ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 57 สองสามีภรรยาปลูกผัก (รีไรท์)

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 57 สองสามีภรรยาปลูกผัก (รีไรท์) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 57 สองสามีภรรยาปลูกผัก (รีไรท์)

ตอนที่ 57 สองสามีภรรยาปลูกผัก (รีไรท์)

เนื่องจากตัวเอกในวันนี้เป็นเหล่าสหายตัวน้อย ดังนั้นเฉียวเยี่ยนจึงสอนเหล่าพ่อครัวให้ทำอาหารที่เด็กค่อนข้างชอบรับประทาน

นำปีกไก่มาเลาะกระดูกออกแล้วหมักครู่หนึ่ง ซอยหัวผักกาดเหลืองเป็นลูกเต๋าเล็ก ๆ ผัดกับข้าวพร้อมเมล็ดถั่วลันเตา แล้วนำข้าวยัดเข้าไปในปีกไก่ไร้กระดูก ก่อนจะเอาลงหม้อทอดอย่างช้า ๆ จากนั้นเติมน้ำปรุงรสถ้วยหนึ่งลงไปตุ๋นให้สุก

ปีกไก่ยัดไส้ข้าวกลม ๆ ซึมซับน้ำปรุงรสชุ่มฉ่ำ หนังด้านนอกมีกลิ่นไหม้เล็กน้อย เหล่าหัวไชเท้าน้อยกินกันจนแก้มป่องนูน

นอกจากอาหารทั่วไปแล้ว นางยังทำไก่ทอดที่เด็ก ๆ สมัยปัจจุบันชอบกินสองชุด ทอดมันฝรั่งและทอดไก่ชิ้น แล้วจึงนำมันฝรั่งกับไก่ชิ้นที่ทอดเสร็จแล้วมารับประทานกับซอสมะเขือเทศที่นางทำ รู้สึกได้ถึงความกรุบกรอบหวานอมเปรี้ยว

เดิมทีอี้จื่อจิ้นโมโหจนอิ่มแล้ว และสาบานว่าจะไม่กินอาหารที่เฉียวเยี่ยนทำ แต่เมื่อได้กลิ่นหอมของอาหาร แถมยังมีเหล่าฮูหยินชมบรรยายไม่ขาดปาก นางก็กลืนน้ำลายลงคอไม่หยุด

เฉินอี๋เหนียงไม่ได้คิดมาก ตักน้ำแกงมะเขือเทศเนื้อสันในให้อี้จื่อจิ้นหนึ่งชามและแนะนำอย่างเต็มที่ อี้จื่อจิ้นยอมไปตามน้ำ ทว่าท่าทางยังคงยโสโอหัง แต่เพื่อเป็นการไว้หน้าเฉียวเยี่ยนจึงยอมดื่มลงไปอึกหนึ่งอย่างไว้ท่าพร้อมกับนัยน์ตาที่ทอแววแปลกใจ

หลังจากดื่มน้ำแกงมะเขือเทศเนื้อสันในจนหมด นางก็กลับไปหยิ่งยโสดังเดิม และเอ่ยกับเหล่าฮูหยินด้วยท่าทางดูถูก

“ก็งั้น ๆ แหละ ไม่ได้แปลกประหลาดหากินยากอะไร”

การแสดงออกของนางอยู่ในสายตาของเหล่าฮูหยิน ซึ่งทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจ ด้วยสถานะบุตรีอัครเสนาบดีของอีกฝ่ายแล้วก็ไม่มีใครพูดขัดอะไร ปล่อยให้นางพูดตามใจตัวเอง มีฮูหยินฝ่ายอัครเสนาบดีสองสามคนคล้อยตามคำพูดนางไปด้วย และกินเต็มปากเต็มคำไปด้วย

วันนี้มู่ฉินเจินหยุดพัก แต่ขลุกอยู่ในห้องหนังสือตลอดไม่ได้ออกมา เนื่องจากคนที่เฉียวเยี่ยนเชิญมาล้วนเป็นสตรี เขาจึงต้องหลบเลี่ยงไป

เฉียวเยี่ยนเห็นอี้จื่อจิ้นก็รู้ทันทีว่านางมาหาท่านอ๋องของนาง แต่ท่านอ๋องรักษาคุณธรรมของบุรุษมากจึงเก็บตัวไม่ยอมออกมา นางอดยิ้มกว้างสว่างไสวออกมาไม่ได้ และรอยยิ้มนั้นก็เป็นที่แสลงตาแก่อี้จื่อจิ้น

ตอนบ่าย เฉียวเยี่ยนพาข้ารับใช้กลุ่มหนึ่งไปปลูกผัก ส่วนฮูหยินเหล่านั้นก็ให้ดื่มชากินของว่างกันตามสบาย ถึงอย่างไรคนที่นางต้องต้อนรับก็คือพวกเด็ก ๆ และในตอนนี้พวกเด็ก ๆ ก็ไปเล่นกันหมดแล้ว ฉะนั้นนางเองก็ต้องรีบไปทำงาน หากพลาดการเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิไปคงไม่ดีแน่

กล้าผักในเรือนกระจกเติบโตได้ที่แล้ว แค่ต้องปรับระดับแปลง จากนั้นก็นำไปย้ายปลูก รดน้ำ ใส่ปุ๋ยก็เสร็จสิ้นแล้ว

พื้นที่ส่วนใหญ่ล้วนใช้ปลูกพริก หอฮวาอวิ้นต้องใช้พริกในปริมาณมาก ตอนนี้รสชาติของพริกได้รับความนิยมในเมืองหลวงแล้ว มีนักชิมหลายคนไปที่ภัตตาคารเพื่อซื้อพริกสดหรือซื้อซอสพริกกับห้องครัวด้านหลัง

เรื่องที่หลายคนไปที่ภัตตาคารเพื่อซื้อซอสพริกก็ได้ให้แนวคิดทางการค้าใหม่แก่เฉียวเยี่ยน นางสามารถแปรรูปพริกบรรจุใส่กระปุกและขายเป็นสินค้าได้

อาจเป็นเพราะการปลูกผักเป็นเรื่องหาดูได้ยาก เหล่าฮูหยินคุณหนูที่ไม่มีอะไรทำก็วิ่งไปดูเฉียวเยี่ยนสั่งการข้ารับใช้ให้ปลูกผัก

เฉียวเยี่ยนผลัดอาภรณ์เป็นชุดทำงานที่สะดวกต่อการเคลื่อนไหว ในมือถือจอบ สอนข้ารับใช้ว่าปลูกพริกอย่างไร

ขุดหลุมไม่ต้องลึกมาก ใส่กล้าพริกลงไป แล้วถมดินทำให้กล้าพริกยืนต้นไม่ล้ม เว้นระยะห่างให้พอดี และต้องปลูกเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

หลังจากสอนเหล่าข้ารับใช้จนทำเป็นแล้ว เฉียวเยี่ยนก็แกว่งจอบปลูกพริก ปล่อยให้ฮูหยินสองสามคนมอง อันซีโหวฮูหยินรู้สึกว่ามันน่าสนใจ จึงย่างเท้าเข้าไปในแปลง และถามคำถามมากมายเกี่ยวกับการปลูกผัก

เหล่าฮูหยินคุณหนูที่เหลือรู้สึกรับไม่ได้เล็กน้อย พวกนางล้วนเป็นคนมีชื่อเสียง จะไปทำงานคลุกดินเปื้อนโคลนได้อย่างไร!

และเมื่อเห็นท่าทางการขุดดินอย่างชำนาญของเฉียวเยี่ยน ก็ยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อ

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์และเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์พาเหล่าสหายเดินเตร่พอแล้ว ก็ไปเอาจอบน้อยของตัวเองมา และไปปลูกผักกับมารดา

ส่วนเหล่าหัวไชเท้าน้อยคนอื่น ๆ ก็ยืนอยู่ด้านนอกแปลงเหมือนกับกลุ่มฮูหยิน มองพี่ฉวนกับพี่อวี๋ที่พวกเขาเห็นเป็นผู้นำขุดดินกันอย่างขยันขันแข็ง

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์และเสี่ยวฉวนเอ๋อร์แบ่งงานกันทำ เจ้าปลาน้อยที่มีพละกำลังมากรับหน้าที่ขุด ในขณะที่เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ใส่กล้าและถมดิน ซึ่งทั้งคู่ลงมือทำกันอย่างจริงจัง

เฉียวเยี่ยนกังวลว่าลูก ๆ จะถูกแดดเผา จึงให้ฮุ่ยเซียงกลับไปเอาหมวกใบน้อยในห้องมาใส่ให้พวกเขา และยังให้สวมถุงมือด้วย

ในระหว่างที่มองอยู่นั้น เหล่าหัวไชเท้าน้อยก็รู้สึกจั๊กจี้หัวใจ ไม่สนคำคัดค้านของมารดาตัวเอง พุ่งเข้าไปปลูกผักกับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์และเสี่ยวฉวนเอ๋อร์

เฉียวเยี่ยนกลัวว่าพวกเด็ก ๆ ที่ไม่เอาการเอางานจะทำให้แปลงต้นกล้าของนางเละเทะ จึงให้ฮุ่ยเซียงพาพวกเขาไปอีกแปลงที่ยังไม่ได้เริ่มปลูก ให้พวกเขาทำตามใจตัวเองได้เต็มที่

ด้วยเหตุนี้ เหล่าหัวไชเท้าน้อยก็เริ่มเล่นกันอย่างปล่อยตัวเองเป็นอิสระ บ้างก็นั่งบนพื้นดิน ใช้มือขาวนุ่มขุดหลุม บ้างก็กลิ้งอยู่บนดิน สัมผัสกับพื้นดินอย่างใกล้ชิด

เหล่าฮูหยินที่ดูอยู่รู้สึกความดันขึ้น พุ่งตัวไปคว้าเด็ก ๆ ออกมาโดยไม่สนว่ารองเท้าจะสกปรกหรือไม่ แต่พวกเด็ก ๆ ไม่ยอมฟังแล้ว ถูกห้ามไม่ให้เล่นก็แสดงท่าทางขัดขืน ตรึงร่างอยู่บนพื้นดินไม่ยอมไปไหน

ช่วยไม่ได้ เหล่าฮูหยินที่มองลูก ๆ เป็นแก้วตาดวงใจต่างตีพวกเขาไม่ลง ทำได้เพียงเอามือทาบอกมองลูกตัวเองที่เป็นคุณชายคุณหนูตัวน้อยผู้สะอาดสะอ้านเปลี่ยนเป็นลิงโคลนน้อยทีละตัว

ตำหนักอ๋องซู่มียาพิษ!

ขณะที่เฉียวเยี่ยนทำงานมาได้พักหนึ่ง มู่ฉินเจินก็ออกมาจากห้องหนังสือ เขาเดินตรงไปที่แปลงผัก อีกทั้งยังเปลี่ยนอาภรณ์จากเสื้อคลุมยาวแขนใหญ่เป็นเสื้อผ้ารัดรูปดูทะมัดทะแมง

ครั้นอี้จื่อจิ้นเห็นมู่ฉินเจินเดินเข้ามา หัวใจนางก็พลันสั่นไหว ก้มหน้าจัดแจงตัวเอง และเผยแย้มยิ้มหวานบนใบหน้า

มู่ฉินเจินเดินไปอยู่ข้าง ๆ แปลง เหล่าฮูหยินคุณหนูต่างโค้งคำนับอย่างสุภาพ ส่วนอี้จื่อจิ้นจงใจเอื้อนเอ่ยเสียงเนิบช้าให้ตัวเองดูโดดเด่นออกมา

แต่มู่ฉินเจินเพียงบอกให้ทุกคนลุกขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย จากนั้นก็ไม่ชายตาแลพวกนาง เหยียบดินเดินไปหาเฉียวเยี่ยนทันที

เฉียวเยี่ยนเห็นเขาแล้วก็ยกยิ้มสดใส มู่ฉินเจินยิ้มบางเบาตอบรับ และยื่นมือไปรับจอบในมือนาง

“ข้าทำเอง เจ้าใส่ต้นกล้าเถิด”

เฉียวเยี่ยนไม่ปฏิเสธ หมุนตัวไปยกถาดต้นกล้ามาไว้ข้างเท้าตัวเอง “อืม แบบนี้จะได้เร็วขึ้นหน่อย”

สองสามีภรรยาปลูกผักไปด้วยพูดคุยหัวเราะกันไปด้วย เฉียวเยี่ยนเล่าถึงแผนปลูกผักในฤดูใบไม้ผลิของนางกับมู่ฉินเจิน ส่วนมู่ฉินเจินฟังอย่างตั้งใจและเสนอความเห็นเป็นครั้งคราว

ทั้งสองให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี มู่ฉินเจินขุดหลุม เฉียวเยี่ยนใส่ต้นกล้าลงในหลุม ก่อนที่ชายหนุ่มจะใช้จอบขุดดินโกยดินถมกล้าให้ตั้งตรงไม่ล้มอีกที

ตั้งแต่รู้จักกับเฉียวเยี่ยน ท่านอ๋องไม่เพียงแต่ปลูกผักเป็นเท่านั้น แม้กระทั่งแต่ละฤดูกาลควรปลูกอะไรเขาก็เข้าใจหมด ตอนนี้หากดึงเขาไปคุยกับเกษตรกรปลูกผักในทุ่งนา บางทีเหล่าเกษตรกรอาจจะได้เรียนรู้กับเขาแทนก็เป็นได้

ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ในครอบครัวมีเจ้าท่อนไม้ที่ในหัวใจมีแต่การปลูกผักเท่านั้นกันเล่า? เพื่อให้มีหัวข้อสนทนาร่วมกับเฉียวเยี่ยนมากขึ้น มู่ฉินเจินจึงอ่านตำราการเกษตรจำนวนมาก ค้นคว้าให้ลึกซึ้งมากขึ้น ถึงได้รู้ว่าความรู้ในการปลูกผักที่ดูเหมือนง่าย ความจริงแล้วมันไม่ง่ายเลย

ท่าทางเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยของสองสามีภรรยาทำให้ฮูหยินหลายคนเข็ดฟัน พวกนางมาเป็นพยานดูพวกเขาแสดงความรักกันหรือ?

น่าโมโหนัก!

เด็ก ๆ ไม่เชื่อฟังเหมือนลูกพวกเขาก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้แม้แต่สามีของตนก็ไม่ได้ดีไปกว่าสามีของเฉียวเยี่ยน!

สามีพวกนางถ้าไม่แต่งเหล่าอนุเข้ามาเป็นโขยงก็ยึดถือตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไม่ว่าคำพูดใดก็ห้ามต่อต้าน ไม่เหมือนอย่างท่านอ๋องซู่ที่อ่อนโยนดุจน้ำ แถมยังยอมลงแปลงปลูกผักเป็นเพื่อนเฉียวเยี่ยน!

อี้จื่อจิ้นอิจฉาจนแทบบ้า ชายที่อยู่ในสี่ห้องหัวใจของนางจะยิ้มให้เฉียวเยี่ยนนังหญิงโง่เขลานั่นได้อย่างไร จะอ่อนโยนกับอีกฝ่ายขนาดนั้นได้อย่างไร! จะยอมเหยียบลงบนพื้นดินโคลนสกปรกและถือจอบขุดดินได้อย่างไร!

ไม่ได้! ต้องเป็นเพราะนังบ้าเฉียวเยี่ยนนั่นแน่ ๆ ที่ทำให้ท่านอ๋องหลงผิด นางต้องไปช่วยท่านอ๋องซู่แล้ว!

ระบบตัวน้อยเท้าคางชิปคู่รัก และยิ้มออกมาเหมือนคนโง่เขลา

คิก ๆๆ คู่ชิปของนางกลายเป็นคู่จริงแล้ว!

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เหล่าฮูหยินกลายเป็นพยานรักของเสี่ยวเยี่ยนกับท่านอ๋องไปแล้วค่ะ นี่เรามาดูคนเขารักกันเหรอ?

คุณหนูอี้มาทำไมให้ตอกฝาโลงตัวเองคะ อ่อยผู้ไปผู้ก็ไม่แล แถมยังต้องดูภาพบาดตาบาดใจเต็มสองตาแบบ 8K UHD อีก

น้องระบบฟินล่ะสิ พี่มู่คนหล่อกับโฮสต์หวานกันแล้ว

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *