Dungeon Defense (WN) 268 ผู้ก่อกบฏ (3)
บทที่ 268 – ผู้ก่อกบฏ (3)
ความเงียบครอบงำพื้นที่ทั่วทั้งห้อง
“…….”
“…….”
ทั้งบาอัลและดันทาเลี่ยนต่างจ้องเขม็งใส่กัน
ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
จอมมารส่วนน้อยต่างถามตัวเองอย่างนั้น หัวสมองพวกนั้นปฏิเสธที่จะเข้าใจในสิ่งที่ดันทาเลี่ยนเพิ่งกล่าวไป
จอมมารลำดับ 71 ที่ต่ำต้อยที่สุดกลับท้าทายจอมมารลำดับ 1 ผู้สูงส่งมันไม่ควรจะเกิดขึ้นสิ
มันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้นได้
‘━━!’
เวสซาโก้รีบมองไปรอบๆ
แม้จะยังตกตะลึงอยู่แต่สัญชาติญาณเอาชีวิตรอดที่ทำให้อยู่มานานนับพันปีกำลังกู่ร้องเตือนให้มองไปรอบข้าง
ตอนนี้ความหวาดวิตกไม่อาจทำอะไรเขาได้ สัญชาตญาณล้วนๆนั้นทำให้เวสซาโก้คู่ควรกับตำแหน่งลำดับ 3
‘มีไม่มากเลยที่แสดงความประหลาดใจ’
รอบข้างนั้นเงียบจนเกินไป
จริงอยู่ที่ว่า มีจอมมารหลายตนที่ถึงกับสับสนแต่ถึงอย่างนั้น หายนะที่สะเทือนทั้งห้องจัดเลี้ยง แต่คนส่วนใหญ่กลับยังนิ่งได้อยู่
ในห้องนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่ผู้คนเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ
เหตุการณ์ไม่สงบ กับ ความตึงเครียด สองสิ่งที่ว่า มันต่างกันตรงไหน?
จริงอยู่ที่จอมมารส่วนมากดูเคร่งเครียดแต่พวกเขาไม่ได้แสดงความตกอกตกใจออกมาราวกับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น เวสซาโก้จึงเข้าใจสถานการณ์ ณ ขณะได้ในทันที
‘นี่มัน คือ การก่อกบฏ!’
จอมมารสายนักสู้ที่มีจำนวนน้อยเป็นดั่งยอดภูเขาน้ำแข็ง จอมมารของทุกฝ่ายเตรียมพร้อมในการเข้าปะทะ ผู้เข้ารบมิใช่จอมมารลำดับ 71 นี่ยั่วโมโหจอมมารลำดับ 1
‘เผชิญหน้ากับผู้คนห้าสิบคนพร้อมๆกัน……ไม่ใช่แค่บาอัลหรอก ต่อให้มีอกาเรสด้วยก็รับมือไม่ไหว!’
แล้วเขาจะทำอย่างไรดี?
เวสซาโก้ถึงกับตัวแข็งทื่อไป
“แล้วพวกเจ้าก็โอบล้อมพวกเราไว้”
จอมมารผู้มีปกติเงียบเฉยอยู่ก็ได้เปิดปากพูดออกมา จอมมารผู้นั้นเป็นหญิงผู้มีเรือนผมสีขาวราวกับคนแก่
เธอมีผ้าพันแผลพันปิดรอบดวงตาของเธอ แม้เธอจะตาบอด ทว่าเธอเป็นจอมมารลำดับ 7 ที่มีสกิล <เห็นอนาคต> <Clairovoyance> ,อามอน(Amon)
“เหล่าทหารคอยท่าอยู่แล้ว พวกเราถูกหลอก”
อามอนพึมพัมอย่างไร้สติราวกับไม่ได้อยู่ ณ ที่นี่แล้ว
การพูดแบบนั้นมักเกิดขึ้นเมื่อเธอมองไปยังอนาคต
เวสซาโก้พยายามอย่างมากที่จะไม่แสดงสีหน้าตกใจออกมาให้เห็น ก่อนจะถามกลับไป
“ที่บอกว่าคอยท่า? เจ้าหมายความว่ายังไง ,อามอน?”
“ข้าสัมผัสได้ถึงเวทย์มนตร์ที่มาจากเงาของพวกเราทั้งหมด กลิ่นของความตายและความภาคภูมิใจ พวกนั้นย่อมต้องเป็นเดธไน้ท์”
อามอนพูดต่อจากนั้น
“มีราวๆ 400 นาย”
“……!”
เวสซาโก้รีบหันหน้าไปหา
บาร์บาทอสผู้ยังดื่มไวน์อย่างสบายๆในด้านหนึ่งของงานเลี้ยง
แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาของบาร์บาทอสก็กลายเป็นรูปจันทร์เสี้ยวยามเมื่อสบตากัน
“ข้าคิดไว้แล้วต้องเป็นแก บาร์บาทอส!”
“แถมยังมี หน่วยไวเวิร์นที่พร้อมโจมตีจากด้านบนอีกด้วย”
จอมมารตาบอด ,อามอนพูดต่อ
“มีจำนวน 556 ตัว กลุ่มนักเวทย์กลุ่มใหญ่กำลังร่ายเวทย์ ต้านเวทย์ จากด้านนอก
หากดูจากสีคงเป็นเวทย์ปิดกั้นการเทเลพอร์ทและการอัญเชิญ”
“…….”
“เวทย์มนตร์ดำ,เวทย์มนตร์ขาว และเวทย์มนตร์ภูติ ทั้งหมดผสานกันได้ด้วยสกิลของอาร์คเมจ มันเป็นรุ้งที่สวยงาม ใช่แล้วล่ะ มันงดงามมากเหลือเกิน”
อามอนถึงกับเหม่อลอยด้วยความสะท้านสะเทือนใจ
เวสซาโก้หันกลับมาหลังเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว เขามองไปที่กามิกิน
จอมมารหญิงผมสีบลอนด์ และปรากฏยิ้มเป็นมิตรเหมือนเช่นทุกครั้ง
“อื๋มม เวสซาโก้ มีอะไรหรือจ๊ะ~?”
กามิกินเป็นจอมมารผู้เดียวที่สามารถเคลื่อนหน่วยไวน์เวิร์นทั้ง 500 ตัวได้
“……ไม่มีอะไร”
เวสซาโก้ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตัวผ่อนคลายลง
มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วกับการที่เขาไม่ได้เตรียมมาสู้รบขนานใหญ่ท่ามกลางวงล้อมเช่นนี้ ไม่มีทางอยู่แล้วเพราะเมืองอย่างเนฟเฮมไม่มีทางอนุญาตเป็นอันขาด
เนฟเฮม , เมืองปีศาจที่เป็นกลางมาโดยตลอดไม่ว่าจอมมารจะติดสินบนให้ขนาดไหน……กลับไปร่วมมือกับดันทาเลี่ยน
คำถามต่อมาจึงผุดขึ้นมาในหัว
มันเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนไหนกัน?
บริษัทพ่อค้าขนาดใหญ่ของเนฟเฮมเป็นที่รู้จักกันทั่วไม่ใช่แต่เพียงในกลุ่มจอมมาร
อิวาร์ ล็อดบรอคนั้นเป็นสัตว์ประหลาดที่อยู่มานานยิ่งกว่าจอมมารส่วนมาก
แล้วตอนไหนกันที่เจ้านั่นมันได้เป็นพวกกับผู้บริหารของเนฟเฮมไป?
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่บุคคลๆหนึ่ง
“แหม ตัวข้านี่ ทำเอาท่านถึงกับพูดไม่ออกเลย”
ดันทาเลี่ยนเกาท้ายทอยด้วยท่าทางสบายๆ
“แต่ดูเหมือนท่านจะไม่ประหลาดใจเท่าใดนัก ทั้งที่ข้าวางแผนจะสร้างเซอไพร้ส์ให้กับฝ่าบาทแล้วแท้ๆ
…….ช่างน่าละอายสำหรับผู้เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงครั้งนี้เสียจริงๆ”
“มิใช่ ข้าประหลาดใจ หากแต่ข้าประหลาดใจที่คนเล็กน้อยเช่นเจ้ากลับมีความกล้าหาญถึงเพียงน้อย”
ปลายมุมปากของจอมมารบาอัลนั้นยกขึ้น
“ทีแรก พอข้าได้ยินเรื่อง มูลความผิดที่ข้าก่อขึ้น ก็เพียงพอแล้วสำหรับการเพลิดเพลินไปกับอาหารเรียกน้ำย่อย ก่อนจะถึงจานหลัก”
“ถ้าเช่นนั้น ก็ตามที่ท่านปรารถนา”
ดันทาเลี่ยนแสดงความเคารพด้วยการอกมือขวาขึ้นทาบอก เขามีพฤติกรรมที่ให้เกียรติอีกฝ่ายคล้ายกับพ่อบ้าน แต่ปากกลับพูดถ้อยคำประณามตำหนิออกมา
“ข้าขอสาบานต่อทวยเทพ เพื่อประกาศความผิดที่ฝ่าบาทบาอัลได้กระทำลงไป ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงถึงสามอย่าง”
“ความผิดร้ายแรงอย่างนั้นรึ? น่าสนใจอะไรเช่นนี้ บอกอย่างแรกให้ข้าฟังซิ”
“ได้ครับ
ความผิดร้ายแรงอย่างแรก คือ การที่ท่านนั้นไม่ได้ลงแรงอะไรเลยในสงครามพันธมิตรเสี้ยวจันทราครั้งที่ผ่านมา”
ดันทาเลี่ยนปรบมือ
เมื่อเขาทำอย่างนั้น ปรากฏแผนที่โปร่งใสขึ้นมาในอากาศ แผนที่ของทั้งทวีปนั้นมีลูกศรชี้ไปในทุกทิศทุกทาง
ลูกศรแต่ละดอกเป็นตัวแทนของกองทัพภาคต่างๆในกองกำลังฝ่ายจอมมาร
“ในสงครามล่าสุด ทุกภาคหน่วยต่างมารวมกำลังกันที่ทุ่งราบบรูโน่
ันั่นก็เพราะพวกมนุษย์ทั้งหลายต่างยกทัพมาระดมกำลังกันอยู่ ณ ที่ราบก่อน
ซึ่งมันเป็นปัญหากับแผนการแรกของฝ่ายเรา เมื่อท่านตระหนักถึงเป้าหมายใหญ่ที่จะกำจัดกองกำลังหลักของทัพศัตรู ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง”
ดันทาเลี่ยนยิ้ม
“พวกเราได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ ทั้งยังสามารถยึดหัวหาด หัวทวีปได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ กลับมีกองทัพภาคหนึ่งที่ไม่ยอมขยับเขยื้อนทัพเลยตั้งแต่ต้นจนจบ”
“…….”
“ฝ่าบาทบาอัล กองทัพภาคที่ว่า คือ กองทัพภาค 7 ที่ท่านเป็นผู้นำทัพ”
ทุกคนรู้เรื่องนั้นดี แต่ไม่มีใครกล้าระบุเรื่องนั้น นั่นก็เพราะการทำแบบนั้นมันเป็นการต่อว่า บาอัล
“ข้ามั่นใจมากว่า ท่านคงไม่ลืมหรอกว่า ตัวท่านเองนั่นแหละเป็นผู้ประกาศระดมกำลังกองทัพเสี้ยวจันทราครั้งที่ 8
ฝ่าบาทบาอัลเป็นผู้เดียวที่ทำให้กองทัพเสี้ยวจันทรามารวมกันที่นี่ ตั้งแต่แรก
ต่ถึงอย่างนั้น ผู้ที่ประกาศสงครามกลับไม่ขยับตัว…….”
ดันทาเลี่ยนไพล่มือไว้ข้างหลังและเดินไปรอบๆห้อง
“แล้วมันเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกัน? แม้แต่ฝ่าบาทกามิกิน แห่งกองทัพภาค 5 ที่คอยสนับสนุนพวกเราจากด้านหลังก็ยังเข้ามาร่วมในสงครามด้วยเลย
ฝ่าบาทบาอัลกลับเป็นผู้เดียวที่ยังอยู่ ที่เดิมราวกับไม่สนใจในสงครามด้วยซ้ำ
แม้ว่า ฝ่าบาทบาอัลชอบชื่นชอบการแสดงความเคารพนับถือ แต่ข้าจะต้องขอแสดงความเห็นอันซื่อตรงต่อท่าน”
ดันทาเลี่ยนมองไปที่บาอัล
“การกระทำของท่านนั้นไร้ซึ่งความรับผิดชอบ ทั้งยังเต็มไปด้วยความขี้ขลาดและแผนการสกปรก”
ฝูงชนทั้งหลายต่างสั่นกลัวยามที่ได้ยินถ้อยคำวิจารณ์ที่หยาบคาย
“ปีศาจนับแสนต้องหลั่งเลือดขณะที่สู้รบ ,ฝ่าบาท
พวกเขานั้นต้องตายตกลงไปด้วยสงครามที่ท่านตัดสินใจเข้าร่วมเอง
แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ที่เป็นต้นเหตุกลับนั่งเล่นอยู่ในปราสาทจอมมารตนแล้วใช่เวลาอันแสนสุขสงบ…….”
ดันทาเลี่ยนเยาะเย้ยอย่างเปิดเผย
“ท่านเป็นนักรบผู้แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจอมมารอย่างนั้นรึ?
อะไรนะ แต่ข้ากลับเชื่อว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่า คนขี้ขลาดและใช้วิธีการสกปรก จะถูกเรียกว่า เป็นนักรบ”
“แก,ไอ้ลิงระยำนี่!”
ดันทาเลี่ยนยังพูดต่อแม้เวสซาโก้จะพูดแทรก
“แม้ดูจากภายนอกข้าจะยังนิ่งอยู่ แต่ข้าอยู่ที่นี่ในฐานะตัวแทนของปีศาจนับแสนตนที่ต้องบาดเจ็บล้มตายไป
ข้าไม่คิดจะเผชิญหน้ากับไอ้ขี้ขลาดที่ทอดทิ้งพวกแวมไพร์เพื่อรักษาชีวิตไว้หรอกนะ”
“อะไรนะ……?”
เวสซาโก้ถึงกับสะอึก
สีหน้าตกใจปรากฏบนใบหน้าของชนชั้นสูงหนุ่ม
“แก, แกพูดอะไรของแก……?”
“จอมมารผู้ฉลาดปราดเปรื่องและเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรม ลำดับ 3 เวสซาโก้ นั่นเป็นฉายาของท่านใช่ไหม”
ดันทาเลี่ยนหัวเราะหึ
“มันไม่มีอะไรจะชวนตลกเท่านี้อีกแล้ว
ไอ้ขี้ขลาดคนหนึ่งที่ละเมิดสัญญา แล้วหนีหางจุกตูดทันทีที่มีภัยอันตรายเข้ามาก่อนเพื่อน ทันทีที่มีจอมมารที่แข็งแกร่งกว่าปรากฏตัวตรงหน้า
จะบอกว่า คนเช่นนี้เป็นผู้ฉลาดปราดเปรื่องอย่างนั้นหรือ?
เอาล่ะ ถ้าจะนิยามว่าปราดเปรื่องเช่นนั้น ข้าก็อยากเรียนรู้จากท่านบ้างเหมือนกัน”
ดันทาเลี่ยนยิ้มแย้มราวกับเป็นคนนิสัยดีตลอดการพูด
“ฝ่าบาทเวสซาโก้ หากท่านไม่อยากให้ข้านั้นเปิดเผยเรื่องราวที่ท่านกำลัง เผ่า อซัวร์มูนแล้ว ก็เงียบเสียเถอะ
แต่หากท่านไม่รังเกียจที่จะให้ชื่อเสียงตัวเองตกต่ำไปมากกว่านี้ ก็เชิญว่าต่อได้”
เวสซาโก้กำหมัดแน่น และปิดปากเงียบ
“อื้มมม”
ดันทาเลี่ยนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“ฝ่าบาทบาอัล มีเสียงเห่ารบกวนนิดหน่อย ดังนั้นข้าเลยออกนอกเรื่อง ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย”
“ไม่เป็นไร ข้าให้อภัย”
บาอัลเองก็ตอบรับด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังสนุกอยู่
“แล้วความผิดร้ายแรงอย่างที่สองของข้าล่ะ?”
“ความผิดร้ายแรงอย่างที่สอง คือ การที่ท่านนิ่งเฉยต่อความแตกแยกที่เกิดขึ้นภายในกองกำลังจอมมาร
เมื่อสามปีที่แล้ว ฝ่าบาทอกาเรสนำทัพโดยมีเจตนาแน่ชัดในการก่อกบฏ
ซึ่งนั่นเป็นการกระทำอันแสดงถึงความเป็นศัตรู ที่จะทำลายภาพลักษณ์ความเป็นหนึ่งเดียวกันของกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา”
ดันทาเลี่ยนพูดพลางเดินช้าๆรอบห้อง
“ณ เวลานั้นเอง ฝ่าบาทเป็นผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง
แต่สิ่งที่ฝ่าบาทแสดงให้พวกเขาเห็นก็คือ การหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบที่สมควรปฏิบัติตามหน้าที่
ท่านไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำไป”
“…….”
“ด้วยเหตุนี้จึงได้ข้อสรุปที่เรียบง่าย ฝ่าบาท
ท่านมิได้แต่เพียงไม่ใส่ใจว่า กองทัพพันธมิตรของพวกเราจำประสบความสำเร็จหรือไม่ หากแต่ท่านยังไม่สนใจด้วยซ้ำว่า กองทัพพันธมิตรจะแตกแยกแค่ไหน
ดังนั้นเรื่องที่พวกเรามอบตำแหน่งหัวหน้าให้กับบุคคลเช่นนั้นถือว่า เป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่เลยทีเดียว”
บาอัลยิ้มที่มุมปาก
“ถึงสิ่งที่เจ้าพูดมาทั้งหมดนั้นเป็นความจริงแล้วอย่างไร? เจ้าตั้งใจจะลงโทษข้าอย่างนั้นรึ?”
“แน่นอนครับ การลงโทษย่อมตามมาภายหลัง แต่เรื่องพวกนั้นยังเป็นเรื่องเล็กน้อย ความผิดมหันต์โดยแท้ที่ท่านได้กระทำลงไปมันยิ่งกว่านั้นเสียอีก”
“โอ้ ความผิดมหันต์โดยแท้ของข้ารึ?”
ดันทาเลี่ยนพยักหน้า
“ใช่แล้ว นั่นก็เป็นเพราะฝ่าบาทตั้งใจที่จะนิ่งเฉย ท่านไม่คิดทำอะไรแต่แรก ไม่ได้เป็นเพราะ ท่านต้องการถนอมทหารของตนแล้วใช้ทหารของจอมมารตนอื่นหรอก เหตุผลเบื้องหลังมันเลวร้ายกว่านั้นมาก”
ดันทาเลี่ยนยิ้ม
“ฝ่าบาทบาอัล ท่านรอให้จอมมารทั้งหลายลุกขึ้นต่อต้านท่าน”
จอมมารทั้งหลายที่ฟังอยู่ต่างกลั้นลมหายใจ
เขาตั้งใจเฝ้ารอให้จอมมารอื่นลุกขึ้นต่อต้านท่าน? มันหมายความว่ายังไงกัน?
“แม้ทุกคนไม่ล่วงรู้ถึงสิ่งนั้น แต่ไม่ใช่กับข้า
ท่านปล่อยให้ฝ่าบาทไพมอนทำตามใจตน
ท่านมองข้ามการกระทำของฝ่าบาทอกาเรสด้วยเหตุผลที่สุดจะเห็นแก่ตัว
ฝ่าบาทยังคงก่อกวนปั่นป่วนจอมมารคนอื่นไม่หยุดหย่อน”
เลิกยั้งตัวเองแล้วระเบิดมันออกมา
จงลุกขึ้นสู้เพราะเผชิญกับทรราชย์ผู้ไร้เหตุผล
“ท่านประกาศระดมกำลังพันธมิตรเสี้ยวจันทราด้วยตัวเองทั้งที่โดยปกติแล้วต้องมีการผ่านมติจากเสียงส่วนมากก่อน
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดผู้ที่สมควรพุ่งเข้าไปเป็นแนวหน้าก่อนใครทั้งนั้นกลับไม่ขยับแม้สักเซนเดียว
บุคคลผู้ที่สมควรจะตัดสินอย่างยุติธรรม มอบการลงโทษลงทัณฑ์ที่เหมาะสมกลับเอาแต่เงียบ…….ท่านยังคงสร้างความปั่นป่วนต่อเหล่าจอมมารไม่จบไม่สิ้น”
ราวกับเขาต้องการสร้างความไม่พอใจและความโกรธให้เกิดขึ้น
“ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นก็เพราะท่านแข็งแกร่งเกินไป”
“…….”
“ท่านก็คงเบื่อเซ็งน่าดูเลย ถูกไหม? มันยากที่จะจินตนาการเลยว่า ที่ผ่านมาท่านมีชีวิตแบบไหนที่ต้องไต่เต้าขึ้นมาจากการเกิดเป็นปีศาจระดับต่ำสุด
ทุกวันย่อมต้องเป็นไปด้วยการดิ้นรนเอาชีวิตรอดและสงคราม
ท่านคงไม่อาจลืมวันวานอันยากลำบากนั้นได้
ใช่แล้ว ข้าเข้าใจดี ท่านน่ะเป็นพวกกระหายสงคราม ”
ดันทาเลี่ยนเข้าไปใกล้บาอัลทีละก้าว ขณะที่อีกฝ่ายตั้งใจฟังอย่างสงบ
“ท่านย่อมไม่อาจลืมความตื่นเต้นในชั่วขณะที่มีใครสักคนหนึ่งเข้ามาท้ารบ ท้าสู้เดิมพันความเป็นตาย
แต่หลังจากไปถึง ลำดับ 1 เป็นที่รู้จักกันในฐานะจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ หรืออาจเป็น อังกอร์ โมอีส จอมมารแห่งคำทำนาย ลำดับสอง ท่านก็คงจะเบื่อหน่ายที่ถูกขนานนามเช่นนั้นตลอดเวลา”
ดันทาเลี่ยนยืนอยู่ตรงหน้าบาอัล
“มาตอนนี้ ข้าจะเปิดเผยความผิดมหันต์ร้ายแรงอย่างที่สามของท่าน,บาอัล
ท่านคือ ผู้อยู่เบื้องหลังการตัดเสบียงนการรบพันธมิตรเสี้ยวจันทราครั้งที่ 2 เมื่อ 1,800 ก่อน”
จอมมารทั้งหลายต่างปั่นป่วน
1,800 ปีที่ผ่านมา กองทัพภาค 1 นั้นประกอบไปด้วย บาร์บาทอส-มาร์บาส-ไพมอน ได้กำราบกวาดล้างชาติต่างๆบนทวีปไปมากมาย
แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขากลับจบลงตรงที่ต้องโดนกำจัดเพราะถูกตัดเสบียง
ณ เวลานั้นต่างเดากันว่า ผู้อยู่เบื้องหลังคงเป็นอัศวินฝ่ายมนุษย์
ด้วยเหตุนั้นเองจึงทำให้ กองทัพจอมมารได้แบ่งแยกฝ่ายออกเป็น ฝ่ายที่ราบ,ฝ่ายเป็นกลางและฝ่ายภูเขา━
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั่น มิใช่ฝีมือใครอื่นใดเลยนอกจาก จอมมารลำดับ 1 บาอัล
นั่นคือ สิ่งที่ดันทาเลี่ยนประกาศออกมา
“มันเป็นสิ่งที่ท่านคาดการณ์ล่วงหน้าได้แล้ว ยามที่ท่านนั่งตามลำพังบนบัลลังค์เมื่อพิชิตทั่วทั้งทวีปได้
ผู้คนทั้งหลายต่างมาเป็นข้ารับใช้ภายใต้จอมมารเพียงผู้เดียว
และแล้วยุคสมัยแห่งสันติสุขย่อมต้องมาถึง
แต่แน่นอนล่ะ ท่านไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนั้น”
“…….”
“ท่านจะไม่ปรารถนาเห็นการต่อสู้ดิ้นรนไปตลอดกาลได้อย่างไร?
ท่านไม่ปรารถนาที่จะเห็นภาพการเอาชีวิตรอดที่แสนดุเดือด และการหันคมดาบเข้าใส่ผู้ปกครองกดขี่อย่างท่านได้อย่างไร?”
ดันทาเลี่ยนกางแขนออก
“นั่นคือ สาเหตุที่ว่า ทำไมข้าถึงตระเตรียมสิ่งนี้ให้กับท่าน
ขอเพียงท่านตอบมาว่า ‘ใช่’ ณ ที่นี่ ตอนนี้
━ภาพเหตุการณ์ที่ท่านเฝ้าฝัน และปรารถนาจะปรากฏอยู่ตรงหน้าท่าน
บาร์บาทอสจะดูหมิ่นท่าน ,ไพมอนจะโกรธท่าน,มาร์บาสจะตำหนิท่าน
ท่านเข้าใจไหม?”
เขาพูดเสียงเบาราวกับกระซิบ
“จอมมารที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งหลายจะมุ่งเป้าไปที่หัวใจของท่าน”
“…….”
“ดังนั้นจึงเหลือแค่เพียงอีกก้าวเดียว
ก้าวเดียวเท่านั้น ดีที่แล้วจะได้พบกับความสุขสม
ตัวข้านั้น,ในฐานะจอมมารที่ต่ำต้อยแลอ่อนแอที่สุด,ดันทาเลี่ยน
ได้เตรียมทั้งหมดนี้ไว้แด่ท่าน มาคราวนี้ ,บาอัล
เชิญตอบมาได้เลย”
ดันทาเลี่ยนฉีกยิ้มกว้าง
“ว่า ท่านน่ะใช่ไอ้ลูกกะหรี่ใช้แผนระยำสกปรก ฉีกกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราเป็นเสี่ยงๆเพียงเพื่อสนองจิตวิญญาณนักสู้อันแสนจะเห็นแก่ตัวของท่าน หรือไม่?”
บาอัลนั้น
“……คึกคึก”
จอมมารลำดับ 1 ผู้ยิ่งใหญ่หัวเราะ
“คุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า━!”
Comments