ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ 244

Now you are reading ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ Chapter 244 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ความพ่ายแพ้

ในขณะที่จิวโมไป๋กำลังยืนตกตะลึง ที่อยู่ๆรูปปั้นทองแดงก็พัฒนาเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างไร้เหตุผล

รูปปั้นทองแดงก็เริ่มเคลื่อนไหวก่อน มันหันมาทางจิวโมไป๋และยกกระบี่ขึ้นอย่างช้าๆ พลังกดดันทั่วร่างของมันพลันหมุนวนเกิดเป็นพายุขนาดเล็กและไหลเวียนไปที่กระบี่เหล็ก เกิดเป็นคลื่นกระบี่อันแหลมคมห่อหุ่มคมกระบี่เอาไว้ และในตอนนั้นเอง คลื่นกระบี่ก็แทงออกไปอย่างไร้วี่แวว พริบตาเดียวก็เข้าประชิดร่างของจิวโมไป๋ วิสัยทัศน์เบื้องหน้าเหมือนถูกฉีกทำลายเป็นชิ้นๆ!

เร็วมาก! นัยน์ตาของจิวโมไป๋เบิกกว้าง เขายังไม่ทันได้มองเห็นการเคลื่อนไหว คลื่นกระบี่ก็พุ่งเข้ามาเกือบจะถึงร่างของเขาแล้ว ในชั่วพริบตานั้นเอง สัมผัสมรณะก็ทำงาน ร่างของเขาก็เคลื่อนไหวด้วยสัญชาตญาณ เขาใช้พลังทั้งหมดฟันกระบี่ออกไปด้วยความเร็วสูง คมกระบี่วาดออกไปเข้าไปปะทะเข้ากับคลื่นกระบี่ ก่อนจะถึงร่างของเขาเพียงเล็กน้อย!

เปรี้ยง! เสียงการปะทะกันดังสนั่น คลื่นพลังแตกกระจายออกไปโดยรอบอย่างรุนแรง

พุบ! ร่างของจิวโมไป๋ลอยกระเด็นออกไปหลายสิบก้าว ราวกับว่าวถูกตัดสายป่าน จิวโมไป๋ตั้งสติใช้เท้าลากไปกับพื้น เสียงรองเท้ารูดไปตามพื้นดังลั้น ก่อนจะหยุดประคองตัวยืนอยู่ได้ไม่ล้มลงไป

สภาพของจิวโมไป๋ในตอนนี้ดูยับเยินอย่างมาก เสื้อผ้าสีดำถูกทำลายเป็นชิ้นๆ ท่อนบนเปลือยเปล่า ทำให้เห็นร่างกายที่ปกคลุมด้วยเกล็ดมังกรทอง ที่ตรงกลางลำตัวแตกออกเป็นรอยแยกลึก จนเห็นเลือดสีแดงสดไหลซึมออกจากบาดแผล ใบหน้าของจิวโมไป๋ซีดเผือก มุมปากมีเลือดสีแดงสดไหลออกมา

จิวโมไป๋ประคองร่างยืนเอาไว้ แต่ร่างกายก็ยังโงนเงนอยู่เล็กน้อย เขามองไปยังรูปปั้นทองแดงอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขายังตกตะลึงกับการโจมตีเมื่อครู่อยู่

ความเร็วในการแทงกระบี่ เร็วกว่าการแทงกระบี่ก่อนหน้าถึง 5 เท่า! เร็วจนเขาไม่สามารถมองตามได้ทัน

รูปปั้นทองแดงลงมืออีกครั้ง มันไม่รอให้จิวโมไป๋ได้ตั้งตัว ร่างของมันหายวับไปจากจุดเดิมอย่างรวดเร็ว

จิวโมไป๋ก็รีบตั้งสติ สายตามองไปยังเบื้องหน้า เขาเห็นเพียงเงาร่างอันเรือนรางของรูปปั้นทองแดงที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง เขาปลุกเร้าประสาทสัมผัสทั้งหมดถึงขีดสุด

วูบ รูปปั้นทองแดงปรากฎตัวขึ้นตรงหน้า รัศมีกระบี่อันแหลมคมล้อมรอบร่างของจิวโมไป๋ ก่อนที่กระบี่จะแทงออกไปอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นเงาแสงพุ่งเข้ามา

จิวโมไป๋ใช้ท่าร่างหลบหลีกไปด้านขวาด้วยความรวดเร็ว

ฉึก! แต่เขาก็ช้าไปเล็กน้อย คมกระบี่ทิ้งรอยแผลบนเกล็ดมังกรทองตรงไหล่ขวา เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมา

จิวโมไป๋ไม่สนใจความเจ็บปวด เร่งความเร็วเพื่อหลบออกมาจากรัศมีกระบี่

แต่เขาก็ช้าไป รูปปั้นทองแดงตามเข้าประชิดด้วยท่าร่างอันรวดเร็ว กระบี่กวัดแกว่งโจมตี เกิดเป็นเงากระบี่นับไม่ถ้วนโหมกระหน่ำโจมตีจากทุกทิศทาง

ใบหน้าของจิวโมไป๋ในตอนนี้ซีดเผือก เขาสัมผัสได้ถึงพลังอันร้ายกาจของคมกระบี่ทั้งหมดที่โจมตีเข้ามา เขาไม่สามารถรับการโจมตีได้แน่

ในขณะที่กระบี่จะถึงร่าง จิวโมไป๋ก็หมุนตัวกลับ และควงกระบี่แทงย้อนกลับเข้าหารูปปั้นทองแดง คมกระบี่แหวกอากาศส่งเสียงกระหึม ร่างของเขาปกคลุมด้วยเกล็ดมังกรทอง เขาพร้อมรับการโจมตีทั้งหมดแลกกับการโจมตีในครั้งนี้!

รูปปั้นทองแดงไม่มีท่าทางชะงักหรือรีรอ มันยังคงโจมตีต่อไปอย่างสุดแรง

เปรี้ยง! เสียงปะทะกันดังสนั่น คลื่นพลังระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ห้องทดสอบสั่นสะเทือน

คลื่นพลังพัดหายไปก่อนจะเห็นร่างของจิวโมไป๋ที่ในตอนนี้เกล็ดมังกรทองทั่วร่างถูกทำลายจนแตกร้าวไปทั่วร่างกาย เลือดสีแดงไหลท้วมร่างกายอย่างน่ากลัว

อีกด้านรูปปั้นทองแดงรับกระบี่ของจิวโมไป๋ที่โจมตีมา ตรงอกขวามีรอยแตกลึกลงไป ห่างจากอกซ้ายที่เป็นจุดอ่อนเพียงไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือ

ร่างของรูปปั้นทองแดงสั่นไหวเบาๆราวกับว่ากำลังโกรธ

การโจมตีเมื่อครู่ถ้าเขาไม่ขยับร่างหลบในชั่ววินาทีสุดท้าย กระบี่จะแทงเข้าที่อกซ้าย และเขาจะพ่ายแพ้ไปในทันที มันจะทำให้วิญญาณของเขาแตกสลาย ตายไปทันที!

รูปปั้นทองแดงยืนนิ่งสงบอารมณ์ของตัวเอง ที่เกือบเข้าประตูนรก

เขาใช้ตาจิตมองไปยังจิวโมไป๋ เขาไม่คิดเลยว่าหลังจากย้ายวิญญาณกลับมาที่นี่ เขาจะพบกับการต่อสู้ที่ตึงมือทันที ร่างรูปปั้นทองแดงเต็มไปด้วยกฎและข้อจำกัดของหอทดสอบ และร่างกายที่สร้างจากทองแดง ทำให้การขยับร่างกายไม่เหมือนปกติ

เขาที่ย้ายวิญญาณมาในร่างนี้ ยังไม่ทันได้ศึกษาทำความคุ้นเคยกับร่างกาย ทำให้การขยับเคลื่อนไหวติดขัดไปหมด ทำให้เผยให้เห็นถึงจุดอ่อนมากมาย

แม้จุดอ่อนจะเล็กน้อย แต่มันก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามอาศัยตรงนี้ หลบหนีจากการโจมตี และตอบโต้เขากลับได้

‘ต้องรีบจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด ถ้ายังช้าอยู่ วิญญาณที่ยังหลอมรวมไม่สมบูรณ์จะเกิดความเสียหายได้’รูปปั้นทองแดงกระบี่ตัดสินใจจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด ในตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดของดวงวิญญาณ ถ้ายังช้ามันอาจเกิดอันตรายขึ้นได้!

กระบี่ในมือก็เริ่มเคลื่อนไหว คลื่นกระบี่อันแหลมคมฟาดฟันออกไป

จิวโมไป๋เห็นว่าการโจมตีของตัวเองมีผล ไม่ได้สูญเปล่า เขาก็มองเห็นโอกาสในการเอาชนะ

“สู้!”เขาร้องคำรามเสียงดังสนั่น นัยน์ตาสาดประกายต่อสู้ เลือดมังกรพายุอัสนีในร่างเดือดพล่าน พลังธาตุไม้ปกคลุมทั่วร่าง เกล็ดที่แตกหักก็สมานเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ประสาทสัมผัสทั้งหมดถูกเร่งเร้าให้ถึงขีดสุด ทุกอย่างดูช้าลงเล็กน้อย

เคร้ง! เสียงกระบี่ปะทะกันดังสนั้น ร่างของจิวโมไป๋ไหวพลันเคลื่อนไหวด้วยคามเร็วสูง กวัดแกว่งอย่างต่อเนื้องไปยังรูปปั้นทองแดง คมกระบี่วูบไหวเข้าโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง

เคร้ง!เคร้ง!เคร้ง!เคร้ง!

เสียงปะทะกันดังติดๆ ร่างของจิวโมไป๋และรูปปั้นทองแดง เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงปะทะจนเกิดเงาไหววูบไปมา คลื่นพลังกระบี่ระเบิดออกอย่างรุนแรงทุกครั้งที่ทั้งสองปะทะกัน

ห้องทดสอบที่มีม่านพลังคุ้มครองสั่นสะเทือนทุกครั้งที่เกิดการปะทะกัน

ยิ่งเวลาผ่านไปร่างกายของจิวโมไป๋ก็เริ่มมีบาดแผลมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่นานก็ถูกกฎแห่งธาตุไม้ฟื้นฟูจนหายอย่างรวดเร็ว แต่ถึงแม้ว่าจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บและบาดแผลได้ แต่ก็ไม่สามารถฟื้นฟูความเหนื่อยล้าได้ ยิ่งเวลาผ่านไปความแข็งแกร่งของเขาก็ค่อยๆลดลง

จิวโมไปยังพยายามต่อสู้อย่างสุดความสามารถ ดวงตาของเขารุกไหม้ไปด้วยพลังในการต่อสู้ ไม่มีทีท่าว่าจะถอย เร่งความเร็วขึ้นไปอีกขั้น

เงากระบี่ของทั้งสองปกคลุมเป็นวงกว้าง รัศมีการต่อสู้ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

แต่เมื่อเวลาผ่านไปอีกเล็กน้อย จิวโมไป๋ที่เหนื่อยล้าร่างกายปวดร้าว ก็หรี่ตามองไปยังรูปปั้นทองแดงด้วยแววตาสงสัย

เขาก็พบว่าความแข็งแกร่งของรูปปั้นทองแดงก็ลดลงเช่นกัน!

มันทำให้จิวโมไป๋ค้นพบอะไรบางอย่าง ยิ่งต่อสู้รูปปั้นทองแดงดูเหมือนจะยิ่งอ่อนแอลง!

แววตาของจิวโมไป๋ส่องประกาย เขายังมีโอกาส!

จิวโมไป๋สูดลมหายใจลึกๆ รวบรวมพลังทั้งหมดลงไปที่กระบี่ ในตอนนั้นเอง จิตใจของเขาพลันสงบลงอย่างน่าประหลาด สมาธิจดจ่ออยู่ที่กระบี่ ลืมความเจ็บปวด ลืมความเหนื่อยล้า ลืมคู่ต่อสู้ตรงหน้า มีเพียงกระบี่ในมือ!

คมกระบี่เลือนเร้นสั่นไหวอย่างรุนแรง คลื่นกระบี่อันแหลมคมค่อยๆแผ่พุ่งจากคมกระบี่ จนเห็นคลื่นพลังอันบางเบาห่อหุ้มคมกระบี่เอาไว้

ครึ่งก้าวเจตจำนงกระบี่!

รูปปั้นทองแดงเหมือนสัมผัสได้ถึงอันตราย มันก็ข่มความเจ็บปวดของวิญญาณ ยกกระบี่ในมือขึ้นโจมตีออกไป ดวงวิญญาณของเขากำลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจนแทบสิ้นสติ แต่เขาก็ยังฝืนต่อสู้ต่อไป

เขาโชคร้ายที่ไม่โจมตีสุดกำลังในตอนแรก ทำให้เกิดการต่อสู้ยืดเยื้อ ในใจต่อว่าตัวเองที่รีบร้อนย้ายวิญญาณ

ร่างของจิวโมไป๋พลันแยกออกเป็น 9 ร่างพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง คมกระบี่แทงออกไปเกิดเสียงแหวกอากาศอันน่ากลัว

รูปปั้นทองแดงใช้กระบี่ปัดป้องการโจมตีทั้งหมดออกไปได้ แต่บนร่างเกิดรอยร้างจำนวนมาก มันยิ่งทำให้การบาดเจ็บที่ดวงวิญญาณรุนแรงมากยิ่งขึ้น

จิวโมไป๋เร่งความเร็ว พลังในการโจมตีไม่มีลดลงมีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คลื่นกระบี่ยิ่งแหลมคม

ในตอนนี้รูปปั้นทองแดงกระบี่กำลังจะบ้า เพราะความเจ็บปวดทางวิญญาณ ทำให้ความแข็งแกร่งลดลงอย่างมาก ในตอนนี้เขาไม่สามารถป้องกันการโจมตีทั้งหมดได้อีกแล้ว

ถ้าปล่อยไว้เขาจะถูกฆ่าจริงๆแน่

จนกระทั้งใกล้ถึงขีดจำกัด รูปปั้นทองแดงกระบี่ก็ตัดสินใจ เขาใช้พลังทั้งหมดแทงกระบี่ออกไป ทำให้ร่างของจิวโมไป๋ถูกกระแทกออกไปเล็กน้อย และวาดฝ่ามืออกไปทันที กฎแห่งธาตุน้ำแข็งปกคลุมทั่วห้องทดสอบ อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วจนเริ่มมีน้ำแข็งปรากฏขึ้น

จิวโมไป๋เห็นท่าไม่ดี เขาพุ่งเข้าหารูปปั้นทองแดงกระบี่จนเกิดเป็นร่างเงาทิ้งไว้เบื้องหลัง

รูปปั้นทองแดงข่มความเจ็บปวดทางวิญญาณกวัดแกว่งกระบี่ออกไป คมกระบี่หลอมรวมความหนาวเย็น และผสานกับคมกระบี่เรียงซ้อนกัน เกิดเป็นดอกบัวสีขาวอันเย็นยะเยือกราวกับจะแช่แข็งทุกสรรพสิ่ง ดอกบัวสีขาว นับสิบดอก พุ่งเข้าใส่จิวโมไป๋

ดอกบัวสีขาวพุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว ใบหน้าของจิวโมไป๋เคร่งเครียด ความหนาวเย็นของดอกบัวสีขาว แม้จะไม่สัมผัส มันก็ทำให้ประสาทสัมผัสด้านชา การประมวลผลและความคิดลดลง แม้จะไม่มาก แต่ในชั่วเวลาเป็นตาย ถ้าการตัดสินใจผิดพลาดหรือช้าลงเพียงเสี้ยววินาที อาจทำให้พบกับหายนะได้!

จิวโมไป๋ใช้ท่าร่างหลบหลีก แต่ดอกบัวสีขาวไล่ตามไม่หยุด พื้นที่ดอกบัวสีขาวผ่านจะเกิดเส้นทางหนามน้ำแข็งอันแหลมคม ดอกบัวสีขาวทั้งสิบไล่ตามด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะล้อมรอบจิวโมไป๋ไว้ตรงกลาง ยากจะหลบเลี่ยง และดอกบัวสีขาวอันหนาวเย็นทั้งสิบก็พุ่งเข้าใส่

จิวโมไป๋ได้แต่ใช้กระบี่ปัดป้องดอกบัวสีขาว แต่ทันทีที่กระบี่กระทบถูกดอกบัวสีขาว ตรงที่สัมผัสก็ถูกแช่แข็งทันที และมันจะลุกลามอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของจิวโมไป๋เปลี่ยนไปทันที เขารีบท่องเคล็ดบ่มเพาะพลังเตาหลอม 9 สุริยัน ร่างกายเกิดคลื่นความร้อนอันรุนแรงต้านทาน

แต่น่าเสียดายกฎแห่งธาตุน้ำแข็งของรูปปั้นทองแดงอยู่ระดับสูงมาก ยากที่จะทำลาย จิวโมไป๋ไม่สามารถต้านเอาไว้ได้นาน ร่างของเขาก็ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ความหนาวเย็นกัดกินร่างกายอย่างรุนแรง

จิวโมไป๋กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็ง ไม่สามารถขยับได้อีก

ร่างของรูปปั้นทองแดงค่อยๆเดินมาอย่างช้าๆ ร่างของมันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง แต่มันก็ฝืนเดินมาแทงไปที่ร่างของจิวโมไป๋ ทำให้จิวโมไป๋พ่ายแพ้ไปในที่สุด ร่างที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งก็หายไปทันที

