ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 65 ข้าต้องการนายน้อยแห่งตระกูลไป๋ (ปลาย)

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 65 ข้าต้องการนายน้อยแห่งตระกูลไป๋ (ปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 65 ข้าต้องการนายน้อยแห่งตระกูลไป๋ (ปลาย)

บทที่ 65 ข้าต้องการนายน้อยแห่งตระกูลไป๋ (ปลาย)

ลู่หยวนมานั่งที่เก้าอี้หลัก เขาพบว่าผู้คนส่วนใหญ่ที่นั่งตำแหน่งต่ำกว่าเป็นผู้อาวุโสของตระกูลไป๋ผู้ปกป้องกฎ ไป๋จางกับไป๋ชิวเอ๋อร์รวมอยู่ด้วยเช่นกัน

เฉิงเหิงกับเฉิงหลินนั่งอยู่ด้านข้าง พลางเผยสีหน้ายินดี พวกเขาต้องได้ของดีมาไม่น้อยอย่างแน่นอน

ลู่หยวนมองรอบข้าง ถามว่า “อะไรกัน? ทุกคนทำหน้าหมองหม่นกันหมด ไม่อยากต้อนรับบุตรศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ?”

ทุกคนรีบตอบว่า “ไม่มีใครไม่อยากต้อนรับบุตรศักดิ์สิทธิ์หรอก”

“เช่นนั้นก็ยิ้มออกมาสิ!”

สมาชิกตระกูลไป๋จำนวนมากยกมุมปากยิ้มกว้างในสภาพแข็งทื่อ ส่งยิ้มให้กับลู่หยวนราวกับคนโง่

หากศิษย์ของตระกูลไป๋มาเห็นภาพนี้เข้า พวกเขาจะต้องพากันเดินหนีพร้อมกับเอามือปิดหน้า ปกติแล้วผู้พิทักษ์อาวุโสทำตัวกันแบบนี้อย่างนั้นหรือ?

ลู่หยวนเอนหลังพิงพนัก กล่าวว่า “เลิกยิ้มได้แล้ว พวกเจ้ายิ้มบิดเบี้ยวจนงานเลี้ยงดูเหมือนงานศพไปแล้ว”

ทุกคนเบือนหน้าหนีทันที ยังคงก้มมองอาหารตรงหน้าต่อไป

แล้วนี่มันไม่ใช่งานศพหรือ?

เมื่อวานปรมาจารย์ของพวกเขายังคงประกาศกร้าวว่าจะไม่ยอมจำนนต่อตระกูลลู่ แต่กลับถูกไล่ต้อนโดยคนสองคนภายในครึ่งชั่วยาม พวกเขาถูกไล่ตั้งแต่ตะวันออกยันตะวันตกของตระกูลไป๋ ถูกอัดจนยับเยินได้แต่ร้องไห้ขอความเมตตา

หลังจบการต่อสู้ ปรมาจารย์ของพวกเขายังคงหัวเราะ พร้อมกับส่งของดีให้มากมาย สุดท้ายเรื่องราวเป็นอันยุติ

พวกเขายังคงมาที่นี่ในวันนี้ เพื่อขอโทษจอมมารในคราบมนุษย์ผู้มาช่วงชิงวาสนาไปจากตระกูลไป๋

พวกเขาคิดแค่ว่าในเวลาสองวัน ตระกูลไป๋เสียหน้ายับเยิน หากไปไหนมาไหนในอนาคต พวกเขาคงอับอายที่ต้องพูดเกี่ยวกับสมาชิกตระกูลไป๋

ผู้คนส่วนใหญ่ตัดสินใจได้แล้วว่า หลังจากวันนี้ไป พวกเขาจะปิดประตูแน่นหนา ไม่นำพาตระกูลไป๋ไปเสนอหน้ากับใครอีก!

ไป๋หลางซิงเป็นคนแรกที่หยิบจอกสุราขึ้นมา พร้อมกล่าวกับลู่หยวนทั้งรอยยิ้มว่า “นายท่านอยู่กับตระกูลไป๋มานาน แต่ข้าไม่เคยมาทักทาย ขอนายท่านโปรดอภัยให้ด้วย”

สีหน้าของปรมาจารย์ไป๋ยังคงไม่แปรเปลี่ยน ราวกับเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ลู่หยวนยิ้มหยันอยู่ในใจ สมแล้วที่เป็นผู้เฒ่าที่ใช้ชีวิตมาหลายร้อยปี มีความยืดหยุ่นมากยิ่งนัก

ชายหนุ่มก้มมองจอกสุรา คิ้วขมวดเล็กน้อย “ผู้เฒ่าไป๋ เจ้าสามารถดื่มสุรานี้เมื่อไรก็ได้ แต่เจ้ามีเรื่องต้องทำให้เสร็จก่อน”

รอยยิ้มบนใบหน้าของคนฟังพลันแข็งค้าง หัวใจราวกับถูกกดทับ จนแทบจะกระอักโลหิตออกมา

เด็กคนนี้อยากพูดเรื่องเมื่อวานอย่างนั้นหรือ?!

เมื่อวานไม่เพียงแค่เขาถูกอัดจนต้องวิ่งหนีภายใต้สายตาเฝ้ามองของศิษย์ตระกูลไป๋ทั้งหลายเท่านั้น แต่เขายังคงต้องมอบของให้อีกมากมาย เพื่อจบเรื่องจบราว

ตอนนี้ยังต้องมอบให้กับลู่หยวนอีกงั้นหรือ?

หากต้องมอบของให้อีก มีหวังตระกูลไป๋ล้มละลายเป็นแน่!

ไป๋หลางซิงเค้นพละกำลังเกือบทั้งหมด เพื่อยกมุมปากขึ้นฝืนยิ้มออกมา “ขอบังอาจถามได้หรือไม่ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์พูดถึงเรื่องอะไร?”

“ผู้เฒ่าไป๋อย่าทำหน้าเหมือนเสียลูกชายสิ ข้าไม่ต้องการของจากตระกูลไป๋หรอก”

เมื่อไป๋หลางซิงได้ยินเช่นนี้ สีหน้าแข็งทื่อของเขาผ่อนคลายเล็กน้อย ก้อนหินส่วนใหญ่ในใจถูกยกออกไป ขอแค่ไม่ต้องมอบของให้ก็เกินพอแล้ว

แววตาของลู่หยวนเผยรอยยิ้มออกมา “บุตรศักดิ์สิทธิ์ต้องการนายน้อยแห่งตระกูลไป๋”

สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ลู่หยวน!

ทุกคนในตระกูลไป๋ขมวดคิ้ว ได้แต่สงสัยว่าฟังผิดไปหรือไม่

คุณชายแห่งตระกูลลู่ผู้เป็นตระกูลอันดับหนึ่งในตำหนักธารสุญญะ ต้องการนายน้อยแห่งตระกูลไป๋งั้นหรือ?!

“หา?”

ไป๋หลางซิงประหลาดใจเช่นกัน เขาไม่เข้าใจว่าลู่หยวนหมายความว่าอะไร

“ข้าอยากให้พวกเจ้าเลือกใครบางคนจากคนรุ่นหลังของตระกูลไป๋ เพื่อทำให้เป็นนายน้อยแห่งตระกูลไป๋ จากนั้นประกาศให้ทุกกองกำลังทราบ”

ไป๋หลางซิงมีท่าทีเคร่งขรึม จากนั้นถามว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์มีตัวเลือกแล้วงั้นหรือ?”

ลู่หยวนยิ้ม สายตาจับจ้องไป๋ชิวเอ๋อร์ จนนางเข้าใจในทันที ในใจรู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย

“ข้าคิดว่าไป๋ชิวเอ๋อร์ไม่เลว พรสวรรค์ยอดเยี่ยม อนาคตไร้ขีดจำกัด เหมาะจะเป็นตัวเลือกในการเป็นผู้สืบทอดแห่งตระกูลไป๋มากที่สุด”

สีหน้าของไป๋หลางซิงมืดมน จากเหตุการณ์ที่เขาเรียกผู้อาวุโสจำนวนมากมาเมื่อคืน ทำให้ทราบทุกอย่างเกี่ยวกับลู่หยวนหลังจากกลับมาที่ตระกูลไป๋

เรื่องที่ไป๋ชิวเอ๋อร์เสี่ยงชีวิตเพื่อไปช่วยชายหนุ่มนั้น เขาก็ทราบเช่นกัน

ถึงขั้นสามารถสละชีวิตได้ ไป๋ชิวเอ๋อร์ผู้นี้อาจจะมีความรักลึกซึ้งกับลู่หยวนมาได้พักใหญ่แล้ว

หากคุณหนูไป๋กลายเป็นผู้สืบทอดแห่งตระกูลไป๋จริง ตระกูลไป๋ไม่เท่ากับตกอยู่ในมือของบุตรศักดิ์สิทธิ์เลยหรือ?!

ดวงตาของไป๋หลางซิงมืดมน วันนี้เขาจะยอมอีกไม่ได้!

ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ที่เหลือได้ยินเช่นนี้ ก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป

เรื่องผู้สืบทอดแห่งตระกูลไป๋ ลู่หยวนจะมาแทรกแซงได้อย่างไร?!

ทำไมไม่ให้ตระกูลลู่มาแทนที่ประมุขของตระกูลไป๋ด้วยเสียเลยเล่า!

ผู้อาวุโสคนหนึ่งลุกขึ้นทันที “ท่านปรมาจารย์ อย่าไปยอมเด็ดขาด!”

ไป๋หลางซิงตัดสินใจได้เช่นกัน เขาเงยหน้าขึ้นกล่าวว่า “สถานะผู้สืบทอดแห่งตระกูลไป๋ข้องเกี่ยวกับอนาคตของตระกูลเรา”

“ไป๋ชิวเอ๋อร์มีเส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์ ถึงแม้จะได้รับความเสียหาย บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ก็สามารถรักษาให้นางได้”

ไป๋หลางซิงหยุดนิ่งทันที เอ่ยถามว่า “นี่เป็นความจริงหรือ?!”

“แน่นอนว่าเป็นความจริง ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อข้า ก็ลองถามไป๋จางดูได้” ชายหนุ่มตอบ

ปรมาจารย์ไป๋หันมองกลับไปหาประมุข

ไป๋จางพยักหน้า กล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์ บุตรศักดิ์สิทธิ์มีหนทางรักษาจริง เมื่อไม่กี่วันก่อน พลังวิญญาณของชิวเอ๋อร์รั่วไหลออกไป เป็นเขาที่มอบยาอายุวัฒนะให้ จนทำให้เส้นชีพจรวิญญาณของชิวเอ๋อร์มั่นคง”

ผู้อาวุโสหัวเราะออกมา “เส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์ได้รับการซ่อมแซมแล้วจะทำไม? ใจของไป๋ชิวเอ๋อร์อาจจะไม่อยู่กับตระกูลไป๋นานนัก ต่อให้ได้เป็นราชันหรือจักรพรรดินีในอนาคต ตระกูลไป๋ก็ไม่เจริญเพราะนางหรอก!”

“ท่านปรมาจารย์ ท่านอย่าให้นางสืบทอดตำแหน่งผู้สืบทอดของตระกูลไป๋เชียว หาไม่แล้วตระกูลไป๋ได้ตกต่ำอย่างแน่นอน!”

ไป๋หลางซิงตกอยู่ในความเงียบ หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ เขาก็หันมามองลู่หยวนด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ ผู้อาวุโสเหมือนกับยกก้อนหินขนาดใหญ่ในใจออกไปได้ ท่านปรมาจารย์จะต้องฟังอย่างแน่นอน

เขากลับมานั่งที่ และหยิบถ้วยชายกขึ้นจิบ

ปรมาจารย์เข้าใจความชอบธรรมนี้เป็นอย่างดียิ่ง ดังนั้นเขาจึงรู้ข้อดีข้อเสีย และไม่มีทางยอมให้ไป๋ชิวเอ๋อร์เป็นผู้สืบทอดแห่งตระกูลไป๋ได้อย่างแน่นอน

หัวใจของผู้อาวุโสเพิ่งผ่อนคลาย แต่กลับได้ยินเสียงของไป๋หลางซิงดังขึ้น

“สายตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์ช่างเฉียบคม ดังนั้นข้าจะฟังบุตรศักดิ์สิทธิ์! นับจากนี้ไป ไป๋ชิวเอ๋อร์คือผู้สืบทอดแห่งตระกูลไป๋!”

พรวด!

ชาถูกพ่นออกมาทันที ผู้อาวุโสเงยหน้ามองด้วยความตกตะลึง เห็นว่าปรมาจารย์กำลังมองลู่หยวนพร้อมกับมีรอยยิ้มประดับใบหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความยินดียิ่ง

เดิมทีไป๋หลางซิงไม่ถูกใจแม่นางไป๋ชิวเอ๋อร์ผู้นี้ ถึงแม้จะมีเส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์ แต่มันก็ได้รับความเสียหายจนไม่สามารถบ่มเพาะได้ จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรของตระกูลเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของไป๋จาง ดังนั้นไป๋หลางซิงจึงไม่ได้กล่าวอะไร

แต่ตอนนี้… ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เห็นว่าไป๋หลางซิงกลับถูกใจไป๋ชิวเอ๋อร์

หากเส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์ได้รับการซ่อมแซมจริง เช่นนั้นตระกูลไป๋ก็จะทะยานสู่ความยิ่งใหญ่ ก้าวไปถึงสรวงสวรรค์ได้จริง!

ตอนนี้พลังวิญญาณของแดนหลักเบาบาง จนไม่มีใครทะยานสู่สวรรค์ได้ แต่เส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์พิเศษออกไป มันอาจจะสามารถทะลวงคำสาปนับแสนปีได้!

ส่วนเรื่องความรักที่ไป๋ชิวเอ๋อร์มีต่อลู่หยวนนั้น…

ไป๋หลางซิงครุ่นคิด…

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 65 ข้าต้องการนายน้อยแห่งตระกูลไป๋ (ปลาย)

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 65 ข้าต้องการนายน้อยแห่งตระกูลไป๋ (ปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 65 ข้าต้องการนายน้อยแห่งตระกูลไป๋ (ปลาย)

บทที่ 65 ข้าต้องการนายน้อยแห่งตระกูลไป๋ (ปลาย)

ลู่หยวนมานั่งที่เก้าอี้หลัก เขาพบว่าผู้คนส่วนใหญ่ที่นั่งตำแหน่งต่ำกว่าเป็นผู้อาวุโสของตระกูลไป๋ผู้ปกป้องกฎ ไป๋จางกับไป๋ชิวเอ๋อร์รวมอยู่ด้วยเช่นกัน

เฉิงเหิงกับเฉิงหลินนั่งอยู่ด้านข้าง พลางเผยสีหน้ายินดี พวกเขาต้องได้ของดีมาไม่น้อยอย่างแน่นอน

ลู่หยวนมองรอบข้าง ถามว่า “อะไรกัน? ทุกคนทำหน้าหมองหม่นกันหมด ไม่อยากต้อนรับบุตรศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ?”

ทุกคนรีบตอบว่า “ไม่มีใครไม่อยากต้อนรับบุตรศักดิ์สิทธิ์หรอก”

“เช่นนั้นก็ยิ้มออกมาสิ!”

สมาชิกตระกูลไป๋จำนวนมากยกมุมปากยิ้มกว้างในสภาพแข็งทื่อ ส่งยิ้มให้กับลู่หยวนราวกับคนโง่

หากศิษย์ของตระกูลไป๋มาเห็นภาพนี้เข้า พวกเขาจะต้องพากันเดินหนีพร้อมกับเอามือปิดหน้า ปกติแล้วผู้พิทักษ์อาวุโสทำตัวกันแบบนี้อย่างนั้นหรือ?

ลู่หยวนเอนหลังพิงพนัก กล่าวว่า “เลิกยิ้มได้แล้ว พวกเจ้ายิ้มบิดเบี้ยวจนงานเลี้ยงดูเหมือนงานศพไปแล้ว”

ทุกคนเบือนหน้าหนีทันที ยังคงก้มมองอาหารตรงหน้าต่อไป

แล้วนี่มันไม่ใช่งานศพหรือ?

เมื่อวานปรมาจารย์ของพวกเขายังคงประกาศกร้าวว่าจะไม่ยอมจำนนต่อตระกูลลู่ แต่กลับถูกไล่ต้อนโดยคนสองคนภายในครึ่งชั่วยาม พวกเขาถูกไล่ตั้งแต่ตะวันออกยันตะวันตกของตระกูลไป๋ ถูกอัดจนยับเยินได้แต่ร้องไห้ขอความเมตตา

หลังจบการต่อสู้ ปรมาจารย์ของพวกเขายังคงหัวเราะ พร้อมกับส่งของดีให้มากมาย สุดท้ายเรื่องราวเป็นอันยุติ

พวกเขายังคงมาที่นี่ในวันนี้ เพื่อขอโทษจอมมารในคราบมนุษย์ผู้มาช่วงชิงวาสนาไปจากตระกูลไป๋

พวกเขาคิดแค่ว่าในเวลาสองวัน ตระกูลไป๋เสียหน้ายับเยิน หากไปไหนมาไหนในอนาคต พวกเขาคงอับอายที่ต้องพูดเกี่ยวกับสมาชิกตระกูลไป๋

ผู้คนส่วนใหญ่ตัดสินใจได้แล้วว่า หลังจากวันนี้ไป พวกเขาจะปิดประตูแน่นหนา ไม่นำพาตระกูลไป๋ไปเสนอหน้ากับใครอีก!

ไป๋หลางซิงเป็นคนแรกที่หยิบจอกสุราขึ้นมา พร้อมกล่าวกับลู่หยวนทั้งรอยยิ้มว่า “นายท่านอยู่กับตระกูลไป๋มานาน แต่ข้าไม่เคยมาทักทาย ขอนายท่านโปรดอภัยให้ด้วย”

สีหน้าของปรมาจารย์ไป๋ยังคงไม่แปรเปลี่ยน ราวกับเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ลู่หยวนยิ้มหยันอยู่ในใจ สมแล้วที่เป็นผู้เฒ่าที่ใช้ชีวิตมาหลายร้อยปี มีความยืดหยุ่นมากยิ่งนัก

ชายหนุ่มก้มมองจอกสุรา คิ้วขมวดเล็กน้อย “ผู้เฒ่าไป๋ เจ้าสามารถดื่มสุรานี้เมื่อไรก็ได้ แต่เจ้ามีเรื่องต้องทำให้เสร็จก่อน”

รอยยิ้มบนใบหน้าของคนฟังพลันแข็งค้าง หัวใจราวกับถูกกดทับ จนแทบจะกระอักโลหิตออกมา

เด็กคนนี้อยากพูดเรื่องเมื่อวานอย่างนั้นหรือ?!

เมื่อวานไม่เพียงแค่เขาถูกอัดจนต้องวิ่งหนีภายใต้สายตาเฝ้ามองของศิษย์ตระกูลไป๋ทั้งหลายเท่านั้น แต่เขายังคงต้องมอบของให้อีกมากมาย เพื่อจบเรื่องจบราว

ตอนนี้ยังต้องมอบให้กับลู่หยวนอีกงั้นหรือ?

หากต้องมอบของให้อีก มีหวังตระกูลไป๋ล้มละลายเป็นแน่!

ไป๋หลางซิงเค้นพละกำลังเกือบทั้งหมด เพื่อยกมุมปากขึ้นฝืนยิ้มออกมา “ขอบังอาจถามได้หรือไม่ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์พูดถึงเรื่องอะไร?”

“ผู้เฒ่าไป๋อย่าทำหน้าเหมือนเสียลูกชายสิ ข้าไม่ต้องการของจากตระกูลไป๋หรอก”

เมื่อไป๋หลางซิงได้ยินเช่นนี้ สีหน้าแข็งทื่อของเขาผ่อนคลายเล็กน้อย ก้อนหินส่วนใหญ่ในใจถูกยกออกไป ขอแค่ไม่ต้องมอบของให้ก็เกินพอแล้ว

แววตาของลู่หยวนเผยรอยยิ้มออกมา “บุตรศักดิ์สิทธิ์ต้องการนายน้อยแห่งตระกูลไป๋”

สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ลู่หยวน!

ทุกคนในตระกูลไป๋ขมวดคิ้ว ได้แต่สงสัยว่าฟังผิดไปหรือไม่

คุณชายแห่งตระกูลลู่ผู้เป็นตระกูลอันดับหนึ่งในตำหนักธารสุญญะ ต้องการนายน้อยแห่งตระกูลไป๋งั้นหรือ?!

“หา?”

ไป๋หลางซิงประหลาดใจเช่นกัน เขาไม่เข้าใจว่าลู่หยวนหมายความว่าอะไร

“ข้าอยากให้พวกเจ้าเลือกใครบางคนจากคนรุ่นหลังของตระกูลไป๋ เพื่อทำให้เป็นนายน้อยแห่งตระกูลไป๋ จากนั้นประกาศให้ทุกกองกำลังทราบ”

ไป๋หลางซิงมีท่าทีเคร่งขรึม จากนั้นถามว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์มีตัวเลือกแล้วงั้นหรือ?”

ลู่หยวนยิ้ม สายตาจับจ้องไป๋ชิวเอ๋อร์ จนนางเข้าใจในทันที ในใจรู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย

“ข้าคิดว่าไป๋ชิวเอ๋อร์ไม่เลว พรสวรรค์ยอดเยี่ยม อนาคตไร้ขีดจำกัด เหมาะจะเป็นตัวเลือกในการเป็นผู้สืบทอดแห่งตระกูลไป๋มากที่สุด”

สีหน้าของไป๋หลางซิงมืดมน จากเหตุการณ์ที่เขาเรียกผู้อาวุโสจำนวนมากมาเมื่อคืน ทำให้ทราบทุกอย่างเกี่ยวกับลู่หยวนหลังจากกลับมาที่ตระกูลไป๋

เรื่องที่ไป๋ชิวเอ๋อร์เสี่ยงชีวิตเพื่อไปช่วยชายหนุ่มนั้น เขาก็ทราบเช่นกัน

ถึงขั้นสามารถสละชีวิตได้ ไป๋ชิวเอ๋อร์ผู้นี้อาจจะมีความรักลึกซึ้งกับลู่หยวนมาได้พักใหญ่แล้ว

หากคุณหนูไป๋กลายเป็นผู้สืบทอดแห่งตระกูลไป๋จริง ตระกูลไป๋ไม่เท่ากับตกอยู่ในมือของบุตรศักดิ์สิทธิ์เลยหรือ?!

ดวงตาของไป๋หลางซิงมืดมน วันนี้เขาจะยอมอีกไม่ได้!

ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ที่เหลือได้ยินเช่นนี้ ก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป

เรื่องผู้สืบทอดแห่งตระกูลไป๋ ลู่หยวนจะมาแทรกแซงได้อย่างไร?!

ทำไมไม่ให้ตระกูลลู่มาแทนที่ประมุขของตระกูลไป๋ด้วยเสียเลยเล่า!

ผู้อาวุโสคนหนึ่งลุกขึ้นทันที “ท่านปรมาจารย์ อย่าไปยอมเด็ดขาด!”

ไป๋หลางซิงตัดสินใจได้เช่นกัน เขาเงยหน้าขึ้นกล่าวว่า “สถานะผู้สืบทอดแห่งตระกูลไป๋ข้องเกี่ยวกับอนาคตของตระกูลเรา”

“ไป๋ชิวเอ๋อร์มีเส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์ ถึงแม้จะได้รับความเสียหาย บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ก็สามารถรักษาให้นางได้”

ไป๋หลางซิงหยุดนิ่งทันที เอ่ยถามว่า “นี่เป็นความจริงหรือ?!”

“แน่นอนว่าเป็นความจริง ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อข้า ก็ลองถามไป๋จางดูได้” ชายหนุ่มตอบ

ปรมาจารย์ไป๋หันมองกลับไปหาประมุข

ไป๋จางพยักหน้า กล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์ บุตรศักดิ์สิทธิ์มีหนทางรักษาจริง เมื่อไม่กี่วันก่อน พลังวิญญาณของชิวเอ๋อร์รั่วไหลออกไป เป็นเขาที่มอบยาอายุวัฒนะให้ จนทำให้เส้นชีพจรวิญญาณของชิวเอ๋อร์มั่นคง”

ผู้อาวุโสหัวเราะออกมา “เส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์ได้รับการซ่อมแซมแล้วจะทำไม? ใจของไป๋ชิวเอ๋อร์อาจจะไม่อยู่กับตระกูลไป๋นานนัก ต่อให้ได้เป็นราชันหรือจักรพรรดินีในอนาคต ตระกูลไป๋ก็ไม่เจริญเพราะนางหรอก!”

“ท่านปรมาจารย์ ท่านอย่าให้นางสืบทอดตำแหน่งผู้สืบทอดของตระกูลไป๋เชียว หาไม่แล้วตระกูลไป๋ได้ตกต่ำอย่างแน่นอน!”

ไป๋หลางซิงตกอยู่ในความเงียบ หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ เขาก็หันมามองลู่หยวนด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ ผู้อาวุโสเหมือนกับยกก้อนหินขนาดใหญ่ในใจออกไปได้ ท่านปรมาจารย์จะต้องฟังอย่างแน่นอน

เขากลับมานั่งที่ และหยิบถ้วยชายกขึ้นจิบ

ปรมาจารย์เข้าใจความชอบธรรมนี้เป็นอย่างดียิ่ง ดังนั้นเขาจึงรู้ข้อดีข้อเสีย และไม่มีทางยอมให้ไป๋ชิวเอ๋อร์เป็นผู้สืบทอดแห่งตระกูลไป๋ได้อย่างแน่นอน

หัวใจของผู้อาวุโสเพิ่งผ่อนคลาย แต่กลับได้ยินเสียงของไป๋หลางซิงดังขึ้น

“สายตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์ช่างเฉียบคม ดังนั้นข้าจะฟังบุตรศักดิ์สิทธิ์! นับจากนี้ไป ไป๋ชิวเอ๋อร์คือผู้สืบทอดแห่งตระกูลไป๋!”

พรวด!

ชาถูกพ่นออกมาทันที ผู้อาวุโสเงยหน้ามองด้วยความตกตะลึง เห็นว่าปรมาจารย์กำลังมองลู่หยวนพร้อมกับมีรอยยิ้มประดับใบหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความยินดียิ่ง

เดิมทีไป๋หลางซิงไม่ถูกใจแม่นางไป๋ชิวเอ๋อร์ผู้นี้ ถึงแม้จะมีเส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์ แต่มันก็ได้รับความเสียหายจนไม่สามารถบ่มเพาะได้ จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรของตระกูลเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของไป๋จาง ดังนั้นไป๋หลางซิงจึงไม่ได้กล่าวอะไร

แต่ตอนนี้… ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เห็นว่าไป๋หลางซิงกลับถูกใจไป๋ชิวเอ๋อร์

หากเส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์ได้รับการซ่อมแซมจริง เช่นนั้นตระกูลไป๋ก็จะทะยานสู่ความยิ่งใหญ่ ก้าวไปถึงสรวงสวรรค์ได้จริง!

ตอนนี้พลังวิญญาณของแดนหลักเบาบาง จนไม่มีใครทะยานสู่สวรรค์ได้ แต่เส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์พิเศษออกไป มันอาจจะสามารถทะลวงคำสาปนับแสนปีได้!

ส่วนเรื่องความรักที่ไป๋ชิวเอ๋อร์มีต่อลู่หยวนนั้น…

ไป๋หลางซิงครุ่นคิด…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+