ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด 3-10

Now you are reading ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด Chapter 3-10 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ว่าไง”

น้ำเสียงขุ่นของบอสทำเอาหัวใจของเรนหดแฟบลง

“ไม่ได้อยู่บ้านครับ ออกไปมหา’ลัยโตเกียว”

ไดกิจึงหยิบโทรศัพท์มือถืออกมาอย่างรวดเร็วแล้วต่อสายไปที่บ้าน

“ฉันเอง”

[บอสเหรอครับ]

“มินจุนอยู่ไหน”

[คือ… ออกไปมหา’ลัยกับพี่ใหญ่โชครับ]

จากนั้นเขาก็กดวางสายโดยไม่พูดอะไรตอบสักคำเดียว ก่อนจะต่อสายหาโชทันทีและสั่งให้เรนขับรถไปที่มหาวิทยาลัยโตเกียว

“ผมเอง อยู่ด้วยกันหรือเปล่าครับ”

[อ๋อ บอส รู้ได้ไงล่ะ ตอนนี้เข้าไปในห้อง ส่วนฉันรออยู่ชั้นหนึ่ง ทำไมเหรอ]

เรนจึงพูดเสียงเบาว่าลานจอดรถที่สอง

“ตอนนี้มินจุนไม่ได้อยู่ในห้องเรียนครับ”

[หา! พูดอะไรเนี่ย ก็มากับฉัน… แล้วอยู่ไหน]

“ลานจอดรถที่สองครับ”

[โอเค]

แล้วไดกิก็วางสายพร้อมหันไปสั่งเรนด้วยน้ำเสียงข่มความโกรธเอาไว้

“ขับให้ไวที่สุด”

เมื่อไม่สามารถยืนยันได้เลยว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความรู้สึกกระวนกระวายก็ค่อยๆ กัดกินหัวใจทีละน้อย จากนั้นมันก็เริ่มลุกลามไปทั้งหัวใจ ทำไมต้องเป็นวันนี้… ในวันที่มิอุตาย เขาไม่อาจสูญเสียมินจุนไปได้อีก ภายในใจของไดกิร่ำร้องหาอีกฝ่ายอย่างเป็นกังวล

มินจุน!

* * *

โชขับรถราวกับโผบินกระโดดข้ามสนามหญ้าที่สามารถผ่านทะลุไปถึงลานจอดรถที่สองอย่างเร็วที่สุด พลางมองหารถยนต์น่าสงสัยไปตลอดทาง ต้องเป็นการลักพาตัวอย่างแน่นอน เพราะเขาก็ไม่คิดว่ามินจุนจะหนีไปด้วยตัวเอง

เมื่อขับไปจนถึงด้านหลังอาคารก็พบรถตู้สภาพเหมือนใกล้จะโดนทำลายทิ้งดูน่าสงสัยเคลื่อนตัวออกมา โชเป็นยากูซ่ายันจิตวิญญาณ สัญชาติญาณใกล้เคียงกับสัตว์ป่าของเขาไม่เคยผิดพลาดเลยสักครั้ง จึงเหยียบคันเร่งรถเบนซ์อย่างไม่ลังเลเข้ากระแทกรถตู่คันนั้น เพราะการพุ่งเข้าชนจังๆ มันอันตรายเกินไปเนื่องจากมินจุนนั่งอยู่ในนั้น อีกฝ่ายอาจจะบาดเจ็บได้

เขาขับรถเข้ากระแทกที่ด้านหน้า รถตู้คันนั้นจึงหยุดกะทันหันจนมีเสียงล้อบดอากาศดังเอี๊ยดขึ้นเป็นวงกว้างราวกับเสียงครางน่ากลัว

พอเปิดประตูลงมาจากรถ สิ่งแรกที่ยากูซ่ารุ่นเดอะทำคือหยิบก้อนหินขึ้นมา ก่อนจะเปิดประตูฝั่งคนขับรถตู้แล้วใช้ก้อนหินตีเข้ากับศีรษะของคนขับที่กำลังมึนงงอยู่ เวลาเดียวกันก็หันไปเห็นมินจุนคว่ำหน้าอยู่บนเบาะด้านหลัง โดนมัดมือ โดนใช้เทปปิดปาก แต่ยังปลอดภัยดี

ไทเซเริ่มเคลื่อนไหว ด้วยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกะทันหันชายหนุ่มจึงเปิดประตูรถออก ทิ้งมินจุนไว้อย่างนั้นแล้ววิ่งหนีไป ทว่านั่นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา โชโยนก้อนหินที่ถืออยู่ในมือไปกระแทกศีรษะอีกฝ่ายเต็มๆ จนไทเซที่วิ่งหนีโซซัดโซเซล้มลงกับพื้นตรงนั้นทันที

โชรีบเข้าไปหามินจุน และหลังจากพยุงเจ้าเด็กนี่ขึ้นก็เห็นว่ากำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น บนใบหน้าน่าเกลียดมีทั้งน้ำหูน้ำตาไหลอาบ แถมแก้มยังบวมเท่ากำปั้น เขาจึงหันไปมองคนที่ล้มลงเมื่อครู่อย่างกระหายเลือด…

“ลุง? ลุง… ลุงจริงๆ เหรอครับ”

“หยุดร้อง ไม่น่าดูเลย ตอนนี้ปลอดภัยแล้วน่า โทษที ฉันควรจะขึ้นไปด้วย”

ชายวัยกลางคนกอดปลอบร่างบางเบาๆ พร้อมกับลูบผม มินจุนสั่นระริกไปทั้งตัวปล่อยโฮออกมาในอ้อมกอดของโช จริงๆ กลัวว่าจะไม่ได้เจอไดกิแล้วมากกว่ากลัวตายเสียอีก

จากนั้นก็มีรถตู้คันหนึ่งขับมาจอด ก่อนมีกลุ่มชายฉกรรจ์เดินลงมาพาตัวคนขับรถและไทเซที่ล้มอยู่กับพื้นขึ้นไปบนรถคนนั้น โดยหนึ่งในนั้นเดินเข้ามาหาโชแล้วโค้งศีรษะให้

“บอสกำลังมาครับ”

“อืม เข้าใจแล้ว อะไรเนี่ย ทนายคนเก่งก็มาด้วยเรอะ งานแบบนี้ทนายความระดับหัวกะทิต้องมาเองเลยหรือไง”

ชายหนุ่มหน้าตาสดใสกับร่างกายผอมบางไม่เหมาะกับสถานการณ์วุ่นวายเช่นนี้คือคนเดินเข้ามาหาโช หลังทักทายกันทางสายตาก็เอ่ยด้วยน้ำสียงเย็นชา

“ยังหยาบคายเหมือนเดิมเลยนะครับ”

“อะไร ยังฝังใจกับเรื่องนั้นอยู่อีกหรือไง”

“นั่นไม่ใช่เรื่องของคุณครับ คุณมินจุน?”

ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก เจ้าตัวก็ซุกหน้าเข้ากับอกของโชราวกับหวงแหนใบหน้าหนักหนา อีกฝ่ายจึงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยชั่วขณะก่อนจะถอยหลังไปหนึ่งก้าว

“ไม่…ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า เหมือนจะโดนไปแค่ทีเดียว แต่จมูกกับตาบวมเพราะร้องไห้”

“ผมไม่ได้ถามคุณครับ”

ชายหนุ่มพูดใส่โชอย่างเย็นชาแล้วหันมาแนะนำตัวกับมินจุน

“ผมนิชิฮาระ เรียวสึเกะครับ อ๋อ! จับมือน่ะ ไม่ต้องหรอกครับ”

พอเขายื่นมือที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาและน้ำมูกออกไป เรียวสึเกะก็คิ้วขมวดเหมือนเจอของสกปรกพลางก้าวถอยหลังอีกหนึ่งก้าว

“บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”

“โดนตบครับ… ลุง หน้าผมน่าเกลียดมากไหมอะ”

“พูดตรงๆ เลยนะ เพราะเป็นนายหรอกถึงได้กอด ตอนนี้นายโคตรจะมอมแมมเลยเหอะ….”

