คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 633 บ้าไปแล้ว หัวหน้าตระกูล!

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 633 บ้าไปแล้ว หัวหน้าตระกูล! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 633 บ้าไปแล้ว หัวหน้าตระกูล!

ขนาดประธานใหญ่ของพวกเขายังปกป้องทะนุถนอม มีเหรอจะยอมให้คนอื่นรังแก

ปกติฟู่อวิ๋นเซินไม่ค่อยโกรธ เจอใครดวงตาดอกท้อก็มีรอยยิ้มในตัว

แต่ถ้าเขาโกรธขึ้นมา ผลที่ตามมาก็น่ากลัวมาก

เอียนทำได้เพียงขอนับถือในความกล้าหาญของประธานศูนย์ฟิสิกส์สากล ปรบมือชื่นชมให้เขาเป็นการเฉพาะ

คำพูดนี้ดุจฟ้าผ่ากลางหัวประธาน

เล่นเอาสมองว่างเปล่า หูอื้ออึง

ริมฝีปากสั่น ไม่อยากจะเชื่อ “คุณนาย…ประธานเหรอครับ”

อิ๋งจื่อจินเด็กสาวที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบทำไมถึงกลายเป็นคุณนายประธานใหญ่วีนัสกรุ๊ปไปได้!

แต่เอียนเป็นประธานฝ่ายการเงินของวีนัสกรุ๊ป และยังเป็นคนที่ใกล้ชิดประธานใหญ่มากที่สุด

คำพูดออกมาจากปากเขาก็แสดงว่าจริงแท้แน่นอน

“ประธานเอียน! ไม่สิ…ท่านเอียน!” ประธานตกใจกลัวจนสติกระเจิดกระเจิง “ผมไม่รู้ ผมไม่รู้จริงๆ ครับ!”

ถ้าเขารู้ก่อน มีเหรอจะกล้าเอาบทความของอิ๋งจื่อจินไปขายให้เอลิซาเบธ

เอลิซาเบธจะกุมอำนาจตระกูลลอเรนท์ได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แต่ตำแหน่งของอิ๋งจื่อจินไม่มีทางเปลี่ยนแปลง

ประธานเหงื่อแตกท่วม

แต่เขาก็สืบดีแล้ว อิ๋งจื่อจินไม่มีทางได้คลุกคลีกับประธานใหญ่ของวีนัสกรุ๊ป

“ดูเอานะ บนโลกนี้ไม่เคยขาดคนแบบนี้” เอียนยิ้ม “พวกคุณมันเคยตัว ใช้อำนาจข่มเหงคนธรรมดา ครั้งนี้นึกไม่ถึงสินะว่าจะเจอคนมีอำนาจมากกว่า”

เขากดดัน หยิบสมุดตบหน้าประธานเบาๆ “ข้อมูลส่วนตัวของคุณนายประธานใหญ่ มีเหรอที่คุณจะสืบเจอได้ง่ายๆ ตัวเองเป็นใครไม่รู้เหรอ”

“ท่านเอียนครับ ไว้ชีวิตด้วย แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว” ประธานพยายามร้องขอชีวิต “ผมไม่รู้จริงๆ ครับ ผมไม่รู้จริงๆ!”

ประตูถูกเปิดออกในเวลานี้ คนที่เข้ามาคือลูกน้องของเอียน

“บอสครับ ตรวจค้นบัญชีเรียบร้อยครับ” เขาพูด “ในห้าปีมีการซื้อขายบทความทั้งหมดสามร้อยยี่สิบบทความ เป็นเงินอย่างน้อยหลายพันล้านครับ”

“มีหลายคนที่เกี่ยวข้อง ยังอยู่ในช่วงไล่สืบดูครับ”

เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ตามคาด

สามร้อยยี่สิบบทความ แต่กลับไม่มีสักบทความที่ออกมาเอาเรื่อง แสดงให้เห็นว่าผลประโยชน์ที่เกี่ยวพันมากมายขนาดไหน

เอียนเหนื่อยจนส่ายมือพลางพูด “ได้ ผมให้เวลาพวกคุณจัดการโดยเร็วที่สุด ก่อนพรุ่งนี้บ่าย ผมต้องการเห็นรายละเอียดบนเว็บไซต์วิทยาศาสตร์”

เขาเป็นถึงประธานฝ่ายการเงินกลับต้องมาทำตัวเป็นพ่อบ้าน

ประธานทรุดลงบนพื้น หน้าซีด

จบแล้ว คราวนี้พวกเขาจบจริงๆ แล้ว

อีกด้านหนึ่ง

อิ๋งจื่อจินให้เฮลิคอปเตอร์ไปส่งจั่วหลีกลับประเทศจีนอย่างปลอดภัย จากนั้นก็พาซีนายไปโรงแรม

ภายในห้องชุดเพรสซิเด้นท์สวีท

ฟู่อวิ๋นเซินนั่งอยู่ที่โซฟา กวักมือเรียก “เยาเยา มานี่”

ซีนายนั่งลงที่อีกฟากของโซฟา เอามือเท้าเอว “เฮ้อ หนีมาตลอดทาง ในที่สุดก็หนีรอดแล้ว”

ตั้งแต่เมืองแห่งโลกจนเข้ายุโรป เธอไม่ได้นอนดีๆ เลยสักคืน

“หืม? คิดว่าหนีได้ด้วยความสามารถของตัวเองเหรอ” พอได้ยินแบบนี้ฟู่อวิ๋นเซินก็เลิกคิ้ว “เธอไม่ได้เจอบางคน”

เขาเอาเอกสารห้าฉบับวางบนโต๊ะ

ในนั้นมีรูปถ่ายและข้อมูลส่วนตัว

ซีนายไม่ต้องดูแม้แต่ชื่อ ดูแค่ตัวเลขด้านหลังก็เข้าใจแล้ว

นักสะกดจิตอันดับห้า

นักแม่นปืนอันดับสี่

นักฆ่าอันดับเก้า

ทหารรับจ้างอันดับสอง

นักล่าสิบอันดับแรก ฝีมือย่อมห่างชั้นกับนักล่าที่อันดับค่อนไปทางหลังๆ

เห็นได้ชัดว่านักล่าที่เก่งที่สุดเหล่านี้ได้ถูกฟู่อวิ๋นเซินขัดขวางไปก่อนที่จะได้ฆ่าซีนาย

ระหว่างเงินพันล้านกับชีวิต ชีวิตย่อมสำคัญกว่า

นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ตระกูลแพชช์ เว็บบอร์ดเอ็นโอเคถึงได้ประเมินความสามารถของเดวิลใหม่

สุดท้ายประเมินออกมาได้ว่า เดวิลเก่งรอบด้าน

ใครจะไปสู้ได้

“ใครเป็นคนสร้างสมาพันธ์ลับ” ซีนายทึ้งผม “นักล่าพวกนี้ถ้าไปอยู่ที่เมืองแห่งโลกฝีมือการต่อสู้ก็แค่ระดับทีมคุ้มกัน”

มือของอิ๋งจื่อจินชะงัก แววตากลับไม่วูบไหว ยังคงแน่วแน่

เอาเป็นว่าเธอก็แค่มีชื่ออยู่

ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ

“เอาเถอะ หนุ่มน้อย ขอบใจที่ช่วยนะ ฉันมีของจะให้” ซีนายล้วงกระเป๋า หยิบถุงขนาดเท่าฝ่ามือออกมา “ในนี้มีของอร่อยจากเมืองแห่งโลกของเรา มีอาหารทั้งหมดสิบอย่าง ฉันออกมาครั้งนี้พกมาแค่สิบถุง”

สีหน้าของซีนายดูเสียดายไม่อยากให้

ถุงใบนั้นใช้เทคนิคการพับสุญญากาศ

นอกจากนี้ยังมีประสิทธิภาพเก็บอุณหภูมิ รักษาความสดใหม่ เอาอาหารจากในนั้นออกมากินได้ตลอดเวลา

สามารถเก็บได้ห้าสิบปีขึ้นไปโดยที่คุณภาพไม่เปลี่ยน

ระหว่างทางมานี้อิ๋งจื่อจินเห็นซีนายหยิบของที่ล้ำเทคโนโลยีปัจจุบันบนโลกออกมาหลายอย่างจนชินแล้ว

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้รับ ดวงตาดอกท้อโค้งมน ครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น “เยาเยา เด็กคนนี้เหมือนโดราเอมอนไหม”

อิ๋งจื่อจินเงยหน้าจากนิตยสาร พิจารณาซีนายชั่วครู่แล้วพยักหน้า “คล้ายอยู่ ถ้ามีขนให้ลูบจะยิ่งดีกว่านี้”

ซีนาย “…”

“ฉันไม่อยากได้ของของเธอ” ฟู่อวิ๋นเซินหยิบรูปถ่ายออกมาปึกหนึ่ง เป็นรูปคนกลุ่มนั้นที่ตอนนั้นถูกโดรนถ่ายไว้ได้ตอนขึ้นเขาไปไหว้หลุมศพ

ดวงตาของเขาขรึมลง พูดเสียงเย็นชา “เคยเห็นคนนี้ไหม เขาก็เป็นคนจากเมืองแห่งโลกด้วยหรือเปล่า”

ไม่ว่าจะโลกจอมยุทธ์หรือวงการเล่นแร่แปรธาตุต่างก็อยู่บนโลกใบนี้ ไม่ได้ถูกปิดกั้นจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง สัญญาณโทรศัพท์มือถือยังใช้ได้

แต่ตอนนั้นเจียงฮว่าผิงติดต่อฟู่หลิวอิ๋งไม่ได้

เป็นไปได้แค่ว่าฟู่หลิวอิ๋งไปเมืองแห่งโลก

เวลานี้ฟู่อวิ๋นเซินนึกถึงคำพูดที่ฟู่หลิวอิ๋งเคยพูดกับเขา

ถึงแม้ตอนนั้นจะเด็กมาก เขาฟังไม่ค่อยเข้าใจ

แต่ก็มีหลายประโยคที่เขาจำได้แม่น

ฟู่หลิวอิ๋งบอกว่า ต่อไปถ้ามีโอกาสจะพาเขาไปเที่ยวดินแดนอารยธรรมมนุษย์ที่พัฒนาขั้นสูง

ดินแดนอารยธรรมมนุษย์ที่พัฒนาขั้นสูงที่ว่านี้ก็คือเมืองแห่งโลก

“ใครอะ” ซีนายชะโงกหน้าเข้ามา “ให้ฉันดูแค่ด้านหลังเนี่ยนะ…เดี๋ยวนะ แปบ”

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “นึกออกแล้วเหรอ”

“ใช่ ฉันเห็นลายบนชุดของเขา” ซีนายขมวดคิ้ว “เขาเป็นหัวหน้าตระกูลอวี้ ทำไมเขาถึงมาที่นี่ล่ะ”

หัวหน้าตระกูล

หรือก็คือผู้กุมอำนาจของตระกูล

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ปฏิเสธ “อาจจะอยากตัดรากถอนโคน”

“พวกเธอ…พวกเธอคงไม่ได้อยากจะล้างแค้นเขาใช่ไหม” ซีนายสีหน้าเปลี่ยน “พวกเธอรู้จักอิทธิพลในเมืองแห่งโลกน้อยไปแล้ว!”

อิ๋งจื่อจินรินน้ำผลไม้ พูดอย่างสบายๆ “เล่าให้ฟังหน่อยสิ”

“สำนักผู้วิเศษควบคุมเมืองแห่งโลก ตระกูลที่อยู่ใต้อำนาจสำนักผู้วิเศษคือตระกูลเรนเกลกับตระกูลอวี้” ซีนายพูดเสียงขรึม “เดิมทีพวกเรากับตระกูลอวี้มีอิทธิพลพอกัน แต่พี่ใหญ่ของฉันหายสาบสูญไปโดยไม่ทราบสาเหตุ พี่สะใภ้ใหญ่เป็นเจ้าหญิงนิทรา อำนาจเลยถูกกดชั่วคราว”

ตระกูลเรนเกลสื่อถึงอำนาจที่เด็ดขาด

ตระกูลอวี้สื่อถึงกองกำลังที่เหนือใคร

ทั้งสองฝ่ายคานอำนาจกัน

ฟู่อวิ๋นเซินพยักหน้า ยิ้มมุมปาก “ฟังดูไม่เลว”

ซีนายจ้องฟู่อวิ๋นเซิน คิดแค่ว่าผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้ว “อย่าว่าแต่นายเลย ต่อให้พี่ใหญ่ของฉันยังอยู่ก็ไม่กล้าพูดว่าจะฆ่าหัวหน้าตระกูลอวี้ได้หรอก”

เธอนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเป้าหมายที่สองคนนี้อยากแก้แค้นจะเป็นตระกูลอวี้ที่เป็นหนึ่งในสองตระกูลใหญ่ของเมืองแห่งโลก

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ตอบคำถามนี้ เขาเชิดคางขึ้น หยิบเอกสารออกมาอีกหนึ่งฉบับ “งั้นเธอเคยเห็นสัญลักษณ์นี้ไหม”

ซีนายสังเกตอยู่สักพักแล้วส่ายหน้า “ไม่เคย”

อิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินมองหน้ากัน

เธอถาม “จะเกี่ยวข้องกับตระกูลอวี้ด้วยไหม”

ซีนายตอบอย่างมั่นใจ “รูปที่มีความหมายไม่ดีแบบนี้ไม่อนุญาตให้ปรากฏในเมืองแห่งโลก”

“ต่อให้เป็นตระกูลที่มีสถานะสูงอย่างตระกูลอวี้ ถ้าแอบสร้างสัญลักษณ์แบบนี้จะต้องถูกสำนักผู้วิเศษลงโทษแน่นอน”

ฟู่อวิ๋นเซินพยักหน้า ยิ้มพลางพูด “เอาล่ะ ห้องของเธออยู่ติดกัน”

“โหๆ ใช้งานเสร็จก็ไล่เลยนะ” ซีนายบ่น

แต่เธอก็รู้ว่าจะเป็นกขคไม่ได้ จึงวิ่งออกไป

เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องรับแขก

ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะอิ๋งจื่อจิน เอาหน้าผากชนกับเธอ

ผ่านไปนานเขาถึงพูดขึ้นด้วยเสียงที่ขรึมและแหบแห้ง “เยาเยา หนทางข้างหน้าอันตราย”

“ฉันจะไปเป็นเพื่อน” อิ๋งจื่อจินหลับตาลง “ฉันเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่กลัวอะไร”

“อีกอย่าง ไม่ใช่แค่คุณที่มีความแค้น ฉันก็มีเหมือนกัน”

ตอนนั้นเวินเฟิงเหมียนดวงดี ถูกพรสวรรค์จอมยุทธ์ที่เหนือใครช่วยชีวิตไว้ได้

แต่ถ้าจิตรู้สำนึกกับความทรงจำของเธอฟื้นกลับมาช้ากว่านี้อีกสองสามปี ชีวิตของเวินเฟิงเหมียนก็อาจไม่ปลอดภัยแล้ว

นี่คือศัตรูที่เธอกับเขามีร่วมกัน

“ได้” ฟู่อวิ๋นเซินหัวเราะเบาๆ “ไว้ถึงตอนนั้น พวกเราไปเมืองแห่งโลกด้วยกัน”

คฤหาสน์ตระกูลลอเรนท์

เอลิซาเบธนอนไม่หลับทั้งคืน

โทรศัพท์สายนั้นที่คุยกับเกอร์เวนทำให้เธอใจคอไม่ดี

ตอนกินอาหารเช้าเธอก็จิตใจไม่เป็นสุข

พ่อบ้านกลับเป็นฝ่ายปลอบเธอ “ไม่เป็นไรครับคุณหนู คุณหนูเป็นคนของตระกูลลอเรนท์ อีกทั้งที่นี่ก็ยุโรป พวกเข้าไม่กล้าเปิดเผยออกไปแน่”

เอลิซาเบธรู้สึกโล่งอกขึ้นมาบ้าง

ทันใดนั้นพ่อบ้านก็หันไปเรียก “คุณชายโฮเซ่”

โฮเซ่ ลอเรนท์

ผู้ชิงตำแหน่งที่มีศักยภาพในรุ่นนี้ของตระกูลลอเรนท์

เอลิซาเบธขมวดคิ้ว “นายมาทำไม”

“ก็ต้องมาแสดงความยินดีกับเธอน่ะสิ” โฮเซ่ยิ้ม “ยินดีด้วยที่ชื่อเสียงเธอฉาวโฉ่ไปทั่ววงการวิชาการแล้ว”

เอลิซาเบธกำมือแน่น “หมายความว่าไง”

ยังไม่ถึงหนึ่งวัน โฮเซ่ไปรู้อะไรมา

“ดูเอาเองแล้วกัน” โฮเซ่ไม่พูดอะไรมาก โยนหนังสือพิมพ์ให้ฉบับหนึ่ง

เอลิซาเบธรีบคว้ามา

พาดหัวข่าวตัวโตสะดุดตา

[วีนัสกรุ๊ปถอนทุนจากศูนย์ฟิสิกส์สากล]

[คุณหนูตระกูลลอเรนท์ถูกตัดชื่อจากโปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาล]

เอลิซาเบธมือสั่น อ่านต่อ…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด