อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 100 นักกิน
ตอนที่ 100 นักกิน
ยี่สิบรอบ เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวคุกเข่าลงบนพื้น ส่งเสียงร้องเพลงอย่างแข็งขันยี่สิบรอบจริง ๆ และหยุดลงพร้อมกับเสียงที่แหบพร่า
เหวินเทียนหัวเราะเยาะ หากไม่ใช่เพราะวันนี้รถม้าที่พวกนางนั่งเป็นของจวนเสนาบดีฝั่งขวา และเสนาบดีฝั่งขวาผู้นั้นยากแท้หยั่งถึง หากไม่ใช่เพราะพวกนางเป็นคนตระกูลอวี้ซึ่งเขาไม่แน่ใจว่าอวี้ชิงลั่วและสองคนนี้มีความสัมพันธ์ต่อกันอย่างไรกันแน่ เขาคงไม่มีทางปล่อยให้หนานหนานปล่อยพวกนางไปง่าย ๆ เช่นนี้
“ไสหัวไป” เมื่อเห็นพวกนาง เย่หลานผิงก็รู้สึกขวางหูขวางตาอย่างมาก จึงสั่งให้พวกนางเก็บข้าวของแล้วไสหัวออกไป นอกจากนี้ยังสั่งให้องครักษ์คนสนิทติดตามพวกนางกลับไป เพื่อไปนำเงินมาให้หนานหนาน
อวี้ชิงโหรวร้องไห้น้ำตาคลอเบ้า ประคองแม่ของตนเองถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไร
บรรยากาศกลายเป็นความว่างเปล่าในทันที จิตใจของเย่หลานผิงจึงดีขึ้นมาก แม้ว่าเขาจะไม่ชอบของขวัญเหล่านั้น แต่ก็มิอาจปฏิเสธความหวังดีของเด็กน้อยได้ จึงสั่งให้คนเก็บกวาดเพื่อนำกลับไป
เย่หลานผิงมีความคิดอยากจะผูกมิตรกับหนานหนาน เด็กคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับลุงห้า ลุงห้าไม่เพียงแต่จะดูแลเขาด้วยตัวเอง แม้แต่องครักษ์ที่คุ้มกันเขาเพื่อออกไปเที่ยวเล่น ก็ยังเป็นหนึ่งในองครักษ์ที่ลุงห้าให้ความสำคัญมากที่สุด
ดังนั้น ขอแค่สานสัมพันธ์อันดีกับหนานหนาน หลังจากนี้ลุงห้าก็จะมีทัศนคติต่อเขาที่ดีขึ้นมาก เขาก็ไม่ต้องกลัวอีกฝ่ายถึงขั้นนี้แล้ว
ดังนั้น เมื่อเห็นเหวินเทียนทำท่าจะพาหนานหนานกลับไป เย่หลานผิงจึงรีบก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว ถามด้วยรอยยิ้มว่า “หนานหนาน การเชิญมิสู้เจอกันโดยบังเอิญ ในเมื่อพวกเรามีโชคชะตาต่อกันขนาดนั้น ภายในสามวันเจอกันถึงสองครั้ง ตอนนี้ก็สายแล้ว ให้พี่พาเจ้าไปหาของอร่อย ๆ กินดีหรือไม่?”
ดวงตาหนานหนานเปล่งประกาย น้ำลายเริ่มเต็มปากแล้ว
เหวินเทียนเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ตอนที่กำลังจะเอ่ยปากห้าม เด็กที่อยู่ในอ้อมกอดก็แกว่งแขนแกว่งขาพยักหน้า “เอาสิ ๆ ไปกินปลาที่โรงเตี๊ยมหลินสุ่ยนั่นใช่หรือไม่?”
เย่หลานผิงส่ายหน้า “ย่อมไม่ใช่ ปลาของโรงเตี๊ยมหลินสุ่ยแม้ว่าจะอร่อย แต่ก็สู้อาหารในตำหนักอ๋องเป่าของพวกเราไม่ได้ พ่อครัวที่ตำหนักอ๋องเป่าของพวกเราเป็นคนที่เสด็จพ่อของพี่ไปขุดหามาด้วยตนเอง ฝีมือการทำอาหารยอดเยี่ยมมาก”
ขุด? หนานหนานประหลาดใจมาก “พ่อครัวสามารถขุดออกมาจากใต้ดินได้ด้วยหรือ? อืม ต้องอร่อยมากแน่ ๆ”
เย่หลานผิงมุมปากกระตุกวูบ ไม่ได้แก้ความเข้าใจผิดในคำพูดของเขา ถึงอย่างไรก็ดึงดูดความสนใจของเขาได้สำเร็จ เพียงเขาอยากกินก็เรียบร้อยแล้ว
ทว่าเหวินเทียนกลับเม้มปาก เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ผิงซื่อจื่อ ข้าว่าเป็นครั้งหน้าเถิด ตอนนี้ก็สายแล้ว ท่านอ๋องกำลังรอให้ข้าพาคุณชายน้อยกลับไป หากกลับช้า ท่านอ๋องคงได้ตำหนิ”
เย่หลานผิงรู้สึกไม่มีพอใจ เป็นแค่องครักษ์ตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง มีคุณสมบัติอะไรถึงได้มาพูดจาเช่นนี้กับเขา
ทว่าอีกฝ่ายเป็นองครักษ์ของลุงห้า เขาจึงไม่กล้าทำตัวเหิมเกริม ดังนั้นจึงเพิกเฉยคำพูดของเขาแบบซึ่ง ๆ หน้า หลอกล่อหนานหนานต่อไปว่า “พี่จะบอกอะไรให้นะ พ่อครัวตระกูลเราทำขนมออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก ยังมีไก่รมควัน ปลาเปรี้ยวหวาน เป็ดตุ๋นต่างก็มีรสชาติอร่อยมาก”
เขายังจำได้ว่าเมื่อสองวันก่อน สิ่งที่หนานหนานชอบกินมากที่สุดก็คือของคาวเหล่านั้น ดังนั้นใช้สิ่งนี้เพื่อหลอกล่อเขา เปลืองแรงน้อยแต่ผลตอบแทนล้ำค่าแน่นอน
และเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ดวงตาของหนานหนานเริ่มเป็นประกายแล้ว เขาจะกินของอร่อยเยอะ ๆ พวกนี้ได้ถึงตอนไหนกันนะ
“แต่ สิ่งที่พ่อครัวตระกูลเราภาคภูมิใจก็คือสุรากุ้ยฮวา แตกต่างจากสุราธรรมดา นั่นต่างหากล่ะที่หอมไกลหมื่นลี้ ทำให้ผู้คนหลงใหลจนมิรู้ลืม” คำพูดนี้ เย่หลานผิงเพิ่มเข้ามาเฉย ๆ ไม่คิดคิดว่าจะใช้สุราเพื่อหลอกล่อเด็กน้อย
ทว่ากลับจับพลัดจับผลู เพียงหนานหนานได้ยินคำว่าสุรา ต่อให้ใช้ม้าแปดตัวมาลากก็กู่ไม่กลับแล้ว
ณ จุดนั้นเขาดิ้นรนที่จะไปตำหนักอ๋องเป่าพร้อมกับเย่หลานผิง เหวินเทียนก็เกือบจะอุ้มเขาไว้ไม่อยู่
“หนานหนาน หนานหนาน พวกเรากลับไปบอกสักคำเถอะ มิเช่นนั้นนายท่านคงได้ร้อนใจแย่”
นายท่านอะไรกัน? ตอนนี้ต่อให้เป็นท่านแม่ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว สุราต่างหากล่ะที่เป็นของดี
หนานหนานเพิกเฉยคำพูดของเหวินเทียน แกะมือของอีกฝ่ายออกและลงมายืนบนพื้น ปีนขึ้นไปบนรถม้าของเย่หลานผิง พูดด้วยความตื่นเต้นว่า “รีบไป ๆ ๆ ข้าอยากไปตำหนักอ๋องเป่าแล้ว”
เย่หลานผิงยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อเห็นว่าเหวินเทียนคิดจะห้าม จึงรีบก้าวเท้ามาหนึ่งก้าวเพื่อขวางตรงหน้าเขา แค่นเสียงกล่าวว่า “เหตุใดองครักษ์เหวินต้องขัดขวางให้ได้ด้วย? หรือว่ากลัวว่าข้าจะสร้างปัญหาให้หนานหนาน? เขาไปที่ตำหนักอ๋องเป่าของข้า องครักษ์ภายในตำหนักอ๋องเป่าไม่มีทางด้อยไปกว่าเจ้า หรือว่าแม้แต่เด็กคนหนึ่งก็มิอาจคุ้มกันได้?”
เหวินเทียนยิ้มด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นเช่นกัน “ผิงซื่อจื่อคงลืมอารมณ์ของท่านอ๋องซิวไปแล้ว”
เย่หลานผิงชะงัก ร่างกายสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเบือนสายตาออกไปด้วยความรู้สึกผิด แค่นเสียงจากลำคอกล่าวว่า “ข้าแค่อยากเชิญหนานหนานไปกินข้าวก็เท่านั้น ในเมื่อเขาให้ของขวัญตอบแทน ทั้งยังเรียกเราว่า ‘พี่ชาย’ การที่ข้าจะเลี้ยงอาหารดี ๆ ให้เขาสักมื้อก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรกระมัง ต่อให้…ต่อให้ลุงห้าจะทราบแล้ว เขาก็ไม่ตำหนิข้า”
แม้ว่าปากจะพูดเช่นนี้ แต่ภายในใจของเย่หลานผิงก็อดเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ไม่ได้ การแสดงออกของเขาดูไม่เลวเลย แต่เจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ ลุงห้าอาจจะโกรธจริง ๆ ก็ได้
“ท่านลุงเหวิน มัวยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น? ขึ้นรถสิ พวกเราไปกินของอร่อยที่ตำหนักอ๋องเป่ากัน” หนานหนานบิดตัว กระโดดดึ๋ง ๆ อยู่บนรถม้าที่กว้างขวางและสบายอย่างไม่หยุด
เหวินเทียนเหลือบมองเย่หลานผิงปราดหนึ่ง ก่อนจะเดินไปที่ข้าง ๆ รถม้า กล่าวอย่างอดทนว่า “หนานหนาน พวกเราค่อยไปวันหน้าเถอะ วันนี้ดึกแล้ว นายท่านกับคนอื่น ๆ รอเจ้าอยู่ที่ตำหนัก หากเจ้าไม่กลับไป พวกเขาคงได้ออกตามหาเจ้าทั่วทุกหนแห่ง”
หนานหนานฟังไม่เข้าหู บุ้ยปากมองเขาด้วยท่าทางน่าสงสาร “ท่านลุงเหวิน ข้าแค่ไปกินของนิด ๆ หน่อย ๆ กินเสร็จก็กลับไปแล้ว ท่านทำใจที่จะปฏิเสธข้าได้ลงเชียวหรือ? วันนี้ข้าถูกรังแกจนอยู่ในสภาพน่าอนาถเช่นนั้น น่าสงสารจะตายไป ไม่กินของอร่อยสักหน่อย ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่มีความสุขไปทั้งวัน ตอนค่ำคงนอนไม่หลับ วันพรุ่งต้องป่วยตายเป็นแน่”
“…” เหวินเทียนถึงกับหมดแรงกับคำพูดเรื่อยเปื่อยของเขา
เย่หลานผิงและหยวนสือที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก้าวเท้ามาด้านหน้าแล้ว ทั้งยังยิ้มเยาะเล็ก ๆ กล่าวว่า “หรือว่า องครักษ์เหวินกลัวตำหนักอ๋องเป่าของเรา?”
เหวินเทียนเม้มปาก กลัว? คนของจวนซิวอ๋องที่เดินออกมา ไม่เคยหวั่นเกรงใครหน้าไหนทั้งนั้น เย่หลานผิงคิดจะใช้วิธียั่วยุ เด็กเกินไปหน่อยแล้ว หากเหวินเทียนอย่างเขาทนไม่ไหวกับการยั่วยุเช่นนี้ เขาจะมีคุณสมบัติอะไรยืนอยู่ข้างกายนายท่าน?
เพียงแต่ คำพูดของเย่หลานผิงใช้ไม่ได้ผล สีหน้าราวกับจะร้องไห้ของหนานหนานกลับได้ผลอย่างมาก
แม้ว่าเหวินเทียนจะทราบดีว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากที่เด็กคนนี้แสร้งทำ การพูดการจาก็ไม่ได้มีอะไรที่สามารถอ้างอิงได้ แต่กลับเข้าใจได้ เด็กคนนี้คล้ายกับแม่นางอวี้มาก ต่างก็เป็นคนพูดคำไหนคำนั้น เรื่องที่เขาตัดสินใจไปแล้ว ก็ต้องทำให้ได้
เทียบได้กับ…ตอนนั้นที่เขาวางแผนให้มารดาของเขามาที่เมืองหลวง แม้แต่แม่นางอวี้ก็ยังกล้าวางแผนใส่ได้ เด็กคนนี้มีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้บ้าง?
เกรงว่าหนานหนานคงตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะตามไปที่ตำหนักอ๋องเป่า ตนเองพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์
เหวินเทียนถอนหายใจ ได้แต่ขบฟันพยักหน้าตอบ “ก็ได้ แต่เจ้าต้องรับปากข้านะ กินเสร็จแล้วจะกลับ”
หนานหนานยิ้มตาหยี “เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว”
…ว่าไม่มีทาง
เขายังอยากไปกินอาหารในวังอีกนะ
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ในเมื่อลากกลับไม่ได้ต้องเกทับด้วยของกินค่ะ ตำหนักอ๋องซิวก็มีของกินเลิศรสเหมือนกันนะหนานหนาน
ไหหม่า(海馬)
Comments