ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 25.1 ผู้ดูแลอาจารย์อา (1)
อาคารขนาดเล็กหลังนี้มีความสูงสิบจั้งแบ่งออกเป็นสองชั้น มันดูเหมือนน้ำเต้าขนาดใหญ่เมื่อมองจากระยะไกล ที่มาของแรงบันดาลใจสำหรับหลี่ฉางโซ่ว ‘หัวหน้าผู้ออกแบบ’ นั้นน่าจะเป็นอาวุธเวทของจิ่วจิ่ว คือกระบี่มุ่งมาดพิฆาตมาร
มันเป็นน้ำเต้าลูกใหญ่ ที่สามารถขยายขนาดให้ใหญ่มหึมาหรือย่อขนาดให้เล็กจิ๋วสุด และสามารถพาคนบินไปในอากาศได้
อาคารหลังเล็กนั้นตั้งอยู่ในสระน้ำ และยังมีบ่อน้ำอยู่ห่างจากประตูหน้าไปอีกแปดสิบจั้ง ซึ่งทางน้ำในสระกับในบ่อล้วนเชื่อมต่อระหว่างกัน
หากมองจากท้องฟ้าลงมาดูอาคารหลังนี้ จะมองเห็นว่ามีแผนภาพหยินหยางขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งร้อยจั้งฝังตัวอยู่ในป่า ส่วนสระน้ำนั้นมีรูปร่างเหมือนปลาหยินหยาง ในขณะที่อาคารขนาดเล็กและบ่อน้ำดูเหมือนดั่งดวงตาของปลา
นี่คือการจัดวางฮวงจุ้ยซึ่งมีผลในการอัญเชิญโชคและขับไล่วิญญาณชั่วร้าย นอกจากนี้สำนักตู้เซียนยังเป็นสำนักบำเพ็ญเซียนมนุษย์จึงกล่าวได้ว่าแผนภาพหยินหยางย่อมมีความสำคัญ
เมื่อยืนอยู่หน้าอาคารขนาดเล็กนั้นแล้วเงยหน้ามองขึ้นไป ก็จะสามารถเห็นป้ายที่ทำจากไม้ซึ่งลงอักษรเอาไว้ว่า ‘หอโอสถแห่งยอดเขาหยกน้อย’
เมื่อเพ่งดูใกล้ๆ จะเห็นว่ามีเส้นแนวตั้งเล็กๆ สองเส้นอยู่ใต้ป้ายไม้นั้นซึ่งลงอักษรเอาไว้ว่า ‘ได้รับอนุญาตจากหอไป่ฝาน เพื่อสร้างอาคารหลอมโอสถ’
พูดง่ายๆ ว่านี่คืออาคารที่ผ่านการรับรองและได้รับการอนุญาตแล้ว!
เมื่อเดินผ่านเข้ามาจากทางประตูหลัก สิ่งแรกที่เห็นข้างหน้าจะเป็นฉากกั้นที่ทำด้วยไม้ และด้านหลังฉากคือเตาหลอมโอสถขนาดใหญ่ซึ่งสูงราวหกสิบฉื่อ
เตาหลอมโอสถนี้กินเนื้อที่กว้างมาก มันมีฐานกว้างและแคบขึ้นตามความสูงไปเรื่อยๆ มันหล่อหลอมขึ้นมาจากแผ่นทองคำม่วงขนาดใหญ่ สลักด้วยเมฆมงคลกับสมุนไพรเป็นร้อยชนิด ทั้งยังมีกฎข้อบังคับมากมายอยู่ในตัวของมันเอง
เพียงแต่ว่ามันมี ‘รอยปะซ่อม’ จำนวนมากในส่วนบนของเตาหลอมโอสถ ทำให้มันดูโทรมมากทีเดียว
เดิมทีเตาหลอมโอสถนี้ถูกละทิ้งไปแล้ว ทว่าเพียงแค่ส่วนบนของมันที่ถูกระเบิดเสียหาย หลี่ฉางโซ่วจึงใช้เครือข่ายของเขาในหอไป่ฝานเพื่อขอแลกเปลี่ยนมันมาด้วยปลาวิญญาณ จากนั้นเขาก็ใช้เวลาอีกหกเดือนในการซ่อมแซมมันอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดเขาก็สามารถเปิดใช้งานมันได้อีกครั้ง
เตาหลอมโอสถนี้มีสามขา มีหูสองข้าง ท้องกลม และมี ‘หน้าต่าง’ เป็นรูปร่างเหมือนปลาหยินหยางทุกด้าน ตัวควบคุมหลัก อาทิ กระบวนการระบายความร้อนของไฟ กระบวนการพ่นไฟที่อยู่ใต้เตาหลอมมีสภาพสมบูรณ์ดีมาก
หลังจากที่หลี่ฉางโซ่วซ่อมแซมเตาหลอมแล้ว ประสิทธิภาพและพลังของมันก็กลับคืนมากว่าเจ็ดในสิบส่วน
สิ่งที่หายากยิ่งกว่าคือ การที่หลี่ฉางโซ่วได้รับเตาหลอมนี้มาโดยแทบไม่ต้องจ่ายค่าอะไรเลย
แผ่นทองคำม่วงสามารถกดข่มคุณสมบัติทางยาของสมุนไพรวิญญาณส่วนใหญ่ไว้ได้ อาจกล่าวได้ว่าเตาหลอมนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของยอดเขาหยกน้อยในขณะนี้
อาคารขนาดเล็กถูกสร้างขึ้นมารอบเตาหลอมโอสถนี้
รอบเตาหลอมโอสถมีชั้นวางหลายแถวซึ่งเต็มไปด้วยขวดหยก น้ำเต้า และกล่องหยกทุกขนาด นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรและโอสถวิญญาณจำนวนมากที่ได้รับการหลอมขึ้นมาด้วยเตาหลอมโอสถนี้ แต่พวกมันเหล่านี้ล้วนเป็นสมุนไพรและโอสถทั่วไปเท่านั้น
สถานที่แห่งนี้ถูกจัดเก็บเป็นระเบียบเรียบร้อยโดยหลันหลิงเอ๋อร์ ยามนี้ศิษย์น้องหญิงน้อยผู้นี้กำลังปิดด่านบำเพ็ญเพียรด้วยพยายามจะเพิ่มระดับพลังของนาง
เมื่อจิ่วจิ่วกระโดดจากด้านนอกเข้ามาในหอโอสถ ขณะนั้นหลี่ฉางโซ่วซึ่งอยู่ในชุดเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนกำลังยืนอยู่ข้างเตาหลอมโอสถ โดยมีโอสถสีทองอ่อนนับสิบเม็ดวางอยู่บนฝ่ามือของเขา ดูเหมือนกำลังพยายามเพิ่มพูนความเข้าใจในการหลอมโอสถของเขาอยู่
“เสี่ยวฉางโซ่ว กำลังหลอมโอสถอะไรขึ้นมาใหม่หรือ” จิ่วจิ่วโน้มกายมาดูอย่างสงสัย
“ท่านอาจารย์อาอยากลองหรือไม่ เม็ดโอสถรื่นรมย์ใจเข้มข้นเพิ่งหลอมมาสดใหม่รสชาติดีขึ้นเล็กน้อย ฤทธิ์โอสถน่าจะดีทีเดียวขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วถามอย่างเป็นกันเองขณะที่โอสถวิญญาณสองเม็ดค่อยๆ ลอยมาข้างหน้าจิ่วจิ่ว จึงถูกจิ่วจิ่วกลืนเข้าปากไปโดยตรงแล้วเคี้ยวทันที ในไม่ช้านางก็เรอและแผ่กลิ่นหอมสดชื่นพวยพุ่งออกมา
“มันหวานมาก” จิ่วจิ่วยื่นมือขวาออกมา “ขอเพิ่มอีกหน่อย!”
หลี่ฉางโซ่วจึงหยิบขวดกระเบื้องหยกสีขาวที่เต็มไปด้วยโอสถออกมาแล้วส่งให้นาง
ทว่าฝ่ามือเล็กๆ ของจิ่วจิ่วยังคงไม่ชักกลับขณะถามว่า “แล้วเซียนเมามายของเดือนนี้เล่า!”
“อย่าได้กังวลไป ข้าย่อมไม่ลืมส่วนแบ่งของท่านอาจารย์อาแน่”
หลี่ฉางโซ่วหัวเราะเบาๆ แล้วยื่นกระปุกหยกขนาดเท่าฝ่ามือให้นางอย่างเอาใจ
จิ่วจิ่วรีบเปิดมันอย่างกระหาย จิบหนึ่งคำเล็ก ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความพอใจ
“ดี ฉางโซ่ว วิชาการหลอมโอสถและการบ่มสุราของเจ้าก้าวหน้าไปพร้อมๆ กันได้
วันนี้เจ้าอยากให้ข้าช่วยทำอันใด เจ้าไม่ได้สร้างค่ายกลมาสองเดือนแล้ว ข้าไม่อาจเป็นผู้รับโดยไม่ทำสิ่งใดให้เป็นประโยชน์ต่อเจ้านะ”
“วันนี้ยังไม่จำเป็นขอรับ” หลี่ฉางโซ่วกล่าวยิ้มๆ “แต่อีกยี่สิบวันหลังจากนี้ ข้าต้องการเปิดเตาหลอมเพื่อหลอมโอสถเซียนที่ยากขึ้น จึงอยากรบกวนขอให้ท่านอาจารย์อามาช่วยในเวลานั้นขอรับ”
จิ่วจิ่วตบหน้าอกของนางอย่างเริงร่าจนเสื้อผ้าป่านพลิ้วไหวขณะกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา! ไว้ใจข้าได้! อีกยี่สิบวันใช่หรือไม่”
“ใช่ขอรับ อีกยี่สิบวันหลังจากนี้” หลี่ฉางโซ่วกล่าวด้วยสีหน้าท่าทีเคร่งขรึม “การหลอมโอสถในครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อศิษย์ และเมื่อข้าเริ่มกระบวนการแล้วจะหยุดไม่ได้ หากท่านไม่มีเวลาว่าง ขอได้โปรดรีบแจ้งศิษย์ให้ทันเวลาด้วยขอรับ นอกจากนี้ข้าอยากขอรบกวนท่านอาจารย์อาช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วยได้หรือไม่”
“โอสถอันใดกันถึงได้ลึกลับยิ่งเพียงนี้”
“เป็นโอสถพิษชนิดหนึ่งที่เรียกว่าโอสถสลายเซียนขอรับ”
จิ่วจิ่วตกตะลึงฉับพลัน “โอสถสลายเซียนนี้ไม่ใช่ว่ากันว่ามันสามารถสังหารได้แม้แต่เซียนเสิ่นหรอกหรือ ดูเหมือนว่าข้าจะเคยได้ยินศิษย์พี่ห้ากล่าวถึงเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้ว เหตุใดเจ้าถึงอยากหลอมมันขึ้นมาเล่า”
หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มและกล่าวว่า “พิษก็มีคุณสมบัติทางยาชนิดหนึ่งเช่นกันขอรับ เฉกเช่นอาหารที่มีรสชาติแตกต่างกัน หวาน เปรี้ยว เค็ม และเผ็ด
โอสถพิษสามารถใช้ได้ทั้งสังหารและช่วยชีวิตผู้คน ขอท่านอาจารย์อาโปรดวางใจได้ว่า ศิษย์หาได้มีศัตรูไม่ ข้าย่อมรักชีวิตของผู้บำเพ็ญ และจะไม่ทำสิ่งใดที่เป็นการทำร้ายผู้อื่น
หากหลอมโอสถสลายเซียนได้สำเร็จ ศิษย์จะมอบเซียนเมามายในปริมาณสำหรับหนึ่งปีให้ท่านเป็นของกำนัล ซึ่งส่วนนี้ไม่รวมกับที่เราเคยตกลงกันขอรับ”
“ตกลง!”
จิ่วจิ่วยื่นหมัดขวาออกไปเบื้องหน้าของหลี่ฉางโซ่ว ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วก็ยื่นหมัดของเขาออกไปแตะเบาๆ กับหมัดของนาง จิ่วจิ่วพลันฉีกยิ้มเบ่งบาน
“ข้าจะกลับมาในอีกยี่สิบวัน”
“ท่านอาจารย์อาโปรดถนอมตัวด้วยขอรับ”
จิ่วจิ่วส่งเสียงหัวเราะร่าขณะนั่งบนน้ำเต้าขนาดใหญ่ ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือยอดเขาหยกน้อย
เมื่อนางหันกลับไปมองก็เห็นป่าที่นางเพิ่งบินออกมานั้นมีหมอกค่อยๆ กระจายตัวออกมา แทบจะชั่วพริบตาหมอกก็เข้าปกคลุมไปทั่วทั้งผืนป่า แต่เมื่อมีสายลมพัดโชยมา หมอกสีขาวนั้นก็หายไปทันที
ป่าทึบภายในรัศมีสามสิบลี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีอันใดเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนหน้านี้ แต่จิ่วจิ่วรู้ว่าค่ายกลขนาดใหญ่ภายในนั้นได้ถูกเปิดใช้งานแล้ว
“หากข้าอยากหยอกล้อศิษย์พี่เจ็ดและศิษย์พี่แปดในภายหน้า ข้าก็หลอกให้พวกเขามาที่นี่ได้” จิ่วจิ่วพึมพำออกมาเบาๆ
แต่แล้วนางก็นึกถึงสีหน้าท่าทีจริงจังของหลี่ฉางโซ่ว “ข้าคงต้องบอกเขาล่วงหน้า มิฉะนั้นความมีใจเผื่อแผ่เช่นนั้นของข้าอาจเป็นเหตุผลใหญ่ให้พวกเราต้องพูดจาที่สะเทือนอารมณ์ต่อกันได้ง่าย”
……………………………………
Comments