ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 27.1 เหอะ ก็แค่ค่ายกลเล็กๆ (1)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter 27.1 เหอะ ก็แค่ค่ายกลเล็กๆ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ซือซือ! ศิษย์พี่หญิง! ภรรยาสุดที่รัก! มันไม่เหมาะจริงๆ ที่พวกเราจะลักลอบเข้ามาเยี่ยงนี้ เหตุใดเราไม่เข้าไปเยือนอย่างเปิดเผย เหตุใดเราไม่ไปถามตรงๆ เลยเล่า”

ในป่าของยอดเขาหยกน้อย เวลานี้เงาร่างสองร่างพลันหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน ร่างหนึ่งสูงร่างหนึ่งเตี้ยปรากฏตัวขึ้น พวกเขาทั้งสองยังคงปล่อยพลังสัมผัสเซียนออกไปโดยรอบเพื่อตรวจจับพลังเวท

จิ่วอูยืนอยู่ตรงหน้าคู่บำเพ็ญเต๋าซึ่งสูงกว่าเขา เขาพยายามเกลี้ยกล่อมนางอย่างสุดชีวิตว่า “เสี่ยวจิ่วโตแล้ว พวกเราไม่อาจอยู่เคียงข้างนางได้ตลอด บัดนี้นางเป็นเซียนซึ่งมีอายุเก้าร้อยหกสิบสองปีหกเดือน นางไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว!”

จิ่วซือซึ่งถูกคู่บำเพ็ญเต๋าของนางรั้งเอาไว้ พลันกลอกตาแล้วกล่าวขึ้นทันทีว่า “หากเราไปเยือนอย่างเปิดเผยแล้วเราจะถามอันใดได้บ้างเล่า เรื่องเช่นนี้…แน่นอนว่าเราต้องทำแบบหลบๆ ซ่อนๆ เพื่อค้นหาความจริง!

เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเราค้นพบเรื่องของเสี่ยวลิ่วและเสี่ยวฉีได้อย่างไร หากไม่ใช่จับได้คาหนังคาเขาอยู่บนเตียง พวกเขาย่อมไม่ยอมรับแน่นอน!

เร็วเข้า! รีบไปซ่อนตัวกันได้แล้ว ห้ามเปิดเผยร่องรอยออกมาเด็ดขาด!”

จิ่วซือกระทืบเท้าเร่าๆ แล้วมือเรียวยาวของนางก็คว้าคอเสื้อของจิ่วอูอีกครั้งก่อนจะยกร่างของเขาขึ้นทันที

ร่างของพวกเขาทั้งสองกลายเป็นร่างเงาสองสายอีกครั้งก่อนจะหายวับไปในป่า

ขณะนั้นจิ่วอูทำได้เพียงหัวเราะขื่นออกมา ให้ตายสิ! เขาเป็นผู้มีไหวพริบและเฉลียวฉลาดต่อหน้าคนอื่น แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสตรีที่เขารัก เขากลับทำอันใดไม่ได้เลย

อย่างไรก็ตามคราวนี้พวกเขาลอบเข้าไปได้ยังไม่ทันถึงร้อยจั้ง ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้ง

ร่างของพวกเขาทั้งสองปรากฏตัวขึ้นบนยอดพฤกษาใหญ่และสำรวจสถานการณ์ที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาอย่างระมัดระวัง

“ค่ายกลนี้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างชาญฉลาดยิ่ง” จิ่วอูกล่าวชม “ดูเหมือนว่าขอบเขตของค่ายกลนี้จะกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างสมบูรณ์ แต่ยังค่อนข้างหยาบตรงขอบซึ่งเผยให้เห็นคลื่นพลังวิญญาณออกมาเล็กน้อย”

“หือ?”

จิ่วซือเอียงศีรษะเป็นเหตุให้ผมเปียยาวทั้งสองข้างของนางแกว่งไปมาเบาๆ

นางมองดูอย่างถี่ถ้วนและกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “มันเป็นเพียงแค่ค่ายกลที่สับสนงุนงง เจ้าและข้าจะจัดการมันไม่ได้เชียวหรือ เข้าไปด้านในกันเถอะ ดูจากสีหน้าท่าทางของเจ้าแล้ว เจ้าไม่เต็มใจทำกระมัง? คืนนี้เจ้ายังอยากนอนบนเตียงอยู่หรือไม่”

เมื่อเผชิญหน้ากับคำขู่เช่นนี้ จิ่วอูก็ยอมจำนนอย่างรวดเร็วรีบกล่าวออกมาว่า “อยาก อยากสิ นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว หายากนักที่จือจือจะใช้เวลาร่วมกับข้า… นั่นล่ะ! ข้าจะไปด้านหน้า หากมีอันใดเกิดขึ้นข้าจะจัดการเอง”

จิ่วอูถอนหายใจในขณะที่ยอมจำนนต่อ ‘การกดขี่ข่มเหง’ ของจิ่วซือทันที เขากระโดดลงมาจากยอดไม้ก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้าพลางไพล่มือของเขาไปไว้ด้านหลังพร้อมสำรวจโดยรอบอย่างไม่ใส่ใจ

สิ่งที่จิ่วอูคิดในยามนี้หาใช่เรื่องที่ว่าเขาจะสามารถทำลายค่ายกลได้หรือไม่ อันที่จริงแล้วเขาไม่เห็นค่ายกลของยอดเขาหยกน้อยอยู่ในสายตา เพราะไม่มีเซียนอยู่ในยอดเขาหยกน้อยเลย แล้วค่ายกลของพวกเขาจะทรงพลังได้ถึงเพียงใดกัน?

ตอนนี้สิ่งที่เขาคิดถึงคือ หากพวกเขาเกิดไปพบภาพที่เสี่ยวจิ่วและศิษย์น้องฉีหยวนอยู่ด้วยกันเข้าจริงๆ…

แน่นอนว่ามันคงจะอึดอัดอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ…

มีโอกาสกว่าแปดในสิบส่วนที่ศิษย์น้องฉีหยวนจะไม่อาจข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ แล้วศิษย์น้องหญิงเล็กก็กำลังจะเป็นหม้าย หลังจากได้พบกับคู่บำเพ็ญเต๋าเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ อย่างนั้นน่ะหรือ เช่นนั้นข้าควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดีเล่า

“ไปให้เร็วกว่านี้อีก!” จิ่วซือเร่งเร้าเขาจากทางด้านหลัง “ขืนเจ้ายังชักช้าอยู่เช่นนี้ พวกเราก็จะไม่ทันได้เห็นอันใดเลยเมื่อไปถึง!”

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะหาทางออกของค่ายกลนี้ให้เอง”

จิ่วอูเดาได้อย่างรวดเร็วว่า ประตูเซิงหรือประตูชีวิตซึ่งเป็นทางออกของค่ายกลนี้ตั้งอยู่ที่ใด จากนั้นจึงนำจิ่วซือออกไปจากเขาวงกตแรกได้อย่างรวดเร็ว

ทว่าจากนั้นแล้วจิ่วอูก็ต้องชะงักฝีเท้าอย่างรวดเร็ว เขายกมือซ้ายขึ้นตั้งทำสัญญาณให้จิ่วซือหยุดเดิน

“หือ? ค่ายกลห่วงโซ่พันธนาการหรือ”

จิ่วอูชื่นชมในทันใด พลางลูบคางแล้วถอนหายใจก่อนจะกล่าวออกมาว่า “แม้พวกมันจะเป็นค่ายกลที่จัดวางขึ้นมาง่ายๆ แต่คนผู้นี้ที่สามารถสร้างค่ายกลห่วงโซ่พันธนาการได้ แสดงให้เห็นว่าความเชี่ยวชาญด้านค่ายกลของเขาย่อมใช้ได้เลยทีเดียว”

“พูดมากจริง!”

จิ่วซือสบถออกมาคำหนึ่ง จากนั้นจึงก้าวมาข้างหน้าสองก้าวแล้วหยุดอยู่ด้านหน้าศิษย์น้องของนาง

นางแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ออกไปแล้วรีบค้นหาทางออกของค่ายกลนี้ จากนั้นจึงกล่าวห้วนๆ ออกมาว่า “ตามมา”

จิ่วอูยิ้มอย่างหมดหนทาง เดินตามคู่บำเพ็ญเต๋าผู้เป็นศิษย์พี่หญิงของเขาไป เขายังคงครุ่นคิดในใจว่าเขาจะทำอย่างไร หากสถานการณ์กลายเป็นเรื่องยุ่งยากวุ่นวายในภายหลัง…

ในเวลาเดียวกันนั้น ภายในหอโอสถซึ่งอยู่ห่างออกไปนับสิบลี้…

หลี่ฉางโซว่ที่กำลังจัดเก็บสมุนไพรพิษขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงพลางหันไปมองจิ่วจิ่วที่กำลังนั่งสมาธิปรับลมปราณของนาง จากนั้นเขาก็เริ่มครุ่นคิดเงียบๆ โดยที่ไม่เอ่ยคำใดออกมา

ผู้ที่อยู่ข้างๆ อาจารย์ลุงจิ่วอูน่าจะเป็นหนึ่งในเก้าจิ่วเซียนเช่นกัน

พอดีเลยทั้งสองคนนี้สามารถช่วยข้าทดสอบประสิทธิผลของค่ายกลที่อยู่ชั้นล่างได้

“อาจารย์อาจิ่วจิ่ว”

“นี่ จะเริ่มแล้วรึ”

“ยังต้องรออีกสักหน่อย” หลี่ฉางโซ่วตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม “หากท่านอาจารย์อาจิ่วกลับไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์ และมีคนถามว่าท่านมาทำอันใดที่นี่ในช่วงเวลานี้ ท่านก็บอกความจริงได้ แต่จะเป็นการดีที่สุดหากท่านสามารถเก็บเรื่องการจัดการค่ายกลและจำนวนค่ายกลเอาไว้เป็นความลับให้ศิษย์ขอรับ”

“วางใจได้! เหตุผลเหล่านี้ข้าเข้าใจดี!”

จิ่วจิ่วตบกลางหน้าอกโดยแรง ขณะกล่าวหนักแน่นจริงจังเพื่อให้ความมั่นใจ

“อาจารย์อาของเจ้าหาใช่คนลืมคุณคนไม่ ข้าย่อมไม่เอาเปรียบหลังจากได้รับผลประโยชน์แล้ว ในเมื่อเจ้าให้เซียนเมามายแก่ข้ามามากมาย ข้าสัญญาว่าจะไม่พูด จะปิดปากให้สนิทเลย!”

หลี่ฉางโซ่วส่งยิ้มให้นางเล็กน้อยเป็นการตอบรับ ในขณะที่ชั่งน้ำหนักสมุนไพรและส่วนผสมต่างๆ ต่อไป

ในที่สุดเขาก็กำลังจะเริ่มหลอมโอสถสลายเซียน

อย่างไรก็ตามเขายังต้องรอให้เซียนเสิ่นทั้งสองคนที่อยู่ด้านนอกจากไปก่อน

……

ภายในป่า

เป็นเวลาครึ่งชั่วยามหลังจากที่เซียนเสิ่นทั้งสองคนในบรรดาเซียนจิ่วทั้งเก้าได้เข้าสู่ค่ายกลแล้ว

“เจ้าทำลายค่ายกลนี้สิ” จิ่วซือพึมพำ “ข้าฝึกฝนการหลอมอาวุธเป็นส่วนใหญ่ เมื่อพูดถึงค่ายกลแล้วข้ายังด้อยกว่าเจ้าและศิษย์พี่สาม”

จิ่วอูยิ้มบางขณะที่เดินเอามือไพล่หลังแล้วก้าวผ่านคู่บำเพ็ญเต๋าของเขาไปยังด้านหน้าของนางทันใดนั้นเขาก็แผ่ความรู้สึกภาคภูมิใจแห่งบุรุษออกมาจากร่างเตี้ยของเขาทันที!

“รีบตามข้ามา ค่ายกลนี้เรียกว่าค่ายกลหกแปรเปลี่ยนเหนือวิญญาณ ซึ่งเป็นพื้นฐานของเขาวงกต แต่มีการวางตำแหน่งของประตูเซิงแปลกๆ มันตั้งอยู่ทางด้านบน”

ก่อนจะทันได้กล่าวจบจิ่วอูก็พบทางออกของค่ายกล เขาพาจิ่วซือกระโดดออกจากค่ายกลแล้วบุกเข้าสู่ค่ายกลถัดไป

ขณะนั้นทุกสรรพสิ่งโดยรอบพลันหมุนเปลี่ยนเวียนขึ้นลงอย่างกะทันหัน…

และเวลาก็ผันผ่านไปอีกครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น…

“แปลก ดูเหมือนว่าพวกเราจะวนกลับมาที่เดิมอีกครั้ง” ทันใดนั้นใบหน้าของจิ่วอูเริ่มเคร่งเครียดมากขึ้น เขาจับยามคำนวณด้วยนิ้วแล้วกล่าวออกมาว่า “ยี่สิบสี่ค่ายกลที่พวกเราเพิ่งผ่านมานั้น แท้จริงแล้วเป็นค่ายกลที่เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ดูเหมือนว่าค่ายกลเล็กๆ เหล่านี้จะรวมตัวกันเป็นค่ายกลอำพรางขนาดใหญ่ เราจึงถูกนำกลับมาที่จุดเดิมของเราทันทีเมื่อเดินไปตามทิศทางของประตูเซิง ผู้ที่สร้างค่ายกลในลักษณะนี้จะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโดยสูญเสียน้อยที่สุด ยังไม่อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกล แต่ว่าช่างน่าสนใจอย่างยิ่ง อืม น่าสนใจมากจริงๆ”

ฉับพลันนั้นจิ่วซือก็ยกมือข้างหนึ่งของนางตบหน้าผากของเขาทันทีพลางตวาดแหวว่า “ทำลายค่ายกลเดี๋ยวนี้! นี่มันนานเพียงใดแล้ว! คำนวณตามเวลาของเจ้าในแต่ละครั้ง ยามนี้เจ้าน่าจะพาเราผ่านค่ายกลออกไปได้สามหรือสี่ค่ายกลแล้วนะ!”

“แค่กๆ!” จิ่วอูพลันกระแอมไอในลำคอกล่าวว่า “เอาล่ะ ถึงเวลาที่ข้าต้องเอาจริงแล้ว ตามข้ามา!”

ชั่วขณะนี้เขาจูงคู่บำเพ็ญเต๋าของเขาก้าวเข้าไปในเขาวงกตอย่างรวดเร็วอีกครั้ง จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็หายตัวไปในป่าทึบนั้นอย่างรวดเร็ว

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *