ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี บทที่ 655 ติดหนี้บุญคุณคนครั้งใหญ่

Now you are reading ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี Chapter บทที่ 655 ติดหนี้บุญคุณคนครั้งใหญ่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“สี่ลมหายใจ…” เยี่ยนจ้าวเกอวางฝ่ามือไว้บนเข่าสองข้างของตัวเอง กดหัวเข่าเบาๆ “ช่วงแรกมีพัฒนาการเร็วที่สุด อีกไม่นานน่าจะถึงห้าลมหายใจ หรือมากกว่าห้าลมหายใจ”

เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าว “ข้าเตรียมจะเลื่อนเป็นมหาปรมาจารย์แล้ว หากผ่านด่านนี้ได้ ทนได้นานขึ้นอีกเท่าหนึ่งน่าจะไม่ใช่ปัญหา”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “อืม นี่จำเป็นต้องคว้าไว้ให้แน่น”

อาหู่เกาศีรษะถามว่า “คุณชาย ไม่รู้ว่าคังจิ่นหยวนนั่นกับอีกคนหนึ่ง จะรอดจากการระเบิดของพลังของค่ายกลหรือไม่?”

ชายหนุ่มยักไหล่ เอ่ยว่า “ไม่แน่ ดูจากความสามารถของเขา บางทีอาจช่วยคนให้หนีรอดได้”

“เด็กน้อยผู้นั้นถึงอย่างไรก็อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นกลางที่ใช้พลังทั้งหมดได้ นอกจากการใช้ค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติแล้ว การป้องกันทำลายได้ยากมาก หากเขาใส่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นนั้นอยู่ตลอด จำเป็นต้องใช้เวลาสะกดไม่น้อย ข้าคงไม่ต้องสนใจเรื่องอื่นแล้ว”

“ช่วยส่งเขาแล้ว จะเป็นหรือตายต้องดูโชคของตัวเขา”

อาหู่ได้ยินก็เกาศีรษะ “ถ้าหากเขาไม่ตาย แล้วพูดถึงเรื่องที่ท่านถามเขาในวันนี้ อีกฝ่ายจะเดาออกหรือไม่ว่าคุณชายท่านกำลังถามความลับเกี่ยวกับแม่นางซือคง?”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “จะเดาออกหรือไม่ ก็ต้องสร้างความลำบากให้ข้าอยู่ดี”

ชายร่างใหญ่แยกเขี้ยว “คุณชาย คังจิ่นหยวนนั่นถึงแม้จะดูเหมือนเด็กบัดซบ อายุจริงสมควรไม่น้อยแล้วกระมัง?”

“อายุไม่น้อยแล้วจริงๆ แต่เทียบกับระดับพลังฝึกปรือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูปจิตระยะท้ายแล้ว ยังอายุน้อยยิ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ

“เขามีพรสวรรค์ด้านวรยุทธ์ไม่ธรรมดาทีเดียว อีกทั้งยังมีทรัพยากรและของวิเศษจำนวนมากคอยสนับสนุน ระดับจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่จุดสำคัญจุดหนึ่งอยู่ที่กระบวนท่าวรยุทธ์ที่เขาฝึกฝน”

ชายหนุ่มพูดฉะฉาน “กระบวนท่าวรยุทธ์ที่เขาฝึกฝนมีระดับสูงยิ่ง สูงกว่าวิชาห้าอัคคีของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง และวิชาของสำนักแสงสว่างกับสำนักความมืด หรือแม้แต่กระบวนท่าของหอกระบี่ทะเลเหนือ”

“นอกจากนั้น วิชาที่เขาฝึกฝนยังเกี่ยวพันถึงความอัศจรรย์ของการเปลี่ยนแปลงด้านเวลา หลังจากฝึกฝนถึงระดับหนึ่งแล้ว จะสามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงในการไหลของกระแสเวลาของตัวเองได้อย่างจำกัด”

ครั้นได้ยินเยี่ยนจ้าวเกออธิบาย อาหู่ก็กะพริบตาปริบๆ “เช่นนั้นถ้าเขาปรับความเร็วในการไหลของเวลาของตัวเอง ทำให้ไม่มีวันแก่เล่า?”

“นั่นต้องไปถึงระดับที่สูงมากจึงจะทำได้ เขายังอยู่อีกไกลนัก” เยี่ยนจ้าวเกอพูด “แต่ว่าในการฝึกฝน เมื่อเพิ่มความเร็วในการไหลของเวลาของตัวเอง เทียบกับโลกภายนอกแล้ว โลกภายนอกผ่านไปหนึ่งวัน เวลาของเขาอาจผ่านไปแล้วสองหรือสามวัน

“ประสิทธิผลเทียบได้กับการเข้าไปฝึกฝนอยู่ในโลกที่กาลเวลาไหลเร็วกว่าตลอดเวลา”

ส่วนจะเพิ่มความเร็วในการไหลของเวลาอย่างไร การฝึกฝนยังเป็นเรื่องพื้นฐาน

พัฒนาไม่ได้ ก็คือพัฒนาไม่ได้ ย่อมไม่อาจข้ามด่านที่ไม่อาจข้ามได้ตั้งแต่แรกเพราะเวลาเร็วขึ้นอยู่ดี

อายุขัยของตัวเองเกี่ยวข้องกับลักษณะร่างกายของตัวเอง

ถ้าหากอายุขัยไม่เพิ่มขึ้น เพิ่มการไหลของเวลาเพียงอย่างเดียว เท่ากับมุ่งไปสู่ความแก่ชราในกระบวนการใช้ชีวิตของตัวเองเร็วขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น

แต่ถ้าหากตัวเองรักษาการพัฒนาการได้ตลอด สำหรับคนที่อยู่ในการไหลของเวลาทั่วไปเช่นโลกด้านนอก คนที่ฝึกฝนคัมภีร์นภากาลเวลาจะเลื่อนระดับได้เร็วเป็นพิเศษ เหมือนกับพุ่งทยาน

คัมภีร์นภาต้นกำเนิดสิบม้วน แต่ละม้วนเป็นกระบวนท่าที่มีหนึ่งเดียวในโลก มีประโยชน์อเนกอนันต์

อาหู่เลียนแบบท่าเยี่ยนจ้าวเกอ ลูบคางของตัวเอง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คังจิ่นหยวนนั่นคงมีอายุมากแล้ว แต่ดูจากนิสัยของเขา กลับใกล้เคียงอายุภายนอกมาก”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างไม่สนใจ “ไม่เห็นมีอะไรต้องงุนงง สุภาษิตว่าไว้ ยิ่งแก่ยิ่งฉลาด ยิ่งแก่ยิ่งมีประสบการณ์ กระต่ายแก่ยิ่งจับยาก”

“แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าอายุมากแล้วจะต้องเฉลียวฉลาด จริงๆเมื่อเรื่องที่ได้พบและได้เจอมีมาก ประสบการณ์ของคนก็ยิ่งมาก”

“คนแก่อายุร้อยปีคนหนึ่ง ในชีวิตมีเก้าสิบปีที่หลับไหลไม่แบ่งกลางวันกลางคืนมาโดยตลอด เขาจะฉลาดเหมือนกับคนทั่วไปที่อยู่มาร้อยปี มีประสบการณ์โชกโชน พบเจอประสบการณ์มามากมายหรือ? ถึงอย่างไรข้าก็ไม่เชื่อ”

“นอกเสียจากว่าในสิบปีที่เขาตื่นรู้[1] พบเจอแต่อุปสรรค เต็มไปด้วยสีสัน พบเจอเรื่องราวพิลึกพิลั่นหลากหลายชนิด เป็นประสบการณ์ที่คนธรรมดาซึ่งมีอายุสิบปีหรือกระทั่งหนึ่งร้อยปีไม่เคยพบเจอ เช่นนั้นก็อาจเป็นไปได้ แต่เรื่องเช่นนี้มีน้อยยิ่ง”

“สำหรับจอมยุทธ์อย่างพวกเรา อยู่มาหนึ่งร้อยปี ถ้าหากเก้าสิบปีในนี้ตั้งใจฝึกฝนวิชาอยู่ในถ้ำอย่างเดียว ไม่ต้องเอ่ยถึงวรยุทธ์และพลังจะเพิ่มขึ้นขนาดไหน แต่ว่าการมีชีวิตอยู่ในโลกตามปกติ กลับไม่ต่างจากหลับไหลไปเก้าสิบปี หากไม่มีตัวช่วยอะไร สิ่งที่ใช้ได้ก็มีแค่สิบปีที่เหลืออยู่นั่นเอง”

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “คังจิ่นหยวนเนื่องจากความพิเศษของวรยุทธ์ที่เขาฝึกฝน ความแตกต่างด้านนี้อาจจะสูงกกว่า”

“แน่นอนว่าเหตุผลหลักๆ น่าจะอยู่ที่ตัวเขาเอง ที่ดูมีความหลงตัวเองไปบ้าง เป็นเพราะผู้อาวุโสในตระกูลค่อนข้างตามใจเขา”

“คาดว่าผู้สืบทอดของผู้วิเศษเซิงส่วนใหญ่ไม่น่าจะเป็นเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นข้าสงสัยจริงๆ ว่า พวกเขาใช่ถูกราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องใช้ต่างอาวุธหรือไม่”

ชายหนุ่มพูดพลางเบะปาก “แค่ลักษณะที่เห็นในปัจจุบัน ระหว่างราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องกับผู้สืบทอดของผู้วิเศษเซิง เกรงว่าฝ่ายหลังจะมีอำนาจในการตัดสินใจที่น่ากลัว”

อาหู่หัวเราะซื่อๆ “คุณชายครั้งนี้ทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ ฝ่ายต่อต้านต้าเสวียนติดหนี้บุญคุณท่านครั้งใหญ่ อย่างน้อยหอกระบี่ทะเลเหนือจะต้องจำไว้แน่”

“แล้วต่อจากนี้จะทำอย่างไร มุ่งหน้าไปทางเกาะโม๋หลูหรือ?”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบว่า “เอาเป็นว่าออกจากอาณาเขตของเกาะเฉวียนหลิงก่อน ข้าทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ ช่วยฝ่ายต่อต้านต้าเสวียนครั้งใหญ่ ราชวงศ์ต้าเสวียนกับเก้ากระบี่ผู้วิเศษย่อมไม่ยอมเลิกรา”

หลังจากวังฝูงมังกรที่เยี่ยนจ้าวเกออยู่ดำลงไปในทะเลได้ไม่นาน ทางเหนือของเกาะเฉวียนหลิงเองก็มีกลิ่นอายที่น่าสะพรึงและแข็งแกร่งถึงขีดสุดสายหนึ่งกวาดล้างฟ้าดิน มุ่งหน้าลงใต้

ประกายกระบี่พุ่งมาครอบฟ้าครอบดินเหมือนกับกระแสน้ำ ทุกที่ที่มันผ่าน ทุกสรรพสิ่งคล้ายกับกำลังหยุดนิ่ง

เสาแสงอันน่ากลัวที่เกิดจากการวมตัวกันของพลังค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติในสถานที่แห่งหนึ่งบนเกาะเฉวียนหลิง ตอนนี้กำลังระเบิดออก ก่อเกิดกระแสคลื่นที่น่ากลัว กระจายตัวไปรอบๆ

ประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสน้ำซึ่งคล้ายกับหยุดเวลาได้ มันวกไปวนมา แต่จู่ๆ ก็รวมกันที่จุดหนึ่ง

ณ ที่ตรงนั้น บุรุษอาภรณ์ขาวผู้หนึ่งกำลังพยายามดันเด็กหนุ่มผู้หนึ่งเพื่อหนีออกจากแดนชำระล้างเพลิงอัคคี รอบด้านเต็มไปด้วยอันตราย

ประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสน้ำพลันเปลี่ยน รับตัวพวกเขาไว้

ของวิเศษที่เหมือนกับเกราะหัวใจบนร่างของเด็กหนุ่มถูกประกายกระบี่นี้ม้วนใส่ พลันได้รับการกระตุ้นพลังป้องกันที่แข็งแกร่งรวมร่างกับประกายกระบี่

เกราะหัวใจสั่นไหว เหมือนกับกลับคืนสู่อ้อมอกของเจ้าของที่แท้จริง

เพลิงสายฟ้าแม้จะน่ากลัว แต่คนมาไม่ได้ปะทะซึ่งหน้า เพียงแต่ช่วยคนออกไปจากอาณาเขตด้านนอก

ประกายกระบี่ทำให้เพลิงสายฟ้าช้าลงในชั่วพริบตาสั้นๆ จากนั้นก็พาคนทั้งสองหนีไปไกลในทันที

หลังจากหนีห่างจากเพลิงสายฟ้าที่ระเบิดออกแล้ว ประกายกระบี่ก็หยุดนิ่ง ปรากฏฮูหยินนางหนึ่ง

ฮูหยินผู้นี้ภายนอกมองไปอายุราวๆ สามสิบปี มีความเป็นผู้ใหญ่และงดงาม มองไปยังคนทั้งสองที่ตนช่วยออกมา ดวงตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและความเอ็นดู

บุรุษอาภรณ์ขาวหน้าซีดขาว “จิ่นหยวนไม่เป็นอะไร”

ฮูหยินถอนใจ “ดีที่เม่าเซิงเจ้าช่วยเหลือสุดชีวิต ไม่เช่นนั้นข้าคงมาไม่ทัน”

คังเม่าเซิงยิ้มอย่างอ่อนแรง

คังจิ่นหยวนยามนี้้สลบไสล ฮูหยินผู้นั้นลูบใบหน้าของเขา “บุตรข้าจงวางใจ ข้าจะแก้แค้นให้เจ้า”

นางจิ้มเกราะฟ้าดินเบาๆ สิ่งของที่เหมือนกับเกราะหัวใจพลันสาดแสงออกมาสายหนึ่งเหมือนกระจก มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่อยู่ห่างออกไป

ด้านในวังฝูงมังกรที่อยู่ในทะเลลึก เยี่ยนจ้าวเกอใจเต้นขึ้นมา สัมผัสถึงบางสิ่งได้อย่างเลือนราง

……………………………………….

[1] ในประเทศจีนมีแนวคิดที่แบ่งอายุออกเป็นช่วงละสิบปี ตั้งแต่หนึ่งขวบถึงหนึ่งร้อยปี ได้แก่ สิบปีสับสน สิบปีแสวงความรู้ สิบปีหลงหลัก สิบปีกัดฟัน สิบปีต่อสู้ สิบปีตื่นรู้ สิบปีอยู่เฉย สิบปีปลดปลง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด