คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 535 ไล่ออกไป เหยียนรั่วเสวี่ยเทียบกับอิ๋งจื่อจินได้เหรอ

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 535 ไล่ออกไป เหยียนรั่วเสวี่ยเทียบกับอิ๋งจื่อจินได้เหรอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 535 ไล่ออกไป เหยียนรั่วเสวี่ยเทียบกับอิ๋งจื่อจินได้เหรอ

เหยียนรั่วเสวี่ยคิดมาอย่างดีแล้ว

ขอแค่อิ๋งจื่อจินไม่ติดใจเอาความเรื่องนี้อีก ไปพูดกับอธิการบดีเฉินจวิ้นเซียน การคุมประพฤติของเหยียนอันเหอก็จะถูกยกเลิกได้

เหยียนอันเหอเรียนคณะแพทย์ หากมีประวัติด่างพร้อยย่อมไม่ใช่เรื่องดี

ถึงแม้เหยียนรั่วเสวี่ยคิดไว้ว่าจะให้เหยียนอันเหอเข้าสมาพันธ์โอสถ ต่อไปก็อยู่ในโลกแพทย์แผนโบราณ

แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเธอก็ไม่ใช่คนของโลกแพทย์แผนโบราณ จะตัดขาดกับโลกภายนอกไม่ได้

มีการลงโทษที่รุนแรงแบบนี้ กอปรกับมหาวิทยาลัยตี้ตูเข้มงวดมาตลอด พอถึงเวลาเกรงว่าจะไม่มีโรงพยาบาลไหนในตี้ตูกล้ารับเหยียนอันเหอเข้าทำงาน

เวินเฟิงเหมียนไม่รู้เรื่องที่เกิดในมหาวิทยาลัยตี้ตู

แต่เขารู้จักอิ๋งจื่อจินดี เธอมีนิสัยขี้เกียจแบบที่ว่าถ้าไม่เดินได้ก็จะไม่เดิน

พอได้ยินเหยียนรั่วเสวี่ยพูดแบบนี้ สายตาของเวินเฟิงเหมียนก็เริ่มเย็นชา “ขัดแย้งนิดหน่อยเหรอ”

“ถ้าไม่ใช่เรื่องขัดแย้งนิดหน่อยจะเป็นอะไรได้” น้ำเสียงของเหยียนรั่วเสวี่ยเริ่มหมดความอดทน “สุดท้ายข้อมูลการทดลองก็กู้กลับมาได้แล้ว โครงการก็ดำเนินไปตามปกติ ลูกสาวคุณไม่ได้รับผลกระทบเสียหน่อย”

“อันเหอทำผิดจริง ฉันขอโทษแทนหลานด้วย เอาแบบนี้ ถ้าฉันได้ตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลจี้จะไม่มีทางไล่พวกคุณออกไป และจะให้แต้มผลงานเพิ่มด้วย ตกลงไหม”

ฟังจากที่พูดมา เวินเฟิงเหมียนพอจะเดาได้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไร

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากซองนิรภัยแล้วโทรไปหามหาวิทยาลัยตี้ตู

“สวัสดีครับอธิการบดีเฉิน” เวินเฟิงเหมียนพูดอย่างสุภาพ “ผมเวินเฟิงเหมียนนะครับ พ่อของอิ๋งจื่อจิน”

การทดลองบนเกาะในตอนนั้นมีศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยตี้ตูเข้าร่วมด้วย เฉินจวิ้นเซียนจึงจำเวินเฟิงเหมียนได้ ทั้งยังเคยรู้สึกเสียดาย

ตอนนี้พอได้รับสายจากเวินเฟิงเหมียน เฉินจวิ้นเซียนก็ตกใจมาก “คุณเวิน สวัสดีครับ”

เวินเฟิงเหมียนพูด “ผมอยากทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยวันนี้หน่อยครับ”

เหยียนรั่วเสวี่ยมองท่าทางของเขาแล้วพูดต่อ “บอกสิว่าพวกคุณไม่ติดใจเอาความ”

เวินเฟิงเหมียนฟังเฉินจวิ้นเซียนพูดจบสีหน้าก็เย็นชาลงยิ่งกว่าเดิม “ขอบคุณทางมหาวิทยาลัยมากครับ ผมหวังว่าจะได้เห็นประกาศในเน็ตครับ”