“ฮึ่ย! ฮืออออ ไอ้เวรไทเซ อ๊ะ เจ็บ เหมือนปากจะฉีกด้วยครับ”

เมื่อมินจุนอ้าปากให้โชดู เรียวสึเกะจึงเรียกรั้งไว้

“จับไว้อย่างนั้นก่อนครับ เอาให้ถ่ายรูปได้ ต่อไปขอดูหน้าตรงหน่อยได้ไหมครับ”

เรียวสึเกะถ่ายรูปทั้งบาดแผลจากการถูกมัดด้วยเชือก ทั้งแผลจากการโดนตบ พร้อมพูดอธบายกับเขาด้วยสีหน้าเหมือนอยากออกไปจากที่นี่ไวๆ จนแทบทนไม่ไหว

“ถึงคนพวกนั้นจะเป็นอันธพาล แต่ยังไงก็จำเป็นต้องมีหลักฐานชัดเจน รูปประมาณนี้ก็พอจะได้แล้วล่ะครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ เพราะใครบางคน ผมถึงต้องมาทำอะไรไร้สาระแบบนี้ สุดสัปดาห์ของผมเลยยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่”

ฟิ้ว เสียงลมเย็นยะเยือกพัดผ่านจนเกือบต้องหยิบโค้ตสำหรับฤดูหนาวออกมาสวมอีกครั้ง หลังจากพูดสิ่งที่ตัวเองอยากพูดหมดแล้ว เรียวสึเกะก็เดินออกไปทันทีโดยไม่รอฟังคำลาของพวกเขา

“ลุง เขาเป็นอะไรเหรอครับ เหมือนจะเกลียดผมมากๆ เลยนะนั่น”

“ไม่ใช่นายแต่เป็นฉันนี่แหละ ก็เมื่อครึ่งปีก่อนไปกดเขามาน่ะสิ เจ้าคนเย็นชาอย่างกับแมวคนนั้น ไม่ชวนให้หลงได้เหรอ”

“เอ๊ะ? ลุงนี่ร้ายจริงๆ แล้วยูกิล่ะครับ”

“หนวกหูน่า ร้ายตรงไหน ช่วยกันต่างหากเล่า แล้วยูกิก็เป็นฝ่ายกดฉันโว้ย เอาเหอะ นายน่ะ เตรียมตัวโดนบอสลงโทษได้เลย ดูท่าจะโมโหมากด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะบอส เรียวสึเกะก็คงไม่มาหรอก เห็นอย่างงั้นเขาก็เป็นแวมไพร์ของวงการทนายเชียวนะ แค่ได้กัดทีหนึ่งก็จะดูดจนเลือดหมดตัว ไดกิคงคิดจะกำจัดไอ้พวกที่ลักพาตัวนายออกจากสังคม จุ๊ๆ นายไม่รอดแน่”

“ลุง เรากลับบ้านกันเถอะครับ ยะ…อยากอยู่กับโทมะ…”

“มีอะไรก็หลบหลังโทมะตลอด นี่เป็นหม่าม้าจริงหรือเปล่าเนี่ย”

“หนวกหูน่า ก็ป๊ะป๋าน่ากลัวนี่ครับ”

“เอาเถอะ ไปก็ได้ เห็นบอกให้เจอกลางทาง นายก็จัดการเอาเองแล้วกัน”

โชช่วยประคองมินจุนกลับไปที่รถ ทั้งๆ ที่ตอนตกอยู่ในสถานการณ์คับขันเขาอยากเจอไดกิมาก แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเจอช้าลงหน่อยก็ได้ คนตัวเล็กนั่งสะอึกสะอื้นอยู่บนรถยนต์ที่กำลังแล่นไปข้างหน้า บางทีมันอาจจะเป็นผลกระทบจากอาการช็อกที่เผชิญมาตลอดทั้งวัน

* * *

เคยได้ยินว่าแค่สายตาก็สามารถฆ่าคนได้ ตอนนี้ทุกอย่างเป็นอย่างที่ว่าเลย หลังจากพบกันกลางทาง ไดกิก็เดินมาเปิดประตูเบนซ์สีดำด้วยตัวเองก่อนมินจุนจะก้าวลง จากนั้นก็กระชากแขนเรียวที่เอาแต่คว้าด้ามจับประตูไว้เหมือนมันเป็นฟางช่วยชีวิตให้ออกมาข้างนอก ด้วยการใบหน้าของโกรธเคืองราวกับจะฆ่าใครสักคน

และดวงตามืดสนิทก็แปรเปลี่ยนเป็นอันตรายทันทีเมื่อจดจ้องไปยังแก้มบวมเป่ง

“เอ่อ… มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ ผมเป็นพวกบวมง่ายอยู่แล้ว ฮ่าๆ ก็ไม่แย่นะครับ แต่ตอนนี้สายตาของคุณน่ากลัว… กว่าอีก…”

ไดกิไม่ฟังอะไรอีกต่อไปและผลักมินจุนเข้าไปในรถเบนซ์คันของตัวเอง พอถูกผลักเข้ามาเหมือนโดนทุ่มไหล่บางก็กระแทกเข้ากับชุดเบาะหนังจนรู้สึกแสบ อยากจะลุกขึ้นมานั่ง แต่ก็โดนอีกฝ่ายตามเข้ามากดอย่างแรงให้นอนอยู่ท่าเดิมพร้อมจ้องเขม็ง

ครืน กระจกสีดำเลื่อนขึ้นมากั้นระหว่างเบาะด้านหน้ากับด้านหลัง ปิดทึบจนมองไม่เห็นเรนที่ประจำอยู่บนที่นั่งคนขับแม้แต่นิดเดียว

“มะ…มีที่กั้นด้วย… ทำไมเหรอครับ ไม่ได้สิ เรนก็…”

“หุบปาก”

ร่างสูงเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก น้ำเสียงโกรธเคืองยิ่งกว่ายามปกติ แม้ว่ามินจุนจะหวาดกลัว ทว่าแววตาของไดกิที่จ้องมองมานั้นค่อนข้างสั่นไหว เขาจึงมองอีกฝ่ายด้วยความตกใจและยื่นมืออกไปหา แต่ไดกิกลับปัดมือออกอย่างเย็นชา

“ฉันบอกให้รออยู่บ้านดีๆ ใช่ไหม บอกแล้วไงว่าอยู่บ้านมันจะปลอดภัย!”

“ขอโทษครับ มันมีข้อความจากมหา’ลัย… ผมไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้”

“หุบปาก ต้องทำยังไงนายถึงจะรับรู้ความโหดร้ายของโลกใบนี้กันนะ ให้ฉันจัดการนายตรงนี้ ทำให้ไม่เหลือแม้แต่ซากก็ยังได้เลยนะ รู้บ้างไหม!”

“ไดกิ… อย่าเป็นแบบนี้… ผมกลัว”

“กลัว? แล้วความกลัวของฉันล่ะ! ความหวาดกลัวของฉันเมื่อสามปีที่แล้ว มันย้อนกลับมาอีกครั้งเพราะนาย มันคืออะไรล่ะ!?”

ชายหนุ่มคำรามเสียงดัง ส่วนมินจุนหน้าซีดเผือด ใช่… วันนี้คือวันที่แม่แท้ๆ ของโทมะเสียชีวิต… ไดกิเองก็กลัวเหมือนกันเหรอ เขาสลดใจกับความหวาดกลัวของคนตรงหน้าจนชาไปทั้งใจ

“ไดกิ ผมขอทะ…อุ๊บ”

ริมฝีปากทาบทับลงมาปิดคำขอโทษทันที ร่างสูงสูญเสียสติสัมปชัญญะจนเหมือนจะจับกินทั้งๆ แบบนี้ ลิ้นอ่อนนุ่มแทรกเข้ามาภายในแล้วเกี่ยวกระหวัดอย่างรุนแรง มือหยาบเริ่มปัดป่ายไปตามเสื้อผ้าก่อนจะสอดเข้าไปลูบไล้ผิวหนัง บดขยี้ตุ่มไตบนหน้าอกที่หมอบตัวอยู่อย่างสงบราวกับจะดึงทึ้ง จากนั้นก็ลูบแผ่นอกบาง จนความเสียวซ่านกระจายไปถึงช่วงล่างส่งผลให้เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาในคราวเดียวกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด