the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ 253 เริ่นเสี่ยวซู่ คนสี่ตัวตน!

Now you are reading the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ Chapter 253 เริ่นเสี่ยวซู่ คนสี่ตัวตน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เริ่นเสี่ยวซู่ค่อยๆ อธิบายให้ถังโจวฟัง “ฉันถูกเกณฑ์เข้าทหารกองกำลังส่วนตัว ระหว่างทางมาที่นี่ ไอ้พวกกองพันเทพยนต์เวรนั่นจู่ๆ ก็เข้ามาขวางเราและสั่งไห้แลกเปลี่ยนเครื่องแบบ พวกเขาถึงกับเอารถบรรทุกที่เราใช้เดินทางไปด้วย ทำเอาพวกเราได้แต่ต้องเดินเท้าฝ่าป่าฝ่าเขาเนี่ย แถมยังสั่งให้พวกเรารีบเดินทาง ทั้งๆ ที่หิมะตกหนักขนาดนี้…”

เริ่นเสี่ยวซู่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจนถังโจวตีหน้ามึน “เป็นอย่างงั้นเองหรอกเหรอ ดูเหมือนว่าข่าวที่เราได้มาจะผิดพลาดแล้ว แต่จะไล่ตามพวกเขาไปตอนนี้คงไม่ทัน ต้องผ่านเขตทหารอีกตั้งหลายเขตกว่าจะถึงตัวพวกเขา พวกเราไม่ไหวหรอก”

“ทำไมยังต้องไล่ตามพวกเขาต่ออีกล่ะ” เริ่นเสี่ยวซู่ถามด้วยความสงสัย “นายก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าต่อให้สกัดกองพันเทพยนต์สำเร็จ ได้ชัยชนะมาก็ไม่อาจรอดกลับได้อยู่ดี”

ถังโจวพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ฉันมีหน้าที่ต้องทำตามคำสั่ง ในฐานะทหารแนวหน้า พวกเรามีความคิดแบบนั้นไม่ได้หรอก ต่อให้พวกเราไม่อาจรอดกลับไป แต่เพื่อให้ชนะสงคราม…”

เริ่นเสี่ยวซู่ถอนหายใจ “ฉันล่ะไม่เข้าใจความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรแบบนายเลย สมาคมตระกูลชิ่งก็ใช่ว่าจะปฏิบัติต่อนายดีสักหน่อย”

“เปล่าหรอก แต่ถ้าฉันแพ้ที่แนวหน้าและมีข่าวออกไปว่าที่ภารกิจล้มเหลวเป็นเพราะทหารของเถ้าแก่หลัวหลานล่ะก็ เขาคงขายหน้าแย่” ถังโจวพูด “พวกเขาถูกขังอยู่ในป้อม 111 ฉันต้องทำหน้าที่แทนพวกเขาให้ดี”

“ก็ได้” เริ่นเสี่ยวซู่บ่นออกมา “ดูเหมือนว่านายกับเจ้าอ้วนหลัวจะมีความสัมพันธ์ที่จริงใจไม่เลว แต่ยังไงนายก็ไม่มีทางจู่โจมกองพันเทพยนต์ได้อยู่แล้ว ทำไมไม่ถอนกำลังไปก่อนล่ะ กลับไปคุยกับผู้บังคับบัญชาสมาคมตระกูลชิ่งให้เรียบร้อย บอกพวกเขาว่าไม่ต้องส่งคนมาเขาเฟิ่งอี๋เพิ่มแล้ว ฉันจะได้ไม่โดนทำร้าย”

ถังโจวอึ้งไปพักใหญ่ “ตอนนี้พวกเราติดต่อกับกองบัญชาการไม่ได้ พวกเราที่ออกมาที่นี่พร้อมที่จะตายกันอยู่แล้ว ถ้าพวกเราทำภารกิจไม่สำเร็จ ก็ไม่มีหน้ากลับไปหรอก”

เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าถ้าสมาคมตระกูลชิ่งมีคนอย่างถังโจวให้มากหน่อย พวกเขาคงชนะทุกสงครามแล้ว

เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “กองทหารนายมีกี่คน”

“สามร้อยกว่า” ถังโจวว่า “มีคนเยอะไปเคลื่อนไหวในเขาไม่สะดวก ศัตรูจะรู้ตัวง่ายมาก”

เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างไม่พอใจ “แล้วนายแม่*จะสู้กองพันเทพยนต์ไงวะ พวกเขามีเป็นพันเลยนะ!”

“ไม่น่าใช่แล้ว” ถังโจวตะลึงไปพักหนึ่ง “พวกเขาบอกว่ากำลังหลักของกองพันเทพยนต์ถูกส่งไปประจำการณ์ที่แนวหน้าตรงเขาผิงซานเพื่อเผชิญหน้ากับสมาคมตระกูลหยางนี่ สายข่าวเราบอกว่าที่นี่มีพวกเขาร้อยกว่านายเท่านั้น”

“ฉันคิดว่านี่เป็นแผนการของพวกเขา ขนาดผู้บัญชาการของกองกำลังส่วนตัวยังแปลกใจกับเรื่องนี้เลย” เริ่นเสี่ยวซู่ตอบ “ข่าวกรองพวกนายขาดความแม่นยำ ฉันเห็นพวกเขาด้วยตาตัวเอง มีเป็นพันคนจริงๆ”

“งั้นพวกเราคงจบสิ้นแล้วล่ะ” ถังโจวพูด “พวกเราทำภารกิจไม่สำเร็จหรอก”

ขณะที่เริ่นเสี่ยวซู่คุยกับถังโจวอยู่นั้น เขากลับพบกับความย้อนแย้งสายหนึ่ง เขายืนกรานพูดว่าตัวเองอยู่ที่นี่เพราะกำลังสืบหาสายลับตามหน้าที่ของกองสืบสวนพิเศษ แต่ในท้ายที่สุด เขากลับเป็นคนเปิดเผยแผนการของกองพันเทพยนต์เสียได้…

เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่า ดูจากมุมมองของสมาคมตระกูลหลี่แล้ว ที่เขาทำอยู่มันหน้าที่ของสาบลับนี่หว่า

ไม่นึกเลยว่าตัวเองยังเยาว์ก็มีตัวตนที่ไม่อยากต้อนรับเหล่านี้แล้ว เขาเป็นทั้งสมาชิกของกองพันเทพยนต์ กองกำลังส่วนตัว กองสืบสวนพิเศษ แถมด้วยการเป็นสายลับจากสมาคมตระกูลชิ่งอีก…

เริ่นเสี่ยวซู่โพล่ง “ทุกคนในหน่วยนายเชื่อถือได้ไหม”

“ไม่ต้องห่วง” ถังโจวกระซิบ “เป็นคนกันเองหมดเลย ไม่ใช่แค่หน่วยนี้นะ แต่กองกำลังชั้นยอดเป็นคนของเราหมด ยกเว้นแต่พวกผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการและก็คนของพวกเขา แถมผู้บัญชาการที่ถูกส่งมาที่นี่เพราะชิ่งอวิ่นไม่ชอบหน้าเขาด้วย”

‘คนกันเอง’ ที่ว่า น่าจะหมายถึงคนที่จงรักภักดีต่อชิ่งเจิ่นและหลัวหลาน

เริ่นเสี่ยวซู่พูด “งั้นเอางี้ไหมล่ะ เดี๋ยวพวกนายหลบซ่อนตัวบนเขาลูกนี้ไปก่อน เดี๋ยวฉันจะพาทหารที่ฉันคิดว่าพวกนายจะปราบได้มาให้”

ถังโจวตาทอประกาย “ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ”

แผนการตอนนี้ของเริ่นเสี่ยวซู่คือดูว่าหลังสมาคมตระกูลชิ่งรู้ที่อยู่กองพันเทพยนต์แล้ว พวกจะถูกปราบจนต้องถอยหนีจากสนามรบหลักไปจัดทัพใหม่หรือเปล่า ถ้าพวกเขาเสียหายหนักจนจำนวนคนในกองพันเทพยนต์ลดลง ตนเองจะได้มีโอกาสไปเก็บเกี่ยวนาโนแมชชีน

เริ่นเสี่ยวซู่มองถังโจว “ถ้ามีโทรศัพท์ดาวเทียม นายจะติดต่อรายงานข่าวให้กองบัญชาการได้ใช่ไหม”

ถังโจวนิ่งไป “ใช่ แต่พวกเราไม่มีเลยสักเครื่อง”

เริ่นเสี่ยวซู่ยิ้ม “ไม่เป็นไร ฉันมีอยู่”

พูดตรงๆ คือไม่ใช่ว่าเริ่นเสี่ยวซู่มีอยู่เครื่องหนึ่ง แต่เป็นนายทหารทั้งห้าจากกองพันเทพยนต์ต่างหากที่มี

เริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกว่ารอบนี้เขายิ่งดำดิ่งลงร่วมมือกับศัตรูลึกขึ้นเรื่อยๆ

พอตกดึก ที่ค่ายทหารกองกำลังส่วนตัวก็คึกคักไม่เบา พวกหลี่ชิงเจิ้งใช้ความพยายามไม่น้อยกว่าจะจุดกองไฟได้ ถึงตอนแรกจะควันโขมง แต่ทำให้ตัวเองอุ่นได้แล้วก็คุ้มมาก

ถ้าไม่มีคนจุดไฟได้ ทั้งค่ายก็คงต้องผ่านยามค่ำคืนอย่างหนาวๆ แบบที่เคย แต่หลังจากพวกหลี่ชิงเจิ้งจุดไฟได้แล้ว คนอื่นเกิดความอิจฉาริษยาจึงอยากจุดไฟสักกองหนึ่งบ้าง ในพริบตา ทั่วทั้งค่ายก็สว่างไสว

นอกจากจะมีกองไฟให้ความอบอุ่นแล้ว พวกเขายังสามารถเอาหมั่นโถวไปอิงไฟได้ด้วย ถ้ายังกินอาหารเย็นๆ ในอากาศแบบนี้อยู่ล่ะก็ คงได้หนาวเหน็บทั้งนอกกายในกายแน่

หลี่ชิงเจิ้งและคนอื่นๆ กำลังคุยกันอยู่รอบกองไฟตอนที่เริ่นเสี่ยวซู่กลับมา ปฏิกิริยาแรกของหลี่ชิงเจิ้งหลังเห็นหน้าเขาคือการถามว่า “ไหนหมูป่าล่ะเสี่ยวซู่ ตามจับไม่ได้เหรอ”

“หมูป่า?” เริ่นเสี่ยวซู่พลันนึกได้ว่าเขาหาข้ออ้างไว้ให้เฉินอู๋ตี๋นี่หน่า “อ้อใช่ จับไม่ได้น่ะ มันวิ่งไวเกิน แล้วฉันไม่อยากเข้าในป่าลึกเกินไปด้วย”

“อะ กินสักลูก” หลี่ชิงเจิ้งยื่นหมั่นโถวเผาไปให้แล้วว่า “ก่อนหน้านี้คนกองพันเทพยนต์แจ้งว่าพวกเราจะตั้งค่ายที่นี่เลย แล้วจะกลับไปเดินทางขึ้นเหนือไปเขาเฟิ่งอี๋ต่อหลังหิมะหยุดตก”

“ได้” เริ่นเสี่ยวซู่พยักหน้าอย่างเหม่อลอย ตอนนี้ในใจกำลังคิดอยู่ว่าจะใช้วิธีไหนดีถึงจะชิงโทรศัพท์ดาวเทียมมาจากกองพันเทพยนต์ได้ จะชิงมาจากพวกเขาไม่ง่ายเลย ทหารกองพันเทพยนต์เก็บโทรศัพท์ดาวเทียมไว้กับตัวไม่ให้คาดสายตาตลอด

ดูเหมือนว่านอกจากฆ่านายทหารกองพันเทพยนต์พวกนี้ทิ้งแล้วก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก แต่ทางออกนั้นก็ไม่แย่ เพราะเขาจับตามองอยากได้นาโนแมชชีนในร่างพวกเขามาพักใหญ่ แถมเริ่นเสี่ยวซู่มีความรู้สึกว่าทหารประจำการณ์ปกติของกองพันเทพยนต์ต้องมีนาโนแมชชีนมากกว่ากลุ่มของหลินชีแน่นอน!

ทันใดนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็เรียกนักเรียนของเจียงอู๋มาด้านข้างแล้วถามว่า “ช่วงนี้พวกนายเรียนอะไรกันอยู่น่ะ เคยได้เรียนเกี่ยวกับพวกเครื่องยนต์กลไกอะไรแบบนั้นไหม ถ้าเคย…คือแบบถ้าเคยน่ะนะ…ถ้าอยากให้ออกแบบเกราะง่ายๆ สักตัว จะพอทำได้ไหม”

เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ชอบความคิดที่ใช้นาโนแมชชีนคอยสนับสนุนในร่างเหมือนที่กองพันเทพยนต์ทำเท่าไรนัก ร่ายกายเขาเองก็แข็งแกร่งมากพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้เขาขาดระบบป้องกัน ดังนั้นเขาจึงคิดใช้นาโนแมชชีนในร่างกายมาก่อเป็นเกราะง่ายๆ ตลอดทั้งร่างแทน ทว่าเกราะที่เขาสร้างไม่มีโครงสร้างอะไรซับซ้อนเลย แต่ตอนนี้เริ่นเสี่ยวซู่กำลังคิดลองพึ่งพาพลังแห่งความรู้ดูบ้าง

จางจิ่งหลินเคยพูดไม่ใช่เหรอว่าความรู้สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้น่ะ

นักเรียนที่ชื่อหวังอวี่ฉือคิดพักหนึ่งแล้วว่า “มันเกินกว่าความรู้ที่พวกเรามีไปหน่อยนะ เพราะมันอาจเกี่ยวกับกลไกสายพาน เกลียวส่งกำลัง โซ่ส่งกำลัง เฟืองเดือยหมู การขับเคลื่อนด้วยระบบไฮดรอลิก หัวขับลม…”

“พูดไปฉันก็ไม่เข้าใจ” เริ่นเสี่ยวซู่ขัด “บอกมาว่าทำได้หรือไม่ได้ก็พอ”

หวังอวี่ฉือตอบเสียงเรียบ “ได้”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด