ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 188 ไม่เช่นนั้น ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ จะเอ่ยสัตย์สาบาน… (2)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter 188 ไม่เช่นนั้น ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ จะเอ่ยสัตย์สาบาน... (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 188 ไม่เช่นนั้น ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ จะเอ่ยสัตย์สาบาน… (2)
“นั่นเป็นดั่งอาวุธลับของสำนักบำเพ็ญประจิม” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยิ้มและกล่าวว่า “ฉางโซ่ว มันค่อนข้างลำบากที่จะต่อสู้กับสำนักบำเพ็ญที่ทรงพลังซึ่งมีปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพ แม้เราจะถูกต้องหรือมีเหตุผลเพียงใดก็ตาม แต่เราก็ยังต้องใส่ใจ รักษาหน้าให้ท่านบรรพชนจอมปราชญ์เทพ[1]ด้วย สำหรับอาจารย์อาทั้งสองจากสำนักบำเพ็ญประจิมนั้น นี่เป็นเพียงแผนการ ที่พวกเขาคิดขึ้นมาง่ายๆ ซึ่งสามารถละทิ้งเหล่าปีศาจและภูตผีที่พวกเขาใช้เป็นเบี้ยได้ทุกเมื่อ จอมปราชญ์เทพจะไม่มีวันตาย ดังนั้นเมื่อวางแผนจะจัดการสำนักบำเพ็ญประจิม เราต้องเหลือทางออกไว้บ้าง ต่อให้ชนะ แต่ก็ต้องรักษาหน้าของท่านบรรพชนจอมปราชญ์เทพด้วย”

หลี่ฉางโซ่วคิดอย่างรอบคอบและโค้งคำนับให้อย่างรวดเร็วพลางกล่าวว่า “ศิษย์จะจดจำคำสั่งสอนของท่าน ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เอาไว้ขอรับ!”

แม้เขาจะพิจารณาเรื่องพวกนี้ทั้งหมดอย่างครอบคลุมและละเอียดถี่ถ้วนมาก่อนแล้ว แต่ยามนี้ เขายังต้องกล่าวว่า “หากไม่เป็นเพราะท่านตักเตือนทันการณ์ในวันนี้ ศิษย์ก็อาจจะทำเรื่องผิดพลาดอย่างร้ายแรงได้”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูพลันโบกมือและเผยรอยยิ้มด้วยความสบายใจมากขึ้น

การออกมาเที่ยวกับเสี่ยวฉางโซ่วช่างน่าสนใจและสะดวกสบายยิ่งกว่าการออกมาตามลำพังคนเดียวจริงๆ…

ในขณะนั้น น้ำทะเลที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ก็แหวกแยกออกจากกัน และมีรถม้ามังกรพุ่งมาในขณะที่มีกองทหารเซียนมังกรวารีหลายร้อยนาย พุ่งตรงมาที่เมืองใหญ่ในท้องทะเลแห่งนี้

หากเผ่ามังกรมาช้ากว่านี้ ถนนที่นี่คงจะถูกเก็บกวาดจนสะอาดสะอ้านแล้ว

หลี่ฉางโซ่วแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ออกไปทั่ว และไม่นานนัก เขาก็ค้นพบกลิ่นอายลมปราณที่คุ้นเคย

รองเจ้าสำนักเทพทะเล อ๋าวอี่

กลายเป็นว่า เป้าหมายในการเดินทางมาครั้งนี้คือ อ๋าวอี่…

หลี่ฉางโซ่วแอบส่ายศีรษะ เขาเตือนอ๋าวอี่หลายครั้งแล้วว่าอย่าปรากฏตัวออกมาให้เห็นง่ายๆ

ช่างมันเถิด ในเวลานี้เผ่ามังกรก็กำลังประสบภัยพิบัติเช่นกัน และเมื่อเรื่องมาถึงยามนี้แล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจยับยั้งชะตากรรมนี้ของพวกเขาได้

เรื่องที่เกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้น ไม่นับว่าซับซ้อนและพลิกผันแปลกประหลาดไปมากนัก มันเป็นเพียงเรื่องการกระทำธรรมดาของการ ‘ทรยศหักหลัง’ กันเท่านั้น

เดิมที อ๋าวอี่ฝึกบำเพ็ญอย่างสงบบนเกาะเต่าทองและไม่ได้ต้องการไปที่นั่นเอง แต่ได้รับเชิญจากปรมาจารย์เผ่ามังกรให้ไปที่นั่นเพื่อแสดงความเสียใจและปลอบโยนเผ่าเงือก

เขาลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เลือกออกเดินทางมาจากเกาะเต่าทอง ก่อนจะเข้าร่วมกับเหล่าสุดยอดผู้โดดเด่นของเผ่ามังกรแล้วรีบมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือ…

ทว่าพวกเขายังไม่ทันได้เข้าเมือง การก่อกบฏที่เกิดขึ้นนั้น ก็ถูกปราบจนสงบลงแล้ว

เจ้าเมืองและเหล่าขุนนางของเมืองใหญ่ในทะเลแห่งนี้ ได้นำทหารออกมาต้อนรับก่อนจะเชิญอ๋าวอี่ให้เข้าเมือง แล้วไปที่วังแสนวิจิตรตระการตาแห่งหนึ่ง…

แน่นอนว่า นั่นย่อมเป็นกับดัก

หลี่ฉางโซ่วอยากจะเตือนอ๋าวอี่ แต่เพราะมีปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้มากนัก

เขาแค่ต้องทำหน้าที่ของเขาให้ดี ในฐานะเป็นมนุษย์เครื่องมือเวทเท่านั้น

ในไม่ช้า ก็มีงานเลี้ยงในวังของเมืองนี้ มีบรรดาสาวทะเลร่ายรำ และเสียงบรรเลงเพลงอมตะดังกังวาน ในขณะที่มีหนุ่มสาวเยาว์วัยสองสามคนจากเผ่าทะเลกำลังเกี้ยวพากันอย่างเพลิดเพลินอยู่ด้านนอกวัง

ภายในงานเลี้ยง เจ้าหญิงน้อยจากเผ่าเงือกผู้หนึ่งก็ได้รับเชิญให้มาดูแลรับใช้ คอยรินสุราให้อ๋าวอี่

เมื่อดูจากท่าทีแล้ว ราวกับว่า พวกเขาอยากจะดูว่าองค์ชายรองแห่งวังมังกรทะเลบูรพาปรารถนาจะรับนางสนมบ้างหรือไม่…

แต่ดูเหมือนว่า เขาไม่ได้รู้สึกอะไร ชีวิตของมังกรนั้น ออกจะน่าเบื่อหน่าย

เมื่องานเลี้ยงดำเนินผ่านไปได้ครึ่งทาง จู่ๆ ก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันบางอย่างเกิดขึ้น ค่ายกลพิทักษ์เมืองขนาดใหญ่พลันกลายเป็นม่านควันสีดำในขณะที่มีบรรดาปรมาจารย์ฝ่ายกบฏนับพันคนบุกเข้ามาในเมือง และพุ่งตรงไปที่วังในใจกลางเมือง

ปรมาจารย์มังกรที่เชิญอ๋าวอี่มาที่นี่กลับทรยศและลงมือโจมตีเขา แต่โชคยังดีที่ข้างกายของอ๋าวอี่ มีผู้อาวุโสหัวมังกรปรากฏตัวขึ้นและจัดการปรมาจารย์ผู้นั้นจนปลิวกระเด็นออกไปในทันที…

“อารักขา! อารักขา!”

“อารักขาองค์ชายอ๋าวอี่!”

เวลานั้น กองทหารเซียนมังกรวารีระดับสุดยอดหลายร้อยนายและปรมาจารย์เผ่าทะเลที่นี่ก็รีบตอบโต้อย่างรวดเร็ว แล้วเข้าปกป้องอ๋าวอี่และเจ้าหญิงน้อยแห่งเผ่าเงือก พวกเขาเปิดใช้ค่ายกลใหญ่รอบๆ วังและเร่งระดมกำลังทหารในเมืองให้มาช่วยที่นี่

ขณะนี้ เกิดความโกลาหลกันไปทั่วทั้งเมือง!

ยามนั้น ในมุมสองสามมุมของเมือง มีค่ายกลสีโลหิตพุ่งออกมาด้านนอก และมีค่ายกลมากกว่าสองค่ายกลเข้าปิดผนึกสถานที่นี้เอาไว้เพื่อป้องกันการตรวจจับจากภายนอกด้วยประสงค์จะปกปิดความลับสวรรค์ของสถานที่แห่งนี้เอาไว้เป็นการชั่วคราว

ไม่นาน ค่ายกลพิทักษ์วังก็ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว เหล่าปรมาจารย์เผ่าทะเลเข้าห้อมล้อมเพื่อปกป้องอ๋าวอี่เอาไว้ ในขณะที่แม้ผู้อาวุโสหัวมังกรจะถูกปิดล้อม แต่ก็ยังสามารถเหนี่ยวรั้งเหล่าปรมาจารย์ของอีกฝ่ายเอาไว้ได้

ขณะนั้น อ๋าวอี่ยังไม่ลืมปกป้องเจ้าหญิงน้อยของเผ่าเงือกที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างไม่หวาดหวั่นใดๆ พร้อมกับเผยท่วงท่าองอาจขององค์ชายรองแห่งวังมังกรออกมา…

ไม่นานนัก อ๋าวอี่ก็ถูกปิดล้อม

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วและเสวียนตูได้ปรากฏตัวขึ้นในเขตที่อยู่อาศัยในเมืองโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลจากมุมที่อ๋าวอี่ติดอยู่ในวงล้อม

“ไปช่วยรองเจ้าสำนักของเจ้าเถิด” ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ทว่าหลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดชั่วขณะพลางขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ในเมื่อยามนี้ ท่านก็อยู่ที่นี่แล้ว ไยจึงไม่จัดการพวกตัวเล็ก ๆ เหล่านี้เลยเล่าขอรับ? มันย่อมง่ายดายอย่างยิ่งสำหรับท่าน… ”

“ทว่าพวกตัวเล็กๆ เช่นนี้ จะคู่ควรให้ข้าต้องเปลืองแรงได้อย่างไรเล่า?”

“แต่ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ศิษย์เพียงคิดว่า ต่อให้เป็นพวกอ่อนแอปานใดก็ตาม เราก็ต้องไม่ดูเบาศัตรูใดๆ มากเกินไปนะขอรับ” หลี่ฉางโซ่วกล่าว

เขายังกล่าวเสริมอีกว่า “หากท่านออกโรงโจมตี พวกเราย่อมจะปลอดภัยอย่างรวดเร็ว และยังทำให้สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของเราได้หน้าอีกด้วย แต่หากเป็นข้า ดูเหมือนว่า ก็อาจจะจัดการไม่ได้ ทั้งยังลำบากและเสี่ยงต่ออันตราย บัดนี้ ฝ่ายตรงข้ามได้เปิดเผยกำลังคนของพวกเขา ซึ่งเป็นปรมาจารย์เซียนจินหลายคน และหากฝ่ายนั้นยังมีปรมาจารย์เซียนจินแอบซุ่มโจมตีอยู่ด้วย ศิษย์ก็เกรงว่าจะไม่อาจรับมือได้ไหวขอรับ”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูจึงพยักหน้าช้าๆ แล้วกล่าวว่า “เจ้าก็พูดมีเหตุผล เช่นนั้นก็ไปกันเถิด หากอีกฝ่ายมีปรมาจารย์ปรากฏตัวขึ้น แล้วข้าจะไม่ช่วยได้อย่างไร?”

แต่หลี่ฉางโซ่วยังแอบขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น แม้จะไม่กล้าโต้แย้งตรงๆ แต่ก็กล่าวเบาๆ ว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ศิษย์ยังคิดว่า… คงดูไม่เหมาะอยู่สักหน่อย แม้จะรู้ว่าท่านย่อมไม่ทำร้ายศิษย์อย่างแน่นอน แต่หากวิธีการที่เหมาะสมนั้นดำเนินไปอย่างไม่มั่นคงแล้ว ในใจของศิษย์ ก็อาจไม่สามารถข้ามผ่านการทดสอบฝ่าฟันอุปสรรคครั้งนี้ไปได้ขอรับ…”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกทันที แล้วกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ข้าอยากให้เจ้าออกไปแสดงฝีมือ จะได้รู้ว่า เจ้าแข็งแกร่งเพียงใดแล้ว ข้าย่อมรู้ได้ว่า ควรให้เจ้าทำสิ่งใดและเตรียมสิ่งต่างๆ ให้เจ้าต่อไปในภายหน้าได้”

เมื่อเห็นว่าหลี่ฉางโซ่วยังคงลังเล ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูจึงกล่าวต่อว่า “ไม่ใช่ว่า ข้าจะดูพลังเวทของเจ้าไปอย่างเปล่าประโยชน์ แล้วทำให้เจ้าไม่สบายใจ แต่หากเจ้าช่วยองค์ชายน้อยเผ่ามังกรผู้นี้ได้ ข้าจะให้สัญญาบางอย่างที่ข้าทำได้กับเจ้า เช่นนี้เป็นอย่างไร?”

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วใคร่ครวญก่อนจะกล่าว

เขากล่าวต่อรองว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู ศิษย์ขอบังอาจท้าทายท่าน หากศิษย์ช่วยอ๋าวอี่ได้ ก็ขอให้ท่าน โปรดช่วยปกป้องศิษย์ในขณะกำลังข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจินเพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดวางแผนทำร้ายศิษย์ได้หรือไม่ขอรับ?”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูตอบรับทันที “ได้! เช่นนั้น รีบไปกันเลย!”

หลี่ฉางโซ่วพยักหน้ารับแล้วลูบใบหน้าเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาพลางยิ้มในใจแล้วจงใจหันไปกล่าวบางอย่างคล้ายจะล้อเล่น

“แต่ศิษย์ยังรู้สึกไม่สบายใจนัก หรือไม่เช่นนั้น ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่… จะเอ่ยสัตย์สาบานว่าจะช่วยเหลือศิษย์ให้ทันเวลา…”

ทันใดนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ยกขาขึ้นแล้วทำท่าจะเตะทันที

หลี่ฉางโซ่วก็รู้งานดี จึงรีบโค้งคำนับน้อมรับบัญชา แต่ไม่ได้ออกไปจากลานแห่งนี้ เขาเพียงหยิบแค่เหล่าตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ออกมาจากแขนเสื้อแล้วสะบัดออกไป ทันใดนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็กลายเป็นเซียนบุรุษวัยกลางคน สตรีสาว ชายชราผิวเข้ม และหญิงชราใจดี ทั้งสี่ล้วนมีกลิ่นอายลมปราณเซียนเทียนระดับต้น

หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็โบกแขนเสื้อ แล้วตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสี่ก็ใช้หลีกลี้วารีเร้นกาย กลายเป็นสายน้ำสี่สายพุ่งออกจากลานแห่งนี้ไปอย่างรวดเร็ว

ที่ด้านหลังของหลี่ฉางโซ่ว ในขณะนั้นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็อดจะยกมือขึ้นลูบตรงหว่างคิ้วของเขาไม่ได้

เจ้าศิษย์น้อยผู้นี้ช่างมั่นคงจริงๆ เอ๋ ไม่ถูกต้อง… หากเขาไม่ปรากฏตัวและพาหลี่ฉางโซ่วมาที่นี่ก่อนจะทิ้งของหลี่ฉางโซ่วเอาไว้ ไม่ว่าอย่างไร หลี่ฉางโซ่วก็ย่อมต้องช่วยอ๋าวอี่ ซึ่งเป็นรองเจ้าสำนักของหลี่ฉางโซ่วเองอย่างแน่นอน เพราะเขาย่อมเป็นคนสำคัญในเรื่องนำเผ่ามังกรเข้าสู่สวรรค์ แล้วหลี่ฉางโซ่วจะไม่ช่วยอ๋าวอี่ได้อย่างไร?

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็ปากกระตุกทันที

ดูเหมือนว่า เขาจะถูกเจ้าศิษย์น้อยที่อยู่ข้างหน้าผู้นี้ หลอกล่อโดยไม่รู้ตัว และให้สัญญากับเขาไปโดยไร้เหตุผลเสียแล้ว…

………………………………………………………………..

[1] หมายถึงบรรพชนไท่ชิง ซึ่งในที่นี้ จะประมาณว่า เพราะปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูเป็นศิษย์ของบรรพชนไท่ชิง และไม่ว่าเขาหรือหลี่ฉางโซ่วก็เป็นศิษย์ของทางสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของบรรพชนไท่ชิง ดังนั้น การจะกระทำสิ่งใดๆ ไม่ว่าจะดีร้ายของศิษย์ ย่อมส่งผลถึงหน้าตาหรือศักดิ์ศรีของผู้เป็นอาจารย์ คือ บรรพชนไท่ชิง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *