ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 464 พูดคุยเรื่องจอมปราชญ์ (2)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter 464 พูดคุยเรื่องจอมปราชญ์ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 464 พูดคุยเรื่องจอมปราชญ์ (2)

พวกเขาทำได้อย่างไร

ความจริงแล้ว มันง่ายดายยิ่ง ก่อนที่โลกบรรพกาลจะถูกมังกรและหงส์ทำลาย ในเวลานั้น ไม่มีสัตว์ร้ายในรูปแบบอื่น มีเพียงในช่วงระหว่างสมัยโบราณเท่านั้นที่มีความแตกต่างระหว่างสิ่งมีชีวิตเซียนเทียนที่รอดชีวิต

เหล่าผู้ที่ทรงพลัง มีภูมิหลัง เครื่องมือเวท และมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกว้างขวาง เรียกอีกอย่างว่า สิ่งมีชีวิตเซียนเทียนเช่นกัน

ส่วนเหล่าผู้ที่ทรงพลัง แต่ไม่มีภูมิหลัง ขาดเครื่องมือเวท แปดเปื้อนกรรมและเข้าสังคมไม่ได้ พวกเขาจะถูกเรียกว่า สัตว์ร้ายบรรพกาล พวกเขาถูกเต๋าสวรรค์ทอดทิ้ง และค่อยๆ ถูกเผ่าโบราณนับร้อย กวาดล้าง

ตราบเท่าที่จักจั่นทองกลายเป็นศิษย์ของจอมปราชญ์ได้สำเร็จ เขาก็จะสามารถเปลี่ยนจากสัตว์ร้ายเซียนเทียนไปเป็นสิ่งมีชีวิตเซียนเทียนได้

เรื่องเช่นนี้ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงไม่คิดอิจฉา

มันเป็นเพียงแค่ชื่อเรียกเท่านั้น ย่อมไม่สำคัญเท่ากับหนึ่งในหมื่นของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ของนาง

“เหวินจิง… เหอะ ครั้งหน้า ข้าจะให้เจ้าเรียกข้าว่าราชินี! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

วิ้งๆๆ

หลังจากที่ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจากไป ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และหลี่ฉางโซ่ว ต่างก็จมอยู่ในห้วงแห่งความคิดลึกซึ้ง

“เป็นไปได้กว่าแปดส่วนที่จะกระตุ้นให้ท่านอาจารย์อาจากสำนักบำเพ็ญประจิมทั้งสองมา หากเราไปแตะต้องจักจั่นสีทอง” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูกล่าวพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ดูจากท่าทีแล้ว ฉางโซ่ว เจ้าต้องฆ่าจักจั่นทอง หากจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมปรากฏขึ้น ข้าก็ยังสามารถใช้แผนภาพไท่จี๋ ขัดขวางเขาได้ แต่เจ้าต้องจำไว้ว่า เมื่ออักขระเต๋าของจอมปราชญ์ปรากฏขึ้น เจ้าต้องหยุดมือทันที เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จะไม่ถือว่าเป็นการหมิ่นเกียรติจอมปราชญ์”

หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม แม้ในเวลานี้เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก็คิดว่ามันไร้ประโยชน์ เช่นนั้นก็ช่างมันเถิด

ทว่ามันเป็นภารกิจที่จอมปราชญ์เทพมอบหมายให้ เช่นนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้รับความคุ้มครองจากจอมปราชญ์โดยไม่ต้องทุ่มเทอะไรตอบแทนให้เลย

ความเสี่ยงในครั้งนี้เป็นเงื่อนไขจำเป็นที่เขาต้องแบกรับแล้ว สิ่งที่เขาทำได้คือ ทำให้ดีที่สุดเท่านั้นเพื่อเปลี่ยนเรื่องนี้ให้เป็นโอกาสของเขาเอง…

“ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “จอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับใดหรือขอรับ?”

“นี่…” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยกมือขึ้น ชี้ไปที่คานหลังคา แล้วทันใดนั้น แผนภาพไท่จี๋ก็ปรากฏขึ้นที่ขื่อหลังคาแล้วครอบคลุมสถานที่เอาไว้ทั้งหมด

จากนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็กล่าวอย่างจริงจังว่า “ข้าจะใช้โอกาสนี้ ให้เป็นประโยชน์เพื่อบอกเจ้าถึงเรื่องความแข็งแกร่งของจอมปราชญ์” เขาชี้แจงต่ออีกว่า “เมื่อโลกบรรพกาลถูกสร้างขึ้น จอมปราชญ์ที่ทรงพลังแข็งแกร่งที่สุดในโลกคือ มหาเทพผานกู่ ทว่ามหาเทพผานกู่ก็ต้องทนรับผลกรรมที่เบิกฟ้า เขาเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือเหล่าวิญญาณแท้จำนวนนับไม่ถ้วนในทะเลโกลาหล ซึ่งส่งผลให้เกิดโลกบรรพกาลในเวลานี้”

