สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหนเล่มที่ 12 333 ปากยอมรับทว่าใจไม่ยินยอม

Now you are reading สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน Chapter เล่มที่ 12 333 ปากยอมรับทว่าใจไม่ยินยอม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จอมวายร้ายไป๋เฉ่าส่งสายตาเห็นอกเห็นใจให้จงจิงเฉิน เขาเดินเข้าไปหยิบสมุนไพรในมือของจงจิงเฉินขึ้นมา ก่อนจะแยกตรงกลางออก

แม้ภายนอกของสมุนไพรจะมีรูปร่างเหมือนหมวกฟาง ทว่าภายในยังมีเนื้ออีกชั้นหนึ่ง

จอมวายร้ายไป๋เฉ่าหยิบสมุนไพรจากมือของซูจิ่นซีและฉีกดอกตรงกลางออกเช่นกัน

แม้ด้านในจะมีเนื้อ ทว่ายังมีเมล็ดเล็กๆ ปะปนกัน จอมวายร้ายไป๋เฉ่าไม่พูดอันใด เพียงจับมือจงจิงเฉินแบออกและหยิบเมล็ดเล็กๆ ภายในดอกนั้นวางลงบนมือเขา จากนั้นจึงนับทีละเมล็ด ทั้งหมดมีจำนวนสิบเจ็บเมล็ดพอดี

นี่คือที่มาของชื่อสมุนไพรสือชีจ่ง [1]

เด็กน้อยผู้น่าสงสาร ไม่มีทั้งความสามารถและของวิเศษ หมดกัน ขายหน้าหมดสิ้นไม่มีเหลือ จงจิงเฉินลำคอแดงเถือก สีหน้าแสดงถึงความอึดอัด

ซูจิ่นซีรู้สึกสาแก่ใจเป็นที่สุด ราวกับได้บีบคอเขาจนพูดไม่ออก นางไม่คิดจะพูดกับจงจิงเฉินให้กระดากปาก ทำเพียงเดินอ้อมเขาไปยังทางออก

ซูจิ่นซีเดินไปพลางพูดกับจอมวายร้ายไป๋เฉ่าไปพลาง “จอมวายร้าย ข้าต้องการสือชีจ่งกับเชียนเหนียนเจี้ยนทั้งหมด มีเงื่อนไขอย่างไร ไปเจราจากันข้างนอกเถิด”

คำพูดนี้นางตั้งใจพูดกับจอมวายร้ายไป๋เฉ่า ทั้งยังพูดให้จงจิงเฉินได้ยินเช่นกัน

เดิมทีซูจิ่นซีเพียงต้องการนำสมุนไพรไปช่วยชีวิตหลานเยวี่ยหลีเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องนำสมุนไพรไปมากมายเช่นนี้ ทว่าครั้งนี้จงจิงเฉินกับหนานกงหว่านเอ๋อร์คิดจะแย่งชิงกับนาง ทั้งยังคิดกดดันนาง เรื่องเช่นนี้ ซูจิ่นซีไม่มีทางยอมแพ้

ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้หนานกงหว่านเอ๋อร์ได้เอ่ยถึงเรื่องงานสมรสระหว่างหนานกงลั่วอวิ๋นกับเยี่ยโยวเหยา ทั้งยังนำอดีตที่เคยตกต่ำช่วงที่ซูจิ่นซีสมรสกับเยี่ยโยวเหยามาเหยียดหยามดูถูกนาง นางต้องล้างแค้นอย่างแน่นอน

สมุนไพรเชียนเหนียนเจี้ยนกับสือชีจ่งล้วนเป็นสมุนไพรล้ำค่า แม้จอมวายร้ายไป๋เฉ่าจะนึกเสียดายยิ่งนัก ทว่าในเมื่อซูจิ่นซีเอ่ยความต้องการแล้ว อย่างไรเสียเขาต้องตัดใจให้ไปเพราะความรัก

จอมวายร้ายไป๋เฉ่ากำลังจะสั่งให้ผู้ดูแลไปบรรจุหีบห่อให้เรียบร้อย ทว่าจงจิงเฉินกลับเดินเข้ามาขัดขวาง

“ช้าก่อน ระยะเวลาการแข่งขันยังไม่สิ้นสุด! ศิษย์น้องหว่านเอ๋อร์ยังไม่กลับมา ศิษย์น้องเล็กจิ่นซี เจ้าจะนำสมุนไพรไปทั้งหมด คงไม่เหมาะสมกระมัง? ”

ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ คนผู้นี้

“จอมวายร้าย สถานที่อื่นยังมีสือชีจ่ง เชียนเหนียนเจี้ยน และหลิวจี้หนู สมุนไพรทั้งสามชนิดนี้อีกหรือไม่? ”

“อาจมีก็เป็นได้! พื้นที่หลังภูเขาอาจมีเมล็ดพันธุ์หลุดรอดออกไปและเจริญเติบโตขึ้นเองก็เป็นไปได้”

คำพูดของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าชัดเจนอยู่ในที ทั่วทั้งหุบเขาเทพโอสถ สมุนไพรทั้งสามชนิดนี้เขาเป็นคนปลูกเอง ส่วนที่จะหลุดรอดออกไปเจริญเติบโตเองนั้น…

คาดว่าโอกาสเกือบเท่ากับศูนย์

หากหนานกงหว่านเอ๋อร์หายาสมุนไพรพบ นางต้องกลับมานานแล้ว คงไม่เสียเวลาจนถึงตอนนี้กระมัง? นอกจากนั้น ซูจิ่นซีหาสมุนไพรได้ครบทั้งสามชนิดแล้ว เห็นได้ชัดเจนว่าใครแพ้ใครชนะ

“ได้ ข้าจะรอนางกลับมา! ทว่าหากถึงเวลาแล้วนางยังไม่กลับมา ข้าก็จะไม่รอ”

ซูจิ่นซีพูดพลางหาว ก่อนจะนอนฟุบหน้าลงบนโต๊ะเพื่อพักผ่อน

ตลอดการเดินทางจากแคว้นจงหนิง แม้รถม้าของเยี่ยโยวเหยาจะกว้างใหญ่สะดวกสบาย ทว่าไม่สบายเท่าเตียงนอนของนาง ทำให้นางนอนหลับไม่สนิทเท่าใดนัก

ซูจิ่นซีหลับไปครั้งนี้ เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม

เวลาที่ผ่านไป จงจิงเฉินเฝ้ายืนชะเง้อคอยาวมองไปทางยอดเขา หากเห็นหนานกงหว่านเอ๋อร์กลับมาก็คงดี อย่างน้อยยังสามารถเตือนนางได้ ทว่าเขาไม่เห็นแม้แต่เงาของนาง

ซูจิ่นซีลุกขึ้นจากโต๊ะ พลางยืนบิดขี้เกียจอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะหันไปมองกระถางธูป ผู้ดูแลไม่ได้จุดธูปคำนวณเวลาแล้ว

“เวลานี้กี่ชั่วยามแล้ว? ”

ผู้ดูแลรีบตอบกลับ “ทูลพระชายา เวลาการแข่งขันผ่านไปแล้วหนึ่งเค่อ [2] พ่ะย่ะค่ะ”

ซูจิ่นซียืนจัดระเบียบเสื้อผ้า ก่อนจะยกยิ้มมุมปากมองไปทางจงจิงเฉิน “ตอนนี้ข้ายอมให้ท่านครึ่งชั่วยาม ทั้งยังให้เวลาอีกหนึ่งเค่อ คุณชายจิงเฉิน ข้าว่าศิษย์น้องของท่านคงหาสมุนไพรไม่พบและนึกละอายใจจนไม่กลับมาแล้วกระมัง เช่นนั้น… ท่านไปตามนางกลับมาดีหรือไม่? ”

จงจิงเฉินใบหน้าอึมครึม ไม่ได้พูดอันใด เขาหันกลับไปทางยอดเขาเพื่อรอหนานกงหว่านเอ๋อร์ ทันใดนั้นก็เห็นว่าบริเวณเนินเขามีคนสวมชุดขาวมุ่งหน้ามาทางนี้

“ศิษย์น้องเล็ก ศิษย์พี่หญิงของเจ้ากลับมาแล้ว” จงจิงเฉินพูดด้วยความดีใจ

ซูจิ่นซีหันหน้าไปทางนั้นด้วยความสนใจ นางยกยิ้มมุมปากลึกขึ้นเมื่อเห็นหนานกงหว่านเอ๋อร์กลับมา

เดิมทีคิดว่าหนานกงหว่านเอ๋อร์ต้องกลับมามือเปล่าเป็นแน่ ไม่คิดว่าในมือของนางยังถือสมุนไพรอยู่สองสามชนิด

หนานกงหว่านเอ๋อร์เหาะลงมา พลางมองซูจิ่นซีด้วยท่าทีสงสัย จากนั้นก็สังเกตซูจิ่นซีตั้งแต่หัวจรดเท้า

เมื่อเห็นว่าผมของซูจิ่นซียังเป็นระเบียบ เสื้อผ้าเรียบร้อย ใบหน้าและเครื่องประทินโฉมยังเหมือนเดิม ทั้งนางยังแสดงท่าทางราวกับไม่ได้รับความเดือดร้อนอันใด แววตาของหนานกงหว่านเอ๋อร์พลันปรากฏความเหยียดหยามและแย้มยิ้มด้วยสีหน้าลำพองใจ

“ศิษย์น้องเล็ก สมุนไพรปลูกอยู่บนภูเขา หากคิดจะหาสมุนไพรก็ต้องขึ้นไปบนภูเขา! เจ้าไม่รู้หรืออย่างไร? หรือเจ้ากลัวว่า แม้หาสมุนไพรมาได้แล้วก็ยังพ่ายแพ้ให้กับศิษย์พี่หญิงอย่างข้า ดังนั้นจึงล้มเลิกเสียกลางคัน”

ภายในใจหนานกงหว่านเอ๋อร์ยังคงทึกทักเอาเองว่า ซูจิ่นซีเป็นคนไม่ได้ความและไร้ความสามารถ

แววตาของนางไม่อาจปกปิดความรู้สึกสาแก่ใจ ทว่ายังเสแสร้งสะอึกสะอื้นมีเมตตา พูดปลอบใจซูจิ่นซี

“ศิษย์น้องเล็ก ความจริงหากเจ้าหาสมุนไพรไม่พบก็ไม่เป็นไร นี่เป็นเพียงการแข่งขัน แพ้ก็คือแพ้ เพียงเจ้าคุกเข่าขอโทษศิษย์พี่หญิงด้วยความจริงใจ เจ้าต้องการสมุนไพรเท่าไร ศิษย์พี่หญิงสามารถแบ่งสมุนไพรให้เจ้าได้ เห็นแก่ที่เจ้าเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน”

จงจิงเฉินพยายามส่งสายตาให้หนานกงหว่านเอ๋อร์ ทว่าน่าเสียดาย หนานกงหว่านเอ๋อร์หยิ่งยโสมั่นใจในตนเองสูง นางไม่หันหน้าไปมองจงจิงเฉินแม้แต่น้อย

ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าหนานกงหว่านเอ๋อร์พกความมั่นใจมาจากที่ใด

นางไม่รู้เลยหรือว่า หากมั่นใจมากเกินไปจะกลายเป็นอวดเก่งจนเกินงาม

“อืม! เจ้าได้สมุนไพรมาครบแล้วหรือ? ”

“เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว! ”

หนานกงหว่านเอ๋อร์ยื่นสมุนไพรในมือให้จอมวายร้ายไป๋เฉ่าด้วยท่าทีลำพองใจ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องและดื่มน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะ

จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแกมประชดประชัน “เจ้าหุบเขาอู๋ ท่านลองตรวจสอบให้ดีๆ สมุนไพรที่ข้าเก็บมานั้นเป็น เชียนเหนียนเจี้ยน สือชีจ่ง และหลิวจี้หนู ทั้งสามชนิดใช่หรือไม่ ทว่าอย่าดูผิดเชียว เดี๋ยวจะมีคนที่ปากพูดยอมรับ ทว่าจิตใจไม่ยอมรับ”

“คุณหนูหนานกง ชาจอกนั้นข้าดื่มเหลือไว้ หากท่านชื่นชอบ ข้าก็ไม่ถือสา”

“พุ้ย… ” หนานกงหว่านเอ๋อร์พ่นน้ำชาที่เพิ่งดื่มเข้าไปก่อนหน้านี้ออกมา ทั้งยังอาเจียนอยู่ข้างโต๊ะพักใหญ่ ก่อนจะพูดกับซูจิ่นซีด้วยท่าทีรังเกียจ “เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกข้าก่อน? ”

“ท่านเองก็ไม่ได้ถามข้า! ” ซูจิ่นซีแสดงท่าทางราวกับไม่รู้ไม่เห็น

“ช่างเถิด! ” หนานกงหว่านเอ๋อร์แสดงออกอย่างคนใจกว้าง ไม่คิดโต้เถียงด้วยเรื่องเช่นนี้ นางออกคำสั่งกับผู้ดูแลหุบเขาเทพโอสถ “ไปชงชามาให้ข้าหนึ่งกาเดี๋ยวนี้”

ผู้ดูแลหันหน้าไปมองจอมวายร้ายไป๋เฉ่า เมื่อเห็นจอมวายร้ายไป๋เฉ่าไม่ได้พูดตอบอันใด จึงยืนนิ่งไม่ขยับ

“ไปสิ! เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ? ”

ผู้ดูแลยังคงยืนกุมมือด้านหน้าอย่างมีมารยาท และพูดด้วยใบหน้าจริงจังว่า “คุณหนูหนานกง ที่นี่คือหุบเขาเทพโอสถ ไม่ใช่โรงน้ำชา ต้องขออภัยที่ไม่มีน้ำชาไว้ให้บริการ”

“เจ้า… ”หนานกงหว่านเอ๋อร์เดือดดาลสุดขีด พลางชี้ไปที่จอกน้ำชาบนโต๊ะและพูดว่า “แล้วนั่นคือสิ่งใด? เหตุใดนางถึงมีสิทธิ์ดื่มชา ทว่าข้าไม่มี? ”

……

เชิงอรรถ

[1] สือชีจง คำว่า สือชี มาจากภาษาจีนว่า 十七 แปลว่า สิบเจ็ด

[2] หนึ่งเค่อ หมายถึง เวลา 15 นาที

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *