หมอผีแม่ลูกติด 68 ก้าวไปข้างหน้า

Now you are reading หมอผีแม่ลูกติด Chapter 68 ก้าวไปข้างหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 68

ก้าวไปข้างหน้า

“ทำไมล่ะ?” หลินซีเหยียนจ้องไปที่เจียงหวายเย่ ราวกับว่านางไม่เข้าใจ เพราะจากสิ่งที่นางต้องการนั้น เจียงหวายเย่ก็จะตกลงง่ายๆนี่นา

เจียงหวายเย่ที่เห็นว่าตาของนางกำลังจะแดง ทำให้เขาอดยิ้มขึ้นมาเสียไม่ได้ “เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เจ้าจะเอา 10,000 ตำลึงทองไปทำไม? ในเมื่อเจ้าแต่งกับข้าเมื่อไรทองของข้าทั้งหมดก็ให้เจ้าได้”

หลินซีเหยียนเคยไปที่ห้องเก็บสมบัติของเจียงหวายเย่มากแล้ว ดังนั้นนางจึงรู้ว่าตัวเขานั้นรวยมากแค่ไหน แต่ถึงนางนั้นจะชอบเงินมากขนาดไหนก็ตาม นางก็ไม่ขายตัวเองเพื่อเงินอยู่ดี

แต่นั่นมันเงินมหาศาลเลยนะ!

เจียงหวายเย่มองไปที่ดวงตาของนางที่กำลังสั่นไหว จึงรู้ว่านางนั้นกำลังลังเลอยู่ ดังนั้นเขาควรที่จะพัดไฟให้ลุกมายิ่งขึ้น “ไม่เพียงแค่นั้นนะ ข้าจะเป็นของเจ้าในอนาคต นั่นหมายความว่าหอพันกลจะเป็นของเจ้าด้วย”

นางกัดฟันแน่นเพื่อที่จะปฏิเสธความเย้ายวนใจเหล่านี้ แต่นางก็ลังเลมากเสียจนไม่อยากจะปฏิเสธ นางมองไปที่ เจียงหวายเย่ด้วยความท้อใจแล้วกล่าวอย่างโมโห “อย่าภูมิใจในตัวเองมากไปนักเลย ข้าไม่ยอมตกลงกับท่านง่ายๆหรอก”

เจียงหวายเย่ก็ได้ยิ้มอย่างชั่วร้าย แล้วเขาก็ได้กะพริบตาที่ล่อลวงจิตใจผู้คนใส่ “เปิ่นหวางรู้ดีว่าเสี่ยวเหยียนเอ๋อยังต้องการเวลาไตร่ตรอง ดังนั้นเปิ่นหวางจะรอ”

หนุ่มรูปงามอยู่ตรงหน้านางและยังมีทองมากมายที่พร้อมจะให้นาง หลินซีเหยียนจำต้องใช้แรงต่อต้านมหาศาลเพื่อที่จะทำให้นางปฏิเสธได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยเรื่องที่นางหวั่นไหวกับเรื่องนี้

เจียงหวายเย่มองไปที่หลินซีเหยียนที่กำลังวุ่นวายใจและมีใบหน้าที่น่ารัก ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะอยากใกล้ชิดกับนาง ในขณะที่เขากำลังจะแอบลักหอมนางอยู่กัน เสียงของจี๋เฟิงก็ได้ดังออกมาจากข้างนอก “องค์ชาย องค์หญิงขอรับถึงพระราชวังรัตติกาลแล้วขอรับ

หลินซีเหยียนที่คืนสติกลับมาได้ก็พบว่าใบหน้าที่หล่อเหลาของเจียงหวายเย่นั้นอยู่ตรงหน้านางแล้วและระยะก็กระชั้นชิดมาก นางจึงได้ตกใจและรีบผลักเจียงหวายเย่ออกทันที

เจียงหวายเย่ก็ไม่ได้โกรธอะไร กลับกันเขาลุกขึ้นนั่งและจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นเขาก็มองไปที่ หลินซีเหยียนแล้วกล่าว “เสี่ยวเหยียนเอ๋อนี่ช่างน่ารักจริงๆแม้แต่ยามโกรธ”

อันเอ้อกับคนอื่นๆในหน่วยอันต่างก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ นี่คือองค์ชายของพวกเขาจริงๆเหรอ? นั่นคือองค์ชายของพวกเขาที่สันโดษจริงๆเหรอ? ทำไมตอนนี้…….

หลินซีเหยียนก็รู้สึกไม่ไหวกับท่าทีเสือผู้หญิงของ เจียงหวายเย่ นางจึงได้ถลึงตาใส่เขาและลงจากรถม้าไป หลังจากที่ลงจากรถม้ามานางก็พบว่ารถม้าคันนั้นวิ่งเข้าไปในพระราชวังต่อ นางก็ได้คิ้วขมวดขึ้นมา ไม่แปลกใจเลยที่เจียงหวายเย่นั้นไม่กลัวที่จะถูกพบเลยว่า เรื่องที่เขาฟื้นฟูแล้วจะถูกเปิดเผย

โดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อ หลินซีเหยียนก็ได้เดินกลับไปยังตำหนักของนางอย่างคุ้นเคย แล้วจากนั้นก็ปิดประตูใส่ เจียงหวายเย่ที่เดินตามนางมาทันที เจียงหวายเย่ก็ได้เอามือลูบปลายจมูกของเขา แล้วจากนั้นก็หันหลังกลับไปแล้วมองไปรอบๆด้วยสายตาเย็นชา

“มีพวกเจ้าคนไหนที่เห็นเปิ่นหวางแล้วตลกบ้างไหม?” เจียงหวายเย่กล่าวอย่างเย็นชา ด้วยสีหน้าที่จริงจังและน่ากลัวมาก

ซึ่งก็ไม่มีเสียงใครตอบกลับมา มีเพียงเสียงของสายลมเย็นพาดผ่านต้นไม้และใบไม้เท่านั้น

เจียงหวายเย่ก็ได้หรี่สายตาของเขาแล้วเดินจากไป จากนั้นก็มีเสียงดังออกมาจากความมืด “นี่คือองค์ชายของพวกเราจริงๆเหรอ? นี่จะต้องเป็นตัวปลอมแน่ๆ”

แล้วอันเอ้อก็ได้ทิ้งดวงตาที่ขบขันของเขาทิ้งไปแล้วกลับสู่ใบหน้าสงบนิ่งอีกครั้ง

ไม่นานนักข่าวของหลินซีเหยียนกลับมายังพระราชวังรัตติกาล ก็ได้แพร่มายังตำหนักในของเจียงหวายเย่

หงเสวี่ยกับเหลียนเซียงสองสาวที่อยู่ด้วยกันก็ได้เริ่มดำเนินการตามแผนที่เตรียมการกันเอาไว้

“พี่หงเสวี่ย ข้าคิดว่าหญิงคนนั้นอาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเราคิดก็ได้นะเจ้าคะ ข้าว่าพวกเราคิดให้ดีๆก่อนเถอะ” เหลียนเซียงที่รู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีที่เดินออกมาจากตำหนักเล็กๆของนาง

หงเสวี่ยก็ได้มองไปที่เหลียนเซียงที่หวาดกลัวด้วยความผิดหวัง “เจ้าอยากจะทำตามที่แม่นางเหลียนบอกหรืออย่างไร?”

เหลียนเซียงก็ได้ขมวดคิ้วและพูดอย่างอึกๆอักๆ “ข้าคิดว่าที่แม่นางเหลียนเอ๋อว่าเอาไว้ก็ถูกอยู่นะเจ้าค่ะ”

“พวกเราได้ตายแน่หากองค์ชายรู้เรื่องนี้เข้าว่าพวกเราใช้ยาเพื่อทำลายชื่อเสียงของผู้อื่น ยิ่งไปกว่านั้นแม่นางเหลียนเองก็เป็นคนที่ชั่วร้ายขนาดไหนที่คิดแผนการเช่นนี้ขึ้นมาได้” หงเสวี่ยก็ได้หรี่สายตาของนาง เมื่อนึกถึงท่าทีที่หยิ่งยโสและใบหน้าที่อวดดีของแม่นางเหลียน

“แต่ว่า….” เหลียนเซียงที่ยังตัดสินใจไม่ได้

หงเสวี่ยก็ได้จ้องไปที่นางแล้วจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ต่อให้พวกเราอยากที่จะกำจัดหญิงคนนั้นก็จริง แต่พวกเราจะต้องไม่ไปเข้าร่วมกับแม่นางเหลียน ไม่อย่างนั้นแล้วข้ามั่นใจว่าต่อให้พวกเรากำจัดหญิงคนนั้นออกไป แม่นางเหลียนก็ยังคิดที่จะกำจัดพวกเราอยู่ดีแน่นอน”

เมื่อเหลียนเซียงลองคิดดูก็พบว่าที่หงเสวี่ยพูดนั้นก็มีเหตุผลอยู่ ดังนั้นนางจึงได้กัดฟันแล้วมุ่งหน้าไปยังตำหนักขององค์ชาย แต่ก็ถูกห้ามโดยอันอี้เสียก่อน

“นายท่านกำลังพักผ่อนอยู่ ไม่สะดวกจะพบใครตอนนี้” อันอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง และไม่ยอมให้ทั้งสองคนได้มีโอกาสได้เข้าไปเลยแม้แต่น้อย

หงเสวี่ยนั้นเดิมทีอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่นางก็ได้ถูกห้ามโดยเหลียนเซียงจึงได้กล่าวกับอันอี้อย่างอายๆ “ข้า…พวกข้ามาที่นี่เพื่อมาพบกับพระชายาได้โปรดแจ้งนางด้วย”

อันอี้ก็ยังไม่ขยับไปไหน เพราะองค์ชายได้สั่งเขาเอาไว้ว่าอย่าให้หลินซีเหยียนได้ติดต่อกับใครในตำหนักในโดยเด็ดขาด

หงเสวี่ยจึงทนไม่ไหวแล้วดึงเหลียนเซียงกลับมาอยู่ข้างหลังนาง แล้วจ้องไปที่อันอี้อย่างดุดันแล้วกล่าว “เหลียนเซียง เจ้าจะสุภาพกับเขาไปทำไม? เขาเป็นแค่ทหารเท่านั้น ในเมื่อเขาไม่ให้พวกเราเข้าไป พวกเราก็จะรออยู่ที่นี่”

แล้วทั้งสองคนก็ได้มองหาที่สะอาดๆแล้วนั่งอยู่พื้นตรงหน้าอันอี้ อันอี้ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้เรียกอันเอ้อแล้วขอให้เขาไปช่วยไปแจ้งให้องค์ชายทราบ

แต่องค์ชายก็ยังไม่ออกมา จนกระทั่งพระชายากำลังจะออกมา

“พระชายา, ท่าน….” อันอี้ที่อยากจะหยุดนาง แต่ก็ไม่รู้จะหยุดอย่างไรดี

หลินซีเหยียนที่ไม่เคยเห็นอันอี้มีอาการเช่นนี้มาก่อน จึงได้พูดหยอกเขา “อันอี้ เจ้าไปทำอะไรผิดมาอย่างนั้นเหรอ? เจ้าอยากให้ข้ารับผิดแทนเจ้าเหรอ?”

อันอี้จึงได้รีบส่ายหัว “ไม่มีอะไรหรอกขอรับพระชายา แค่มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นในตำหนักนิดหน่อยน่ะขอรับ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องให้พระชายาออกมาข้างนอกหรอกขอรับ”

หลินซีเหยียนก็ได้รู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที นางจึงได้เดินเข้าไปใกล้ๆอันอี้ด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น “มีอะไรเกิดขึ้นข้างนอกนิดหน่อยจริงๆเหรอ?”

ผู้หญิงขององค์ชายแต่ละคนนี่ช่างสร้างปัญหา นี่มันเป็นอะไรที่แย่ๆสุด! อันอี้คิดเช่นนั้นและผงกหัว

หลินซีเหยียนก็ได้มีสีหน้าจริงจังมากขึ้นเรื่องและกล่าว “เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ข้าอยากจะออกไปดู ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีอะไรที่ข้าจะจัดการไม่ได้”

อันอี้จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถอยออกมาแล้วจากนั้นนางก็พบสองคนนั้นแล้วกะพริบตา “หงเสวี่ย, เหลียนเซียงพวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

“พระชายาพวกเรามีเรื่องบางอย่างที่จะต้องบอกท่าน” หงเสวี่ยพูดขึ้นมาก่อน

หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วเชิญพวกนางเข้ามาด้านใน “เข้ามาก่อนสิ!”

ในขณะที่หงเสวี่ยกับเหลียนเซียงกำลังจะเข้ามาด้านในอย่างยินดี พวกนางก็ได้ถูกห้ามโดยอันอี้เสียก่อน อันอี้ก็ได้กล่าวกับหลินซีเหยียนอย่างให้ความเคารพแล้วกล่าว “พระชายา องค์ชายได้สั่งเอาไว้ว่าห้ามใครเข้ามาในตำหนักนอกจากท่านขอรับ”

หลินซีเหยียนก็ได้บิดปากแล้วกล่าว “ถ้าไม่ให้เข้าไป พวกเราก็ไปที่อื่นก็ได้”

หงเสวี่ยกับเหลียนเซียงก็ได้ผงกหัวอย่างผิดหวัง แล้วทั้งสามคนก็ได้ไปที่ตำหนักของเหลียนเซียง

ทั้งสามคนก็ได้นั่งลงที่ศาลาเล็กๆ ที่มีโต๊ะหินอ่อนอยู่ใต้ศาลานั้นพร้อมด้วยขนมที่เหลียนเซียงทำ หลินซีเหยียนที่ได้ชิมก็พบว่ามันอร่อยมาก นางจึงได้กินเข้าไปอีกหลายชิ้นแล้วจากนั้นก็นึกถึงธุระขึ้นมาได้แล้วถาม “แล้วพวกเจ้ามีธุระอะไรกับข้าอย่างนั้นเหรอ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด