คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 830 ความจริงที่แท้จริง
ตอนที่ 830 ความจริงที่แท้จริง
ในดวงตาของเธอไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ไม่สุขไม่ทุกข์ และไม่มีความสงสารหรือรังเกียจ
ราวกับทุกสรรพสิ่งบนโลกเป็นเพียงฝุ่นธุลี
ไม่ควรค่าให้อาลัยอาวรณ์ และไม่ควรค่าให้เหนี่ยวรั้ง
คนที่บงการอยู่เบื้องหลังทั้งหมดไม่ใช่ผู้วิเศษยมทูต แต่เป็น…
ผู้วิเศษวันพิพากษา!
ผู้วิเศษวันพิพากษา เย่ว์ฝูอี
“ในที่สุด…” เย่ว์ฝูอีกำดาบสีเงินในมือ ค่อยๆ ยกขึ้น ชี้ไปที่กลางหน้าอิ๋งจื่อจิน “ก็ถึงเวลานี้”
เธอพูด “ในบรรดาผู้วิเศษ มีแค่เธอที่ฉันไม่อยากเป็นศัตรูด้วย”
พลังต่อสู้ของวงล้อแห่งโชคชะตาเรียกได้ว่าอยู่ระดับกลางๆ ในบรรดาผู้วิเศษยี่สิบสองคน
แต่พลังของอิ๋งจื่อจินแข็งแกร่งเกินไป
พยากรณ์ขั้นเทพ
ใครล่ะไม่ต้องการ
แววตาของอิ๋งจื่อจินสงบนิ่ง ไม่แปลกใจอะไร “เป็นเธอตามคาด”
ตอนที่เธอได้ยินข่าวจากโลกจอมยุทธ์ว่าเย่ว์ฝูอีออกจากการเก็บตัวเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอก็มีข้อสันนิษฐานอยู่ในใจ
เธอถึงได้ถามฟู่อวิ๋นเซินหลายครั้งว่ายมทูตเป็นคนรักพวกพ้องจริงหรือเปล่า
คนเราเปลี่ยนไปย่อมมีเหตุผล
แต่เย่ว์ฝูอีออกมาช่วยหลิงเหมียนซีได้ทันเวลา ทำให้เธอตัดข้อสงสัยไปได้บ้าง
แต่ตอนนี้ อิ๋งจื่อจินแน่ใจแล้ว
นี่เป็นภาพลวงตาที่ผู้วิเศษวันพิพากษาสร้างขึ้น
ส่วนตัวเองก็รออยู่ที่นี่ รอพวกเขาสู้กันจนบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย
ทั้งยังจะนั่งดูคนอื่นสู้กัน
เมื่อถึงตอนสุดท้ายค่อยออกมาอย่างเป็นทางการ
เหตุผลที่บอกว่าพลังไม่สมบูรณ์ก็เป็นแค่ข้ออ้าง
เย่ว์ฝูอีพยักหน้าเบาๆ น้ำเสียงราบเรียบ “อยู่กันตั้งหลายคน มีแค่เธอที่จับสังเกตได้”
“ดีมาก สมกับเป็นผู้วิเศษที่มีพลังหยั่งรู้นอกเหนือจากผู้วิเศษที่ถือกำเนิดสี่คนแรก”
“…”
บรรยากาศโดยรอบยังคงเงียบสงัด
แผ่นหลังของหลิงเหมียนซีชุ่มไปด้วยเหงื่อ ผิวหนังก็ชาไปหมดทั้งตัวเหมือนถูกไฟช็อต
เธอมองพื้นที่แตกออกเป็นรอยลึก มือแข็งขยับไม่ได้
เธอไม่เคยระแวงเย่ว์ฝูอีเลย
ถ้าอิ๋งจื่อจินมาดึงเธอออกช้าไปนิดเดียว เกรงว่าเธอคงสิ้นชีวิตไปแล้ว
หลิงเหมียนซีอยากถามว่า ‘ทำไม’ แต่กลับถามไม่ออก
เย่ว์ฝูอีค่อยๆ หันตัวไปมองพวกผู้วิเศษที่เปิดการกลับหัวที่พ่ายแพ้กันหมด พูดเสียงเย็นชา “ตามคาด ต่อให้เปิดการกลับหัวแล้ว ขยะก็ยังคงเป็นขยะ”
จับไม่ได้มาสิบกว่าศตวรรษว่าเธอไม่ใช่ยมทูต
หลอกง่ายจริงๆ
หอคอยกับโจ้วเหยียนตื่นตกใจไม่แพ้อัลไคด์
พวกเขาคิดมาตลอดว่า ท่านที่พวกเขาให้ความนับถือคือผู้วิเศษยมทูต
ทำไมเพียงชั่วพริบตากลายเป็นผู้วิเศษวันพิพากษาไปได้!
