ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 240 มุมมองของบิดา

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 240 มุมมองของบิดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 240 มุมมองของบิดา

ตอนที่ 240 มุมมองของบิดา

เสียงอันอ่อนโยนอบอุ่นดังขึ้นข้างหู เว่ยอวิ๋นซูเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนเห็นเฉียวจิ่นมองมาที่นางพลางยิ้มอ่อนโยนบางเบา

นางรับผ้าเช็ดหน้ามาด้วยความเขินอาย หลังจากเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ แล้วก็จัดผมตัวเองให้เรียบร้อย นางเร่งรุดเดินทางมาแต่ไกล ตอนนี้มันคงกระเซอะกระเซิงมากแน่

“ขะ…ขอบคุณเจ้าค่ะพี่เฉียวจิ่น”

นางเอ่ยขอโทษตะกุกตะกัก ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขา จึงไม่ได้สังเกตเห็นแววตาซุกซนในดวงตาของเฉียวจิ่น

เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินกลับตำหนักอ๋องซู่แล้ว ลูกทั้งสองก็มีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง และเกาะติดบิดามารดาทุกวัน บางครั้งก็ถูกพวกลุงองครักษ์พาไปเล่นเกมสนุกๆ

หลังจากกลับมาเมืองหลวงและพักผ่อนหนึ่งวันเต็ม มู่ฉินเจินก็เข้าวังไปรายงานรายละเอียดสถานการณ์ภัยพิบัติครั้งนี้ต่อฮ่องเต้เฒ่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขากับเฉียวเยี่ยนได้รับคำชมยกใหญ่ แถมยังได้รางวัลมาไม่น้อย

หลังจากออกจากเมืองหลวงไปนานสองเดือน เฉียวเยี่ยนก็พาเด็กๆ เข้าวังไปคารวะฮ่องเต้กับฮองเฮาด้วยกัน

วันแรกที่เข้าวังไป ฮองเฮาก็ไม่ปล่อยให้พวกเขาออกจากวัง และลากเฉียวเยียนไปอยู่กับนางในตำหนักสองสามวัน

เฉียวเยี่ยนไม่ได้ปฏิเสธ และพาเด็กๆ ไปพักอยู่ในตำหนักของฮองเฮา สองสามวันมานี้มู่ฉินเจินเองก็ไม่ได้กลับตำหนักอ๋อง และอยู่ในวังเป็นเพื่อนพวกเขาด้วยเช่นกัน

ตอนนี้ผ่านมาครึ่งเดือนสิบแล้ว อากาศในเมืองหลวงเริ่มเย็นลง พืชผักในสวนผักพระราชวังเก็บเกี่ยวเสร็จเรียบร้อย และตอนนี้ก็เริ่มปลูกผักกาดขาวกับหัวไชเท้าแล้ว

ท้อน้ำผึ้งในหมู่บ้านจิ่วหลีพัวก็เก็บได้พอประมาณแล้ว แต่ปีนี้มีฝนตกชุก ปริมาณกับคุณภาพของลูกท้อที่เก็บได้ไม่ดีเท่าปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด และปีนี้ลูกท้อชุดนี้น่าจะทำเงินได้ไม่เท่าใด

ฮองเฮาได้ผ้าคุณภาพสูงที่บรรดาเมืองประเทศราชส่งบรรณาการมาให้ จึงลากเฉียวเยี่ยนไปเลือกผ้าสำหรับตัดเสื้อผ้าใหม่

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เห็นผ้าโปร่งสีชมพูผืนหนึ่งก็กอดไว้อย่างชื่นชอบ และรบเร้าให้เสด็จย่าทำเสื้อผ้าใหม่ให้นาง

ฮองเฮาทรงสรวลอย่างมีความสุขหลังถูกปีศาจน้อยรบเร้า เด็กน้อยอยากได้อะไรนางตอบตกลงหมด

มู่ฉินเจินกับฮ่องเต้เฒ่ากำลังหารือเรื่องต่างๆอยู่ในห้องทรงอักษร ครั้นเห็นสาส์นที่เจ้าเด็กบ้านี่ส่งมา ก็พอใจอย่างมาก

หลังผ่านเหตุการณ์นี้ เขาก็เติบโตขึ้นมาไม่น้อย จากนี้ไปรับตำแหน่งใหญ่ เขาก็ยิ่งวางใจมากขึ้น

“เจ้าเด็กบ้า ไม่ช้าเจ้าก็จะอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ไม่เช่นนั้นเราแต่งตั้งยศให้เจ้าเป็นไทจื่อ[1] เลยดีไหม?”

ชายชราวางสาส์นลง พลางมองบุตรชายที่ยืนตรงเป็นเสาไม้อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้ากระตือรือร้น

ความจริงเขาอยากจะตรัสว่า ‘ยี่สิบแปดแล้ว โตแล้ว ควรรับต่องานของข้าได้แล้ว ให้ข้าได้สุขสบายไปกับชีวิตตอนแก่เถิด!’

ทว่าเขารู้นิสัยดื้อรั้นของบุตรชายตัวเองดีในเรื่องที่ไม่ชอบถูกพันธนาการอยู่ในพระราชวัง การเต็มใจช่วยงานเขาเป็นแค่ความรับผิดชอบของเขาเท่านั้น หาใช่สนใจตำแหน่งนี้ไม่

หากถูกบีบคั้นจนเกินไป เขาต้องบุกเดี่ยวไปซีเป่ยโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงแน่ และกว่าจะกลับมาอีกทีก็คงอีกสองสามปี

เฮ้อ เขาล่ะกลุ้มใจจริงๆ ! น่ากลัวว่าจะไม่มีใครเป็นฮ่องเต้เช่นนี้เหมือนกับเขาแล้ว

โยนตำแหน่งนี้ออกไปก็ไม่มีใครเอา เจ้าว่ามันน่าโมโหหรือไม่?

มู่ฉินเจินปฏิเสธโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง “ลูกยังต้องการเป็นอิสระอีกสองสามปี พระองค์ยิ่งแก่ก็ยิ่งแข็งแรง ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น”

ชายชราเริ่มรู้สึกโมโหกับท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนนั้นของเขา ก่อนจะดื่มน้ำชาอย่างดุดัน แล้วโบกมือให้เขา”ไปๆๆ ไปหาภรรยาเจ้าเลย!”

มู่ฉินเจินออกไปอย่างเชื่อฟัง และเดินไปทางตำหนักคุนหนิง

ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าชายชราหมายถึงอะไร แต่เมื่อเข้าไปในประตูวังที่ลึกดุจทะเล ไม่เพียงแค่เหล่านางในเท่านั้น ต่อให้เขาได้ครองบัลลังก์ นั่งบนตำแหน่งที่ถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา เขาก็ยังอยากอยู่กับนางและลูกๆ ไปอีกหลายๆ ปี

เมื่อเขากลับมาถึงตำหนักคุนหนิง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากด้านในทั้งที่ยังอยู่นอกประตู มีทั้งเสียงของเด็กๆ และก็เจ้าท่อนไม้

เขาผลักประตูเข้าไปก็เห็นเฉียวเยี่ยนหัวเราะจนเกือบหงายหลัง ดูมีความสุขอย่างยิ่ง ส่วนอีกฝ่ายที่นางหัวเราะใส่คือลูกสาวของเขาเอง

ฮองเฮากำลังปักผ้าอยู่ เฉียวเยี่ยนเองก็ว่างไม่มีสิ่งใดทำจึงอยากจะลองปักสักสองสามเข็ม ทว่าฝีมือปักอันย่ำแย่ของนางช่างดูน่ากลุ้มใจนัก นางจึงทำเล่นๆ ไปเท่านั้น

เมื่อเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เห็นเสด็จย่ากับมารดากำลังปักผ้า ก็ห้ามมือน้อยๆ ของตัวเองไม่ได้ อยากจะเข้าไปเล่นด้วย

ฮองเฮาที่คลั่งรักเด็กตัวเล็กขนาดนี้จะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร?

พระนางจึงออกโอษฐ์สั่งนางข้าหลวงไปนำสะดึงปักขนาดเล็กมาให้นางทันที และสอนเด็กน้อยปักไปทีละฝีเข็ม

แต่เจ้าปลาน้อยมีกำลังมากเหมือนมารดาบางคนอย่างเห็นได้ชัด และไม่มีพรสวรรค์ในการเย็บปักถักร้อย มืออ้วนเงอะงะจับเข็มปักผ้าไปมั่วๆ ไม่นานก็ดึงด้ายจนพันกันเป็นปม

หรือไม่ก็ไม่ระวัง แค่ดึงด้ายออกเบาๆ มันก็ขาด บนศีรษะทุยน้อยๆ มีแต่ด้ายที่ขาดแล้วติดอยู่เต็ม ท่าทางนั้นดูตลกอย่างมาก

เฉียวเยี่ยนรู้สึกขบขันกับคนตัวเล็กมาก แต่เจ้าปลาน้อยดูเหมือนจะไม่สังเกตว่าตัวเองในตอนนี้ตลกแค่ไหน ดวงหน้าซาลาเปายับยู่ยี่ สีหน้าดูจริงจังมาก พยายามจิ้มเข็มปักดอกไม้อย่างจริงจัง

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์นั่งถัดจากน้องสาว ก้มลงมองงานปักของนาง แม้ลายปักที่ได้จะดูน่าเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้เล็กน้อย ทว่าเขาก็ยังมองน้องสาวอย่างหลงใหล ยกมือน้อยของตัวเองขึ้น หยิบด้ายที่ขาดออกจากตัวน้องสาว

มู่ฉินเจินเดินไปหาลูกสาว พลางก้มลงมองผลงานปักดอกไม้ของนางอย่างตั้งใจ รอยปักคดโค้งบิดเบี้ยว ยาวสั้นไม่เท่ากัน ทิศทางของรอยปักยิ่งอยู่เหนือความคาดหมาย ไม่รู้เลยว่าต้องปักเข็มต่อไปลงตรงไหน

กระนั้นในมุมมองของผู้เป็นบิดาก็ย่อมคิดว่าลูกสาวตนดีไปเสียหมด ต่อให้ปักช่อดอกไม้เล็กๆ ไม่กลมกลืนกัน เขาก็ยังคิดว่าเป็นผลงานชิ้นเอกอยู่ดี

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เห็นบิดาเข้ามาก็เงยหน้าขึ้นมองเขาตาปริบๆ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาฟังดูน่าสงสารมากเท่าใดก็เท่านั้น

“ท่านพ่อ เข็มปักพวกนี้รังแกข้า แล้วท่านแม่ก็หัวเราะเยาะข้า”

นางกล่าวพลางสูดจมูกน้อย ดวงตากลมโตคลอหยาดน้ำมองไปยังบิดาตัวเอง ท่าทางนั้นเหมือนกำลังซักถามว่า ‘บอกมา! ท่านไม่รักข้าแล้วใช่หรือไม่! ’

มู่ฉินเจินจะปล่อยให้ลูกสาวดูน่าสงสารเช่นนี้ได้อย่างไร จึงหยิบสะดึงปักผ้าน้อยของนางขึ้นมา ก่อนสังเกตผลงานอย่างจริงจัง “อวี๋เอ๋อร์เยี่ยมที่สุด ปักได้สวยงามยิ่งนัก”

ทุกคนที่อยู่ในตำหนักคุนหนิงต่างเงียบ ไม่อยากเห็นบิดาที่โอ๋ลูกสาวได้อย่างไม่มีขีดจำกัด

เฉียวเยี่ยนรู้ว่าผู้ชายของตัวเองจะกลายเป็นคนตาบอดเมื่ออยู่ต่อหน้าลูก แม้แต่ดำเขาก็สามารถบอกเป็นขาวได้

ดวงตาของนางทอประกายเจ้าเล่ห์ ก่อนหยิบผ้าปักในมือนางเขย่าไปมา แล้วเอ่ยเสียงหงุงหงิง “ท่านอ๋อง เหตุใดท่านจึงไม่มาดูว่าข้าปักเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”

น้ำเสียงเสแสร้งออดอ้อนนั้น ทำให้ทุกคนในตำหนักที่ได้ยินพากันขนลุกขึ้นมา

มู่ฉินเจินยิ้มอย่างหลงใหลและจนใจ ก่อนเอ่ยอย่างไร้ยางอาย “เยี่ยม ผลงานของฮูหยินเป็นผลงานชิ้นเอกที่ไม่มีใครเทียบได้”

บรื๋อ!

ฮองเฮา กลุ่มขันที และนางข้าหลวงที่อยู่ด้านข้างต่างตัวสั่นพร้อมกัน หวานกันเสียเหลือเกิน แถมยังชวนขนลุกไม่ไหว

สองสามีภรรยาคู่นี้ไม่กลับไปเกี้ยวพาราสีกันที่บ้าน แต่มาทรมานพวกเขาอยู่ที่นี่ ยังสนกฎเกณฑ์กันอยู่หรือเปล่า!

เฉียวเยี่ยนทั้งเขินทั้งตลก พลางก้มมองผลงานชิ้นเอกของตัวเอง เป็นผลงานชิ้นเอกที่ไม่มีใครเทียบได้จริงๆ น่าเกลียดจนไม่มีใครเหมือน หาชิ้นที่สองที่เหมือนกันไม่ได้อีกแล้ว

ดูท่าว่าพวกนางสองแม่ลูกจะไม่มีพรสวรรค์ทางด้านงานของสตรีจริงๆ และทั้งชีวิตนี้คงเป็นได้แค่คนหยาบกระด้างถือมีดควงปืน เป็นผู้หญิงจิตใจดีอ่อนโยนไม่ได้แล้ว

ฮองเฮารู้สึกจนใจกับการเกาะติดเป็นตังเมของคู่รักหนุ่มสาวคู่นี้ จึงตรัสไล่ “พอได้แล้ว ต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ ไม่อายกันหรือไร หากไม่มีอะไรทำก็ไปทำอาหารนู่นไป”

“ช่วงก่อนหน้านี้เสด็จพ่อของเจ้าก็ตรัสว่าอยากเสวยแพะย่างทั้งตัวที่เสี่ยวเยี่ยนทำ วันนี้ทุกคนอยู่ที่นี่ครบพอดี ดังนั้นย่างแพะในวังกันสักครั้งเถิด”

[1] ไทจื่อ (太子) คือ ตำแหน่งองค์รัชทายาท

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ท่านอ๋องโดนตัวไหนมาคะ ภรรยากับลูกสาวพูดอะไรมา ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้เลยนะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *