เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน 668 ครอบครัวไร้เทียมทานร่วมมือ เปิดโปงจักรพรรดิชั่วร้ายทั้งห้า
ตอนที่ 668 ครอบครัวไร้เทียมทานร่วมมือ เปิดโปงจักรพรรดิชั่วร้ายทั้งห้า
‘ราชาแห่งจักวาล’ ที่แต่เดิมจะพาเจี่ยนชิวหนีไปด้วย ขณะที่รับรู้ได้ว่าเยี่ยนอวี๋กำลังมา พวกเขาก็ทอดทิ้งเจี่ยนชิวออย่างไม่ลังเลและหนีไปทันที
ถึงอย่างไรการใหญ่ก็ยังไม่สำเร็จ พวกเขาจะถูกเปิดโปงมิได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นแผนการทั้งหมดคงสำเร็จได้ยาก ดังนั้นเจี่ยนชิวที่ยังคงรักษาตัวอยู่ในตำหนักผีจึงไม่รู้เลยว่าตนเองถูกทอดทิ้งไปแล้ว นางยังคงรักษาตัวอย่างรวดเร็ว ทว่า… เยี่ยนอวี๋ที่รับรู้ได้อย่างเฉียบไวว่ากลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งกำลังจะสลายไป นางก็ไม่ได้ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามหนีไปได้ง่ายๆ
“ขุนเขา”
เยี่ยนอวี๋ปริปาก มือที่กางออกในทันใด
วิ้ง
ขุนเขาขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดในจักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้าถูกนางอัญเชิญออกมาทันที
ความมืดมิดในหลุมศพส่งเสียงดัง วิ้งๆ ไม่หยุด ทั่วทั้งบริเวณสั่นไหวตลอดเวลาและนี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น
ตูม
เยี่ยนอวี๋ล้มภูเขาด้วยมือเดียว
“หยุด”
เมื่อสิ้นเสียงนาง ปราสาทผีทั้งหลังก็ถูกควบคุมไว้แล้ว กฎระเบียบมิติทั้งหมด กฎเกณฑ์ต้นกำเนิดทั้งหมดล้วนถูกนางหยุดยั้งไว้แล้ว
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ฟังดูซับซ้อนยิ่งนัก แต่ความเป็นจริงแล้วมันเกิดขึ้นภายในพริบตาเดียว กล่าวได้ว่าเมื่อปฐมราชินีมาถึง นางก็ผนึกปราสาทผีไว้ทันที ไม่ปล่อยให้พลังใดๆ มีโอกาสหนีไปได้แม้แต่น้อย
“ให้ตายเถอะ” เสียงสังเคราะห์ของราชาแห่งจักรวาลตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
เยี่ยนอวี๋กลับกอดสามีและลูกสถิตลงมาในปราสาทผี
“ไป”
กู้จื่อเฟิงเองก็พาอินหลิวเฟิงและลูกน้องจอมทึ่มตามไปอย่างรวดเร็ว ทว่า…
“ระเบิด”
เสียงสังเคราะห์แปลกประหลาดนั่นกลับกระตุ้นพลังระเบิดตนเองอย่างเด็ดขาดในครานี้
ตูม
หมู่เมฆและพายุลึกลับอันน่าสะพรึงพัดม้วนใส่เยี่ยนอวี๋และครอบครัวอย่างบ้าคลั่งราวกับมังกรร้ายออกจากทะเล เต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างอันรุนแรง
ที่สำคัญคือกลิ่นอายทำลายล้างเช่นนี้ยังทำให้เยี่ยนอวี๋รู้สึกคุ้นเคย และยังคล้ายคลึงกับพลังของสามีนางด้วย นี่มัน…
เยี่ยนอวี๋แทบจะไม่ต้องคิดก็รู้ทันทีว่า พลังของสามีนางนอกจากจะถูกขโมยไปแล้วยังถูกใช้แล้วด้วย ร้ายแรงกว่าที่สามีนางคาดคิดไว้เสียอีก
ความคิดแวบผ่าน เยี่ยนอวี๋ข่มความตระหนกไว้และสังเวยกระบี่ไท่ชางอย่างรวดเร็ว “จงสังหารอสูร”
วิ้ง
กระบี่ไท่ชางที่แผ่ซ่านแสงแห่งดวงดาวออกมาก็ต่อสู้กับพายุและเมฆลึกลับที่พัดม้วนมา
“ออกไปซะ”
ในพายุและหมู่เมฆเหล่านี้กลับยังระเบิดเสียงสังเคราะห์ประหลาดนั่นออกมา ทำให้เยี่ยนอวี๋ไม่สามารถจับได้ว่า ‘เขา’ คือใคร รู้แค่ว่าฝ่ายตรงข้ามเหิมเกริมมาก ทว่า… เมื่อสิ้นเสียงของฝ่ายตรงข้าม
ซู่
กระบี่ไท่ชางแทงเข้าไปในหมู่เมฆราวกับแทงเข้าไปในเต้าหู้แล้ว มันแทงทะลุหมู่เมฆนั่นอย่างง่ายดาย ก่อนจะทำลายหมู่เมฆนี้ในพริบตา
ตู้ม
ปราสาทผีทั้งหลังถูกระเบิดจนเกิดพรุนเป็นรูน้อยใหญ่นับไม่ถ้วน ทว่าเสียงสังเคราะห์นั่นไม่ได้ปรากฏขึ้นอีก เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วทันที “หนีไปแล้ว?”
“ใช่แล้ว” ต้าซือมิ่งที่ยังคงถูกภรรยาโอบเอวไว้กล่าวว่า “นี่คือการแกล้งตาย เขาระเบิดตัวเองก็จริง แต่ ‘เขา’ ไม่ได้ต้องการโจมตีพวกเราด้วยพลังระเบิดนั่น แต่ใช้สิ่งนี้เพื่อระเบิดรอยแยกหนีการกดทับของภูเขาเก่าแก่ของเจ้า”
“ข ยะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าวิจารณ์อย่าง ‘ตรงประเด็น’
ทำให้เยี่ยนอวี๋ที่เดิมทีรู้สึกกลัดกลุ้มยกมือขึ้นบีบแก้มน้อยๆ ของเด็กน้อย “เขาหนีไปจากเงื้อมมือของแม่ได้ก็ไม่ใช่ขยะแล้ว มีความสามารถไม่เลวเลย”
“ก็ไม่กล้า ออกมา สู้” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจับมืออวบอ้วนน้อยๆ ราวกับรู้สึกคันมือ กล่าวว่า “เป่ายังอยาก ทุบเขา”
เยี่ยนอวี๋พูดขึ้นว่า “หรือว่าปล่อยเจ้าออกไปช่วยท่านยายทุบแมลงเหล่านั้นดี”
“อ้ะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าหดเข้าไปในอ้อมกอดของท่านพ่ออย่างคัดค้านทันที
เยี่ยนอวี๋ยิ้ม เด็กน้อยคนนี้น่ารักจริงๆ เลย เพียงแต่ว่า… เยี่ยนอวี๋ยังคงอารมณ์ไม่ดีนัก “ผู้ที่หนีไปนี้เกรงว่าจะเป็นผู้ที่ขโมยพลังของเจ้าไปจริงๆ ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังของเจ้าไปแล้ว ไม่ได้ใช้ไม่ได้อย่างที่เจ้าคาดคิดในตอนแรก”
“เกินความคาดหมายของข้าไปจริงๆ” ต้าซือมิ่งที่คิดไม่ถึงเช่นกันแผ่ซ่านจิตเหนือสำนึกออกไป เขากำลังสัมผัสกลิ่นอายที่หลงเหลือในเหตุการณ์ เพื่อตรวจสอบให้มั่นใจว่าฝ่ายตรงข้ามขโมยและใช้พลังของเขาไปเท่าไร
ในกระบวนการนี้ เยี่ยนอวี๋กลับพบว่าในปราสาทที่มืดมิดและทรุดโทรมนี้มีกลิ่นอายของเจี่ยนชิว อีกทั้งนางยังกำลังฟื้นตัว
กู้จื่อเฟิงที่ลงมาก็พบแล้วว่า “กุ่ยหมู่อยู่เรือนหลัง ยังไม่หนีไป คงถูกทอดทิ้งไว้”
“ไปดูกันเถอะ จับนางไว้” อินหลิวเฟิงทำท่าจะไป ทว่าต้าซือมิ่งที่อุ้มลูกกลับนั่งขัดสมาธิลง เด็กน้อยมองท่านพ่อเขาอย่างงงงัน “ทำ ไม”
แต่ต้าซือมิ่งไม่ได้ตอบเด็กน้อย เพราะว่าเขากำลังแสดงอิทธิฤทธิ์อย่างหนึ่งแล้ว
เขาที่จับกลิ่นอายแปลกประหลาดได้ก็แผ่แสงสีฟ้าหม่นจางๆ ออกมาจากปลายนิ้วพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ย้อนกลับ ทุกสิ่งย้อนกลับได้”
ทุกคนในเหตุการณ์รวมถึงเยี่ยนอวี๋รู้สึกว่าแวดล้อมรอบกายเปลี่ยนไป จากนั้น… ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนอวี๋หรืออินหลิวเฟิงพวกเขาทั้งสามก็พบว่าตนเอง ‘หายไปจาก’ ที่เดิมแล้ว?
ในเหตุการณ์ไม่มีร่องรอยพังพินาศใดๆ ราวกับการทำลายล้างเมื่อครู่นี้ไม่เคยเกิดขึ้น?
นี่มัน…
กู้จื่อเฟิงเอ่ยขึ้นอย่างเหลือเชื่อ “วิชาย้อนเวลา?”
“นั่นคืออะไรหรือ” อินหลิวเฟิงที่แม้จะมองไม่เห็นกู้จื่อเฟิง แต่ได้ยินเสียงของเขาก็ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
ทว่าภาพการเปลี่ยนแปลงตรงหน้าทำให้อินหลิวเฟิงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นทันที โดยไม่จำเป็นต้องให้กู้จื่อเฟิงอธิบาย
เพราะว่าในเหตุการณ์ปรากฏเงาและเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น “ให้ตายเถอะ เจ้าเด็กเวรนั่น เหตุใดจึงจับจิ้งจกยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่พวกเรากลั่นหลอมได้นะ”
“มิทราบ” เสียงอู้อี้ดังขึ้น
ทำให้เยี่ยนอวี๋ที่ชะงักงันตั้งแต่ตอนที่ได้ยินเสียงแรกดังขึ้น ตอนนี้ก็ต้องผงะอีกครั้ง เพราะว่านางรู้จักทั้งสองเสียงนี้ ไม่เพียงเท่านี้…
“เห็นทีพวกเราต้องหนีแล้ว ปฐมราชินีเยี่ยนยังไม่ลงมือ เมื่อใดที่นางลงมือ พวกเขาจะมาถึงที่นี่อย่างรวดเร็ว” เสียงที่เยี่ยนอวี๋คุ้นเคยอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ใช่แล้ว หนีกันเถอะ” เสียงที่ดังสำทับตามมาก็เป็นเสียงที่เยี่ยนอวี๋คุ้นเคยอย่างยิ่งและได้ยินไม่ผิดแน่นอน
แต่ที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นเสียงสุดท้าย “พวกเขามาแล้ว หนีเร็วเข้า”
“ให้ตายเถอะ หนีเร็ว” เสียงที่เหลือที่ลนลานดังขึ้นพร้อมกัน
ทว่าเสียงที่ดังวนเวียนอยู่ในหูของเยี่ยนอวี๋ มีเพียงเสียงของคนที่พูดว่า “พวกเขามาแล้ว หนีเร็วเข้า”
ที่สำคัญคือ… ภายใต้วิชาอันยอดเยี่ยมของต้าซือมิ่ง ภาพตรงหน้ายังเริ่มปรากฏภาพ ‘คนห้าคน’ อย่างชัดเจน
ครานี้เอง…
Comments