ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 160 เสพติดการเป็นขโมย
ตอนที่ 160 เสพติดการเป็นขโมย
ตอนที่ 160 เสพติดการเป็นขโมย
หลังจากที่เฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจินอ่านจดหมายแล้ว ทั้งสองก็รู้สึกว่าน่าจะมีความลับซ่อนอยู่ในห้องตำรา พูดตามเหตุผลคือเฉียวเยี่ยนได้ขโมยของมีค่าทั้งหมดในนั้นมาแล้ว ดังนั้นจึงน่าจะผ่อนปราการป้องกันลง
เว้นแต่จะมีสิ่งที่มีค่ามากกว่าซ่อนอยู่ในนั้น!
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉียวเยี่ยนได้สัมผัสกับการทุจริตในราชสำนักโบราณ นางรู้สึกเหมือนว่าเซลล์สมองตัวเองกำลังถูกเผา การไขคดีนี้ช่างยากเกินไปจริง ๆ!
นางอยากกลับไปทำสวนและหาเงินที่เมืองหลวงจริง ๆ!
คิดแล้วก็ซบศีรษะลงบนไหล่ของมู่ฉินเจิน แล้วถามอย่างจริงจัง “ที่รัก หากท่านรับหน้าที่สำคัญต่อจากเสด็จพ่อในอนาคต ท่านจะต้องเผชิญกับกลอุบายเหล่านี้ทุกวันหรือไม่?”
มู่ฉินเจินยกมือขึ้นมาโอบกอดนาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มอ่อน “กลัวหรือ?”
เฉียวเยี่ยนถูหน้าลงบนไหล่ของเขา “ไม่ใช่ว่าข้ากลัว แค่รู้สึกเหนื่อยเกินไปต่างหาก ไม่ใช่แค่ร่างกายที่เหนื่อย แต่สมองยังเหนื่อยมากด้วย อีกไม่กี่วันเซลล์สมองของข้าคงถูกเผาจนหมด!”
มู่ฉินเจินไม่รู้ว่าเซลล์สมองคืออะไร แต่เข้าใจได้ว่านางหมายถึงอะไร เขาลูบหลังนางเบา ๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบยิ่ง แต่หนักแน่นด้วยคำสัญญา “จากนี้ไปข้าจะจัดการกับกลอุบายทั้งหมดเอง เจ้ามีหน้าที่ทำสวนให้เพลิดเพลิน และหาเงินอย่างมีความสุข เจ้าไม่ต้องกังวลอะไรหรอก ตราบใดที่เจ้ายังอยู่กับข้า”
เฉียวเยี่ยนฟังคำพูดของเขาแล้วก็รู้สึกชื่นใจ เงยหน้าขึ้นจูบปากเขา แล้วเชิดคางขึ้นเหมือนพวกอันธพาล “เหตุใดปากเล็ก ๆ นี้จึงพูดเก่งนัก? เมื่อก่อนคงออดอ้อนสาว ๆ มาหลายคนแล้วใช่หรือไม่?”
มู่ฉินเจินเม้มปากอย่างช่วยไม่ได้และรู้สึกขบขัน แต่ไม่ขยับใบหน้าหนี ปล่อยให้นางเอาแต่ใจต่อไป แล้วพูดว่า “ข้าออดอ้อนเพียงแค่สาวน้อยเช่นเจ้า”
เขาไม่ได้โกหก เพราะเขาไม่เคยนอกใจนาง
เฉียวเยี่ยนหรี่ตาด้วยรอยยิ้ม ความจริงนางแค่พูดไปอย่างนั้น การได้ติดตามเขาไปสืบสวนคดีแบบนี้ก็น่าสนใจเช่นกัน การใช้ชีวิตธรรมดาช่างเรียบเฉื่อยเกินไป จึงต้องการความตื่นเต้นบ้าง
ในตอนกลางคืน หลังจากพาลูกเข้านอนแล้ว ทั้งสองก็สวมชุดดำตรงไปที่จวนเจ้าเมือง แผนการเป็นเช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว มู่ฉินเจินมีหน้าที่ประมือด้วยอาวุธ ในขณะที่เฉียวเยี่ยนแอบเข้าไปเก็บเครื่องบันทึกเสียงในห้องตำรา
นางซ่อนเครื่องบันทึกเสียงไว้ในแจกันและในตู้ที่ติดกับผนัง คนรับใช้ไม่ได้ทำความสะอาดอย่างละเอียด จึงไม่มีทางหาพบ
ครั้งนี้มีคนมากมายมาคอยคุ้มกัน เฉียวเยี่ยนไม่รีบเร่งเหมือนครั้งที่แล้ว แต่ลงมาจากหลังคาเงียบ ๆ
ฝ่ายท่านอ๋องถูกปิดล้อมอย่างสมบูรณ์ แต่วรยุทธ์ของคนเหล่านั้นไม่สูงเท่าชายบ้าบิ่นในครั้งที่แล้ว มีเพียงองครักษ์บางคนเท่านั้นที่มีวรยุทธ์ ในขณะที่คนรับใช้กลุ่มหนึ่งเอาแต่ก้มหน้า
หลังจากได้เครื่องบันทึกเสียงแล้ว เฉียวเยี่ยนก็ดูสถานการณ์ผ่านรอยร้าวของประตู เมื่อรู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา นางจึงแอบเดินออกจากห้องตำราไปที่ห้องนอนของหูเหวินไหล
ครั้งก่อนนางไม่ได้เข้าไปในห้องนอนของเขา แต่หมายมั่นไว้ในใจเสมอมา ว่าวันนี้นางต้องเอ่ยอะไรบางอย่างให้เขากระอักเลือดเสียบ้าง
นางแอบเข้าไปในลานบ้าน แล้วพบว่ามีคนจำนวนมากคอยเฝ้าอยู่เช่นกัน เดาว่าตาแก่นั่นคงระแวงเพราะเหตุการณ์ครั้งก่อน
แต่นางมีระบบตัวน้อยเป็นผู้ช่วย หลังจากตรวจสอบสถานการณ์แล้ว ระบบก็จัดเส้นทางให้นางหลีกเลี่ยงทุกคนได้อย่างราบรื่น
นางมาถึงประตูห้องนอนของหูเหวินไหลอย่างง่ายดาย บัดนี้ข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ห้องตำรามาถึงที่นี่แล้ว เพราะมีคนมารายงานหูเหวินไหล
หูเหวินไหลยังคงหลับอยู่ แต่หลังจากตื่นขึ้น เขาก็รีบไปยังห้องตำรา โดยมีองครักษ์ทุกคนในลานบ้านตามเขาไปด้วย
เฉียวเยี่ยนซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้หน้าประตูห้องนอนของหูเหวินไหล เมื่อเห็นเขาพาทุกคนออกไป นางก็มีความสุขมาก นี่ไม่ใช่การเปิดโอกาสให้นางขโมยของได้เต็มที่หรอกหรือ!
นางเดินสบาย ๆ เข้าไปในห้องนอนของเขา ตาแก่นี่คงเสื่อมสมรรถภาพไปแล้ว คืนนี้จึงไม่มีสาวงามอยู่ในห้อง ห้องนี้จึงว่างเปล่า
เมื่อมองไปรอบ ๆ นางก็กัดฟันแน่น ตาแก่นี่ใช้ชีวิตหรูหราจริง ๆ เครื่องเรือนทั้งหมดในห้องทำจากไม้จันทน์แดงราคาแพง แม้แต่ตำหนักอ๋องซู่ของพวกเขา ก็ยังไม่มีของหรูหรามากมายเช่นนี้
นอกจากเครื่องเรือนแล้ว ยังมีของประดับอีกมากมายที่เป็นสมบัติหายาก เช่น หยกแกะสลัก ภาพวาดชื่อดัง เครื่องลายครามล้ำค่า…
ของเหล่านี้ปรากฏขึ้นในจวนเจ้าเมืองตำแหน่งเล็ก ๆ แล้วจะบอกว่าเขาไม่ได้ทุจริตงั้นหรือ? แม้แต่ผีก็คงไม่เชื่อ!
เมื่อเห็นสมบัติมากมาย ดวงตาของระบบตัวน้อยก็เป็นสีทองสว่างวาบเช่นเดียวกับโฮสต์ของตน เงินจำนวนมากเปล่งประกายอยู่ตรงหน้านาง หากนางขายของเหล่านี้ทั้งหมด คะแนนของนางจะเพิ่มขึ้นมาก!
“ลุยเลย!”
เฉียวเยี่ยนยกแขนขึ้นหมายจะดึงผ้าปูที่นอนของหูเหวินไหล แต่เมื่อนึกถึงภาพอันบาดตาในคืนนั้น นางก็หยุดมือ
มันจะน่าขยะแขยงเพียงใด หากเขาไม่เปลี่ยนผ้าปูที่นอน!
นางเปลี่ยนไปดึงผ้าม่านอีกผืนมาปูลงบนพื้น แล้วเริ่มปล้นสะดมทรัพย์สินอีกครั้ง ผ้าม่านคืนนี้ผืนใหญ่ ทำให้นางขนข้าวของกลับได้มากขึ้น หลังจากเก็บข้าวของเสร็จ ห้องก็ว่างเปล่าอีกครั้ง ห่อสัมภาระมีขนาดใหญ่มากจนแทบจะไม่สามารถขนออกจากห้องได้
หลังจากขโมยสมบัติเสร็จแล้ว เฉียวเยี่ยนก็ทำลายห้องอีกครั้ง ในที่สุดก็จากไปด้วยความพึงพอใจ
นางแบกสัมภาระห่อใหญ่วิ่งกลับไปหาท่านอ๋องของนางที่ห้องตำรา มู่ฉินเจินยืนอยู่ตรงมุมกำแพงและผิวปาก นางทำท่าโอเคตอบรับหลังจากเห็นว่ามู่ฉินเจินเห็นนางแล้ว
ครั้งนี้มู่ฉินเจินเตรียมพร้อมทางจิตใจแล้ว เขามีท่าทางสงบลงมากเมื่อเห็นว่านางกำลังแบกห่อสัมภาระที่ดูใหญ่กว่าครั้งที่แล้ว เขาถีบคนที่เข้ามาพัวพันเขาออกไป ก่อนจะหันกลับมาและรีบวิ่งไปหาเฉียวเยี่ยน แล้วคว้าเอวนางกระโดดข้ามกำแพงอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาใส่ความพยายามเต็มที่ ไม่มีอะไรน่าอับอายเหมือนคืนนั้นอีกแล้ว
นอกห้องตำราของจวนเจ้าเมือง ทุกคนต่างตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อเห็นหัวหน้าองครักษ์ที่หูเหวินไหลจ้างด้วยเงินจำนวนมากถูกทุบตีจนล้มลงกับพื้นทีละคน ส่วนคนรับใช้ในจวนก็นอนกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
คนที่เหลือไม่มีความสามารถในการต่อสู้ และทำได้เพียงมองโจรแบกห่อสัมภาระใบใหญ่ข้ามกำแพงตาปริบ ๆ
เมื่อหูเหวินไหลเห็นถุงใบใหญ่ใบนั้น เขาก็นึกสังหรณ์ไม่ดีอยู่ในใจ เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันถูกขโมยไปจากเรือนของเขา?
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ เขาก็รีบวิ่งไปที่ห้องนอนโดยไม่สนว่ารองเท้าจะกระเด็นหลุด
ทันทีที่เขาไปถึงห้องนอน เขาก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในโดยไม่ต้องเปิดประตู
ประตูถูกเปิดออกกว้าง สภาพภายในห้องถูกโจรบุกอาละวาดอย่างหนัก ที่ชายคามีผ้าห่มของเขาแขวนอยู่ พร้อมกับข้อความบิดเบี้ยวบนนั้นว่า ‘จอมโจรยวนยางมาเยือนที่นี่แล้ว!’
“บังอาจยิ่งนัก! มีอย่างที่ไหนกัน!”
ชายชราวัยห้าสิบปีโกรธมากจนหน้าแดงก่ำ ไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้ในทันใด และพลันหายใจติดขัด
ทันใดนั้นจวนเจ้าเมืองก็ตกอยู่ในความโกลาหลอีกครั้ง พวกคนรับใช้ไม่มีเวลาไล่จับจอมโจรยวนยางที่กลับไปพร้อมข้าวของเต็มไม้เต็มมือ เพราะต้องรีบไปตามหมอมาให้เจ้านายของพวกเขา
อีกด้านหนึ่ง เฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจินที่ได้ผลประโยชน์เต็ม ๆ ยังคงเดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนนตามปกติ ตอนนี้ทุกครัวเรือนต่างหลับไหล ไม่มีใครออกมารบกวนบนท้องถนน คงเป็นเพราะเรื่องของจอมโจรยวนยางที่เกิดขึ้นล่าสุด ผู้คนจึงรีบปิดประตูตั้งแต่หัวค่ำ
เฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจินคุยกันเรื่องสถานการณ์ในห้องของหูเหวินไหล แล้วพูดด้วยความหงุดหงิด “ตาแก่นั่นฟุ่มเฟือยยิ่งนัก แม้แต่เครื่องเรือนก็ยังทำจากไม้จันทน์แดง น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจขนของออกมาได้มาก ไม่เช่นนั้นข้าจะขนเครื่องเรือนออกมาด้วย”
เมื่อมู่ฉินเจินได้ยินนางพูดว่า “ไม่สามารถขนของออกมาได้มาก” มุมปากของเขาก็กระตุกเบา ๆ สายตาของเขามองไปยังสัมภาระถุงใหญ่อย่างมีความหมาย
แน่ใจหรือว่านี่ยังไม่ได้ขนออกมามาก?
หลังจากกลับมาที่ค่ายทหาร ทั้งสองก็โยนถุงใส่ของขนาดใหญ่เข้าไปในกระโจมขององครักษ์หลายคนตามปกติ เพราะตอนนี้มันใหญ่เกินกว่าจะเก็บไว้ในกระโจมของพวกเขาได้แล้ว
เกาจัวหยวนรู้สึกตกตะลึงเมื่อเห็นข้าวของมากมายอีกครั้ง สองคนนี้คงไม่ได้เสพติดการเป็นขโมยจริง ๆ ใช่หรือไม่?
ไม่ได้การแล้ว! หากสมมุติว่าท่านอ๋องและหวางเฟยทำเรื่องเช่นนี้ทุกวัน มันจะไม่แย่เอาหรือ?
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
๕๕๕ คราวนี้กวาดไปเกลี้ยงเลย ตาแก่นั่นหัวใจวายตายแน่ ว่าแต่หวางเฟยเหตุใดท่านจึงแข็งแกร่งนัก? เป็นนักกีฬายกน้ำหนักได้สบายเลย
ถ้ารู้ว่าจอมโจรยวนยางคือท่านอ๋องกับหวางเฟยนี่จะเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดไหนกันนะ?
ไหหม่า(海馬)
Comments