เหยียนรั่วเสวี่ยนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ในเน็ต หมายความว่าไง”

แค่ประกาศภายในคณะก็ทำให้ชื่อเสียงของเหยียนอันเหอเสื่อมเสียไปมากแล้ว

ยังจะเอาลงเน็ตอีกเหรอ

อีกทั้งนักศึกษาของมหาวิทยาลัยตี้ตูก็รู้ว่าเหยียนอันเหอเป็นหลานสาวของเธอ แล้วเธอยังจะเหลือเกียรติอีกเหรอ

เวินเฟิงเหมียนไม่สนใจเหยียนรั่วเสวี่ย เขาพูดเสริม “ผมไม่รับการประนีประนอมอะไรทั้งนั้น”

เขาโดนเอาเปรียบได้ แต่อิ๋งจื่อจินไม่ได้

“ดี ดีมาก” เหยียนรั่วเสวี่ยโกรธหน้าเขียว “อีกไม่กี่วันจะเลือกผู้สืบทอดแล้ว ทำอวดดีไปเถอะ”

เธอหันไปมองจี้อี้หาง “แล้วก็ลูกสาวคุณ จี้หลีใช่ไหม ตราบใดที่แซ่จี้ ต่อไปก็ต้องเชื่อฟังฉัน”

ฟังถึงตรงนี้จี้อี้หางก็แสยะยิ้ม

เขาไม่สนความเป็นสุภาพบุรุษอีกต่อไป ดันตัวเหยียนรั่วเสวี่ยออกไป “ออกไปเลยไป เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เองว่าใครกันแน่ต้องไปจากตระกูลจี้”

เหยียนรั่วเสวี่ยเป็นคนนอก หากถูกไล่ออกจากตระกูลจี้ แม้แต่ความทรงจำที่เกี่ยวกับการทดลองในตระกูลจี้ก็จะต้องถูกลบทิ้งหมด

เธอหลบไม่ทัน อีกทั้งยังใส่รองเท้าส้นสูง เท้าพลิกหงายหลังล้มลงไป

จี้อี้หางไม่แม้แต่จะมองเธอ ปิดประตูห้องทดลองใส่ดัง “ปัง”

“สำคัญตัวเองมากเหลือเกิน” จี้อี้หางโมโหมาก “ถ้าเฟิงเหมียนกลับมาเร็วกว่านี้หนึ่งปี ยังต้องเลือกผู้สืบทอดอีกเหรอ”

ตอนนั้นเวินเฟิงเหมียนถูกยกย่องว่าเป็นเด็กหนุ่มอัจฉริยะอันดับหนึ่งในแวดวงนักวิจัยของตี้ตู

ไม่มีใครเทียบได้ อยู่เหนือคนอื่น

หลังจากการทดลองบนเกาะล้มเหลว ตระกูลจี้ก็เสื่อมถอยลงไม่น้อย จำต้องดึงคนเก่งๆ จากภายนอกเข้ามาจำนวนมาก

เหยียนรั่วเสวี่ยก็เป็นหนึ่งในนั้น

สาเหตุที่เหยียนรั่วเสวี่ยมีสถานะที่สูงมากในตระกูลจี้เป็นเพราะเธอได้เข้าห้องทดลองของมานูเอล แม้จะเป็นเพียงหนึ่งในผู้ช่วยก็ตาม

แต่อิ๋งจื่อจินเป็นนักวิจัยอันดับหนึ่งของห้องทดลองเกอร์เวนแล้ว

เทียบกันได้เหรอ

“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ” เวินเฟิงเหมียนขมวดคิ้ว “ผมจะโทรหาเยาเยาก่อน เด็กคนนี้นี่”

หลังจากอิ๋งจื่อจินกลับจากฮู่เฉิงไปที่อำเภอชิงสุ่ยก็เปลี่ยนไปอยู่บ้าง

แต่นับตั้งแต่เด็กจนโต เวลาเธอเจอเรื่องอะไรก็จะแบกรับไว้คนเดียว

เวินทิงหลานก็เหมือนกัน ไม่มีทางพูดออกมา

สองพี่น้องนิสัยเหมือนกัน

“โทรสิ” จี้อี้หางพยักหน้า “ฉันก็จะบอกเสี่ยวหลีเหมือนกัน บอกให้ระวังตัวหน่อย ช่วงนี้อยู่แต่ในหอพัก มหาวิทยาลัยตี้ตูกลับจะเป็นที่ที่ปลอดภัยกว่า”

