ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว 77
ทำไมกัน ใช้ชื่อว่าสมิท สมิทไปเลยยังดีเสียกว่า ชื่อนั้นฟังดูเหนือความคาดหมาย ทั้งยังพอจะเป็นนามแฝงได้ด้วย หรือไม่ก็ใช้แบรด พิตต์ไปเลยสิ
อึนฮันพูดจาถากถางพลางนึกถึงชื่อของนักแสดงผู้รับบทเป็นจอห์น สมิทในภาพยนตร์เรื่อง มิสเตอร์แอนด์มิสซิสสมิท นายและนางคู่พิฆาต จนปลายสายส่งเสียงหัวเราะคิกคักตอบกลับมา
‘ฉันจงใจใช้ชื่อนี้เอง กลัวนายจะไม่เข้าใจน่ะ’
“ให้ตายสิ”
‘ทำไมไม่มาหาล่ะ โทรมาแทนทำไม’
เคย์ถาม น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที อึนฮันควานหาในกระเป๋ากางเกงด้านหลังก่อนจะหยิบของสิ่งนั้นออกมา เจ้าวัตถุชิ้นเล็กแผ่นบางยังคงอยู่กับเขาเหมือนเดิม หากบอกว่าเขาไม่คิดจะยัดใส่กระเป๋าสตางค์ของวาซีลีคงเป็นเรื่องโกหก เพราะหลายวันก่อนเขาพยายามจะใส่มันลงไปตอนที่ถือกระเป๋าของชายหนุ่มไว้ในมือ แต่ทุกครั้งที่พยายามจะใส่ก็คาใจจนสุดท้ายก็ทำไม่ลง
“เคย์ ผมไม่ได้อยากคุยเรื่องอดีต”
เขาไม่อยากคุยจริง ๆ คุยไปก็ใช่ว่าเรื่องทุกอย่างจะเปลี่ยน
“แค่ทำเหมือนมันจบไปแล้วเถอะนะ”
‘เรื่องอะไร’
“ทุกเรื่อง”
อึนฮันพึมพำ
เขาไม่ได้ทำแบบนี้แค่เพราะวาซีลีบอกว่าชอบเขา ความจริงอึนฮันไม่กล้าทำอะไรกับวาซีลีทั้งนั้น ถึงอย่างไรชายหนุ่มก็ยังเป็นบอสของพวกมาเฟีย ยังเป็นจอมล้างแค้น แม้เสียงที่บอกว่าชอบเขาจะเผยความรู้สึกของวาซีลีจนหมดเปลือกก็ตาม
‘ยุน นายไม่อยากออกมาจากตรงนั้นหรือไง ฉันคือความหวังเดียวที่จะทำให้นายออกมาได้นะ ไม่รู้เหรอ’
“ผมไม่รู้นี่ว่าคุณจะเป็นความหวังเดียวหรือเป็นหนทางที่เลวร้ายที่สุดกันแน่ ผมไม่ทำ”
อึนฮันปล่อยเจ้าสิ่งนั้นลงบนพื้น แล้วใช้ส้นรองเท้าบดขยี้อย่างแรง
‘ยุน!’
เคย์ตะคอก อึนฮันทรุดตัวนั่งยอง ๆ อยู่ในซอยพลางเดาะลิ้น ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางใส่ของแบบนั้นในกระเป๋าสตางค์วาซีลีได้อยู่ดี อึนฮันรู้ดีว่าตัวเองขี้กลัวแค่ไหน เขาไม่ได้มีใจให้วาซีลี แต่ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นไปไม่ได้ อึนฮันได้แต่พึมพำกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา
‘ยุน นายแค่ใส่มันลงไปแค่นั้นเอง! ไม่ได้อันตรายตรงไหนเลย ถ้าเป็นนาย ยังไงก็ทำได้อยู่แล้ว’
แล้วค่อยเข้าโครงการพิทักษ์พยานน่ะเหรอ แล้วค่อยไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างโดดเดี่ยวในที่ที่ไม่มีแม้แต่เพื่อนหรือคนรู้จักอย่างนั้นใช่ไหม เขาไม่อยากทำแบบนั้น
“ขอโทษด้วยที่ผมช่วยคุณไม่ได้”
อึนฮันพูดเช่นนั้นแล้วตัดสายทิ้ง ก่อนจะวางสาย เขาได้ยินเสียงเหมือนอีกฝ่ายพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ตัดสายไปโดยไม่ทันได้ฟังและยังนั่งอยู่ท่าเดิม พอหลับตาเสียงวาซีลีก็ดังขึ้นมาในความคิด ตัวเขาเองเคยพูดด้วยเสียงแบบนั้นบ้างหรือเปล่านะ เคยสารภาพรักกับใครด้วยน้ำเสียงอันเปี่ยมความรู้สึกท่วมท้นอย่างนี้บ้างไหม…
ไม่เลย อึนฮันส่ายหน้า ไม่เคยเลยสักครั้ง นับตั้งแต่ที่ถูกหมากัดในเซ็กซ์ครั้งแรก จนกระทั่งย้ายมาอยู่ที่อเมริกา เขาก็มักจะเล่นไปเรื่อย มีทั้งคนที่ชอบและคนที่ถูกใจ แต่สุดท้ายก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรระหว่างกัน แค่ผ่านมาลิ้มชิมรสกันและกันแล้วก็ผ่านไปอีกครั้ง จบลงเพียงเท่านั้น
เฮ้อ อึนฮันถอนใจ เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาเอาแต่คิดถึงเสียงนั้น ฉันชอบนาย เสียงอย่างคนหมดท่านั่น ถึงแม้จะไม่อ่อนหวานแต่กลับซื่อตรงเสียยิ่งกว่าเสียงใด อึนฮันถอนใจอีกครั้ง รู้สึกเหมือนว่าเสียงนั้นทำให้ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน เหมือนบางอย่างในตัวเขากำลังเปลี่ยนไปเพราะเสียงนั้น
อึนฮันเปิดแป้นพิมพ์โทรศัพท์ขึ้นมาใหม่แล้วกดหมายเลขหนึ่ง
‘ยุน นายอยู่ไหนเนี่ย!’
คริสแหวใส่ทันทีที่รับสายจนอึนฮันต้องดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหู
“หนวกหูน่า”
เขาพูด แต่คริสกลับไม่ยอมฟังเลยสักนิด
‘ตรงนั้นละ หยุดอยู่ตรงนั้นเลย! เข้าใจไหม ฉันจะไปรับนายเดี๋ยวนี้!’
อึนฮันพยักหน้ารับ
“อืม เข้าใจแล้ว”
คริสกดวางสายทันทีที่ได้ยิน
ไอ้หมอนี่ หูฉันจะแตกเอา อึนฮันวางสายแล้วใช้นิ้วแคะหูระหว่างรอคริส แสบแก้วหูไปหมดแล้วเนี่ย
++++++++++++++++++++++++++++
อึนฮันขมวดคิ้วทันทีที่ได้เห็นใครคนหนึ่งรอเขาอยู่ในร้านกาแฟที่คริสเป็นคนลากเขาเข้ามา ซ็องฮันนั่งอยู่ตรงนั้น ดูจากหน้าเละ ๆ ของหมอนั่นแล้วน่าจะโดนคริสซัดมา อึนฮันนั่งลงตรงข้ามซ็องฮันแล้วเอ่ยทักทาย
“กู๊ดมอร์นิง”
ได้ยินแบบนั้นซ็องฮันก็ชี้ที่หน้าตัวเองทันที
“กู๊ดมอร์นิงเหรอ นายพูดอะไรของนาย”
“แล้วทักว่าแบดมอร์นิงได้ที่ไหนล่ะ”
คำตอบของอึนฮันที่ออกมาระหว่างพลิกเมนูไปมาทำเอาแววตาของซ็องฮันดุดันขึ้นทันที ทว่าก็ได้แต่ปิดปากเงียบเมื่อนึกถึงเรื่องที่ตัวเองเพิ่งถูกมองออกอย่างหมดเปลือกเมื่อวาน ระหว่างนั้นอึนฮันก็พูดขึ้นว่า “ลาเต้” ก่อนจะส่งเมนูให้ซ็องฮัน ทว่าคริสกลับมาฉวยไปกลางคันเสียอย่างนั้น
“จะพูดอะไรก็พูดสิ”
“…พูดเหรอ”
อึนฮันมองซ็องฮัน ระหว่างเรายังเหลือเรื่องอะไรให้ต้องพูดกันอีกล่ะ เขาได้แต่เอนตัวลงผ่อนคลาย พิงพนักเก้าอี้แข็ง ๆ อย่างไม่เข้าใจนัก ไม่ว่าจะคิดอย่างไร สิ่งเดียวที่พวกเขายังเหลืออยู่ก็มีแค่เดินออกไปจากชีวิตของกันและกันเท่านั้น
ตอนนั้นเองซ็องฮันก็พูดขึ้น
“ขอโทษ”
Comments