ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว 9
แม้จะพูดแบบนั้น แต่ใบหน้าของคามินสกีก็ยังดูมีความสุขมากจริง ๆ คามินสกีผู้ดูสดใสลังเลใจอยู่สักพักก่อนจะยื่นมือไปทางหัวของอึนฮัน มือของเขาระผ่านเส้นผมเล็กน้อยก่อนจะผ่านเลยไป อึนฮันห่อไหล่เพราะรู้สึกขนหัวลุกขึ้นมา
“จับแน่น ๆ นะ”
คามินสกีสั่ง อึนฮันไม่อยากได้ยินถ้อยคำแบบนี้เลยสักนิด! เขากำที่จับประตูไว้แน่นจนหลังมือขาวซีด พร้อมกันนั้นเสียงกริ๊กก็ดังขึ้นก่อนที่รถจะหมุนคว้างเป็นครึ่งวงกลม อึนฮันหลับตาแน่นแหกปากร้องว้ากดังลั่น
เสียงเร่งเครื่องข่มขู่ดังบรื้น ๆ ทำให้อึนฮันลืมตาขึ้นมาครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็เห็นรถอีกคันอยู่ตรงหน้า กลับรถมาประจันหน้ากันแบบนี้แล้วจะทำยังไงเล่า!อึนฮันหลับตาลงอีกครั้ง เขาคงจะต้องลาโลกไปตรงนี้แน่แล้ว ตรงเบาะข้างคนขับที่เพิ่งเคยได้นั่งเป็นครั้งแรกในชีวิต พร้อมกับคามินสกี
“อ๊ากกก พระเจ้าช่วยลูกด้วยนะครับ!”
อึนฮันตะโกนออกมา คามินสกีเหลือบมองก่อนจะเอ่ยถาม
“ว่าไงนะ”
แต่หูของอึนฮันไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไปแล้ว เขายังคงร้องแรกแหกกระเชอต่อไป
“ช่วยลูกช้างด้วยนะครับ พระเจ้า พระพุทธเจ้า พระอัลลอฮ์ ใครก็ได้ โอ๊ย ฉิบหายเอ๊ย! ทำไมถึงต้องมาตายพร้อมไอ้บ้าโรคจิตนี่ด้วยเนี่ย! อ๊าก อ๊ากกก อ๊ากกก!”
ฟังอึนฮันแล้ว คามินสกีก็ได้แต่ยักไหล่ ในเมื่อพูดไม่รู้เรื่อง เขาก็ไม่คิดจะฟัง คามินสกีมองรถตรงหน้า เมื่อกลับรถมาเผชิญหน้ากันในซอยเลนเดียวแคบ ๆแบบนี้จึงเห็นว่าสถานการณ์ภายในรถของฝั่งนั้นดูไม่ค่อยดีนัก ราวกับกำลังสับสน อะไรกัน ก็ไม่เท่าไรนี่นา คามินสกียิ้มแล้วเริ่มเหยียบคันเร่ง เสียงบรื้น บรื้นนน น่าฟังดังมาเข้าหู คนที่นั่งข้างคนขับรถฝั่งตรงข้ามยืดตัวออกมาจากหน้าต่างแล้วเริ่มกราดยิงปืนราวกับรอไม่ได้อีกแล้ว คามินสกีคว้าตัวอึนฮันที่ยังตื่นตระหนกให้ก้มลง
“อยู่ท่านี้ก่อน”
อึนฮันเอาแต่ร้องตะโกนมากเกินไปจนเสียงหายเสียแล้ว คามินสกีใช้สองมือจับพวงมาลัยรถพลางเหยียบคันเร่ง รถพุ่งทะยานออกไปในพริบตา เขาเห็นรถของฝั่งตรงข้ามอย่างชัดเจน เมื่อรถของเขาพุ่งตรงไปด้านหน้า รถของอีกฝ่ายกลับถอยไปทันทีเพราะความตกใจ รถคันนั้นถอยหลังไปด้วยความเร็วสูงสุดทั้งที่อยู่ในซอยเดินรถทางเดียวซึ่งมองไม่เห็นอะไรเลย จนในที่สุดเมื่อหลุดออกจากซอยก็ชนกับรถคันอื่นที่แล่นมาจนหมุนคว้างอย่างแรง ขณะเดียวกันนั้นคามินสกีก็พุ่งลงจากรถอย่างรวดเร็ว
อึนฮันรู้ว่าคามินสกีกระโดดลงจากรถไปแล้ว แต่นอกจากนั้นเขาก็ไม่รับรู้อะไรอีก ได้แต่หลับตาแน่น พลันรู้สึกว่าคามินสกีกำลังทำอะไรบางอย่างและเขาก็ไม่ได้อยากมารู้เห็นด้วยสักนิด แต่ถึงจะไม่ใช่แบบนั้น ตอนนี้ก็ยังลืมตาขึ้นไม่ได้อยู่ดี อึนฮันไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องพวกนี้จะมีวันเกิดขึ้นกับเขา ก่อนมาเจอคามินสกี เขาไม่เคยต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เลย ซึ่งชีวิตก็ควรจะเป็นเช่นนั้นสิ แต่หลังจากรู้จักกับหมอนี่มาปีกว่า ๆ นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาต้องมาเผชิญกับอะไรแบบนี้ อึนฮันกลัวมากจนไม่กล้าคิดจะลืมตา
อึนฮันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังโครม เขายังคงโน้มตัวราบจนท้องแนบชิดต้นขาโดยไม่ลืมตาขึ้นมา และคนที่จับเขาซึ่งไม่มีท่าว่าจะลุกให้ยืดตัวขึ้นมานั่งเหมือนเดิมก็คือคามินสกีนั่นเอง เจ้าของรถกลับมานั่งประจำที่คนขับพร้อมกับอ้าปากจะพูด แต่เมื่อเห็นสีหน้าเหม่อลอยไร้สติของอึนฮันก็หุบปากลงตามเดิม อึนฮันมองดูเขาที่ไม่พูดอะไรทั้งที่ตัวเองยังสั่นไม่หาย ทันใดนั้นคามินสกีก็ยิ้ม
“ดูเหมือนต้องกลับขึ้นเรือยอชต์แล้วละ”
“ยะ…อย่างนั้นเหรอครับ ถ้างั้นผมลงตรงนี้…”
อึนฮันรีบปลดเข็มขัดนิรภัย แต่คามินสกีกลับรั้งเขาที่เตรียมตัวจะออกจากรถไว้
“นายไปที่เรือด้วยกันดีกว่า”
คามินสกีไม่ได้บอกว่าทำไมไปด้วยกันถึงดีกว่าและอึนฮันเองก็กลัวเกินกว่าจะถาม รถแล่นออกไปแล้ว จู่ ๆ ก็มีเสียงปังแว่วมาจากกระโปรงหลังรถ เขาเบิกตาโพลงทันที
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก”
คามินสกีพูดแบบนั้น แต่อึนฮันก็รู้ได้ด้วยประสบการณ์ในอดีตของตัวเองว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นต้องเป็นใครสักคนแน่นอน ระหว่างที่คามินสกีกำลังโทรหาใครบางคน ผู้ร่วมทางอย่างเขาก็ได้แต่นั่งเงียบ หายใจไม่ทั่วท้อง
“อืม ฉันเอง อ้อ เช็กแล้วเหรอ เอาเถอะ ส่งคนทำความสะอาดมาหน่อยแล้วกัน ไม่ต้องโจ่งแจ้งล่ะ…อืม ไม่สิ อยู่ข้างฉันนี่ละ เรื่องนั้น…ไว้เจอกันค่อยคุย”
คนทำความสะอาดเหรอ อึนฮันหลุบตาลงต่ำ คนทำความสะอาดที่ว่านั่นมีไว้ทำความสะอาดอะไรกันแน่ ต้องไม่ใช่ถนนหรือบ้านแน่ ๆ ละ แล้วไอ้ ‘ไม่ต้องโจ่งแจ้ง’ นั่นอีกล่ะ คนทำความสะอาดคนนั้นจริง ๆ แล้วมาทำอะไรกัน!
คามินสกีวางสายแล้วเลี้ยวรถไปทางท่าเรือ
“นาน ๆ จะได้ออกมาทีก็มีเรื่องให้ต้องกลับไปซะแล้ว”
ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ คามินสกีคงพยายามทำให้อึนฮันสบายใจขึ้น แต่ตอนนี้สติเขาหลุดลอยไปไกลแล้ว ฉะนั้นอย่าว่าแต่สบายใจเลย แค่เรียกสติกลับคืนมาเขายังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่นานนัก รถก็มาจอดที่ท่าเรือ
Comments