ใครจะไปรู้ว่าคนบ้าอย่างเหยียนรั่วเสวี่ยจะก่อเรื่องอะไรบ้าง

ตอนอิ๋งจื่อจินรับสาย เธอเข้าโลกจอมยุทธไปแล้ว

ฟู่อวิ๋นเซินส่งอวิ๋นซานมาติดตามเธอ เข้าไปพักในบ้านตระกูลเยี่ย

ตระกูลเยี่ยยังเก็บเรือนที่เธอพักคราวก่อนไว้

“หนูไม่เป็นไรค่ะพ่อ” อิ๋งจื่อจินนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกที่ทำจากไม้ หาวออกมา “ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ หนูชินแล้ว”

“พ่อหมายความว่า ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้วันหลังต้องบอกคนในครอบครัวด้วย” เวินเฟิงเหมียนกระแอมสองที “ลูกมีครอบครัว รู้หรือเปล่า”

อิ๋งจื่อจินชะงัก “รู้ค่ะ”

เธอเงียบไปสักพักแล้วพูดเสียงเบา “ครั้งหน้าหนูจะบอกแน่ค่ะ”

“แต่ก็อย่ามีครั้งหน้าอีกเลย” เวินเฟิงเหมียนถอนหายใจ “พ่ออยากให้ลูกสงบสุข อย่ามีอุปสรรคมากมาย ต่อให้ไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่เป็นไร”

อย่าเหมือนเขา

อิ๋งจื่อจินเงียบไปอีกครั้ง

เธอนึกถึงคราวก่อนที่ลักพาตัวอันโหรวจิ่นใส่กระสอบ ต่อมาเธอก็คุยเรื่องเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนกับเวินเฟิงเหมียน

เธอถามเขาหนึ่งคำถาม

ถ้าให้เลือกได้อีกครั้งจะเลือกเส้นทางไหน

อย่างไรเสียอันโหรวจิ่นก็เป็นหนึ่งในตัวหายนะที่ทำให้ชีวิตของเวินเฟิงเหมียนตกต่ำ

เธอจำคำตอบของเวินเฟิงเหมียนมาตลอด

เขาบอกว่าเขาก็ยังคงเลือกเหมือนเดิม

ไม่ใช่เพราะวันเวลาที่ได้อยู่กับผู้หญิงอย่างอันโหรวจิ่นสวยงามอะไรมากมาย แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากพลาดการมีลูกของเขา

ความลำบากทั้งหมดเขาขอรับไว้คนเดียว

อิ๋งจื่อจินเงยหน้ามองฟ้า เปลือกตาขยับเล็กน้อย

บางครั้งเธอก็เคยชินกับการอยู่คนเดียว

โทรศัพท์ดังขึ้นสามครั้งในเวลานี้ ทำลายความสงบ เป็นข้อความวีแชท

[จั่วหลี : บทความที่เธอเขียน อาจารย์ช่วยยื่นให้ศูนย์ฟิสิกส์สากลไปแล้ว แต่ใช้เวลาพิจารณานาน อาจต้องรอถึงปีหน้า]

[จั่วหลี : ไว้รอผลออกมา เธอมีชื่อเสียงก็จะเลื่อนเป็นศาสตราจารย์ได้แล้ว]

[จั่วหลี : นักศึกษาอิ๋ง อาจารย์คาดหวังในตัวเธอนะ สู้ๆ พยายามสร้างคุณูปการให้สังคม อาจารย์ยังมีอีกสองหัวข้อ เธอเอาไปเขียนพร้อมกันเลยไหม]

อิ๋งจื่อจินเห็นสามข้อความนี้ก็ขมวดคิ้ว

จากนั้นก็ส่งลิงก์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตัวใหม่ของโรงพยาบาลเซ่าเหรินไปให้

ในเวลาปีกว่า แบรนด์ฮวาเสี่ยงหรงที่เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวภายใต้โรงพยาบาลเซ่าเหรินได้โด่งดังไปทั่วประเทศแล้ว

ผลิตภัณฑ์อย่างมาร์คหน้าขาวใสกับยาสระผมเร่งผมดกก็ถึงกับต้องแย่งกันกดซื้อเลยทีเดียว

[จั่วหลี : …]

[จั่วหลี : ซื้อ! เอามาสิบชุด!]

[จั่วหลี : (โอนเงิน)]

อิ๋งจื่อจินกดรับเงิน

เธอกดปิดหน้าจอมือถือ กระชับเสื้อโค้ทแล้วเดินออกจากเรือน

อีกด้านหนึ่ง

ภายในมหาวิทยาลัยตี้ตู

เหยียนอันเหอกลับหอพักเก็บสัมภาระแล้วลงจากตึก

พอเดินไปถึงศูนย์กิจกรรมก็เจอรูมเมท

เหยียนอันเหอทักทาย บอกว่าตัวเองจะกลับบ้าน

“อันเหอ ทำไมอยู่ๆ ก็ลาหยุดล่ะ” รูมเมทตกใจ “ปีสามเรียนหนักมากนะ เธอไม่เข้าวิชาหลักแล้วเหรอ”

โดยเฉพาะการสอบแต่ละปีของคณะแพทย์ที่ทำให้ทุกคนต่างปวดหัว

ถึงกับมีคำพูดนี้มาตลอดว่า ใครยุให้เรียนแพทย์ขอให้ฟ้าผ่ากลางหัว

“ยุ่งนิดหน่อย” เหยียนอันเหอยิ้มบาง “อีกอย่างวิชาหลักฉันทำได้หมดแล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไร พวกเธอตั้งใจเรียนนะ ไว้ฉันขอยืมดูสมุดจดก็พอ”

รูมเมทกระอักกระอ่วน “งั้นเธอก็เก่งจริงๆ”

แต่เธอก็ชินแล้วที่เหยียนอันเหอชอบวางตัวเหนือคนอื่น เลยไม่พูดอะไร

อย่างไรเสียก็เป็นรูมเมทที่รู้จักกันผิวเผิน ถามไปตามมารยาท

เหยียนอันเหอเป็นประธานสภานักศึกษา มีทรัพยากรไม่น้อยที่พึ่งพาได้

แต่ไหนแต่ไรมาพวกเธอไม่อยากล่วงเกินคนอย่างเหยียนอันเหอ เพราะไม่รู้ว่าวันไหนจะถูกกลั่นแกล้งหรือถูกแย่งแฟนไป

เหยียนอันเหอก็ชอบที่มีคนคอยยกยอปอปั้นแบบนี้ เธอลากกระเป๋าเดินออก

บรรดานักศึกษาที่อยู่รอบๆ กลับพากันหยุดเดิน ต่างมองไปทางเหยียนอันเหอแล้วชี้พลางซุบซิบ สีหน้าตกตะลึง

เหยียนอันเหอขมวดคิ้ว

เธอไม่เคยได้รับสายตาแบบนี้มาก่อน

เกิดอะไรขึ้น

“เหยียนอันเหอ เธอไม่ได้ลาหยุด แต่ถูกพักการเรียนใช่ไหม” รูมเมทชูโทรศัพท์มือถือ พูดถากถาง “บอกว่าลาหยุด พูดให้ตัวเองดูดีสินะ”

“เหยียนอันเหอ เธอก็มีวันนี้เหมือนกันนะ สวรรค์เปิดตาแล้วสินะ”

สะใจจริงโว้ย

เหยียนอันเหอสีหน้าเปลี่ยน “เธอพูดอะไรน่ะ”

บนหน้าจอมือถือเป็นหน้าหลักของเว็บบอร์ดมหาวิทยาลัยตี้ตู

กระทู้ปักหมุดสองกระทู้ที่เพิ่งออกมาสดๆ ร้อนๆ อยู่ด้านบนสุดของเว็บบอร์ด

ด้านหลังยังมีอักษรสีแดงห้อยท้าย ‘ทางการ’

แสดงถึงว่าเป็นกระทู้ที่ทางมหาวิทยาลัยโพสต์เอง

[ประกาศว่าด้วยเรื่องถอดเหยียนอันเหอออกจากตำแหน่งประธานสภานักศึกษา]

[ประกาศลงโทษเหยียนอันเหอจากผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยและคณบดี]

ด้านล่างยังมีอีกหนึ่งกระทู้ เพียงแต่ไม่มีคำว่าทางการห้อยท้าย

[ขุดความกะหรี่ขั้นสุดของนักศึกษามหาวิทยาลัยตี้ตูแซ่ ‘ย’ รูปเยอะ เอ้าเร่เข้ามาจ้า!]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด