ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 18 สั่งสอนข้ารับใช้ (รีไรท์)
ตอนที่ 18 สั่งสอนข้ารับใช้ (รีไรท์)
ตอนที่ 18 สั่งสอนข้ารับใช้ (รีไรท์)
นี่คือก้อนกรวดในบ่อปลาที่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มอบให้นาง ด้านในเสื้อผ้านางมีกระเป๋าเย็บติดอยู่ซึ่งสะดวกต่อการเก็บสิ่งของ เด็กน้อยจึงนำหินก้อนเล็ก ๆ ยัดใส่ในถุงกระเป๋าของนางกับพี่ชาย ไม่รู้ว่าหลังจากที่เด็กน้อยรู้ว่านางนำมันมาใช้จัดการคนแล้วจะร้องไห้หรือไม่
นางคีบหินก้อนหนึ่งด้วยสองนิ้วพลางสะบัดออกไปอย่างแรง หินก้อนนั้นกระแทกโดนเข่าข้ารับใช้ท้องเสียคนนั้นอย่างแม่นยำ อีกฝ่ายกรีดร้องออกมา รู้สึกเพียงแค่เข่าชาและถึงกับคุกเข่าลงบนพื้นดังตุ้บ
หลังจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องตามมาอีกสองสามครั้ง ข้ารับใช้ที่ยืนด้วยท่าทางเย่อหยิ่งอยู่ดี ๆ เวลานี้กำลังนอนอยู่บนพื้นกรีดร้องโหยหวน
เฉียวเยี่ยนเก็บหินที่เหลือใส่ในกระเป๋าพลางพิงกับจอบแล้วยิ้มออกมา “เป็นอย่างไร? ฝีมือการรักษาของข้าเยี่ยมเลยใช่ไหม? หากยังไม่หาย ข้ายังมีการรักษาด้วยจอบ หนึ่งคนต่อหนึ่งจอบ รับรองกระปรี้กระเปร่าแน่นอน”
จะไม่กระปรี้กระเปร่าได้อย่างไร? หากโดนเข้าจริง ๆ เกรงว่าคงต้องขึ้นสวรรค์แล้วล่ะ!
เหล่าข้ารับใช้มีสีหน้าซีดเซียว เวลานี้มองเฉียวเยี่ยนหมือนมองปีศาจร้าย ตะเกียกตะกายคุกเข่าก้มหัวคำนับพื้น “หวางเฟย ข้าน้อยผิดไปแล้ว โปรดไว้ชีวิตพวกข้าน้อยด้วย พวกข้าน้อยจะตั้งใจทำงานแน่นอน!”
“ไอ้หยา รู้สึกเกรงใจมากเลย พวกเจ้าป่วยแล้วยังให้พวกเจ้าต้องทำงานอีก หากเรื่องนี้แพร่ออกไปข้าต้องโดนกล่าวว่าเป็นคนไร้มนุษยธรรมแน่เลย”
เฉียวเยี่ยนดูเป็นนายหญิงแสนดีที่ห่วงใยข้ารับใช้ แต่เหล่าข้ารับใช้กลับฟังจนน้ำตาไหลนองหน้า
พวกเขาช่างตาบอดจริง ๆ ถึงได้คิดว่านางรังแกได้ง่าย มียาสำนึกผิดหรือเปล่า? ขอให้พวกเขาคนละเม็ดซิ!
แต่หลุมที่ตัวเองขุดไว้ ก็ต้องกลบมันด้วยน้ำตา
“พวกข้าน้อยสบายดี ได้ถวายตัวรับใช้หวางเฟยถือเป็นเกียรติของพวกข้าน้อยแล้ว”
เฉียวเยี่ยนยังคงยิ้มอย่างเจิดจ้า น้ำเสียงก็ดูสนิทชิดเชื้อมากขึ้น “เช่นนั้นก็ลำบากทุกท่านแล้ว ต่อไปหากเจ็บป่วยก็มาหาข้าได้เลย ข้าจะรักษาโดยไม่คิดเงิน ไม่คิดเงินเชียวนะ”
เหล่าข้ารับใช้ได้ยินก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว ครั้นมองรอยยิ้มเจิดจ้าของเฉียวเยี่ยนก็รู้สึกหวาดกลัว แต่ละคนไม่กล้าพูดมาก รีบหยิบจอบหยิบเคียวขึ้นมาเริ่มงาน และทำงานหนักยิ่งกว่างานของตัวเอง
เมื่อทุกคนไปทำงานกันหมดแล้ว เฉียวเยี่ยนก็หุบยิ้มบนใบหน้า และเผยสีหน้าหยิ่งผยองออกมาเล็กน้อย
พวกอ่อนหัด! บังอาจสู้กับนางหรือ!
ระบบตัวน้อยในทะเลจิตสำนึกโบกธงเล็ก ๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้โฮสต์ตัวเอง และกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข
[ท่านโฮสต์เก่งกล้ามาก!]
เฉียวเยี่ยนทำทีเป็นช่วยไม่ได้และยิ้มออกมาอย่างจนใจ “เจ้าประจบสอพลอตัวน้อยเอ๋ย”
เมื่อสั่งข้ารับใช้ไปทำงานแล้ว เฉียวเยี่ยนก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ นางแบกจอบไปขุดอยู่อีกมุมหนึ่ง ทุกครั้งที่จอบถูกเหวี่ยงอย่างแรง ข้ารับใช้ที่มองดูอยู่ก็อ้าปากตาค้าง
นี่…
หวางเฟยขุดเก่งกว่าพวกเขาอีก อีกเดี๋ยวคงไม่โดนทุบตีใช่หรือไม่?
เมื่อมีแรงกดดัน หลายคนก็ยิ่งทำงานหนักขึ้น ไม่กล้าแม้แต่จะหยุดพักกลางคัน
ลุงฉูนึกถึงความรุนแรงในการสั่งสอนคนของหวางเฟยเมื่อครู่ และมองไปที่ภาพขุดดินกันอย่างคล่องแคล่วในตอนนี้ก็รู้สึกปวดตา
หวางเฟยลำบากอยู่ในบ้านไร่แล้ว!
ตอนที่เพิ่งแต่งเข้าจวนมาใหม่ ๆ นางดูบอบบางอ่อนแอ ถูกรังแกก็ไม่กล้าขัดขืน แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่มีฝีมือเท่านั้น แม้แต่ขุดดินก็ยังทำได้ดี แค่คิดก็รู้แล้วว่าการใช้ชีวิตในบ้านไร่นั้นลำบากมากเพียงใด!
ช่างทำให้นางกับเจ้านายตัวน้อยของเขาลำบากจริง ๆ!
ครั้นมู่ฉินเจินกลับมาจากการว่าราชกิจ เขาก็กลับไปที่เรือนจิ่งเสวียนทันที ทว่ากลับเห็นเพียงเด็กสองคนอยู่ในห้องหนังสือ ไร้วี่แววของเฉียวเยี่ยน
เขาเกิดความสงสัยจึงอุ้มเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่เล่นน้ำหมึกจนมือน้อยเปรอะเปื้อนสีดำขึ้นมา แล้วถามอย่างขบขัน “ลูกรัก แม่เจ้าล่ะ?”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่ไม่ได้ตั้งใจเรียนถูกจับได้กะทันหัน ก็ไขว้นิ้วมืออย่างประหม่า พลางเงยหน้าขึ้นยิ้มเอาใจมู่ฉินเจิน “ท่านแม่ไปขุดดินเจ้าค่ะ”
ขุดดิน?
เมื่อนึกถึงหญิงคนนั้นวิ่งวุ่นอยู่ที่ลานบ้านรกร้างทางทิศตะวันตกตลอดทั้งวัน เขาก็รู้ว่านางต้องไปบุกเบิกพัฒนาอาชีพการงานอันยิ่งใหญ่ของนางเป็นแน่
ตั้งแต่วินาทีที่เขาเห็นหญิงคนนี้อีกครั้ง เขาพบว่าแววตานางไม่ได้จับจ้องมาที่เขาเฉกเช่นเมื่อก่อนแล้ว
บางครั้งเขาถึงขั้นคิดว่าพืชผลที่นางเรียกว่าสมบัตินั้นดึงดูดนางมากกว่าเขาเสียอีก!
แม้คิดเช่นนี้จะรู้สึกพ่ายแพ้เล็กน้อย แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นความจริง
เขาสลัดความคิดอันยุ่งเหยิงออกจากหัว แล้วอุ้มเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไปล้างมือ หนีบมืออวบอ้วนน้อยยื่นเข้าไปในอ่างน้ำ น้ำกลายเป็นสีดำทันที
เขาแสร้งทำเป็นโมโห “ดูมือดำ ๆ ของเจ้าสิ อีกเดี๋ยวแม่เจ้ากลับมา เจ้าคงโดนตีก้นลาย”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ยู่หน้า อ้อนวอนอย่างน่าสงสารและน่ารัก “ท่านพ่อไม่บอกท่านแม่ได้หรือไม่เจ้าคะ ลูกจะเชื่อฟัง”
มู่ฉินเจินทนเห็นเด็กน้อยโดนลงโทษได้ที่ไหนกัน ทว่าเขาก็ยังต้องการให้คนตัวเล็กจดจำเอาไว้
“เช่นนั้นก็จำไว้เป็นบทเรียน และต่อไปห้ามเล่นน้ำหมึกเช่นนี้อีก”
“อืม ๆ ลูกไม่เล่นแล้ว”
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ที่กำลังจับพู่กันตั้งใจฝึกคัดตัวอักษรใหญ่ถึงกับส่ายหน้า หากคำพูดของน้องสาวเขาเชื่อถือได้ เจ้าหมาดำน้อยของพวกเขาคงกินอึไม่เป็นแล้ว
แต่จะว่าไปแล้ว ดูเหมือนเจ้าหมาดำน้อยจะไม่เคยกินอึจริง ๆ เลย
สามพ่อลูกอ่านหนังสือด้วยกันอยู่ในห้องหนังสืออยู่พักหนึ่ง เฉียวเยี่ยนก็กลับมา
วันนี้นางสวมเสื้อผ้าที่ตัวเองเป็นคนดัดแปลง ช่วงล่างเป็นกางเกงขากว้างผ้าฝ้ายสีเทาเข้ม ช่วงบนเป็นเสื้อคลุมถึงเข่าสีเทาน้ำเงิน ถักเปียผมห้อยลงมาด้านหน้า ผูกผ้าโพกหัวสีเดียวกับเสื้อผ้า และยังคงไม่แต่งหน้าเช่นเดิม หากเพ่งมองดี ๆ ตรงขมับยังมีเหงื่ออยู่บางเบา
การแต่งตัวเช่นนี้ดูเหมือนหญิงชาวบ้านธรรมดาอย่างมาก ทว่าดวงหน้างามล่มเมืองของนางเหมาะกับการแต่งเช่นนี้นัก ไม่เพียงแต่ติดดินเท่านั้น แต่ยังให้ความรู้สึกใจดีและกระฉับกระเฉงอีกด้วย
คิ้วงาม ดวงตากลมโต ปากนิด จมูกหน่อย ผิวขาวแดงฝาดสุขภาพดี ใบหน้ายังเปื้อนด้วยรอยยิ้มสดใส มู่ฉินเจินเงยหน้ามองนางเดินเข้ามาอย่างรู้สึกเหม่อลอย
และเพราะเสียงของลูกทั้งสองร้องเรียกท่านแม่ด้วยความตื่นเต้นนั้นเองที่ทำให้เขาได้สติกลับมา
เฉียวเยี่ยนทักทายเขาอย่างสุภาพ หลังจากคบค้ากันมาสองสามวัน แม้นางจะไม่รู้สึกอะไรกับท่านอ๋องผู้นี้ แต่นางก็รู้ว่าเขาเป็นคนดี และดีกับเด็กทั้งสองจริง ๆ จึงไม่รังเกียจที่จะเป็นเพื่อนกับเขา
หลังจากทักทายเสร็จ นางก็ลูบหัวเจ้าเด็กทั้งสอง ก่อนจะไปตรวจดูความเรียบร้อยที่นางมอบหมายให้เช้าวันนี้
ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องดูของเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ และไม่จำเป็นต้องกังวลกับการเรียนของเด็กชายเลย
แต่เพื่อความเป็นธรรม นางยังต้องดำเนินการในทางสัญลักษณ์
เฉียวเยี่ยนหยิบสมุดการบ้านที่เขียนอย่างเรียบร้อยของลูกชายขึ้นมา ก่อนจะยิ้มอย่างพึงพอใจและชมเชยโดยไม่ลังเล “ลูกรักเก่งมาก เขียนได้ไม่เลวเลย”
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ดึงหน้าขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว แววตาเผยความเย่อหยิ่ง ทว่ามุมปากกลับโค้งขึ้นมาก
หลังจากชื่นชมลูกชายที่น่าภาคภูมิใจเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็เบนสายตาไปทางลูกสาว และเมื่อเห็นไอ้สิ่งดำ ๆ เป็นก้อน ๆ ที่วาดอยู่ในสมุดการบ้านของลูกสาว เส้นเลือดบนขมับนางก็อดกระตุกไม่ได้
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์คาดเดาความรู้สึกของท่านแม่ไว้นานแล้วจึงก้มหน้าลง ขยับเท้าเล็กไปซ่อนอยู่ด้านหลังท่านพ่ออย่างเงียบ ๆ
เฉียวเยี่ยนเหลือบมองหลายตลบ พลางชี้ไปที่ก้อนสีดำแล้วถามขึ้นว่า “เฉียวจืออวี๋ ลูกอธิบายให้แม่ฟังหน่อยสิว่าสิ่งนี้คืออะไร?”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ชี้ไปยังสุนัขตัวดำที่หลับอยู่ตรงมุมห้อง และตอบกลับด้วยน้ำเสียงเด็กเล็ก “นั่นคือเจ้าหมาน้อยที่ลูกวาด”
เฉียวเยี่ยนหัวเราะด้วยความโมโห นางดูไม่ออกจริง ๆ หรือว่าก้อนหมึกนั้นคือสุนัขสีดำ นางจึงลองพลิกไปอีกสองสามหน้า เมื่อเห็นรอยฝ่ามือเล็ก ๆ นั้นก็เข้าใจได้ทันที เด็กคนนี้เล่นน้ำหมึกอีกแล้ว!
มู่ฉินเจินมองเด็กน้อยที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเขาก็รู้สึกเป็นทุกข์มาก จึงอุ้มนางมาไว้ในอ้อมแขนเพื่อปกป้องนางพลางเอ่ยโน้มน้าว “พอแล้ว หยุดโมโหได้แล้ว ลูกยังเด็ก ค่อย ๆ สอนไปก็พอแล้ว”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ซุกซ่อนใบหน้าไว้ในอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อ เหลือเพียงหูน้อย ๆ ข้างเดียวที่ตั้งใจฟังคำพูดของแม่
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ทีนี้จะกระด้างกระเดื่องต่อหวางเฟยอีกไหม คนรับใช้พวกนี้มันต้องให้สอนด้วยกำลังสินะ
เสี่ยวอวี้เอ๋อร์จะรอดจากการโดนแม่ตีไหมนั่น
ไหหม่า(海馬)
Comments