นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) 108 การบำรุงสุขภาพวัยกลางคน
ตอนที่ 108 – การบำรุงสุขภาพวัยกลางคน
ข้ารับใช้ไม่ใช่ทาส เป็นผลผลิตของการกดขี่ทางทุนนิยม
คนบางคนบ้านยากจนเกินไป ผ่านวันเวลาไปไม่ได้ ครอบครัวนี้ก็จะเอาเด็กอายุ 14 ปีขึ้นไป “ขายให้” บริษัท
บริษัทจะให้เงินพวกเขาหนึ่งก้อน จากนั้นเซ็นสัญญาแรงงานระยะยาวถึง 80 ปีกับเด็ก ในสัญญาระบุว่า บริษัทในฐานะคู่สัญญาที่หนึ่งจะจัดหาค่าจ้าง, ที่พักอาศัย, การฝึกอบรมและสวัสดิการอื่น ๆ ให้กับเด็ก
ในระหว่างระยะสัญญา คู่สัญญาที่สองหากต้องการจะยุติสัญญาจะต้องจ่ายค่าปรับที่พวกเขาจ่ายไม่ไหวเลยหนึ่งก้อนให้กับบริษัท
80 ปี นี่เป็นขีดจำกัดในสัญญาตามกฎหมายแรงงาน 14 ปีเป็นขั้นต่ำของการตกลงเซ็นสัญญาแรงงาน
ถ้าข้ารับใช้คนหนึ่งเริ่มรับใช้ตั้งแต่ 14 ปี จนถึง 94 ปียังไม่ตาย อย่างนั้นก็จะเป็นไทแล้ว
แต่ในความเป็นจริง ข้ารับใช้น้อยมากจะมีอายุไปถึง 94 ปี
ดังนั้นเมื่อนานวันเข้า คำศัพท์ข้ารับใช้นี้จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมา
ไม่ใช่ว่ามนุษยชาติโลกภายในได้ย้อนกลับไปสู่ยุคค้าทาสเลย ทว่าเมื่อกฎหมายไม่ได้คุ้มครองผู้อ่อนแออีกต่อไป คุณก็จะเข้าใจว่าอำนาจของทุนนิยมมันแกร่งกล้ามากขนาดไหน
ดังนั้น ชายชราฉินเฉิงมองเห็นพฤติกรรมนี้ของเด็กหนุ่มก็คิดโยงไปถึงฐานะข้ารับใช้
ขณะนี้ เด็กหนุ่มรอชายกลางคนกินโจ๊กขาวเสร็จ เอาเครื่องใช้รับประทานอาหารอะไรทั้งหมดไปเก็บให้เรียบร้อย แล้วตั้งเต้นท์ให้กับชายกลางคน
ชายกลางคนผู้ผ่อนคลายสบายใจนั้นมุดเข้าเต้นท์ไปนอน เด็กหนุ่มกลับเพียงแค่หาก้อนหินกันลมพิงแล้วหลับตาพักผ่อน
ในเป้ปีนเขาอันใหญ่โตนั้น คล้ายกับว่าบรรจุไว้เพียงของใช้จำเป็นของชายกลางคนเท่านั้น ไม่มีสิ่งของอะไรให้เด็กหนุ่มเลย แม้แต่เต้นท์เดี่ยวยังมีแค่หนึ่งหลัง……
บางครั้งบางคราว เด็กหนุ่มยังจะลืมตาขึ้นมาเติมฟืนเข้าไปในกองไฟ ทำให้แสงไฟสามารถส่องสว่างบริเวณรอบเต้นท์ตลอดเวลา
พูดตามตรง แม้แต่พวกนักล่าข้างกองไฟฝั่งนี้ยังรู้สึกว่าเด็กหนุ่มอเนจอนาถอยู่บ้าง
ชายกลางคนคนนี้เหมือนจะไม่เห็นเด็กหนุ่มเป็นคนเลย
เที่ยงคืนลมแรงขึ้นมา ความหนาวเย็นวูบหนึ่งจู่โจมเข้ามา อย่างกับว่าอุณหภูมิในกองไฟยังถูกสายลมพัดไปแล้ว
ชายชราฉินเฉิงมองลูกชายคนโตของตัวเองฉินถงแวบหนึ่ง “อย่าไปตอแยสองคนนี้ คนที่กล้ามาป่าล้วนไม่ใช่คนโง่ ชายกลางคนนั่นแค่ดูก็รู้ว่าร่ำรวย ไม่แน่ว่าฉีดยาแปลงพันธุกรรมครบทั้งชุดไปถึงแรงก์ B แล้ว”
ฉินถงพยักหน้า “พ่อวางใจเถอะ ผมไม่โง่”
เวลานี้ ผู้หญิงวัยกลางคนข้างกายชายชราฉินเฉิงกล่าวว่า “เด็กหนุ่มนั่นดูแล้วท่าทางไม่เหมือนกับเคยฉีดยาแปลงพันธุกรรมเลย บนตัวก็ไม่ได้มีอวัยวะจักรกล ข้ารับใช้ของบุคคลยิ่งใหญ่ทั่วไปก็ไม่ถึงขนาดอ่อนแอขนาดนี้ บางทีชายกลางคนนั่นจะเป็นแค่แรงก์ C ก็ไม่แน่”
ฉินเฉิงส่ายหน้า “อย่าดูเบาคน ถึงจะเป็นแรงก์ C ก็ไม่ใช่บุคคลที่พวกเราจะสามารถรับมือ”
ชายชรามวนบุหรี่ให้ตัวเองอีก หลังจากครุ่นคิดเงียบ ๆ อยู่ครึ่งค่อนคืนก็กล่าวกับฉินถงว่า “แกไปหยิบผ้าห่มบนรถให้เด็กหนุ่มนั่น บุคคลใหญ่โตพวกเราเอื้อมไม่ถึง ประจบไม่ได้ แต่กับข้ารับใช้ยังสามารถอยู่ ข้ารับใช้บางคนหลังจากกลายเป็นคนสนิทของบอส สิ่งของเล็กน้อยที่รั่วไหลจากหว่างนิ้วมือก็เพียงพอให้พวกเรากินไปสองสามปีแล้ว อีกอย่างผู้ที่เขาสามารถสัมผัสด้วยก็ล้วนเป็นบุคคลใหญ่โต ธุรกิจนี้ของพวกเราเดิมก็เป็นการล่าสัตว์เลี้ยงให้พวกบุคคลใหญ่โตอยู่แล้ว”
“อืม” ฉินถงพยักหน้า ลุกขึ้น
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะลุกขึ้นเสร็จ เด็กสาวที่อยู่ข้าง ๆ ก็คว้าเขาเอาไว้แล้วกล่าวว่า “พี่ ฉันไปหยิบ”
ว่าแล้ว เด็กสาววิ่งเหยาะ ๆ ไปข้าง ๆ รถปิคอัพ ฉินถงถอนหายใจคำหนึ่งข้างหลังเด็กสาว
เด็กสาวที่ใช้ชีวิตในป่าทั้งปีทั้งชาติ พ่อแม่พี่ชายคุมไม่อยู่ นิสัยบ้านป่ามาก
เด็กสาวกอดผ้าห่มเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มช้า ๆ ในใจแบกความใคร่รู้และระมัดระวังอยู่หลายส่วน
แต่ตอนที่เธอเข้าไปในระยะสองเมตรจากเด็กหนุ่มกลับเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นจู่ ๆ ก็ลุกพรวด ใบไม้แห้งที่กองอยู่บนพื้นยังถูกลมกรรโชกจนปลิวขึ้น
ในมือเด็กหนุ่มมีมีดหนึ่งเล่มโผล่ออกมาไม่รู้จากที่ไหน จนกระทั่งพริบตาที่กำลังจะปาดคอของเด็กสาวจึงได้หยุดชะงักลง
ความเคลื่อนไหวรวบรัดมีประสิทธิภาพ ไม่เหมือนกับความไร้พิษภัยต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยงก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
มีเสียงขยับตัวดังขึ้น คนสิบกว่าคนในแคมป์ด้านข้างล้วนลุกขึ้นมา เหมือนกับอยากจะกระโจนมาช่วยชีวิต
ทว่าเด็กสาวจดจ้องเด็กหนุ่มจากระยะประชิด ไม่เกรงกลัวเลยสักนิดเดียว “ฉันมาเอาผ้าห่มให้คุณ กลัวคุณจะหนาว”
เด็กหนุ่มมองดูเธอโดยสงบ ตอบกลับไปว่า “ขอบคุณ ไม่ต้อง”
ตั้งแต่ต้นจนจบ เด็กสาวไม่ได้แสดงเจตนาจะต่อต้านเลย เพียงมองดูอีกฝ่ายอย่างอึ้งงัน
“ตอนนี้อากาศหนาวมากนะ คุณนั่งอยู่ข้างนอกทั้งคืนจะป่วยเอา” เด็กสาวยืนยัน
“อืม ขอบคุณความปรารถนาดีของคุณ แต่ว่าไม่ต้อง” เด็กหนุ่มกลับไปนั่งพิงก้อนหินใหม่
“โอเค คุณจำไว้นะ ฉันชื่อฉินอี่อี่” เด็กสาวกอดผ้าห่มกลับไปที่แคมป์บ้านตัวเอง
ฉินถงขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เธอรู้รึเปล่าว่าเมื่อกี้อันตรายมาก”
“ไม่หรอก” เด็กสาวหันหน้าไปมองพี่ชายตัวเอง “บนตัวเขาไม่มีรังสีสังหารเลย”
อีกอย่าง เมื่อครู่นี้ตอนที่เด็กหนุ่มนั่ง เธอเห็นรูปทรงของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
ดูดีมาก
“เด็กผู้หญิงอย่างแกจะไปเข้าใจรังสีสังหารอะไร” ตอนนี้ชายชราฉินเฉิงคิดแล้วกล่าวว่า “อีกฝ่ายเหมือนกับว่าไม่มีเจตนาจะข้องเกี่ยวกับพวกเรา งั้นก็อย่าไปเปลืองแรง ฉันตัดสินใจแล้ว เริ่มจากพรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางไปยัง “สถานที่แห่งนั้น” หาร่องรอยของเหยื่อตามชายขอบ”
ว่าแล้ว เขาดึงกล่องสีดำหนึ่งใบจากข้างตัวมาเปิด โดรนสี่ตัวที่หยุดนิ่งอยู่ข้างในค่อย ๆ บินขึ้นฟ้า บินไปสี่ทิศรอบแคมป์
หลังจากพวกมันไปถึงพื้นที่ที่กำหนด ข้างใต้โดรนทุกตัวล้วนฉายแสงสีขาวอ่อน ๆ ออกมา ส่องสว่างบริเวณโดยรอบขึ้นมาบ้าง
ระหว่างโดรนสี่ตัวเชื่อมต่อกันด้วยแสงเลเซอร์สีแดง พอมีสิ่งมีชีวิตที่ไม่แน่ชัดเข้ามาในอาณาเขตนี้ โดรนก็จะป้องกันโดยอัตโนมัติ รวมทั้งส่งสัญญาณเตือน
เหล่านักล่าดำรงชีวิตอยู่ในป่าย่อมจะต้องมีวิธีการป้องกันตัว
…….
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หลี่ซูถงมุดออกจากเต้นท์อย่างสดชื่นแจ่มใส เขามองไปทางชิ่งเฉินที่นอนพิงก้อนหิน ยิ้มเอ่ยว่า “แผลที่เท้าดีขึ้นบ้างไหม”
“ดีขึ้นเยอะแล้วครับ” ชิ่งเฉินพยักหน้า “ถึงการเดินเท้าทางไกลจะทำให้ปากแผลเปิดเละตลอด แต่ยาทามหัศจรรย์มาก แผลยังคงดีขึ้นเรื่อย ๆ คาดว่า……อีกสองวันก็จะหายดี”
“ในเมื่อแผลดีขึ้นเรื่อย ๆ ” หลี่ซูถงกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง “งั้นเริ่มเตรียมข้าวเช้าเถอะ!”
ชิ่งเฉินเงยหน้ามองหลี่ซูถงกล่าวว่า “ถึงครูจะวางแผนฝึกฝนผม แต่ในเป้ปีนเขามีแต่ของใช้ประจำวันของครูคนเดียวก็เกินไปหน่อยปะครับ อีกอย่าง ทำไมแม้แต่ของอย่างม้านั่งยังแบกมาด้วยล่ะครับ หาหินสักก้อนมานั่งไม่ได้เหรอ”
“โธ่ นั่งบนก้อนหินมันหนาวมากนะ” หลี่ซูถงอธิบาย “แถมเป็นเยี่ยหว่านที่บอกว่าน้ำหนักที่แบกไม่ถึง 60 จิน ฉันก็เลยให้เขาเอาม้านั่งยัดเข้าไป การฝึกฝนก็ต้องมีลักษณะเหมือนการฝึกฝนสิ เธอออกกำลังกายยังไม่ครบเวลาก็ตามฉันออกมาแล้ว ตอนเดินทางก็ไม่สามารถถ่วงเวลาฝึกฝนไปได้นะ มีวิชาหายใจสนับสนุน การแบกน้ำหนักเดินเท้าจะทำให้เธอก้าวหน้าด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง ตามที่ฉันคำนวณ ตอนที่เข้าใกล้สถานที่ต้องห้ามหมายเลข 002 ความฟิตทางร่างกายก็เกือบจะพอแล้วล่ะ”
“แต่เห็น ๆ อยู่ว่าสามารถโยนของจำพวกลูกเกด, พุทราจีน, เก๋ากี้ทิ้งแล้วเตรียมเสบียงให้ผมบ้างนิ” ชิ่งเฉินไม่ยินยอมนิดหน่อย
“ฉันอายุไม่น้อยแล้วนะ” หลี่ซูถงกล่าวด้วยน้ำใสใจจริง “ครูต้องบำรุงสุขภาพ”
ชิ่งเฉินหยิบหนังสือกระดาษหนาเตอะเล่มหนึ่งออกมาจากในเป้ปีนเขา กล่าวอย่างขมขื่นใจว่า “ดังนั้นครูเลยยังจะให้เยี่ยหว่านเอาคู่มือความรู้การบำรุงสุขภาพหนึ่งเล่มยัดเข้าไปข้างในด้วยสินะครับ ยุคนี้ท่านหาหนังสือกระดาษเจอเล่มหนึ่งจะต้องไม่ง่ายดายมาก ๆ เลยสินะครับ”
……………………………………
ตอนที่ 107 – การล่าฤดูใบไม้ร่วง
Comments