Dungeon Defense (WN) 279 การร่วมมือกันครั้งยิ่งใหญ่(7)
บทที่ 279 – การร่วมมือกันครั้งยิ่งใหญ่(7)
* * *
“ทำไมข้าต้องเดินทางไปกับเจ้าด้วย?”
“ข้าก็เคยบอกท่านไปก่อนหน้านี้แล้วนี่ ใช่ไหมครับ? ว่าข้าน่ะชอบฝ่าบาทเวสซาโก้พอตัวเลย”
เวสซาโก้ทำหน้าเบี้ยวเหมือนเคี้ยวของเปรี้ยวในปาก
ถึงแม้ว่าตัวผมนั้นจะมีใจกว้างดุจดั่งมหาสมุทร แต่หากทำหน้าที่ตาแบบนั้นใส่ผมก็เจ็บเป็นเหมือนกันนะ
ผมจะดีใจกว่านี้หากเขารู้จักปฏิบัติตัวดีๆกับผมบ้าง
ในปี 1555 ตามปฏิทินทวีป ช่วงฤดูร้อน มกุฏราชกุมารรูดอล์ฟ ฟอน ฮับบวร์ก ทำการเคลื่อนทัพใหญ่
ขนาดกองทัพของเขานั้นมีราวๆ ห้าหมื่นนาย
เป็นกองกำลังผสมระหว่างมนุษย์และปีศาจ
แม้ทหารส่วนมากจะเป็นปีศาจ แต่การที่ผู้บัญชาทหารสูงสุดและผู้บัญชาการรบเป็นมนุษย์นั้นสร้างความตกตะลึงให้กับเหล่านายพล
เมื่อได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการรบ ลอร่าก็ได้ประกาศต่อผู้คนในทันที
“หากมีใครละเมิดกฏทหารจะต้องถูกลงโทษโดยไม่สนฐานะ”
ปีศาจระดับสูง ที่มีชื่อเรื่องความเย่อหยิ่ง กลับดูถูกผู้บัญชาการทหารหน้าใหม่
ตลกน่าใครมันจะไปฟังคำสั่งจากมนุษย์กัน แถมยังเป็นเด็กสาวด้วย แนวคิดนั้นแพร่ไปทั่วในกองทหาร
แต่หลังจากที่ เจ้าหน้าที่ 7 คนโดนประหารภายใน 10 วันหลังประกาศรับตำแหน่ง แนวคิดนั้นก็เปลี่ยนไป
ผมเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ดีว่า ลอร่านั้นจะกลายเป็นฮีโร่ผู้รู้จักกันในนาม ตุลาการเหล็ก
ตอนหลังผู้คนจะพูดติดตลกกันว่า ทหารที่ต้องตายด้วยการสั่งประหารอขงลอร่าเผลอๆอาจมีจำนวนมากกว่าทหารที่ตายในการรบกับศัตรูด้วยซ้ำ
“กล้าดียังไงมาพูดถึงเรื่อง อายุและชาติพันธุ์ในสนามรบ
หากพวกเจ้าหัวขาด ไม่ว่าเจ้าจะเป็นมนุษย์ เป็นปีศาจ เป็นคนเด็ก เป็นคนแก่
เจ้าก็ไม่อาจแย้งได้อีกต่อไป ฉันหวังพวกเจ้าจะลำคอพวกเจ้าจะกล้าแข็งเหมือนปากพูด”
ลอร่าพูดเช่นนั้นก่อนจะที่ฟันคอเหล่าปีศาจ
แถมลอร่ายังถลกหนังจากหัวของพวกนั้น แล้วเก็บกระโหลกไว้ในที่พักส่วนตัว
ซึ่งนั่นเป็นปกติที่เธอชอบทำอยู่แล้ว แต่พวกทหารที่เป็นมอนสเตอร์ตีความต่างออกไป
‘ยัยเด็กมนุษย์นั่นน่ากลัวกว่าพวกเราอีก’
‘พวกเราควรจะรู้ตั้งแต่ตอนที่ฝ่าบาทบาร์บาทอสให้การสนับสนุนเธอแล้ว’
‘ความโหดของนางทำเอาข้างี้แข็งเลยว่ะ หึหึ’
ถึงบางคนจะมีท่าทางที่น่ารังเกียจไปบ้าง แต่ผมทำเป็นไม่ใส่ใจ
ผมไม่ได้มีอารมณ์เพราะนึกภาพลอร่าโดนพวกออร์ครุมโทรมอยู่แล้ว ไม่มีวัน
แม้จะมีการต่อต้านจากทหารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการอยู่บ้างแต่หากยังได้รับการสนับสนุนจากผู้บัญชาการในกองทัพภาคอยู่ก็ถือว่า พอรับได้
แต่ถึงอย่างนั้น คำสั่งและวินัยเป็นสิ่งสำคัญในกองทัพจอมมาร
แม้แต่ไพมอนที่ตอนนี้มีภาพลักษณ์เป็นผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตา ยังไม่ให้อภัยโทษหากเป็นเรื่องของการละเมิดคำสั่ง ผิดวินัย
“ในระหว่างสงคราม ทหารต้องรู้จักความเท่าเทียมและเสรีภาพ พวกเขานั้นต้องเป็นผู้ทำให้สิ่งนั้นประจักษ์ต่อผู้คน”
ความเห็นของไพมอนก็ถือว่า น่าสนใจทีเดียว
ซึ่งนั่นเป็นเหมือนเป็นการมอบหลักการให้กองทัพของพวกเรา พวกมอนสเตอร์น่ะไม่รู้จักที่เรียกว่า สิทธิ์และกฏหมายของคนเมืองอยู่แล้ว…….
แต่ทั้งหมดก็เกิดขึ้นด้วยอำนาจทางการทหารของลอร่านั่นเอง
ขณะที่พวกเรากำลังเตรียมกำลังพลทัพใหญ่จำนวน ห้าหมื่นนาย ก็มีทหารสี่พันนายแต่งตั้งให้เป็นทัพหน้า
ผมและอดีตจอมมารลำดับ 3 เวสซาโก้ ก็เป็นทัพหน้าด้วย
ดังนั้นแล้วพวกเราก็เคยคุยเล่นขำๆกันขณะที่เดินทัพไปด้วยกัน
เวสซาโก้กลับทำสีหน้าเหมือนขยะแขยงอะไรสักอย่างอยู่
“อย่ามาพูดกับข้าอีก,เจ้าตัวตลก แค่เห็นหน้าเจ้าทีไรข้าก็คลื่นไส้อยากจะอาเจียน”
เราก็คุยเล่นขำๆกันประมาณนั้นแหละ
“หึ ดูเหมือนแกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการรบคืออะไร? อย่างว่าแหละแกมันไอ้ขี้ขลาดที่เอาแต่หลบหลังบาร์บาทอสแล้ววางแผนอย่างเดียว”
“ฮ่าฮ่า”
ผมเกาแก้ม
เอาจริงๆนะ การรับมือเวสซาโก้นี่มันง่ายมากเลย หากเทียบกับจอมมารตนอื่นแล้ว ที่มีสุดจะเป็นงูพิษเนี่ย เวสซาโก้ออกจะซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเอง
หากเทียบว่า สิตริเป็นผู้มีจิตใจใสซื่อ เวสซาโก้ก็เป็นประมาณพวกใจแคบทำเป็นมีเล่ห์เหลี่ยม
“ถึงจะเห็นข้าเป็นอย่างนี้ก็เถอะ แต่ข้าก็ประสบความสำเร็จในการบุกภูเขาดำและยึดแบรนเดนเบิร์กนะ”
“เจ้าคงเข้าใจอะไรผิดไปแล้วล่ะ
เซปาร์เป็นผู้บัญชาการเมื่อคราวภูเขาดำ และบาร์บาทอสเป็นผู้สั่งการในการบุกแบรนเดนเบิร์ก”
เวสซาโก้ยิ้มเยาะ
“สิ่งที่เจ้าทำทั้งหมดก็เพียงแค่หลบอยู่เบื้องหลังพวกเขาแล้ววางแผน
มันต่างกันลิบโลกเลยล่ะระหว่างการเป็นผู้บัญชาการ กับการเป็นที่ปรึกษาในการรบ ,เจ้าตัวตลก”
“อืมมม…….”
“หากเจ้าคิดว่า การบัญชากองทหารนั้นมันง่ายเพียงเพราะเจ้าทำได้ดีในฐานะที่ปรึกษา ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็พลาดไปมากเลยล่ะ
คนอย่างพวกเจ้าบ่อยครั้งจะพบกับความฉิบหายอย่างใหญ่หลวงทันทีที่นำทัพใหญ่
ข้าจะเฝ้าดูความฉิบหายของเจ้า”
โทษทีนะ แต่จริงๆผมได้รับประสบการณ์พ่ายแพ้ที่สุดยอดเยี่ยมมาก่อนแล้วล่ะ
ผมยิ้มสดใส
“ฝ่าบาทจะเป็นผู้บัญชาการกองทหารในครั้งนี้ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกเราย่อมต้องชนะแน่ๆ
ข้าจะคอยดูก็แล้วกันนะครับ”
“……เหอะ แน่ล่ะ ข้าในฐานะผู้บัญชาการกองทัพหน้า อย่ามาเกะกะขวางทางก็แล้วกัน”
เวสซาโก้หันกลับไป ม้าของพวกเราเดินตีคู่กันไปขณะที่นำทัพทหาร
โดยทั่วไปแล้วหน้าที่ของทัพหน้ามีงานหลักสองอย่าง
อย่างแรกคือ พวกเขาจะนำหน้าไปก่อนกองทัพหลักเพื่อตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ
แม้จะบอกว่า ทหารห้าหมื่นนายจะไม่ได้ดูเยอะเท่าไหร่นัก แต่การที่จะหาที่พักหลับนอนในตอนกลางคืนนั้นเป็นเรื่องใหญ่มาก
พื้นที่ราบจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างขาดไม่ได้
พื้นที่ของฝ่ายต้องเปิดกว้างมากพอที่จะเห็นศัตรูได้ในทันทีที่อีกฝ่ายพยายามจะลอบโจมตี
การมีแม่น้ำหรือหนองน้ำที่มีคุณภาพน้ำที่ดีก็ถือว่า เป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นเดียวกัน
ดังนั้นจึงมีภูมิประเทศอยู่ไม่มากนักหรอกที่เข้ากับเงื่อนไขดังที่ว่ามา
หากทัพหน้าไม่อาจไปแพ้วถางเส้นทางให้ก่อนได้ จะมีปัญหาใหญ่ตามมาในภายหลัง
อย่างที่สอง พวกเขามีหน้าที่ทดสอบดูความพร้อมของศัตรู
หากพวกเราส่งทัพหน้าไปแล้ว ศัตรูตอบสนองต่อทัพหน้าของฝ่ายเราในทันที คุณก็สามารถประเมินขีดความสามารถของทัพหน้าอีกฝ่ายได้ด้วยเช่นกัน
แต่หากทัพหน้าของอีกฝ่ายอ่อนยวบ ก็แปลว่า ฝ่ายศัตรูยังไม่พร้อมในการรบ
ดังนั้นแล้วการที่ทัพหลักมักจะส่งทัพหน้าอย่างเร่งด่วนส่วนหนึ่งก็เพื่อซื้อเวลา
ในสถานการณ์แบบนั้น เราก็ควรที่จะรีบจัดเตรียมทัพหลักให้เสร็จโดยเร็ว แล้วโหมรีบบุกให้ไวที่สุด
แต่หากทัพหน้าของอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่ง……ก็หมายความว่า กองทัพศัตรูนั้นพร้อมรบทุกเมื่อ
ระดับของการเตรียมความพร้อมนั้นวัดได้จากการเข้าปะทะกันของทัพหน้า หากพวกนั้นข้ามชายแดนมาไกลเพื่อเข้าสู่สนามรบ ก็แปลว่า พวกเขาพร้อมแล้ว
“ทัพหน้าของฟรานเคียอยู่ในระยะแล้ว”
และหากทัพหน้าของอีกฝ่ายเจอกันภายในสองวันหลังจากข้ามชายแดนมา นั่นก็แปลว่า อีกฝ่ายรู้ถึงการเคลื่อนไหวของฝ่ายเราดี
การที่ฝ่ายนั้นเป็นผู้บุกเข้ามาก่อน นั่นเป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุดสำหรับฝ่ายเรา
เวสซาโก้ดูค่ายทัพของศัตรูด้วยกล้องส่องทางไกลในมือ
“จำนวนของพวกนั้นราวๆสามพัน ถือว่า เสมอกับพวกเรา…….”
“มีธงอัศวินสองธง ดูเหมือนจะเป็นกองทัพในพื้นที่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ประมาทไม่ได้”
“เพราะอย่างนั้นนั่นแหละ ข้าถึงได้บอกว่า เสมอกับพวกเรา ,เจ้าโง่ไร้ความสามารถนี่”
เวสซาโก้สบถออกมาขณะมองผ่ายกล้อง
ทหารทั้งสองฝ่ายเข้ามาถึงทุ่งที่เหมาะแก่การวางทัพขนาดใหญ่ ยากที่จะเห็นภาพที่สุดจะบังเอิญเช่นนี้
ฝ่ายศัตรูคาดการณ์การมาถึงของฝ่ายเราไว้ก่อนแล้ว จึงเข้ามาใกล้กับสมรภูมิ
มันเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาว่าอีกฝ่ายรู้การเคลื่อนไหวของพวกเราระดับไหน
“พวกมนุษย์น่ะน่ารำคาญ ก็เพราะเจ้าพวกนั้นมันตายไวเกินไป
เลยแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมานั่งจำว่า ชนชั้นสูงตระกูลไหนเปลี่ยนมือไปในช่วงไม่กี่ร้อยปี”
เวสซาโก้บ่นด้วยความรำคาญ เขากำลังตรวจสอบสัญลักษณ์ของธงศัตรู
“เมื่อ 400 ปีก่อนธงรูปโล่เป็นที่นิยม ดูเหมือนตอนนี้ดอกไม้จะเป็นที่นิยมแทน ลิลลี่เอย กุลาบเลย แม้แต่เบญจมาศก็ไม่เว้น
…….เจ้าพวกนั้นอาจคิดว่า ตัวเองอยู่ในสวนไม่ใช่สนามรบล่ะมั้ง”
“หากเทียบกับพวกเราแล้ว พวกมนุษย์มีอายุขัยที่สั้นกว่า”
ผมยิ้มอย่างขื่นขม
จอมมารนั้นมีชีวิตต่อไปเกือบจะตลอดกาลตราบใดที่ไม่โดนฆ่า บาอัลเองก็คงจะได้รับการบันทึกในกินเนสบุ๊ค เวิร์ล เรคคอร์ด ในฐานะจอมมารที่อายุยืนที่สุด ก่อนที่จะตายไป
เทียบไม่กับเอลฟ์หรือมนุษย์ด้วยซ้ำ
“กุหลาบสีดำที่มีหมาอยู่ข้างๆนั่นเป็นของ นายพลแกสพาร์ด เดอ ทาบาร์น
ในบรรดานายพลฟรานเคียทั้งหลายแล้ว เขาเป็นบุคคลที่เก่งที่สุด ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นนายพลบัญชาการทหารให้กับจักรพรรดิ
เอาล่ะ ดูเหมือนเขาคงไม่มีแรงพอที่จะเป็นผู้บัญชาการทหารแล้วสินะ”
จะว่าไป เขานี่แหละที่เป็นหนึ่งในนายพลที่ผมรบด้วยในทุ่งราบ นักบุญเดนิส
จากตำแหน่งทัพเมื่อตอนนั้น เขาอยู่ทางฝั่งซ้ายมือของกองทัพจึงไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันนัก
เวสซาโก้มองผมด้วยความประหลาดใจ
“……เจ้าจำสัญลักษณ์พวกนั้นได้ด้วยรึ?”
“ข้าอาจจะอ่อนประสบการณ์ แต่ข้าก็พอมีความรู้อยู่บ้าง”
ผมจำตราตระกูลสำคัญๆในช่วงที่ผมเข้าร่วมสงครามกลางเมืองฟรานเคีย
ผมได้ทบทวนซ้ำอีกครั้งไปเมื่อไม่กี่วันนี้
ผมถึงจำได้ทุกตระกูลที่ยกทัพมายังทุ่งราบแห่งนี้
“สัญลักษณ์ที่เป็นหอกไขว้นั้นเป็นของบารอน เบอเทอแนน
สิงโตคาบกุหลาบนั้นเป็นของ เอิร์ล เฮฟรู
และนั่นก็เป็นแหล่งสร้างอัศวินทั้งหลาย ดอกเบญจมาศสีขาวนั่นคือ บารอน ชาสต้า
พวกเขาทั้งหมดต่างเป็นนายผลผู้มีความสามารถ ระดับหัวกะทิทั้งนั้น”
“…….”
“ถึงพวกนั้นจะไม่ได้ฉลาดมากมายนัก แต่ทว่า อืมม ถือว่าเป็นทัพหน้าที่ดีพอตัว
นายพลทาบาร์นคไม่พอใจน่าดู ทั้งที่เคยเป็นผู้บัญชาการทหารมาก่อนหน้านี้
…….แต่นั่นก็หมายความว่า พวกมนุษย์นั้นได้ตระเตรียมการรบครั้งนี้มาสักพักแล้ว”
ตระกูลทาบาร์นนั้นตั้งอยู่ทางใต้สุดของฟรานเคีย ส่วนกองทัพของเรานั้นบุกมาจากทางฝั่งตะวันออก
ไม่ว่าจะเดินทัพได้เร็วแค่ไหน ก็ไม่มีทางเดินทางมาถึงได้ภายในสองวันหรอก
“ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นตระกูลจากฟรานเคียด้วยกันทั้งสิ้น
ไม่มีกลุ่มไหนมาจากฝ่ายบริททานี่เลย
พวกเขาตั้งใจแต่งตั้งให้ชาวฟรานเคียเท่านั้นเป็นทัพหน้า
ช่างยอดเยี่ยมอะไรอย่างนี้”
สมแล้วที่เป็นราชินีเฮนริเอตต้า สัญชาตญาณเฉียบแหลมดั่งสัตว์ร้าย
ไม่แปลกที่ใครต่อใครจะทึ่งในความสามารถของเธอ
“ต่อให้พวกเราได้รับชัยชนะ ก็ไม่กระทบกระเทือนให้ราชินีคนนั้นแต่อย่างใด
การที่ชนชั้นสูงของฟรานเคียนั้นอยู่ระหว่างหยุดการต่อต้านกับบริททานี่ชั่วคราว
เธอจึงอาศัยโอกาสนี้ในการจำกัดพวกเขาทิ้งในสนามรบเสียเลย”
“…….”
“และเธอก็จะฉวยโอกาสนี้ยึดอำนาจมาจากจักรพรรดิฟรานเคียมาเป็นของตัวเอง ช่างหลักแหลมเสียจริง”
เวสซาโก้ถามผมด้วยเสียงต่ำ
“หมายความว่ายังไงที่บอกว่า จะยึดอำนาจมาจากจักรพรรดิฟรานเคีย?”
หืม? ก็ปกตินี่
ผมบอกไปแล้วใช่ไหมว่า ราชินีแห่งบริททานี่นั้นจะใช้โอกาสนี้ช่วงชิงอำนาจจากจักรพรรดิ
หากให้ผมเดาจำนวนอัศวินคร่าวๆ ก็คงมีราวๆ 600 นาย หรือก็คือหนึ่งในห้าของกองทัพศัตรูเป็นอัศวิน
สัดส่วนของทหารมันดูไม่เป็นเหตุเป็นเอาเสียเหลือเมื่อเทียบกับอำนาจในมือ
“ราชินีคนนั้นตั้งใจใช้โอกาสนี้ชิงอำนาจของจักรพรรดิมาแต่แรกแล้ว
ถึงแม้ฟรานเคียจะกำลังอ่อนแอ แต่หากเธอทำการชิงบัลลังค์อย่างเปิดเผย พวกนักปฏิวัติก็จะลุกฮือขึ้นมาทั้งประเทศ
การที่พวกเรารุกรานในครั้งนี้เป็นการเสนอโอกาสอันดีให้กับเธอ เพื่อที่จะให้เธอรวมกำลังพลมาต่อต้านเรา แล้วก็กลายเป็นฮีโร่ของชาติไป”
“…….”
“เอาล่ะ จักรพรรดิฟรานเคียตอนนี้ก็คงโดนกักบริเวณอยู่ที่ไหนสักแห่งในวังเนี่ยแหละ
การจะแอบอ้างว่า เขาป่วยอยู่เป็นเรื่องง่ายจะตายไป ”
เฮนริเอตต้าก็ยึดอำนาจทางการทหารด้วยวิธีการนี้แหละ
เธอนั้นเป็นผู้หญิงที่เก่งการในการใช้ประโยชน์จากสงคราม
จะเป็นปัญหามากเลยล่ะ หากมีมนุษย์ที่เก่งกาจแบบนี้อยู่มากมายในโลก
“……นี่เจ้ารู้ไปถึงขนาดนั้นเพียงแค่เห็นธงเนี่ยนะ?”
“อะไรนะครับ? อ่า, อ๋อ, ก็พอสมควรแหละ”
น่าสนใจจริงๆ
ต่อจากนี้ราชินีเฮนริเอตต้าก็คงจะได้แต่งงานกับจักรพรรดิฟรานเคียทันทีหลังชนะศึกนี้
ทั้งราชินีและจักรพรรดิเองก็ยังหนุ่มยังสาว ยังอยู่ในวัยที่เหมาะแก่การแต่งงาน
และเมื่อแต่งงานกัน การร่วมมือกันครั้งใหญ่ย่อมต้องเกิดขึ้น
แน่นอนว่า ภายนอกแล้วอาจดูเหมือนเป็นการร่วมมือกัน แต่ความจริงแล้ว เฮนริเอตต้าจะเป็นผู้ครองอำนาจทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว
แถมจักรพรรดิ ‘ผู้ล้มป่วย’ ก็จะสวรรคตไม่นานหลังจากนั้น
พอเป็นเช่นนั้นแล้ว บริททานี่กับฟรานเคียก็จะกลายเป็นของ เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่โดยสมบูรณ์
ซึ่งนั่นในกรณีที่เฮนริเอตต้าชนะน่ะนะ
เวสซาโก้บ่นพึมพัมกับตัวเองตอนที่ผมกำลังจินตนาการอนุมานถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นตรงหน้า
“……เจ้านี่อาจไม่งั่งอย่างที่คิดก็ได้…….”
“เมื่อกี้ว่าอะไรนะครับ?
ต้องขออภัยด้วย ข้าคิดอย่างอื่นเพลินไปหน่อยจึงไม่ได้ฟังท่านพูด”
“ไม่มีอะไรหรอก เจ้าคนฉลาดไม่เต็มใบ”
เวสซาโก้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงรำคาญอีกครั้ง เขาชอบทำท่าทางเหมือนปวดท้องอยู่เสมอ
ณ ตอนนั้นเอง มีบุคคลหนึ่งควบม้ามายังใจกลางทุ่งราบ
นี่พวกเขาส่งทูตมาหาก่อนรบด้วยรึ?
บุคคลที่สวมเกราะหรูหรามักจะเป็นทูต
“ฟังคำข้าให้ดี เจ้ามอนสเตอร์ชั่วร้าย!”
ชายผู้นั้นกระชับหอกในมือแล้วตะโกนลั่น
เขาคงใช้เวทย์ขยายเสียงที่ลำคอ จึงพูดได้ดังลั่นทั่วทุ่ง
“ตัวข้า,อัศวินเออแกนแห่งฟรานเคีย ขอท้าดวลเจ้า
หากเจ้ามิใช่คนขี้ขลาด ก็จงออกมาสู้กับข้า!”
สรุปง่ายๆว่า เจ้าหมอนี่ขอท้าดวล ตัวต่อตัว
Comments