“มหาเทพผานกู่ได้รับถังทองฮุ่นหยวนจากฮุ่นตุ้น[1] เขาเป็นจอมปราชญ์ต้าเต๋า[2]ฮุ่นหยวนอู๋จี่ หรือที่เรียกว่า ต้าเต๋าอู๋จี่ ซึ่งเพียงคนเดียวที่มีชื่อเป็นที่รู้จักในโลกบรรพกาล ตอนนี้ ท่านอาจารย์ อาจารย์อาทั้งสองของข้า และท่านอาจารย์อาเจียหยิ่นจากสำนักบำเพ็ญประจิม ล้วนกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อมุ่งสู่ทิศทางนั้นคือ การเป็นต้าเต๋าฮุ่นหยวนอู๋จี่เช่นกัน…”

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วรู้สึกแปลกใจที่ในวันนี้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูกล่าวถึงจอมปราชญ์ทั้งสี่เท่านั้น

เขาจึงถามว่า “แล้วจอมปราชญ์อีกสองคน…”

“ไม่ต้องห่วง ฟังให้ดี ข้าจะบอกเจ้าเรื่องนี้”

จากนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็จิบชาและกล่าวช้าๆ ว่า “หลังจากมหาเทพผานกู่สิ้นชีพแล้ว ต้าเต๋าก็ปรากฏขึ้นในโลกต้นกำเนิดโดยตรง และมีหกปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกที่ต้องการมุ่งตามไปสู่สถานะของจอมปราชญ์ต้าเต๋า

นอกจากนี้ยังมีปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งและอ่อนแอในบรรดาทั้งหกคน บรรพชนเต๋า หงจวิน และบรรพชนปีศาจ หลัวโหวนั้น แข็งแกร่งที่สุด ส่วนบรรพชนมังกร และฉื่อเฟิ่งนั้นถือเป็นรอง

นามของปรมาจารย์อีกสองคนได้ถูกลบออกไปจากต้าเต๋า จากการคาดเดาของท่านพวกเขาน่าจะเป็นเทพและปีศาจเซียนเทียนที่เล็ดลอดหลบหนีไป แล้วถูกมหาเทพผานกู่สังหารไปในช่วงเบิกฟ้า”

“ในเวลานั้น ปรมาจารย์ทั้งสามแห่งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าเพิ่งฝึกฝนมาได้ไม่นาน แม้พวกเขาจะได้รับความคุ้มครองจากบุญเบิกฟ้า แต่ก็ยังมีฐานพลังด้อยกว่าปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งทั้งหกเล็กน้อย

ผู้ที่ยุยงปลุกปั่นให้เกิดภัยพิบัติมังกร-หงส์นั้น คนแรกก็คือ บรรพชนปีศาจ หลัวโหว เขาใช้พลังแห่งความแค้นของสิ่งมีชีวิตต่างๆ แล้วบังคับกวาดต้อนเหล่าวิญญาณและวิญญาณแท้ทั้งหมดนับหมื่นวิญญาณเพื่อมาฝึกฝน

หลังจากสงครามมังกร-หงส์สิ้นสุดลงและโลกบรรพกาลก็ถูกทำลาย บรรพชนปีศาจหลัวโหวก็เผยเขี้ยวเล็บที่ดุร้ายออกมา เขาต้องการทำลายโลกบรรพกาลและย้อนรอยกลับไปยังต้าเต๋า เพื่อแสวงหาโอกาสที่จะบรรลุเต๋า

ในเวลานั้นบรรพชนแห่งสามสำนักบำเพ็ญเต๋า ซึ่งได้รับการฝึกฝนอย่างลับๆ และไม่สนใจเรื่องของโลกได้ยืนขึ้นและต่อสู้กับหลัวโหว ในที่สุด หลัวโหว ก็ถูกปลิดชีพในดินแดนเทวะประจิม ในเวลานั้น รากวิญญาณและเส้นชีพจรวิญญาณของดินแดนเทวะประจิม ก็แตกสลายเพราะการต่อสู้

ดินแดนเทวะประจิมในยามนี้ ถูกบรรพชนเต๋าสร้างขึ้นมา โดยใช้พลังเวทมหาศาลของเขา”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็พยักหน้าเบาๆ ความลับเช่นนี้ย่อมไม่อาจเห็นได้ในตำราโบราณ… แม้เขาจะเคยเห็นมาหลายชุดในชีวิตชาติก่อนก็ตาม

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวต่อว่า “เมื่อปรมาจารย์อาวุโสทั้งหกกลายเป็นจอมปราชญ์ในสมัยโบราณ อาจารย์อาทั้งสองแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมก็ได้ใช้แรงปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาในการยืมบุญแห่งเต๋าสวรรค์และกลายเป็นจอมปราชญ์

ความปรารถนาที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งไม่ใช่เพื่อช่วยชีวิตสิ่งมีชีวิตทั้งหมด แต่เพื่อฟื้นฟูสำนักบำเพ็ญประจิม ในขณะนี้ อาจารย์อาทั้งสองแห่งสำนักบำเพ็ญประจิม กำลังเสี่ยงชีวิตเพื่อทำให้สำนักบำเพ็ญประจิมแข็งแกร่งขึ้น

พวกเขายังหันไปใช้วิธีการที่ไร้ยางอายและเป็นหนี้กรรมต่อเต๋าสวรรค์! เจ้าคิดว่าสำนักบำเพ็ญประจิมกำลังลงน้ำโดยใช้สัตว์ร้ายและปีศาจเพื่อสร้างปัญหาหรือไม่”

หลี่ฉางโซ่วกะพริบตา จะมีอะไรเกินเลยไปกว่านี้อีกหรือไม่? ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “ในสมัยโบราณ อาจารย์อาทั้งสองคนนี้ ได้ขุดรากวิญญาณของดินแดนเทวะมัชฌิมาและดึงพลังวิญญาณของมหาตรีสหัสโลกธาตุออกมา

จากนั้น อาจารย์อาทั้งสองก็ได้พบสมบัติและสิ่งมีชีวิตเซียนเทียน จึงบอกสมบัติและสิ่งมีชีวิตเซียนเทียนเหล่านั้นว่า พวกเขามีวาสนาชะตาลิขิตกับสำนักบำเพ็ญประจิม และบังคับให้พวกเขาเหล่านั้นเข้าร่วมด้วย หากท่านอาสามไม่ลุกยืนขึ้นและกวัดแกว่งกระบี่สังหารเซียนทั้งสี่เล่ม บางทีกว่าครึ่งหนึ่งของบรรดาเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ก็อาจจะเป็นแขกรับเชิญของสำนักบำเพ็ญประจิม! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน

มันคล้ายกับสิ่งที่เขารู้มา

จากนั้นเขาก็เอ่ยถามว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ แล้วจอมปราชญ์ทั้งหกมีความแข็งแกร่งแตกต่างกันมากระหว่างหรือไม่ขอรับ?”

“มันยากจะพูดได้ มันเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งของจอมปราชญ์ทั้งหกก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นจอมปราชญ์ นอกจากนี้ยังเกี่ยวพันกับสมบัติเซียนเทียนที่พวกเขาแต่ละคนใช้อีกด้วย” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวและกระแอมไอในลำคอพลางยิ้ม

“หลังจากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในสมัยโบราณ บรรพชนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าของเราได้รับโอกาสในการเป็นจอมปราชญ์ ข้าได้ยินจากท่านอาจารย์มาว่า บรรพชนเต๋าสามารถบุกทะลวงผ่านเต๋าสวรรค์ได้และเข้าสู่ขอบเขตจอมปราชญ์ต้าเต๋าฮุ่นหยวน ก่อนที่เต๋าสวรรค์จะปรากฏตัวอย่างสมบูรณ์ ทว่าหากบรรพชนเต๋าทำเช่นนั้น โลกบรรพกาลก็จะล่มสลายลงอย่างรวดเร็ว…”

“เป็นบรรพชนเต๋าที่ละทิ้งตำแหน่งของจอมปราชญ์ต้าเต๋าฮุ่นหยวน และใช้จานหยกสร้างสัมฤทธิ์ แล้วค่อยๆ รวมตัวเองเข้ากับเต๋าสวรรค์เพื่อชดเชยและเสริมสร้างในส่วนที่ขาดจนทำให้เต๋าสวรรค์สมบูรณ์แบบ เพื่อปกป้องโลกบรรพกาลและตรีสหัสโลกธาตุ”

“ดังนั้น บรรพชนเต๋าจึงเป็นทั้งจอมปราชญ์และไม่ใช่จอมปราชญ์ เรียกได้ว่าเป็นจอมปราชญ์เต๋า สวรรค์และเป็นคนที่พิเศษที่สุด”

“จอมปราชญ์ทั้งหกล้วนเป็นศิษย์ของบรรพชนเต๋า ทว่าอาจารย์อาทั้งสองแห่งสำนักบำเพ็ญประจิม เป็นเพียงศิษย์ในนามเท่านั้น”

“ในสมัยโบราณ บรรพชนเต๋าได้แบ่งพลังปราณม่วงหงเหมิงในวังเมฆม่วง นั่นคือ โอกาสที่จะได้เป็นจอมปราชญ์ ในเวลานั้น ผู้ที่อยู่ใกล้ขอบเขตจอมปราชญ์ต้าเต๋า มากที่สุดก็คือ… แค่กๆ ท่านอาจารย์ของข้า”

“เดิมทีท่านอาจารย์ไม่เต็มใจที่จะหลอมรวมกับเสี้ยวพลังปราณม่วงหงเหมิง ทว่าหากท่านต้องการจะบรรลุสู่จอมปราชญ์ต้าเต๋า ท่านก็ต้องทะลวงฝ่าด่านเต๋าสวรรค์และเผชิญหน้ากับบรรพชนเต๋า”

“เนื่องจากอับจนหนทาง ท่านอาจารย์จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากผสานรวมกับพลังปราณม่วงหงเหมิง และก่อตั้งสำนักหนึ่ง นั่นเป็นเหตุผลที่ท่านอาจารย์ของข้าแทบจะไม่ถูกเต๋าสวรรค์ควบคุม ท่านสามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการ หลังจากก่อตั้งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และรับข้าเป็นศิษย์แล้ว ท่านก็เลิกสนใจเรื่องอื่นใดอีก”

“เมื่อเปรียบเทียบกับท่านอาจารย์แล้ว ขอบเขตพลังของท่านอาจารย์อารอง และท่านอาจารย์อาสามนั้นใกล้เคียงกัน พวกเขาอ่อนด้อยกว่าท่านอาจารย์เพียงเล็กน้อย ดังนั้น จึงไม่ถือว่าถูกเต๋าสวรรค์ควบคุมมากนัก”

“ในท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาทั้งหมดล้วนมีบุญเบิกฟ้า อาจารย์อาเจียหยิ่นแห่งสำนักบำเพ็ญประจิม น่าจะอยู่ในขอบเขตพลังเดียวกันกับอาจารย์อาทั้งสอง แต่อาจารย์อาเจียหยิ่นไม่มีสมบัติสังหาร เฉกเช่น กระบี่สังหารเซียนทั้งสี่และธงผานกู่ เขาไม่ได้รับการคุ้มครองจากแผนภาพไท่จี๋หรือเจดีย์เสวียนหวง ดังนั้นเขาจึงอ่อนด้อยกว่าเล็กน้อย”

“ยังมีเทพธิดาผู้มีซิ่วฉิวสีแดง[3] หากจอมปราชญ์ไปแตะต้อง เขาก็จะได้รับบาดเจ็บ หากเซียนต้าหลัวจินได้สัมผัสมัน เขาก็จะตาย แม้ว่าเทพธิดาจะอาศัยบุญเพื่อกลายเป็นเทพธิดา แต่ความแข็งแกร่งโดยรวมของนางนั้น อ่อนด้อยกว่าอาจารย์อาเจียหยิ่นอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีอีกคนหนึ่ง อาจารย์อาจุ่นถี…”

หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าวว่า “หากพวกเราพบท่านจอมปราชญ์ในครั้งนี้ บางที นั่นอาจจะเป็นเขา”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ใช่ ต้นไม้เจ็ดมหัศจรรย์ของอาจารย์อาจุ่นถีนั้น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่…เจ้าไม่ต้องกลัว เพียงแค่ทำมัน”

หลี่ฉางโซ่วรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในทันที

ดูเหมือนว่า ได้เวลาทดสอบเวทหลบหนีอีกครั้งแล้ว…

……

ในเวลาเดียวกันนั้น ในวังมังกรทะเลบูรพา อ๋าวอี่ ที่เพิ่งกลับมายังสถานที่แห่งนี้ ก็ไม่ได้รอช้าแม้แต่น้อย เขาคืนกองทหารกลับแล้วรีบกลับไปที่ห้องนอนของเขา

เขาถอดชุดเกราะออกแล้วโบกมือให้สาวใช้ออกไปก่อนจะเดินไปยังโต๊ะตรงมุมที่แกะสลักด้วยหยก แล้วค่อยๆ คลี่ม้วนพระสูตรในมือออก

นี่…

นี่คือ!

“เอ่อ ‘พระสูตรมั่นคงหรือ’? ไม่ระบุนาม?”

อ๋าวอี่กะพริบตาและเริ่มอ่านอย่างตั้งใจในขณะที่เขาตัดสินใจลองดู

………………………………………………………………..

[1] เป็นคำโบราณคือ ความโกลาหลวุ่นวายในระหว่างการกำเนิดของสรรพสิ่งในช่วงเริ่มต้นที่บุกเบิกโลก หรือจักรวาล

[2] เต๋าใหญ่หรือมหาเต๋า

[3] ซิ่วฉิว คือ ลูกบอลแพรปักซึ่งเป็นลูกกลมที่ทำจากผ้าไหมชนิดหนึ่ง ถือเป็นสัญลักษณ์มงคลอย่างหนึ่งของจีน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *