ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 408 ทุกอย่างเป็น…ทางเลือก (1)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter 408 ทุกอย่างเป็น...ทางเลือก (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 408 ทุกอย่างเป็น…ทางเลือก (1)

“ศิษย์พี่จิ่ว แสงสีทองนั้นคืออันใดกันเจ้าคะ?”

ในห้องเดินหมากเล่นไพ่แห่งยอดเขาหยกน้อย

เมื่อบุญลงมา เด็กสาวนามอวี่ซือที่แต่งกายในชุดฝึกบำเพ็ญ พลันเอ่ยถามคำถามนั้นเบาๆ จิ่วจิ่วซึ่งขดตัวอยู่ที่ขอบหน้าต่าง ก็หาวออกมาอย่างเกียจคร้านพลางหันไปมองนอกหน้าต่าง แล้วแกว่งน้ำเต้าหยกในมือของนางไปมาเบาๆ

น้ำเต้านี้ เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่นางได้กลายเป็นเซียนเทียนจากศิษย์หลานของนาง หลี่ฉางโซ่ว มันบรรจุสุราชั้นดีได้หลายไห และยังช่วยปรับปรุงรสชาติสุราได้อีกด้วย

จิ๋วอวี่ซือกะพริบตาแล้วรีบกล่าวว่า “เมื่อครู่นี้ มันยังอยู่เลย แต่ไฉนตอนนี้ถึงหายไปแล้วเล่า?” “ทางนั้น… เฮ้!”

จิ่วจิ่วโบกมือและชี้แจงอย่างไม่ใส่ใจว่า “นั่นคือหอโอสถบนยอดเขาหยกน้อย เป็นสถานที่ฝึกบำเพ็ญพิเศษของศิษย์หลานฉางโซ่ว เขาต้องคิดค้นหลอมโอสถบางอย่าง ขึ้นมาแน่ๆ ศิษย์น้องหญิงอย่าไปใส่ใจด้านนั้นให้มากนัก ศิษย์หลานของเจ้าผู้นี้ ลึกลับยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นศิษย์น้อย แต่… ว้าว ว้าว ว้าว เหอะๆ”

“มีอันใดเกิดขึ้นกับศิษย์พี่ของข้าหรือ?”

หลิงเอ๋อร์ที่กำลังนั่งสมาธิอยู่บนเตียงตรงมุมห้อง ลืมตาที่ฉายแววเฉลียวฉลาดขึ้นมาแล้วถามเบาๆ

จิ่วจิ่วแย้มยิ้มและกล่าวว่า “เมื่อครู่มีแสงสีทอง … เอ่อ แล้วไฉนเจ้าสำนักถึงมาที่นี่?”

ทันทีที่ได้ยินคำว่า “เจ้าสำนัก” หลิงเอ๋อร์ และจิ๋วอวี่ซือ ต่างก็ไปรวมตัวกันที่หน้าต่างแล้วมองไปที่ท้องฟ้าของยอดเขาหยกน้อย

จี้อู๋โหย่วมา แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว ในเวลานั้น เขาพึมพำในอากาศขณะไพล่มือไว้ข้างหลัง

เขามีหน้าที่แค่ล้างพื้นให้เท่านั้น ตราบใดที่สำนักตู้เซียนไม่ถูกทำลาย เขาก็ย่อมทำทุกอย่างได้ตามใจปรารถนา

“เจ้าสำนัก มีค่ายกลที่นี่ด้วยหรือ?”

จิ่วจิ่วเอียงศีรษะและพึมพำว่า “ไฉนข้าถึงรู้สึกว่า ดูเหมือนเจ้าสำนักจะช่วยใครบางคนปิดบังเรื่องบางอย่าง? แปลกมาก”

“ท่านอาจารย์อา ท่านคิดมากไปแล้ว”

ในยามนี้ หลิงเอ๋อร์สวมชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนประดับพู่ ดูงดงามและมีเสน่ห์น่าหลงใหลยิ่งขึ้น นางกล่าวเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่จะไปมีความสามารถถึงขนาดให้ท่านเจ้าสำนักมาช่วยปิดบังอะไรให้เขาได้อย่างไร?”

“ผู้ใดจะพูดได้อย่างมั่นใจว่ามีเกิดอันใดขึ้นในใต้หล้านี้?”

จิ่วจิ่วแบมือของนางออกและกล่าวว่า “ก่อนที่ข้าจะพาศิษย์พี่ของเจ้าไปที่ดินแดนเทวะอุดรในปีนั้น อาจารย์อาผู้นี้ ยังไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้ ข้าจะได้รับการเลี้ยงดูจากศิษย์ธรรมดาแห่งยอดเขาหยกน้อยเฉกเช่นศิษย์พี่ของเจ้า เมื่อมองดูข้าในตอนนี้ ข้าดื่มสุรา ใช้โอสถ กินสัตว์วิญญาณของศิษย์พี่ของเจ้า และยังนอนที่นี่ ที่บ้านของศิษย์พี่ของเจ้า ต่อให้ศิษย์พี่ของเจ้าขอร้องอะไรที่ไม่เหมาะสม อาจารย์อาผู้นี้ก็ยังละอายเกินกว่าจะปฏิเสธเขาด้วยซ้ำ”

หลิงเอ๋อร์เอามือก่ายหน้าผากทันที นางรู้สึกว่าอาจารย์อาน้อย กำลังมองหาข้ออ้างโจมตีศิษย์พี่ของนาง…

ในขณะนั้น อวี่ซือรู้สึกสับสนขณะกล่าวว่า “ศิษย์พี่หญิง ท่านเป็นผู้อาวุโสกว่าไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”

“เด็กโง่” จิ่วจิ่วยกมือขึ้น ตบหัวเด็กสาว นาม อวี่ซือ แล้วกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “พอเจ้าโตขึ้นและมีฐานพลังระดับหนึ่ง เจ้าก็จะรู้ว่าศิษย์หลานผู้นี้ดีเพียงใด ผู้อาวุโสอันใดกัน? โอสถวิญญาณของเจ้าที่ใช้ระงับความหิวนั้นมีกลิ่นหอมดีไม่ใช่หรือ?”

“แน่นอนว่าหอม! ว่าแต่ ศิษย์หลานฉางโซ่วผู้นี้ ลึกลับ…จริงๆ หรือ?”

ในขณะนั้นเอง ก็มีคำตอบที่มั่นใจดังมาจากด้านนอกประตู “แน่นอน”

จิ่วจิ่วหัวเราะคิกคักเบาๆ และเยาะเย้ยว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่า เจ้าจะรีบมาที่ยอดเขาหยกน้อยทันทีที่มีการเคลื่อนไหวใดๆ!”

ที่ด้านนอกศาลา ในขณะนี้ มีร่างเงางดงามร่างหนึ่งที่มาพร้อมกับการหยอกล้อของจิ่วจิ่ว

นางสวมชุดกระโปรงสีฟ้าเย็น สวมรองเท้าหุ้มข้อผ้าสีขาว ผูกผ้าสีฟ้าน้ำแข็งที่ข้อเท้าเรียวเนียนราวหยกของนางและมัดเส้นผมยาวสีดำของนางเป็นหางม้าง่ายๆ ด้วยผ้าไหมสีฟ้า นางก้าวมาด้วยฝีเท้าเบาๆ

ไม่ต้องกล่าวมากไปกว่านี้ ถึงเรียวขายาวงดงามและเอวเพรียวของนาง ดวงตาของนางวาวใสราวกับน้ำในยามสารท นางดูแกร่งกล้าและอ่อนโยน แน่นอนว่า นางย่อมเป็นเทพธิดาที่ใสบริสุทธิ์ดุจหยกและเย็นชาราวน้ำแข็งที่บรรดาศิษย์สำนักตู้เซียนมากมายล้วนปรารถนา…

นางคือ โหย่วฉินเสวียนหย่า

“เสวียนหย่าขอน้อมพบอาจารย์อาทั้งสองเจ้าค่ะ” โหย่วฉินเสวียนหย่า โค้งคำนับ ทันใดนั้น จิ๋วอวี่ซือก็รีบตอบกลับการทักทายอย่างรวดเร็วในขณะที่จิ่วจิ่วแย้มยิ้มอย่างเบิกบานใจ

หลิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลว่า “ศิษย์พี่หญิงตื่นตกใจกับลำแสงสีทองใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

“ใช่” โหย่วฉินเสวียนหย่าพยักหน้ารับเบาๆ แล้วมองไปที่จิ๋วอวี่ซืออีกครั้ง พลางกล่าวอย่างจริงจังว่า “อาจารย์อาอวี่ซือ เมื่อครู่นี้ ท่านพูดถึงศิษย์พี่ฉางโซ่ว”

นางกล่าวต่อว่า “ความจริงแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ศิษย์พี่ฉางโซ่วไม่เพียงลึกลับเท่านั้น แต่ในสายตาข้า เขาน่าจะเป็นผู้ฝึกบำเพ็ญที่โดดเด่นไม่เหมือนใครและไม่มีผู้ใดเทียบได้ เขามีความรู้ ที่ไม่เพียงแต่รู้วิธีการฝึกบำเพ็ญเท่านั้น แต่ยังมีความเข้าใจในเต๋านิรกรรมอย่างลึกซึ้ง นอกจากนี้ เขายังเก่งกาจเรื่องการจัดวางค่ายกล การหลอมโอสถ การลงอักษร และดนตรีอีกด้วย ทั้งยังเชี่ยวชาญในวิถีต่างๆ ทางของโลกและจัดการรับมือทุกอย่างได้ ยิ่งไปกว่านั้น ศิษย์พี่ฉางโซ่วคือที่สุด…”

“ศิษย์พี่หญิง!”

หลิงเอ๋อร์รีบเดินขึ้นไปแล้วคว้ามือนุ่มของโหย่วฉินเสวียนหย่าพลางกล่าวว่า “ขึ้นไปชั้นบนกันก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องนี้กันเถิดเจ้าค่ะ อย่าเพิ่งพูดเช่นนี้ต่อหน้าอาจารย์อาอวี่ซือเลย”

โหย่วฉินเสวียนหย่างุนงงแล้วถามว่า “แล้วที่ข้าพูดไปมีอันใดผิดไปหรือ?”

“อืม ก็ไม่เจ้าค่ะ” หลิงเอ๋อร์กะพริบตา

ข้าควรพูดอย่างไรดี?

ข้าพูดไม่ได้ว่าข้าต้องป้องกันไม่ให้อาจารย์อาอวี่ซือไปมีจิตปฏิพัทธ์ต่อศิษย์พี่ของนาง …

“อ่า ไปกันเถิดเจ้าค่ะ!”

หลิงเอ๋อร์ไม่ใส่ใจสิ่งใด นางใช้วิธีดึงโหย่วฉินเสวียนหย่าตรง ไปที่ด้านข้างบันไดในทันทีด้วยท่าทางเอาแต่ใจ

แม้จะไม่รู้เหตุผล แต่โหย่วฉินเสวียนหย่าก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงปล่อยให้หลิงเอ๋อร์จูงนางไปที่ชั้นสองเพื่อคุยกันเบาๆ

ที่ข้างหน้าต่าง ใบหน้าของจิ๋วอวี่ซือดูเต็มไปด้วยความสับสนขณะมองไปที่จิ่วจิ่วเพื่อขอความช่วยเหลือ

จิ่วจิ่วหรี่ตาลงพลางยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าเคยเห็นหรือไม่? ศิษย์หลานฉางโซ่วผู้นั้นน่ากลัวยิ่ง”

จิ๋วอวี่ซือยิ่งดูสับสนมากขึ้นไปอีก “เรื่องนี้… ศิษย์พี่ช่วยชี้แจงให้ละเอียดมากกว่านี้หน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ?”

“เจ้าดูหลิงเอ๋อร์ และเสวียนหย่าสิ พวกเขาทั้งคู่เป็นผู้ฝึกบำเพ็ญที่หายากในสำนักตู้เซียนของเรา ไม่ต้องพูดถึงรูปโฉมของพวกนาง ในฐานะสตรีด้วยกัน ปี พี่หญิงของเจ้า ข้าก็ยังคิดว่าพวกนางงดงามยิ่ง”

จิ่วจิ่วก้มลงมองดูหน้าอกของนางพลางถอนหายใจขณะกล่าวว่า “ก็พอมีข้อได้เปรียบอยู่เล็กน้อย”

จิ๋วอวี่ซือยิ่งสับสนมากขึ้น “แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับศิษย์หลานฉางโซ่วหรือเจ้าคะ?”

จิ่วจิ่วยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าไม่เห็นหรือว่า ทั้งหลิงเอ๋อร์และเสวียนหย่าล้วนชมชอบฉางโซ่ว?”

“ข้าย่อมเห็นชัดเจน…”

“ผู้ฝึกบำเพ็ญก็ต่างจากโลกมนุษย์ที่บุรุษมีอนุได้มากมาย คู่บำเพ็ญเต๋าของผู้ฝึกบำเพ็ญส่วนใหญ่มีเพียงคู่หนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรีเท่านั้น

จิ่วจิ่วถอนหายใจและกล่าวว่า “ดูเถิดสตรีแสนงามสองคนเช่นเจ้า ต่างชมชอบฉางโซ่วแล้ว ฉางโซ่วเนื้อหอมมาก เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

จิ๋วอวี่ซือดูตระหนักได้ขึ้นมาทันทีแล้วพยักหน้าจริงจัง

จิ่วจิ่วถอนหายใจอีกครั้งและกล่าวว่า “กุญแจสำคัญคือ ทั้งหลิงเอ๋อร์และเสวียนหย่ายังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน พวกนางไม่มีหึงหวงกันเลย หลังจากผ่านไปหลายปี พี่หญิงของเจ้าก็ยังไม่อาจดูละครดีๆ ได้เลย”

“ใช่” จิ๋วอวี่ซือกล่าวเบาๆ ว่า “เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว เรื่องนี้น่าทึ่งทีเดียว”

“ยังมีเรื่องน่าทึ่งยิ่งกว่านั้นอีก” จิ่วจิ่วแบมือของนางแล้วกล่าวต่อว่า “เท่าที่ข้ารู้ ทั้งสองคนล้วนเผยความรู้สึกที่มีต่อฉางโซ่ว หลิงเอ๋อร์หมายพิชิตใจศิษย์พี่ของนาง และเสวียนหย่าก็ยังกล่าวถึงศิษย์พี่ฉางโซ่วของนางตลอดเวลา ต่อให้ฉางโซ่วจะเหยียบเรือสองแคม ก็เป็นไปได้กว่าแปดส่วนที่พวกนางทั้งคู่ อาจตกลงทันทีอย่างไม่ลังเลใดๆ ทว่ากลับเป็นฉางโซ่วที่… ปฏิเสธทั้งคู่”

“อ่า?”

จิ๋วอวี่ซือเบิกตากว้าง “น้องสาวสองคนนี้…เอ่อ ศิษย์หลานสองคนนี้เป็นสตรีที่มีความสามารถอยู่แล้ว ศิษย์หลานชายฉางโซ่ว ยังไม่พอใจอีกหรือ?”

“ดูสิ เจ้าไม่เข้าใจใช่หรือไม่?”

“ขอศิษย์พี่หญิง โปรดชี้แนะข้าด้วยเจ้าค่ะ”

จิ่วจิ่วยิ้มสงบพลางยักไหล่ แล้วถอนหายใจอย่างอ่อนใจและกล่าวว่า “ความจริงแล้ว ข้าก็ไม่เข้าใจว่าด้วยเหตุใดเช่นกัน แต่ก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ มันเป็นสิ่งที่เสี่ยวฉางโซ่วจะทำ บางทีฉางโซ่วอาจกลัวว่า คู่บำเพ็ญเต๋าของเขาจะทำให้ชีวิตเขายุ่งยากมากขึ้นและนำกรรมมาให้เขามากขึ้น”

จิ๋วอวี่ซืองงงวย “เหตุใดถึงมีกรรมมากขึ้น? พวกนางเป็นศิษย์น้องหญิงของเขาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”

“อาจเป็นเพราะว่า หากเสวียนหย่าเป็นเพียงศิษย์น้องหญิงของฉางโซ่ว เมื่อนางเผชิญกับอันตรายภายนอก ฉางโซ่วก็อาจจะบินผ่านไปช้าๆ และวางแผนช่วยนางให้ปลอดภัยได้ แต่หากเสวียนหย่ากลายเป็นคู่บำเพ็ญเต๋าของฉางโซ่ว ฉางโซ่วก็จะรีบพุ่งทะยานออกไปช่วยนางในทันทีโดยไม่ต้องคิด มันยังมีความแตกต่างอยู่”

จิ่วจิ่วดึงจุกสุราออก แล้วเงยหน้าขึ้นจิบ

จิ๋วอวี่ซือก้มศีรษะลง ครุ่นคิดสักพัก แล้วจู่ๆ ก็ถามขึ้นว่า “แล้วศิษย์พี่หญิงเล่า ศิษย์พี่หญิงก็น่าจะพอใจศิษย์หลานฉางโซ่วเช่นกันใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

………………………………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *