ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 301 เหยียนซินหย่าคือใคร+ 302 รักสี่เศร้าที่คลุมเครือ

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 301 เหยียนซินหย่าคือใคร+302 รักสี่เศร้าที่คลุมเครือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 301 เหยียนซินหย่าคือใคร+ตอนที่ 302 รักสี่เศร้าที่คลุมเครือ

ตอนที่ 301 เหยียนซินหย่าคือใคร

“นังเด็กสารเลว”

เหอปี้อวิ๋นโกรธจนตาแดงก่ำ มือคว้าแท่นทับกระดาษซึ่งทำจากหินอ่อนจากบนตู้ที่มีลิ้นชักขึ้นมา เมื่อมันอยู่ในมือของเธอแล้ว ก็พลันรู้สึกว่ามันหนักเสียจนทำให้หัวแตกได้เลย

อู่เหมยแอบร้องในใจว่าแย่แล้ว วันนี้เธอบีบให้เหอปิ้อวิ๋นบ้าคลั่ง เธอหลบไปอยู่ด้านหลังอู่เจิ้งซืออย่างว่องไว นี่คือโล่ป้องกันตัวมนุษย์ที่ตัดความยุ่งยากและสะดวกที่สุด

“เหอปี้อวิ๋นคุณเป็นบ้าอะไร? วางแท่นทับกระดาษลงซะ!”

อู่เจิ้งซือตวาดเสียงต่ำ และก้าวไปข้างหน้าเพื่อจะแย่งแท่นทับกระดาษในมือเหอปี้อวิ๋น แท่นทับกระดาษนี้หากทุบลงไปจริงๆ อาจถึงแก่ชีวิตได้

“เหล่าอู่จนถึงตอนนี้คุณยังจะเข้าข้างช่วยเหลือนังเด็กสารเลวนี่อีก? คุณดูสิ นังเด็กสารเลวตีเยวี่ยเยวี่ยจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว? ทำไมคุณถึงกลายเป็นแบบนี้? คุณเห็นว่านังเด็กสารเลวนี่หน้าตาเหมือนเหยียนซินหย่าใช่ไหม คุณเลยช่วยมัน?”

เหอปี้อวิ๋นไม่ฟังคำพูดของอู่เจิ้งซือสักนิด เธอถึงกับเริ่มสงสัยอู่เจิ้งซือขึ้นมา ในปีนั้นอู่เจิ้งซือเป็นคนที่น่าทำความรู้จักที่สุด ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนังสารเลวนั่นยังดีอยู่ เธอยังต้องผ่านนังสารเลวนั่นถึงจะได้รู้จักอู่เจิ้งซือ

เมื่อก่อนเธอเคยได้ยินคนที่อยู่หอพักเดียวกันพูดว่า อู่เจิ้งซือแอบมีใจให้นังสารเลวนั่น แต่ตอนนั้นเธอไม่ได้ใส่ใจ เพราะว่าอู่เจิ้งซือไม่ได้สนิทกับนังสารเลวนั่นสักเท่าไหร่ เป็นแค่เพื่อนธรรมดาที่ไปมาหาสู่กันบ้างเท่านั้น

แต่ตอนนี้ เธอไม่ได้คิดอย่างนี้แล้ว…

ตั้งแต่นังเด็กสารเลวเปิดเผยใบหน้า อู่เจิ้งซือก็เข้าข้างนังเด็กสารเลวบ่อยๆ  ผลักไสเธอกับเยวี่ยเยวี่ย การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนเช่นนี้ เธอจะไม่คิดมากได้อย่างไร?

หลายวันมานี้คำพูดของเพื่อนร่วมห้องเมื่อสิบแปดปีก่อนยังวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ เหอปี้อวิ๋นยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น ยิ่งคิดยิ่งกังวลใจ!

อู่เจิ้งซือซีสีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน ‘เหยียนซินหย่า’ เขาไม่ได้ยินชื่อนี้มาสิบกว่าปีแล้ว เมื่อได้ยินแล้วก็รู้สึกตกใจ เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่

เหอปิ้อวิ๋นเดิมทีแค่อยากจะทดสอบดูเท่านั้น แต่พอเห็นท่าทางของอู่เจิ้งซือ ใจเธอพลันหวิว เย็นเข้าไปถึงกระดูก

เพื่อนร่วมห้องพูดถูก อู่เจิ้งซือกับนังสารเลวนั่นมีอะไรกันจริงๆ!

“เอาล่ะ อู่เจิ้งซือ ที่แท้คุณกับนังสารเลวนั่นมีความสัมพันธ์กัน ทำไมคุณถึงทำเรื่องน่าละอายใจกับฉัน? คุณทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไง?”

เหอปี้อวิ๋นกระโจนเข้าใส่เหมือนคนบ้า ในมือถือแท่นทับกระดาษหินอ่อนที่สวยงาม แต่ตอนนี้ไม่ว่าใครพบเห็นก็ต้องรู้สึกตกตะลึง อู่เหมยค่อยๆ ห่างออกจากอู่เจิ้งซือ เพราะคนที่ชื่อเหยียนซินหย่าดึงดูดความสนใจของเหอปี้อวิ๋นเอาไว้ และตอนนี้คงไม่สนใจเธอ

“เหยียนซินหย่า?”

คงจะเป็นชื่อผู้หญิงสินะ?

และคงจะเป็นผู้หญิงสวย

ฟังดูแล้วเหมือนกับหน้าตาคล้ายกับเธอ หรือว่าเหยียนซินหย่า เป็นแม่ที่ให้กำเนิดเธอ?

อู่เหมยรู้สึกดีใจขึ้นมา ในตอนนี้เธอมีความหวังอย่างยิ่งว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของเหอปี้อวิ๋น แม้ว่าแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอจะเป็นคนจนที่เก็บขยะ เธอก็ยอม จะรวยจะจนเธอไม่สนใจ เธอต้องการแค่แม่ที่รักและเอ็นดูเธอ

เหอปี้อวิ๋นเหมือนกับผี ถือแท่นทับกระดาษไล่ตีอู่เจิ้งซือ แล้วยังถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอู่เจิ้งซือกับเหยียนซินหย่าไม่หยุด

“อู่เจิ้งซือ ฉันว่าแล้ว ตอนนั้นคุณกับนังสารเลวนั่นดูคลุมเคลือกันอยู่ ฮ่าๆ แต่นังสารเลวกลับไม่เห็นคุณอยู่ในสายตา เพราะคนที่เธอชอบคือซั่งกวานอิงหวา ไม่ใช่คุณอู่เจิ้งซือ!”

อู่เจิ้งซือรู้สึกเจ็บปวดใจ คำพูดของเหอปี้อวิ๋นทำให้เขาจำเรื่องที่ไม่มีความสุขขึ้นมาได้ รู้ทั้งรู้ว่าเขารู้จักซินหย่าก่อน แต่ซั่งกวนอิงหวามาทีหลัง กลับมากุมหัวใจของซินหย่า

“เหอปี้อวิ๋น พูดจาไร้สาระอะไรต่อหน้าลูก? ระหว่างผมกับซินหย่าไม่มีอะไรแล้ว คุณเอะอะก็พูดแต่ว่าคนสารเลว? หยาบคายที่สุด!”

คำพูดของอู่เจิ้งซือทำให้ความเดือดดาลในตัวของเหอปี้อวิ๋นปะทุยิ่งขึ้น ทันใดนั้น สติสัมปชัญญะของเธอก็หายไปหมดสิ้น

……………………………………………………………..

ตอนที่ 302 รักสี่เศร้าที่คลุมเครือ

“จะบอกว่าฉันมันต่ำช้ามาก แต่ซินหย่าของคุณ ที่ทั้งสวย อ่อนโยน มีความรู้ และความสามารถที่เก่งกาจก็คือการหว่านเสน่ห์ผู้ชาย ทำให้ผู้ชายของกลุ่มเราทั้งหมดหลงใหลเคลิบเคลิ้ม เชอะ! นังสารเลวที่ไร้ยางอาย!”

เหอปิ้อวิ๋นปกปิดนิสัยเดิมของเธอมาเป็นเวลาเกือบยี่สิบปี ในเวลานี้เธอก็ระเบิดออกมาในที่สุด เธอฉีกภาพลักษณ์ภายนอกแบบสตรีที่เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม อ่อนโยน มีเมตตา สุภาพเรียบร้อยออกหมด และเปิดเผยความเห็นแก่ตัว จิตใจชั่วช้า หยาบคาย ช่างเหน็บแนมเสียดสีอันเป็นนิสัยที่แท้จริงของเธอออกมา เธอด่าผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อว่าเหยียนซินหย่าจนไม่เหลือชิ้นดี และคำพูดที่เธอใช้นั้นก็หยาบคายที่สุด เหมือนกับหญิงปากปลาร้าที่ด่ากราดไปทั่ว

การกระทำของคนตรงหน้าทำให้อู่เหมยหูตาสว่างมากขึ้น แต่เธอก็ไม่แปลกใจสักนิดเดียว แท้จริงแล้วเหอปี้อวิ๋นก็เป็นคนอย่างนี้ เมื่อก่อนก็แค่เล่นละครตบตาเท่านั้น

ทว่า อู่เจิ้งซือกลับรับไม่ได้อีกต่อไป แต่ไหนแต่ไรมาผู้หญิงที่เขาชอบก็คือลูกสาวของครอบครัวที่อ่อนโยนและนุ่มนวลดุจสายน้ำ เหมือนกับเหยียนซินหย่า ตอนแรกที่เขาแต่งงานกับเหอปี้อวิ๋นก็เพราะว่ามีบางอย่างของซินหย่าอยู่ในตัวเธอ สิ่งนี้ถึงได้กดดันให้เขาแต่งเธอเข้ามาในบ้าน

สิบกว่าปีที่แล้วสงบสุขไม่มีเรื่องอะไร แต่ใครจะไปคิดว่า เหอปี้อวิ๋นพออายุมากก็เปลี่ยนไปจนหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวเช่นนี้ และหยาบคายยิ่งกว่าสตรีในหอแดงเสียอีก ทำให้เขาสะอิดสะเอียนที่สุด

“เหอปี้อวิ๋น คุณมันไม่มีเหตุผล!”

อู่เจิ้งซือโกรธมากจนเขาไม่พูดอะไรไม่ออก เหยียนซินหย่าเป็นเทพธิดาในใจของเขา บริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ราคี เขาจะทนให้เหอปี้อวิ๋นใช้คำที่ชั่วช้าเลวทรามด่าทอเทพธิดาของเขาได้อย่างไร?

แต่เขาก็ไม่เข้าใจ ยิ่งเขาปกป้องเหยียนซินหย่ามากเท่าไหร่ ความเดือดดาลของเหอปี้อวิ๋นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องสติสัมปชัญญะ มันหายไปตั้งนานแล้ว

“ฉันไม่มีเหตุผลเหรอ? ฉันบอกว่า ทำไมแป๊บเดียวคุณถึงดีกับนังเด็กสารเลวขนาดนี้? แอบมีเจตนาไม่ดีล่ะสิ? คุณก็แค่เห็นนังเด็กสารเลวนี่หน้าตาคล้ายนังตอแหลนั่นไม่ใช่เหรอ? เชอะ! อู่เจิ้งซือ คุณทำให้ฉันสะอิดสะเอียดจริงๆ!”

เหอปี้อวิ๋นมองอู่เหมยที่หลบอยู่ตรงมุมห้องอย่างเย็นชา ไฝแดงสดเม็ดนั้นเหมือนดั่งเปลวไฟคุโชนอยู่ในอกของเธอ ลุกไหม้ไปถึงก้นบึ้งของหัวใจเธออย่างเจ็บปวด!

จู่ๆ อู่เจิ้งซือหน้าดำขึ้นมา เขาด่า “เหอปี้อวิ๋น ทำไมคุณใจแคบอย่างนี้? ซินหย่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณนะ เหมยเหมยหน้าตาคล้ายซินหย่าก็ผิดแล้วเหรอ? ไม่แปลกเลยที่หลายปีนี้คุณปฏิบัติกับเหมยเหมยได้แย่ขนาดนี้ เพราะว่าคุณเอาความโกรธเคืองที่มีต่อซินหย่ามาลงที่ลูก เหอปี้อวิ๋นคุณยังเป็นคนอยู่หรือ? สู้สัตว์ก็ไม่ได้เลย!”

ถึงแม้คำพูดของเหอปี้อวิ๋นทำให้อู่เจิ้งซือรู้สึกขยะแขยง แต่มันก็ทำให้เขาเข้าใจสาเหตุที่เหอปี้อวิ๋นปฏิบัติต่ออู่เหมยอย่างโหดร้ายทารุณในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นเช่นนี้แล้วเขาก็ยิ่งเอือมระอาเหอปี้อวิ๋นมากขึ้นอีก

เพราะว่าในคำพูดของเหอปี้อวิ๋น เขาไม่สามารถบอกเรื่องในใจได้

ในตอนนั้นที่เขาเก็บอู่เหมยไว้ ก็เพราะเขามีความคิดถึงซินหย่าอยู่ บางทีอาจจะยังมีความคิดอื่น มันซับซ้อนเกินไป แม้แต่เขาเองก็ไม่เข้าใจ

เขารู้ดีว่าความคิดของตัวเองไม่ถูกต้อง

ถึงกับพูดได้ว่าใจแคบนิดหน่อยด้วยซ้ำ เพราะเหตุนี้ เขาจึงไม่ยอมฟังคำพูดเหล่านี้ของเหอปี้อวิ๋น มันทำให้เขารู้สึกแย่ยิ่งกว่าการที่เธอตบเขาเสียอีก

คำพูดที่สองคนนี้พูดออกมามันค่อนข้างเยอะ อู่เหมยรับไว้ไม่หมด เธอค่อยๆ เรียงลำดับความคิดในหัว

อู่เจิ้งซือชอบผู้หญิงชื่อเหยียนซินหย่า เหยียนซินหย่าคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาปี้อวิ๋น และหน้าตาคล้ายกับเธอมาก ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เหอปี้อวิ๋นจึงไม่ถูกกับลูกพี่ลูกน้องคนนี้ จนเกิดความเกลียดชังขึ้น และเอาความเกลียดชังต่อลูกพี่ลูกน้องมาลงที่เธอทั้งหมด

ให้ตายเถอะ!

อู่เหมยแค่รู้สึกว่าเหมือนระเบิดลง ระเบิดเธอจนทั้งตัวเละไปหมด

เหอปี้อวิ๋นเป็นโรคประสาทรึเปล่า?

เธอหน้าตาคล้ายกับป้าที่ไม่เคยเจอหน้ากัน ก็ไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อย มีสิทธิ์อะไรต้องปฏิบัติกับเธออย่างโหดร้าย?

อู่เหมยรู้สึกผิดหวังที่สุด เมื่อดูเหมือนเธอออกมาจากท้องของเหอปี้อวิ๋นจริงๆ ช่างซวยซ้ำซวยซ้อนยิ่งนัก มีแม่ที่เป็นโรคประสาทแบบนี้!

……………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด