ้น”

ที่เหลืออีกสองคนเหมือนจะรู้สถานการณ์แล้ว ในขณะที่เด็กหนุ่มอีกสองคนยังไม่รู้เรื่อง ส่วนพวกผู้ใหญ่นั้นรู้แผนกันอยู่แล้ว

อ๊ะ ปาร์ตี้ที่เห็นเมื่อวานนี่นา ว่าแล้วว่าต้องมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น

ฮิคารุรู้สึกขยะขแยงขึ้นมาจากเบื้องลึกของจิตใจ ถึงการใช้เป็นเหยื่อล่อจะดีกว่าการหลอกไปขาย แต่มันก็น่าขยะแขยงอยู่ดี

“แล้วแกจะให้เราสู้กับพวกนั้นเรอะ เป็นร้อยเลยนะเห้ย”

“เดี๋ยวพวกมันก็หนีไปแล้ว” ฮิคารุพูด

“อะไรนะ”

“ดูสิ”

ทันใดนั้นก็มีเสียงฟลุตดังขึ้นมา แล้วพวกก็อบลินก็ถอยกลับไปอย่างที่ฮิคารุบอก

“อะอะอะอะอะไรกัน”

“กลับไปได้แล้ว ที่นี่มันอันตราย”

“หมอนั่นพูดถูก ไปกันเถอะ”

เด็กสาวที่ถือดาบใหญ่เกือบจะเชือดพวกนั้นทิ้งแล้ว แต่ก็หนีไปก่อน เด็กหนุ่มสองหน่อนั่นก็วิ่งตามไปด้วย ที่เหลืออยู่ก็มีแค่เด็กสาวสามคนหนึ่งในนั้นกำลังถูแก้มตัวเองอย่างมีความสุขอยู่

“…ขอบคุณค่ะ คุณช่วยเราไว้”

“ไม่เป็นไร พาเธอไปได้แล้ว”

“ไม่มาด้วยกันเหรอคะ”

ฮิคารุยักไหล่

“…คุณ แช็งแกร่งจัง”

“ระวังไอ้พวกผู้ชายพวกนั้นด้วยตอนขากลับน่ะ”

“อะไรนะ”

“พวกมันคิดจะใช้เพื่อนของเธอเป็นเหยื่อ ถ้ามีข่าวออกไปจะต้องไม่มีงานเข้าแน่ๆล่ะ ถ้าเธอคิดจะบอกคนอื่นน่ะนะ”

“…..หมายความว่าไง?”

“ปิดปากพวกเราไง” เด็กสาวที่ใช้ธนูพูดกับเพื่อนของเธอ

“อะไรน้า?!”

“เป็นไปได้ พวกแมลงอย่างพวกนั้นน่ะ ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้บ้างตอนที่จนมุมแล้ว”

“…..ทีมของเราอีกสองคนวิ่งหนีไปแล้ว พวกนั้นโง่จริงๆที่ถูกเล้ย”

“เพื่อนเหรอ…”

“ไม้ชิงอะ…..เหมือนกับพวกเพื่อนบ้านมากกว่า”

“จะตามไปก็ได้ ไม่ก็ปล่อยไว้งั้นแหละ อีกอย่าง ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของฉันอยู่แล้ว”

“ขอโทษนะคะ” เด็กสาวที่ดูอันตรายพูดขึ้นอย่างเสียงดัง

“หนูชื่อ พอลล่า! พอลล่า โนร่า ได้โปรดบอกชื่อคุณหน่อยได้มั้ยคะ”

“….ฮิคารุ”

พอลล่าที่ดูเหมือนจะไปสับสวิทซ์บางอย่างเข้าก็ยืนขึ้น

“ท่านฮิคารุ มีคำขอค่ะ รบกวนพาเราไปที่ทะเลสาบได้มั้ยคะ”

“ใช่ เราก็ว่าจะขอแบบนั้นเหมือนกัน ใช่มั้ยพริสซีล่า”

“อื้ม”

ฮิคารุถอนหายใจ คิดไว้บ้างแล้วว่าจะขออย่างนั้น เขาปล่อยพวกเธอทิ้งไว้ไม่ได้ เขาคงจะรู้สึกผิดน่าดูที่ทิ้งพวกเธอไว้ให้ตายหลังจากที่ช่วยไว้แล้ว แต่ถ้าฮิคารุคอยคุ้มกันไว้ เขาก็ใช้สกิลไม่ได้อีก

“…..ก็ได้ เดินไปได้เลย เดี๋ยวฉันจะตามไปห่างๆ”

“ไม่มาด้วยกันเหรอคะ” พอลล่าถามน้ำตาเอ่อ มือสองข้างประสานกัน

สายตาของเธอถูกซ่อนไว้ภายใต้ผมสีเขียวของเธอ แบบนี่คงดูเหมือนว่าเธอเป็นพวกเรียบร้อยแต่ว่า

“ก็บอกแล้วไงว่าจะดูอยู่ห่างๆน่ะ แล้วก็…..มาทำเป็นไร้เดียงสาตอนนี้มันก็สายไปแล้ว”

“อะ…”

“ใช่พอลล่า เขาพูดถูกนะ เราอาจจะไม่เคยพูดไปก็จริงแต่เรารู้อยู่แล้วว่าเธอน่ะเป็นพวกแปลกๆ”

“อะไรนะ….?”

“ก็อย่าง นิยายที่เธอเขียนไง….”

พอลล่าสั่นเป็นเจ้าเข้าแล้วล้มลงไป

ฮิคารุปล่อยเธอไว้กับเด็กที่ใช้ดาบใหญ่ เพีย และค่อยๆออกไปจากที่นั่น แค่ห่างออกไปสามสิบเมตร พวกเธอก็มองไม่เห็นฮคารุอีกเพราะเขาใช้สกิลไปแล้ว

สถานการนั้นมันทำให้เสียเวลาไปหน่อยแฮะ แต่ว่า แรงค์ของเราเพิ่มขึ้นเยอะกว่าที่คิดแฮะ แปลว่าน่าจะเป็นแบบนั้นสินะ 

เขาไล่ล่าพวกกรีนวูล์ฟจนได้แรงค์เก้า จากนั้นก็เจอกับพวกพอลล่าเข้า แต่ก็อบลินนั้นมีเยอะเกินไป จะฆ่าทีละตัวก็ได้อยู่หรอก แต่ว่า กอบลินนั้นทำงานกันเป็นทีม ดังนั้นสกิลของเขาก็ไร้ประโยชน์ จะใช้ซุ่มยิงก็ไม่ได้เพราะเขาไม่ได้พกอาวุธระยะไกลมาเลย

แต่โชคดีที่เขาเจอเข้ากับหัวหน้าก็อบลินเข้า มันเป็นก็อบลินตัวใหญ่กว่าตัวอื่นสองเท่า สูงมากกว่าสองเมตร ข้างๆมันมีก็อบลินที่มีเขาที่ดูเหมือนจะไว้ใช้ส่งสัญญาณ

ถ้าพวกมันจับกลุ่มกัน การฆ่าหัวหน้าน่าจะพอทำให้พวกมันสับสนได้บ้างสินะ

ฮิคารุเข้าหาตัวหัวหน้าจากด้านหลัง และแทงมีดเข้าที่ด้านหลังของมัน

ตัวหัวหน้านั้นใส่เกราะโซ่อยู่ แต่ว่า ด้วยสกิลลอบสังหารและค่าพลังจู่โจมที่เขามีทำให้สามารถฆ่ามันได้

แล้วก็มีความรู้สึกที่เกินจะทนถาโถมเข้ามาที่ร่างกายของเขา เขารู้สึกเหมือนใจกลางถูกเผาไหม้ เขาพยายามที่จะไม่ร้องออกมาแต่ก็ทำไม่ได้ เขารู้ว่ามันเป็นผลจากแรงค์อัพ แต่มันก็เป็นอะไรที่ไม่เคยเจออยู่ดี แค่ฆ่าบอสก็อบลินตัวเดียวเพิ่มแรงค์ได้ถึงสาม

เพราะแบบนั้น ก็อบลินตัวอื่นเลยเห็นเขาได้ แต่ไม่กล้าเข้าโจมตีเขาเพราะหัวหน้าของมันถูกฆ่า หลังจากที่ผลของการแรงค์อัพหายไป เขาก็ออกมาจากตรงนั้น 

มีเสียงของแตรดังออกมา น่าจะเพราะว่าหัวหน้าของงมันตายแล้ว หรือไม่ก็ถอยทัพ แต่ถ้าเกิดมีใครตายก่อนขึ้นมา เขาคงจะรู้สึกผิด เขาจึงลงแต้มที่ ระเบิดพลังหนึ่งแต้ม

ความเร็วฮิคารุเพิ่มขึ้นอย่างมาก เขาเคยมีเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นถึงนักวิ่งระดับชาติ เขาคิดว่าตอนนี้เขาน่าจะเร็วกว่าหมอนั่นซะอีก แต่มันก็ใช้พลังกายเยอะเช่นกัน และนั่น ก็คือเรื่องก่อนที่จะมาช่วยพวกพอลล่าไว้

ตอนนี้เรามีเหลือหกแต้มสินะ เราต้องการแต้มอย่างต่ำสามแต้มสำหรับวันพรุ่งนี้

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง

เก็บแต้มไว้ก่อนแล้วกัน

แล้วพวกเขาก็มาถึงที่ทะเลสาบ เขาเห็นพวกเด็กสาวไปที่ถนน เขาพยายามที่จะหลบสายตาหื่นกระหายของพอลล่า ที่ถนนนี้นั้นมีพ่อค้าเร่ผ่านบ่อยๆ จึงเรียกได้ว่าแทบจะปลอดภัย

“เอาล่ะ กลับไปล่าต่อดีกว่า”

เย็นวันนั้น เขาก็เจอกับคนที่พาเขามาส่งที่ทะเลสาบ แล้วเขาก็กลับเข้าเมือง

“เป็นไง? ได้อะไรดีๆมาเรอะ?” ชายคนนั้นถาม

“ไม่อะ ไม่ได้อะไรเลย” ฮิคารุตอบ

“จริงเร้อ แล้วทำไมนายดูอารมณ์ดีจัง”

หลังจากที่ช่วยพวกพอลล่าเสร็จเขาก็กลับไปล่าต่อแล้วก็เจอเข้ากับผู้พิทักษ์ป่าเข้า

“มีอะไรดีๆเกิดขึ้นน่ะ”

เขาฆ่ามันได้ด้วยการลงมีดครั้งเดียว จากนั้นเขาก็แรงค์อัพขึ้นมาสองแรงค์

“อย่างนั้นเรอะ งั้นเกาะแน่นๆล่ะ จะเพิ่มความเร็วแล้ว”

“เข้าใจแล้ว ผมก็อยากกลับไปเร็วๆเหมือนกัน จะได้รีบไปล้างตัวซะที”

วันนั้นเอง แรงค์ของฮิคารุก็ขึ้นมาเป็น 16

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด