ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 535 ผู้แพ้พ่ายที่ไม่เป็นรอง[1] (1)
ตอนที่ 535 ผู้แพ้พ่ายที่ไม่เป็นรอง[1] (1)
นี่คือปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูในตำนาน?
หลิงเอ๋อร์แผ่สัมผัสเซียนรับรู้ออกไปสำรวจไปข้างหน้า แต่ไม่พบอะไรอยู่ที่นั่น ราวกับว่าร่างที่เห็นได้ด้วยตาเปล่านั้นไม่ได้ดำรงอยู่จริง…
เป็นเพียงว่า ‘ความแปลกประหลาด’ นี้เพียงเล็กน้อยอย่างเดียวนี้ ยังห่างไกลที่จะเทียบได้กับเจ้าสำนัก!
หลี่ฉางโซ่วส่งข้อความเสียงไปว่า “อย่ามัวเอาแต่ตกตะลึง มาทำคารวะเต๋ากันก่อน” จากนั้น หลิงเอ๋อร์ก็รีบเดินออกไปข้างหน้าและตามหลังศิษย์พี่ของนางไปก่อนจะทำความเคารพให้ผู้มาเยือนอย่างเหมาะสมด้วยการทำคารวะเต๋า
หลี่ฉางโซ่วกล่าวต่อว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เรื่องนี้ทำให้ท่านตื่นตระหนกแล้วจริงๆ ตอนนี้ศิษย์ยังไม่มีเวลาจัดการกับมัน ขอท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดอภัยให้ศิษย์ด้วยเถิดขอรับ!”
หลิงเอ๋อร์กะพริบตาและยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่กล้าเอ่ยวาจาใด ทว่านางแอบสังเกตบุคลิกของศิษย์พี่
นางรู้สึกว่า ศิษย์พี่เปลี่ยนไปหรือไม่?
ไฉนจู่ๆ เขาถึงมารับผิดชอบ? นี่ไม่ใช่ท่าทีปกติของศิษย์พี่
จากนั้น หลิงเอ๋อร์ก็มองไปที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูอีกครั้งและรู้สึกว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูมีกลิ่นอายลมปราณโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์แฝงอยู่ในตัวเอง ซึ่งนางรู้สึกว่า เมื่อมองในคราแรก เขาดูเหมือนธรรมดา
ทว่าเมื่อลองนึกย้อนพินิจพิเคราะห์ลึกๆ ในใจให้ดีๆ แล้ว กลับรู้สึกว่ามีร่องรอยหลงเหลือให้จดจำ ความจริงแล้ว หากมองดูปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อย่างละเอียดแล้ว เขาดูดีและน่านับถือ ทว่าในท้ายที่สุด…
เขาก็ยังไม่หล่อเหลาเท่าศิษย์พี่
ในขณะนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่นั่งบนเก้าอี้ที่หลี่ฉางโซ่วเพิ่งนั่งลงไป เขามีท่าทางผ่อนคลายและเผยรอยยิ้มสงบ
“ข่าวลือเหล่านั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยิ้มและกล่าวว่า “พวกมันผ่านไปไวดุจสายลม แล้วเหตุใดข้าถึงต้องไปใส่ใจกับพวกมันกัน?
ในสมัยโบราณ มีสิ่งมีชีวิตมากมายกล่าวว่าข้าเป็นบุตรของท่านอาจารย์ สรรพสิ่งใดๆ ในใต้หล้าล้วนอนิจจัง แล้วไยต้องไปโต้เถียงกับพวกเขา?
ข้าเป็นอิสระ และปล่อยวางได้อย่างสบายใจ แล้วไยข้าต้องกลัวข่าวซุบซิบและข่าวลือเหล่านั้นด้วย”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มพลางถอนหายใจ แล้วกล่าวว่า “ท่านยังคงใจกว้างยิ่งนัก!”
ในเวลานั้น หลิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ก็พลันเข้าใจอะไรบางอย่าง
นางคิดว่าศิษย์พี่ของนางเปลี่ยนไป นางไม่คิดว่า… ศิษย์พี่ของนางจะเข้าใจถึงตัวตนของปรมาจารย์ผู้นี้ได้!
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “หลิงเอ๋อร์ไปถึงเซียนเทียนแล้ว ความเข้าใจของนางไม่เลวเลย”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวตอบว่า “ทั้งหมดนี้ ต้องขอบคุณท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ขอรับ”
จากนั้น เขาจึงกล่าวกับหลิงเอ๋อร์ว่า “ศิษย์น้องหญิง เมื่อเจ้าเข้าปิดด่านและทะยานขึ้นไป ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยังได้ช่วยเหลือเจ้าเช่นกัน เจ้ารีบไปขอบคุณท่านเสีย”
“เจ้าค่ะ” ทันใดนั้น หลิงเอ๋อร์ก็โค้งคำนับและกล่าวว่า “ขอบคุณท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่ชี้แนะศิษย์เจ้าค่ะ”
“ดี” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่พยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “หลิงเอ๋อร์ รีบไปทำกับแกล้มเครื่องเคียงที่เจ้าถนัดสิ หาโอกาสได้ยากยิ่งนักที่ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะมาที่นี่ได้ เช่นนั้นให้ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้ลองลิ้มรสมือของเจ้าสิ ”
“เจ้าค่ะ” หลิงเอ๋อร์รับคำ พลางก้มศีรษะแล้วรีบจากไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่พลันยักคิ้วไปให้หลี่ฉางโซ่วด้วยดวงตาฉายแววซุกซนเล็กน้อย
เขาแย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “การครองคู่ของเจ้ากับสามดาวมงคลโอบล้อมจันทรา ไยเจ้าไม่ลองเรียกทุกคนให้มาดูความสัมพันธ์ในการครองคู่ที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูของเจ้ากันเล่า? ”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มแหยและกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ศิษย์ผู้นี้มีเพียงอุทิศใจมุ่งมั่นไปที่การฝึกบำเพ็ญ … ”
“ข้าเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับศิษย์น้องหญิงอวิ๋นเซียวในป่าดอกท้อบาน[2]”
“เรื่องนี้” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ศิษย์อยากขอถามท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เกี่ยวกับเรื่องของเทพธิดาอวิ๋นเซียวด้วยเช่นกัน ท่านทำอะไรลงไปขอรับ?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ยักไหล่และกล่าวว่า “ข้าเพียงแค่ขอให้นางใช้ถังทองคำฮุ่นหยวนเพื่อช่วยเจ้าให้ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้ ข้าเพียงแค่ให้รูปภาพเหมือนของเจ้ากับนางเท่านั้น หาได้ทำอื่นใดไม่”
“แล้ว… เหตุใด…” หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วราวตัวอักษรชวน[3]
“เฮ้อ เจ้าอย่าได้คิดมากไป” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่โบกมือและกล่าวว่า “เทพเฒ่าจันทราไม่อาจอธิบายถึงสิ่งต่างๆ ในเรื่องการครองคู่ได้กระจ่างชัดเจน เจ้าดูเป็นคนทำสิ่งใดล้วนสุขุมรอบคอบ ทั้งยังรูปงาม ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย เช่นนั้นแล้ว นั่นจะไม่สมควรหรือที่ศิษย์น้องหญิงอวิ๋นเซียวจะชื่นชมเจ้า?
ตั้งแต่โบราณกาลมา แม้จะมีผู้เก่งกาจมากมาย แต่ก็มีน้อยคนนักที่จักมั่นคงได้เช่นเจ้าจริงๆ บางทีศิษย์น้องหญิงอวิ๋นเซียวอาจสนใจเจ้าในด้านนี้”
ต้องพากเพียรให้มากขึ้น และมุมานะบากบั่นไม่ย่อท้อ ข้าจะมุ่งมั่น และทำทุกอย่างให้ดีที่สุดอย่างเต็มกำลังความสามารถของข้า เพื่อช่วยให้ เจ้าได้กลายเป็นจอมเวทผู้หนึ่งในสักวัน แล้วสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของเราก็จะมีจอมเวทเพิ่มเป็นสอง!”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก
เปลี่ยนหัวข้อ เปลี่ยนเรื่อง หากขืนพูดต่อไป ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อาจลากเหล่าจื้อออกมาร่วมวงด้วยได้!
หลี่ฉางโซ่วถามว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่รู้สึกตื่นตระหนกกับทะเลประจิมหรือไม่ขอรับ?”
“ใช่” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและผายมือเป็นเชิงชวนให้หลี่ฉางโซ่วนั่งลง
จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ตอนนี้ เผ่ามังกรเพิ่งยอมจำนนและกลับคืนสู่ศาลสวรรค์ หากเผ่ามังกรเกิดได้รับบาดเจ็บสาหัส ศาลสวรรค์ย่อมจะได้รับผลกระทบไปด้วยอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเราย่อมต้องคอยเฝ้าระวังให้เป็นอย่างดี ต้องเตรียมการอย่างไรบ้าง? ”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ ศิษย์มีความมั่นใจเพียงหกถึงเจ็ดส่วน ทว่าเมื่อท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มาถึงด้วยตัวเองเช่นนี้ ศิษย์ก็มีความมั่นใจมีถึงเก้าส่วนแล้ว”
“โอ้?” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “บอกข้ามาให้ละเอียด”
“ดูเหมือนว่า วังมังกรทะเลประจิมจะอยู่ที่ศูนย์กลางของกระแสวังวน แต่แท้จริงแล้ว หาใช่เช่นนั้นไม่”
“ตอนนี้ วังมังกรทะเลประจิมถูกแทรกซึมร้ายแรงมากเกินไป และที่ตั้งของดวงตาแห่งท้องทะเลประจิมก็ถูกสำนักบำเพ็ญประจิมควบคุมเอาไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว
จากที่ศิษย์สังเกตดูในช่วงเวลานี้ สำนักบำเพ็ญประจิมตั้งใจจะใช้ ดวงตาแห่งท้องทะเล บังคับให้วังมังกรทะเลประจิมสร้างปัญหาใหญ่ พวกเขาต้องการนำเผ่ามังกรทะเลประจิมมาอยู่ภายใต้การปกครองของภูเขาวิญญาณ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่พยักหน้าช้าๆ และกล่าวว่า “ว่ากันตามเหตุผล ก็นับว่าสมบูรณ์แบบอยู่แล้วหากศาลสวรรค์สามารถรับเผ่ามังกรได้เจ็ดถึงแปดส่วนในการต่อสู้กับสำนักบำเพ็ญประจิม แต่หากราเพิกเฉยต่อวังมังกรทะเลประจิม เช่นนั้นแล้ว มันจะแตกต่างอะไรกับสำนักบำเพ็ญประจิม?
“ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้วขอรับ” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ดังนั้น หากกล่าวจากมุมมองในด้านของความชอบธรรมแล้ว เผ่ามังกรจึงเป็นผู้อยู่ใต้บัญชาแห่งศาลสวรรค์
ก่อนหน้านี้ ศิษย์เคยรายงานองค์เง็กเซียนว่า ฝ่าบาทต้องใช้พลังอำนาจแห่งศาลสวรรค์ ปกป้องพลังปราณของเผ่ามังกรไม่ให้ถูกทำลายเสียหาย เพื่อแสดงเมตตาบารมีแห่งศาลสวรรค์”
“ยิ่งไปกว่านั้น บัดนี้เหล่าราชามังกรทะเลบูรพา ราชามังกรทะเลทักษิณ และราชามังกรทะเลอุดรก็ได้ติดต่อกันเองแล้ว และเผ่ามังกรจะทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อจัดการรับมือการโจมตีของสำนักบำเพ็ญประจิม นอกจากนี้ เมื่อครึ่งเดือนก่อน ก็ยังมีคนจากสำนักบำเพ็ญประจิมมาเยือนวิหารเทพทะเลของศิษย์อีกด้วยขอรับ”
“โอ้? แล้วพวกเขาว่าอย่างไร?”
………………………………………………………………..
[1] ความหมายคล้ายกับต่อสู้อย่างมีศักดิ์ศรี ต่อให้ต้องพ่ายแพ้หรืออยู่ในสถานการณ์ที่ด้อยกว่า เลวร้ายย่ำแย่กว่าเพียงใด แต่ก็จะทำให้ดีที่สุด และต่อสู้อย่างสุดกำลัง
[2] ดอกท้อบานยังมีอีกความหมายซึ่งหมายถึงเรื่องความรัก
[3] ตัวอักษรชวน คือ 川 เปรียบถึงอาการคิดหนัก คือร่องคิ้วเวลามุ่นคิ้วมากจนเกิดเป็นรอยย่น
Comments