“วันพิพากษา!” อัลไคด์ไอกระอักเลือด สีหน้ายังคงซีดเซียว “เขาล่ะ เธอทำอะไรเขา!”
เธอไม่ได้โง่
หลังจากที่ผู้โง่เขลาจากไปแล้ว เธอเป็นผู้มีปัญญาอันดับสองในบรรดาผู้วิเศษยี่สิบสองคน
การกระทำของเย่ว์ฝูอีในตอนนี้ทำให้อัลไคด์ถึงขั้นเดาได้ว่า ยมทูตดับสูญไปแล้ว
แถมยังดับสูญอย่างสิ้นเชิง
ผ่านมาสิบกว่าศตวรรษ อัลไคด์ยังคงจำวันนั้นได้
เพิ่งเข้าสู่ศตวรรษที่สิบสองได้ไม่นาน ยมทูตมาหาเธอ
บอกว่าเขาผิดหวังกับโลกนี้แล้ว
ผู้โง่เขลาไปแล้ว เทวทูตก็ไปแล้ว
เดวิลไปแล้ว วงล้อแห่งโชคชะตาก็ไปแล้ว
คนรอบตัวเขาจากไปกันหมดแล้ว
ภัยพิบัติระดับทำลายล้างโลกที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ผู้วิเศษเหล่านี้ไม่อยู่แล้ว ไม่มีใครต้านทานได้
แต่ผู้วิเศษไม่มีทางตาย
หลังจากมนุษย์ตายไป โลกจะต้อนรับชีวิตใหม่ พลิกโฉมใหม่ทั้งหมด
อัลไคด์ตกใจความคิดของเขา แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจช่วยเขา
ยมทูตเย็นชากว่าเมื่อก่อนมาก เธอเคยนึกสงสัย ทั้งยังคอยสังเกตในทุกๆ ด้าน
สุดท้ายก็ไม่พบจุดที่น่าสงสัยอื่นๆ อีก
แต่เรื่องเดียวที่คาดไม่ถึง ยมทูตคือผู้วิเศษวันพิพากษาปลอมตัวมา!
วันพิพากษาปลอมตัวเป็นยมทูตได้อย่างไม่มีหลบซ่อน ทั้งยังผ่านมาสิบกว่าศตวรรษได้อย่างสบายๆ
สมองของอัลไคด์สับสนไปหมด แต่ความคิดเธอก็ชัดเจนขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
มิน่าพวกเขาถึงตามหาผู้วิเศษวันพิพากษาที่หักล้างยมทูตได้ไม่เจอมาตลอด
มิน่าพอเธอถามว่าเดอะเวิลด์อยู่ที่ไหน คำตอบที่ได้คือโลกนี้ไม่มีเดอะเวิลด์อะไรทั้งนั้น
หากไม่ใช่ผู้วิเศษที่ถือกำเนิดสี่คนแรกสุด มีเหรอจะพูดอย่างมั่นใจขนาดนี้
มิน่าชาตินี้ยมทูตถึงไม่เคยเปิดเผยใบหน้าแท้จริงให้เธอเห็น
ต่อให้เป็นเมื่อก่อน ยมทูตที่เธอเคยเห็นก็ล้วนเป็นวันพิพากษาที่แปลงโฉมมา!
อย่างไรเสียผู้วิเศษเปลี่ยนภพได้ แต่ไม่มีทางเปลี่ยนเพศได้
“ยมทูตถูกเธอฆ่าทิ้งแล้ว” มือของอิ๋งจื่อจินจับบ่าหลิงเหมียนซี “หลายปีมานี้เธอปลอมตัวเป็นยมทูต บงการผู้วิเศษที่เปิดการกลับหัว”
“ใช่ เขาถูกฉันฆ่าไปนานแล้ว” เย่ว์ฝูอีตอบ “ช่วยไม่ได้ ในบรรดาผู้วิเศษทั้งหมดมีแค่เขาที่หักล้างกับฉัน”
“ฉันฆ่าผู้วิเศษคนอื่นไม่ได้ แต่ฉันฆ่าเขาได้”
“อีกทั้งไม่ต้องไล่ฆ่าตามการเปลี่ยนภพ เพราะเขาเปลี่ยนภพไม่ได้แล้ว”
พอได้ยินแบบนี้อัลไคด์ก็หน้าซีดยิ่งกว่าเดิม เลือดลมในทรวงอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง
เธอรับไม่ได้ กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
ฉินหลิงอวี๋สีหน้าเปลี่ยน เข้าไปประคองอัลไคด์ “อัลไคด์!”
ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เสียงดังก้องในหูเพราะคำพูดนี้
แม้แต่เขาก็คาดไม่ถึงความเป็นไปได้ที่ยมทูตจะตายไปแล้ว
“ฉันฆ่าเขา แย่งเอาพลังควบคุมความตายมาจากเขา” เย่ว์ฝูอีพูด “ฉันปรากฏตัวในนามของเขา คนอื่นฉันไม่รู้ แต่ดวงดาวต้องมายืนอยู่ฝั่งฉันแน่นอน”
พลังสะกดและครอบงำอารมณ์ของดวงดาวคือพลังที่เธอต้องการมากที่สุด
เมื่อเป็นแบบนี้เธอก็ให้อัลไคด์ไปหว่านล้อมผู้วิเศษคนอื่นได้ ทำให้พวกเขาเปิดการกลับหัว
ส่วนเธออยู่เบื้องหลัง ซ่อนตัวตน
อย่างไรเสียในสายตาของทุกคน ผู้วิเศษที่ถือกำเนิดสี่คนแรกสุดจะต้องเป็นคนที่ยุติธรรมที่สุดแน่นอน
เมื่อเปิดการกลับหัวก็จะถูกฆ่าตายได้
เธอไม่มีทางโง่ถึงขั้นเปิดการกลับหัวให้ตัวเอง
ร่างกายของอัลไคด์โงนเงน เลือดไหลออกจากมุมปากไม่หยุด “วัน พิ พาก ษา!”
เย่ว์ฝูอีไม่สนใจ แค่มองอิ๋งจื่อจิน “เธอรู้สึกไม่อยากเชื่อ เพราะถูกเพื่อนหักหลังใช่ไหมล่ะ”
“คิดมากแล้ว” อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น แสยะยิ้ม “เราเคยเจอกันแค่สามครั้ง นี่เป็นครั้งที่สาม”
“ระหว่างเรายังใช้คำว่าเพื่อนไม่ได้หรอก”
“แค่คนที่เคยพบกัน เดิมทีฉันรู้สึกชื่นชมเธอมาก แต่ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกนั้นแล้ว”
พอคำพูดนี้ออกมา ต่อให้เป็นเย่ว์ฝูอีที่เย็นชาดุจพระจันทร์ก็สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
อิ๋งจื่อจินพูด “คนที่อยู่ตรงนี้ใครเป็นเพื่อนเธอ เธอควรลองถามเหมียนซีดูว่าเสียใจหรือเปล่า”
ในที่สุดตอนนี้หลิงเหมียนซีก็เริ่มสงบสติอารมณ์ได้
นิ้วมือของเธอยังคงชาเล็กน้อย พูดอย่างยากลำบาก “ทำไม”
ในเมื่อเป็นศัตรูกัน ทำไมยังต้องมาเป็นเพื่อนกับเธอด้วย แถมยังช่วยเหลือเธอ
“ไม่ทำไม” เย่ว์ฝูอีตอบอย่างไม่แคร์ “เพราะเธอคือผู้วิเศษเปลี่ยนภพ ฉันถึงได้เข้าหาเธอ”
หลิงเหมียนซีหน้าซีดลงในทันที
“ผู้วิเศษที่ถือกำเนิดสี่คนแรกสุดต่างมีพลังหยั่งรู้ในระดับหนึ่ง” อิ๋งจื่อจินมองเย่ว์ฝูอี “แต่ไม่แม่นยำ เธอพอจะหยั่งรู้ได้ว่าฉันจะไปอยู่โลกจอมยุทธ์ ก็เลยเสนอตัวไปต้านภัยพิบัติ จากนั้นก็เปลี่ยนภพ”
“ข้อแรกคือเพื่อเจอฉัน อีกข้อคือซ่อนตัวตน”
ด้วยเหตุนี้เย่ว์ฝูอีถึงใกล้ชิดแค่หลิงเหมียนซี ไม่สนใจคนรุ่นเดียวกันในโลกจอมยุทธ์
ดังนั้นตอนที่เธอเจอเย่ว์ฝูอี เย่ว์ฝูอีถึงได้เป็นฝ่ายเข้ามาคุยกับเธอก่อน
แม้ตอนนั้นผู้วิเศษวันพิพากษาก็ไม่มีความทรงจำและพลัง แต่จิตใต้สำนึกที่เป็นเหมือนสัญชาตญาณแบบนี้ได้ฝังลึกอยู่ในกระดูก
“ถูกต้อง” เย่ว์ฝูอีพยักหน้า “วงล้อแห่งโชคชะตา เธอนี่มันเก่งจริงๆ เลยนะ พยากรณ์ได้หมดทุกอย่าง”
“แต่ฉันเพิ่งฟื้นคืนความทรงจำกับพลังเมื่อไม่กี่วันก่อนจริงๆ เมื่อก่อนที่ช่วยพวกเธอก็เป็นการช่วยจริงๆ”
หลิงเหมียนซีสูดลมหายใจเข้าลึก “เข้าใจแล้ว ถ้าเธอไม่ได้เปลี่ยนภพ เธอก็ไม่มีทางได้มาเกี่ยวข้องกับฉัน”
“ใช่” เย่ว์ฝูอีตอบ “ถ้าไม่ได้เปลี่ยนภพ ฉันก็ไม่มีทางสนใจเธอหรอก”
ในสายตาของเธอ พลังของผู้วิเศษคู่รักคือขยะเกรดต่ำสุด
กอบกู้โลกไม่ได้ ปกป้องใครก็ไม่ได้
ร่วมชีวิตเหรอ
มีประโยชน์อะไร
“เหมียนซี” อิ๋งจื่อจินจับบ่าของหลิงเหมียนซีอีกครั้ง “เขาเป็นผู้วิเศษวันพิพากษามาก่อนจะเป็นเย่ว์ฝูอี”
ก็ไม่แปลกใจที่หลังจากการไล่ฆ่าฟู่หลิวอิ๋งกับลูเอลเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน กลุ่มสัญลักษณ์หัวกะโหลกสีดำก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใหญ่ๆ อีกเลย และไม่มีการไล่ฆ่าผู้วิเศษเปลี่ยนภพอีก
เพราะผู้วิเศษวันพิพากษาที่วางแผนทั้งหมดเปลี่ยนภพไปแล้ว กลายเป็นเย่ว์ฝูอี
ตอนนี้เธอก็แน่ใจได้ว่า การที่หอคอยกับพวกอัลไคด์ไล่ฆ่าผู้วิเศษเปลี่ยนภพ ไม่ใช่เพียงเพราะวันพิพากษาแย่งเอาพลังพิเศษควบคุมความตายไปจากยมทูต ยังเป็นเพราะเดิมทีผู้วิเศษที่ถือกำเนิดสี่คนแรกสุดก็มีพลังหยั่งรู้ระดับหนึ่งอยู่แล้ว
ก็แค่ไม่แข็งแกร่ง
“ถูกต้อง อาอิ๋งพูดถูก เธอเป็นผู้วิเศษวันพิพากษามาก่อน” หลิงเหมียนซีเช็ดน้ำตา ยิ้มบาง “แล้วถึงมาเป็นเย่ว์ฝูอี”
นับตั้งแต่ที่ผู้วิเศษวันพิพากษาฟื้นคืนความทรงจำกับพลัง เย่ว์ฝูอีที่ชอบกินไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ก็ได้ตายไปแล้ว
วันพิพากษาก็คือวันพิพากษา
วันพิพากษาที่เย็นชาไร้เยื่อใย
“ใช่ ฉันคือผู้วิเศษวันพิพากษา” เย่ว์ฝูอีเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย สีหน้าเย็นชา “เย่ว์ฝูอีก็แค่ภพหนึ่งของฉัน วันพิพากษาไม่ต้องการความผูกพันอะไรทั้งนั้น”
หากมีความผูกพัน วันพิพากษายังจะยุติธรรมได้อีกเหรอ
อัลไคด์หลอกง่ายขนาดนั้นก็เพราะมีใจให้ยมทูต
หมากตัวนี้ของเธอถึงได้ราบรื่นมาก
“จริงสิ อยากรู้ไหมว่าก่อนตายเขาพูดว่าอะไร” เย่ว์ฝูอีล้วงอุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดเล็กออกมาจากในแขนเสื้อ สีหน้ายังคงเรียบเฉย” หลังจากความทรงจำของฉันกลับมา ฉันก็ไปเอาภาพบันทึกนี้มา”
“เขาคิดว่าตัวเองซ่อนไว้อย่างดี หวังว่าพวกเธอจะมาเจอ พอถึงตอนนั้นแผนของฉันก็จะพังหมด”
“เพียงแต่น่าเสียดาย เขารู้จักผู้วิเศษสี่คนแรกสุดน้อยเกินไป เขาไม่รู้ว่าฉันมีพลังหยั่งรู้ เรื่องเล็กแค่นี้ สบายมาก”
หรืออาจเพราะคิดว่าผู้วิเศษที่เหลือไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ เย่ว์ฝูอีก็ไม่ได้โจมตีโดยตรง แต่เริ่มเปิดภาพบันทึกโดยไม่สนใจใคร
ที่นี่เป็นเขตที่พักอาศัย ด้านข้างมีหน้าจอขนาดใหญ่ ก็แค่ตรงขอบเสียหายเล็กน้อย
ต้นศตวรรษที่สิบสอง กล้องบันทึกภาพของเมืองแห่งโลกเพิ่งถูกคิดค้นได้
แต่ยังอยู่ในระยะแรก จึงมีเพียงสีขาวดำ
และยังไม่ชัดมาก
แต่ก็แยกออกได้ว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง
เขาหันหน้าเข้ากล้อง
มีหน้าตาแบบคนตะวันออก
เครื่องหน้าคมชัด หน้าตาดีพอสมควร
นี่คือผู้วิเศษยมทูตตัวจริง
เขาไอก่อนเล็กน้อย พูดเสียงอ่อนแรง “โทษที บาดเจ็บสาหัส ก็เลยพูดลำบาก”
ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สังเกตเห็นว่าถึงแม้เขาจะเปลี่ยนชุดแล้วแต่ก็ยังคงมีเลือดซึมออกมา
“วันพิพากษาหักหลังพวกเรา ฉันไม่ทันระวังถูกเธอลอบโจมตีจนมีสภาพเป็นแบบนี้ ดูทุเรศไปหน่อยใช่ไหม”
ไม่มีใครคิดระแวงผู้วิเศษสี่คนแรกสุดที่ถือกำเนิดก่อน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าวันพิพากษาเป็นคนยุติธรรมมาตลอด
“ยมทูตก็ตายได้ น่าตลกดีเนอะ” เขาพูด “ฉันรู้สึกได้ถึงพลังชีวิตที่ค่อยๆ ถดถอย หวังว่าทุกคนจะได้ฟังคำพูดต่อไปนี้ของฉัน”
เขาหยุดเล็กน้อย น้ำเสียงดุดันขึ้น “อย่าใกล้ชิดวันพิพากษา หลังจากผู้โง่เขลากับเทวทูตดับสูญ เธอก็เข้าสู่ด้านมืดอย่างสิ้นเชิงแล้ว ถ้ามีโอกาสให้ฆ่าเธอทิ้งซะ!”
“มิฉะนั้นเธอจะทำร้ายคนจำนวนมาก ผู้วิเศษคนอื่นก็หนีไม่พ้น!”
แววตาของฟู่อวิ๋นเซินวูบไหว พูดด้วยเสียงแหบแห้ง “สายไปแล้ว”
ช่วงเวลาที่วันพิพากษาปลอมตัวเป็นยมทูต เขากับอิ๋งจื่อจินไม่อยู่
ผู้วิเศษคนอื่นๆ ก็ถูกปิดบังมาจนถึงตอนนี้
“เดวิลเพื่อนรัก ไม่รู้ว่าตอนนี้นายได้เจอวงล้อแห่งโชคชะตาอีกครั้งหรือยัง” ผู้ชายที่อยู่บนหน้าจอยิ้ม “นายรั้งเธอด้วยชีวิต ส่งเธอไปฝึกฝนที่อีกจักรวาลหนึ่ง ฉันนับถือนายจริงๆ”
“และก็เข้าใจนาย ถ้าเป็นอัลไคด์ ฉันก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน”
เขาถึงได้ไม่ถามอะไร เลือกที่จะยืนอยู่ฝั่งฟู่อวิ๋นเซินทันที
อัลไคด์ตัวสั่น จับมือฉินหลิงอวี๋แน่น สีหน้าเหม่อลอย น้ำตาไหลพราก “พี่ เขา…เขาไม่เคยบอกฉันเลย ถึงขนาดที่…เขาไม่เคยพูดด้วยซ้ำว่าชอบฉัน”
“ไม่เคยพูดเลย”
ฉินหลิงอวี๋หัวใจหดเกร็ง “อัลไคด์…”
“อัลไคด์ ไม่รู้ว่าเธออยู่หรือเปล่า” เวลานี้ผู้ชายบนหน้าจอพูดขึ้นอีกครั้ง “ขอโทษจริงๆ คำพูดบางอย่างฉันไม่ได้พูดกับเธอเอง”
“ออกทำภารกิจด้วยกันหลายครั้ง ต้านภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง เวียนว่ายตายเกิดเปลี่ยนภพอยู่ตลอด ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเธอมันสั้นมาก ไม่แน่สักวันหนึ่งฉันก็คงดับสูญอย่างสิ้นเชิงเหมือนผู้โง่เขลากับเทวทูต ฉันไม่อยากให้สัญญาลมๆ แล้งๆ กับเธอ ทำให้เธอเสียใจ”
ชีวิตนี้ต้องเสียสละเพื่อผู้คน
“ฉันรู้ว่าเธอถูกฉันปฏิเสธคงเสียใจมาก แต่ก็ดีกว่าต้องปล่อยให้เธอโดดเดี่ยวหลังจากฉันตาย นึกไม่ถึงว่า…”
เขายิ้ม “ผู้วิเศษที่ถือกำเนิดสี่คนแรกมีพลังเด็ดขาดที่ข่มพวกเราได้ เธออาจแยกไม่ออก แต่ฉันหวังว่าเธอจะไม่ได้รับบาดเจ็บ”
อัลไคด์มองอย่างเหม่อลอย
“ถ้าชาติหน้ามีจริง…” เงียบไปสักพักเขาก็มองกล้อง ยิ้มพลางพูด “ขอโทษที ไม่มีชาติหน้าอีกแล้ว”
วิดีโอจบเพียงเท่านี้
อัลไคด์เหม่อ
ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ กำมือ
ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ
“วันพิพากษา!” อัลไคด์ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อีกต่อไป เธอตะคอก “ฉันจะฆ่าแก!”
แต่พอเธอยืนขึ้น เนื่องจากบาดเจ็บสาหัสเป็นทุนเดิม จึงล้มลงไปอีกครั้ง
เย่ว์ฝูอีก้มมองเธอ น้ำเสียงยังคงราบเรียบ พูดอย่างเย็นชา “บอกแล้วว่าเธอมันแค่ขยะ ตัวเองจับผิดฉันไม่ได้ ใช้อารมณ์นำพา แล้วจะโทษใครได้”
อัลไคด์ถลึงตาใส่
ปล่อยพลังพิเศษอีกครั้ง!
แต่พลังสะกดและครอบงำอารมณ์ความรู้สึกของเธอไม่มีผลต่อเย่ว์ฝูอี กลับถูกเล่นงานกลับด้วยซ้ำ
อัลไคด์กระอักเลือดอีกครั้ง แต่สายตาของเธอยังคงอาฆาตแค้น เต็มไปด้วยความโกรธเกลียดขั้นสุด
“น่ารำคาญจริงๆ” เย่ว์ฝูอีถอนหายใจ “ทำไมพวกเธอถึงชอบไม่ดูพละกำลังตัวเอง มีประโยชน์อะไร”
เธอหันไปมองอิ๋งจื่อจินอีกครั้ง “วงล้อแห่งโชคชะตา เธอเป็นคู่ต่อสู้คนเดียวที่ฉันยอมรับ ฉันจะบอกเธอให้ ฉันสุดจะเกลียดโลกใบนี้!”
“เธอลืมพวกคนที่เสียสละของศาลสถิตยุติธรรมแล้วเหรอ พวกเขาปกป้องโลกจอมยุทธ์ แล้วสิ่งที่ได้กลับมาคืออะไร!”
“คือการถูกทำลาย โดนด่าทอ ถูกแก้แค้น!”
“ทำไมพวกเราต้องปกป้องพวกเขาด้วย” สายตาของเย่ว์ฝูอีเย็นชา “พวกเขาคู่ควรเหรอ”
เพื่อนยากสองคนของเธอ ผู้โง่เขลากับเทวทูตล้วนดับสูญไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ไม่มีทางกลับมาได้อีก
ล้วนเป็นเพราะปกป้องโลกเฮงซวยใบนี้
อิ๋งจื่อจินยังคงใจเย็น “มิน่า หลังจากที่ท่านปู่ผู้โง่เขลาดับสูญ ฉันถึงรู้สึกได้ว่ามีคนทรยศในบรรดาพวกเรา”
“ทรยศเหรอ คงไม่ขนาดนั้น” เย่ว์ฝูอีแสยะยิ้ม “พวกเราแค่จุดยืนต่างกัน”
เธอคือวันพิพากษา
รับหน้าที่พิพากษาทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกมนุษย์
จิตสำนึกบอกเธอว่า โลกนี้มันย่ำแย่เกินเยียวยาแล้ว เธอไม่อยากเห็นโลกแบบนี้
งั้นก็ขอปฏิรูปโลกใหม่ในนามของวันพิพากษา!
เกิดความเงียบขึ้นโดยรอบ
อีกด้านหนึ่ง
“พี่” อัลไคด์จับมือฉินหลิงอวี๋ พูดตะกุกตะกัก “พี่ ฉันขอโทษ”
ฉินหลิงอวี๋ก็บาดเจ็บสาหัสไม่ต่างกัน เธอสูดลมหายใจเข้าลึก “ตอนนี้มันใช่เวลาพูดแบบนี้เหรอ”
พวกเขาถูกวันพิพากษาหลอกกันหมด
“ฉันทำเรื่องที่ไม่อาจหวนคืนลงไป” อัลไคด์ส่ายหน้า น้ำตานองหน้า “เขาจากไปแล้ว ฉันเปิดการกลับหัว ฉันช่วยฆ่าคนของเขาไปมากขนาดนี้ ฉันจะอยู่บนโลกนี้ต่อได้ยังไง”
เธอไม่คู่ควรเป็นผู้วิเศษแล้ว
ความผิดพลาดเหล่านี้ไม่มีแม้แต่วิธีจะชดเชยแล้ว
แววตาของฉินหลิงอวี๋เปลี่ยนไป “อัลไคด์ เธอจะทำอะไร”
“วงล้อแห่งโชคชะตา ฉันจะยกพลังของฉันให้เธอ!” อัลไคด์เงยหน้าทันที “เธอต้องฆ่าวันพิพากษาให้ได้! ฆ่าทิ้งซะ!”
ตูม!
เสียงดังสนั่น
อิ๋งจื่อจินไม่ทันได้ห้ามก็รู้สึกว่ามีพลังเพิ่มเข้ามาในร่างกาย
ผู้วิเศษเป็นฝ่ายทิ้งพลังตัวเอง
สิ่งที่ต้องแลกคือการดับสูญอย่างสิ้นเชิง
มีเหรอที่ฉินหลิงอวี๋จะไม่รู้ เธอสีหน้าเปลี่ยนไปมาก “อัลไคด์!”
ร่างกายของอัลไคด์อ่อนยวบ
แต่ริมฝีปากของเธอยังคงยิ้มบาง ไม่มีความรู้สึกเสียดาย
ผู้วิเศษลำดับที่สิบแปด ผู้วิเศษดวงดาว ดับสูญ
Comments