เหลือเพียงรูปปั้นทองแดงกระบี่ที่ล้มลงไปแน่นิ่งบนพื้น มือถือกระบี่ไม่นอมปล่อย

ในตอนนั้นเอง ชายซอมซ่อก็ปรากฏตัวขึ้นมองร่างไร้สติบนพื้นด้วยรอยยิ้มแผวเบา

“ไม่คิดเลยว่าวันนี้ ข้าจะได้พบคนคุ้นเคยอีกหนึ่งคน”

ชายซอมซ่อเหม่อไปเล็กน้อยเหมือนกำลังคิดถึงอดีต เมื่อตั้งสติได้เขาก็ถอนหายใจ ก่อนจะโบกมือ ร่างรูปปั้นทองแดงก็แตกสลายหายไป เหลือเพียงดวงวิญญาณที่ลอยอยู่ แต่ถ้ามองดีๆจะเห็นว่าบนดวงวิญญาณมีรอยแยกบางอย่าง แบ่งดวงวิญญาณเป็นสองส่วน

ชายซอมซ่อวาดฝ่ามืออก เกิดเป็นข่ายอาคมสีขาวปกคลุมดวงวิญญาณ ก่อนที่จะผลักฝ่ามือ ส่งดวงวิญญาณไปยังรูปแกะสลักประติมากรรมของมันเอง

ดวงวิญญาณที่ถูกข่ายอาคมฟื้นความรู้สึกกลับขึ้นมา

“วิญญาณของเจ้าเสียหายมากเกินไป ข้าช่วยได้แค่คอยๆฟื้นฟูดวงวิญญาณของเจ้าให้กลับมาอย่างช้าๆ แม้ว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาฟื้นฟูดวงวิญญาณหลายร้อยปี แต่มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อการฝึกฝนในอนาคต พักผ่อนให้สบาย ที่นี่ไม่มีใครทำอะไรเจ้าได้”ชายซอมซ่อกล่าวอย่างแผ่วเบา

ดวงวิญญาณที่ฟื้นฟูสติได้ยินก็กระพริบแผ่วเบา เป็นการตอบรับ ก่อนจะหลับไหลในงานประติมากรรม

หน้าทางเข้าชั้นที่ 4

จิวโมไป๋ลืมตาขึ้น ก่อนจะพ้นลมหายใจออกมา ใบหน้าของเขาซีดเผือก กล้ามเนื้อทั่วร่างสั่นระริก กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แม้จะไม่มีบาดแผลแต่ความเหน็ดเหนื่อยที่ได้รับ มันยากที่จะทน

มองไปยังบันไดขึ้นชั้นที่ 4 จิวโมไป๋ก็ถอนหายใจก่อนจะนั่งลงฟื้นฟูพลัง แม้ว่าวิชากระบี่พื้นฐานของเขาจะไปถึงระดับถึงก้าวเจตจำนง

แต่ความรู้สึกที่เขาได้รับจากรูปปั้นทองแดง มันแปลกประหลาด มีอะไรน่าสงสัยหลายอย่าง แต่เขามีข้อมูลน้อยเกินไป ทำให้ไม่สามารถไขกระจ่างได้ เขาได้แต่หวังว่าการทดสอบชั้นที่ 4 ในครั้งหน้า เขาจะได้พบกับรูปปั้นทองแดงตัวนั้นอีก

ผ่านไป 1 ชั่วโมง ร่างกายก็ฟื้นตัวได้ แปดในสิบส่วน

จิวโมไป๋ก็เดินออกมาจากหอทดสอบ เขาสังเกตุเห็นว่าบนหน้าประตูมีตัวเขตสีเงินอยู่ 3 อัน คือเลข 3 และด้านล่างของเลข 3 มี 2 อัน

เขาก็นึกไปถึงเสี่ยวไป๋ เสี่ยวเหมย เสี่ยวหวง และเสี่ยวจิน ที่เขาพามาด้วย

“เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย น่าจะผ่านชั้นที่ 2 หรือ 3 ได้ ทำไมอยู่แค่ชั้นที่ 1″จิวโมไป๋ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย เหมือนจะมีความลับอะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้ แต่เขาก็ไม่สนใจที่จะถาม เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนของเขา

ถ้าพวกมันพร้อมที่จะบอก ก็จะบอกเขาเอง

เมื่อจิวโมไป๋เดินลงมาจนถึงพื้น เลข 3 สีเงินก็สลายหายไป

—-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด