เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 447 บ้านเดิมตระกูลเย่มีคนตายแล้ว

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 447 บ้านเดิมตระกูลเย่มีคนตายแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในเมืองหลวง ตระกูลฟ่านนั้นนับว่าเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง มีฐานะสูงส่งกว่าตระกูลเย่ จะอย่างไรผู้อาวุโสฟ่านก็ยังไม่ได้ลงจากตำแหน่ง ทั้งยังอยู่ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญด้วย คิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสตระกูลฟ่านจะต้องการให้ฟ่านรั่วเซวียนผู้เป็นหลานสาวแต่งงานให้เย่เทียนเฉิน ยิ่งไปกว่านั้นยังระบุชื่อมาขนาดนั้น นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง

เย่หย่วนซานย่อมเข้าใจดีว่าเย่เทียนเฉินผู้เป็นหลานชายที่ตนไม่เห็นอยู่ในสายตาที่สุด หลานชายที่ทำให้คนอื่นคิดว่าจะไม่สามารถผงาดขึ้นมาได้มากที่สุด ตอนนี้กลายเป็นบุคคลที่อยู่ในคลื่นลมของเมืองหลวงไปแล้ว เพียงแค่เรื่องที่ทำลายล้างตระกูลฉินและตระกูลลั่วก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลใหญ่และอำนาจใหญ่ใดๆ ต้องสั่นสะท้านแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีข่าวลือว่าพวกระดับสูงให้ความสำคัญกับเย่เทียนเฉินมาก สิ่งเหล่านี้หากคิดจะพัฒนาต่อไป คิดจะทำให้ตระกูลยิ่งใหญ่ต่อไป ย่อมต้องให้ความสำคัญ หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ถ้าได้เกี่ยวพันกับเย่เทียนเฉิน พอเด็กคนนี้รุ่งเรืองขึ้นมาก็เรียกได้ว่าเป็นภูเขาใหญ่ให้พึ่งพิง

ระยะนี้ตระกูลเย่ที่เดิมทีไม่มีผู้ใดมาเยือน เรียกได้ว่ากลายเป็นมีคนมาหาจนธรณีประตูแทบสึก พูดให้ชัดเจนก็คือตระกูลใหญ่และอำนาจใหญ่มากมายต่างมีลางสังหรณ์ว่าเย่เทียนเฉินจะผงาดขึ้นมาได้ ถ้าเขาผงาดขึ้นมาได้ ตระกูลเย่ยังจะเป็นตระกูลระดับสามอีกหรือ? ตอนนี้ถือโอกาสที่ตระกูลเย่ยังไม่ได้ผงาดขึ้นมาเต็มที่ รีบคิดหาวิธีสร้างความสัมพันธ์เสีย วิธีแบบนี้ไม่เลวเลย

จะอย่างไรเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วก็คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้คนที่ตระกูลฟ่านคิดจะสานสัมพันธ์ด้วยจะไม่ใช่ลูกชายทั้งสองของพวกเขา แต่เลือกที่จะสานสัมพันธ์กับเย่เทียนเฉินซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหลานชายที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเย่แล้ว ในใจย่อมรู้สึกไม่พอใจมาก รวมกับที่ช่วงนี้เย่เทียนเฉินเรื่องมากมายในเมืองหลวง ต่างก็ทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นตะลึง เดิมทีหลายคนมองเย่เทียนเฉินไม่ดี คิดว่าเย่เทียนเฉินบ้าไปแล้วถึงได้ไปหาเรื่องตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่เหล่านั้น นับเป็นการรนหาที่ตาย คนตระกูลเย่หลายคนก็คิดหลีกเลี่ยงให้ไกล ไม่กล้าไปเกี่ยวพันอะไรกับเขาอีก

ไหนเลยจะรู้ว่าเย่เทียนเฉินจะกระทำได้สำเร็จ เก็บกวาดอำนาจใหญ่และตระกูลใหญ่ที่เป็นศัตรูทั้งหมด ทำให้หลายคนตกตะลึงจนคางแทบร่วงและเริ่มเห็นทิศทางลมจึงเปลี่ยนความคิด ไม่คิดว่าเย่เทียนเฉินจะแพ้ ไม่คิดจะตีตัวออกห่างจากเย่เทียนเฉินอีก แต่ต้องการเชื่อมสัมพันธ์ให้ดี

“น้องรอง เรื่องนี้ฉันคิดว่าวุ่นวายมาก คนตระกูลฟ่านระบุมาว่าต้องการให้ลูกสาวของเขาแต่งงานให้กับเย่เทียนเฉิน ดูท่าทางแล้วคงคิดจะพัวพันกับเย่เทียนเฉิน คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าไอ้หนูนี่จะทะยานขึ้นมาได้!” เย่มู่ไป๋พูดอย่างไม่พอใจ

“ดูจากเจตนาของพ่อแล้วเหมือนจะเห็นด้วยมาก เพียงแค่ถามเย่เทียนเฉินสักหน่อยว่าเห็นด้วยหรือเปล่าแล้วพ่อจะตัดสินใจ ถึงตอนนั้นเขาก็จะได้แต่งงานกับหลานสาวของตระกูลฟ่าน ตระกูลฟ่านต้องช่วยเหลือเขาทุกทางแน่นอน ถึงตอนนั้นพอท่านพ่อไม่อยู่ เกรงว่าตำแหน่งผู้คุมหางเสือของตระกูลเย่ของพวกเราคงเป็นของเย่หงแล้ว ในฐานะที่พวกเราเป็นพี่ใหญ่พี่รองกลับจะต้องถูกเขาเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้า ฟังคำชี้แนะของเขา!” เย่เฮ่อกั๋วก็พูดอย่างดุดัน ในดวงตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วต่างก็ทำตัวยโสโอหังอยู่ในตระกูลเย่ เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ต่างก็ทำตามคำพูดของพวกเขา ส่วนน้องสามเย่หงซึ่งก็คือพ่อของเย่เทียนเฉินเป็นได้แค่เป้าหมายให้พวกเขารังแกมาโดยตลอด ตอนนี้ถ้าหากว่าเย่หงได้เลื่อนตำแหน่งกลายเป็นผู้คุมหางเสือของตระกูลเย่ พวกเขาจะรับได้อย่างไร?

“ดังนั้นพวกเราจะต้องหยุดยั้งเรื่องนี้!” เย่มู่ไป๋พูดอย่างเย็นชา

“หยุดยั้ง? หยุดยั้งยังไง? ตระกูลฟ่านระบุชื่อมาแล้วว่าต้องการให้ฟ่านรั่วเซวียนแต่งงานให้เย่เทียนเฉิน แม้แต่พ่อก็เห็นด้วย พวกเราจะทำอะไรได้?” เย่เฮ่อกั๋วพูดอย่างโกรธเกรี้ยว

เย่มู่ไป๋ชะงักไปครู่หนึ่ง ค่อยๆ แย้มยิ้มออกมาที่มุมปากแล้วพูดเสียงเย็นว่า

“ในเมื่อลูกชายของพวกเราสองคนไม่มีทางได้แต่งงานกับตระกูลฟ่าน ถ้างั้นพวกเราก็ไม่อาจปล่อยให้เย่เทียนเฉินแต่งงานกับฟ่านรั่วเซวียนได้ ต่อให้ต้องรักษาสถานะตอนนี้เอาไว้ก็ยังมีประโยชน์กับพวกเรามากกว่าการที่ปล่อยให้เย่หงรุ่งเรืองขึ้นมา!”

เย่เฮ่อกั๋วชะงักไป จากนั้นจึงพยักหน้า พี่ใหญ่เย่มู่ไป๋พูดได้มีเหตุผลจริงๆ ในเมื่อลูกชายของพวกเขาสองคนไม่ได้เป็นตัวเลือกของตระกูลฟ่าน ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่อาจปล่อยให้เย่เทียนเฉินได้ประโยชน์ไปแต่งงานกับฟ่านรั่วเซวียนได้ อย่างน้อยถ้ารักษาสถานะในตอนนี้เอาไว้ พวกเขาสองคนก็ยังมีอำนาจในตระกูลเย่ ถ้าเย่เทียนเฉินแต่งงานกับฟ่านรั่วเซวียน มีการสนับสนุนจากตระกูลฟ่าน ครอบครัวเย่หงต้องพัฒนาอย่างรวดเร็วแน่นอน ถึงตอนนั้นเป็นไปได้มากว่าผู้อาวุโสเย่หย่วนซานก็จะเลือกเย่หงเป็นผู้นำตระกูลเย่คนต่อไป นั่นนับเป็นโศกนาฏกรรมของพวกเขาสองพี่น้องแล้ว

“พ่อครับไอ้ สวะเย่เทียนเฉินนั่นอาศัยอะไรมาสู้กับพวกเรา ในเมื่อตระกูลฟ่านไม่ได้เลือกพวกเรา พวกเราก็จะไม่ปล่อยให้เย่เทียนเฉินสมปรารถนา!” เย่เฉียนซวนเดินเข้ามา สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เอ่ยปากพูดอย่างดุดัน

“ถูกต้อง เย่เทียนเฉินนับเป็นตัวอะไรได้ ถ้าจะปล่อยให้มันแต่งงานกับฟ่านรั่วเซวียนแห่งตระกูลฟ่าน วันข้างหน้าพวกเรายังจะมีที่ยืนอีกเหรอ?” เย่ฉีก็พูดอย่างไม่พอใจ

เดิมทีครอบครัวเย่มู่ไป๋และครอบครัวเย่เฮ่อกั๋วเป็นปรปักษ์กันเพราะเรื่องของตระกูลฟ่าน ต่างต้องการแย่งชิงโอกาสนี้ แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่าไม่มีโอกาสแล้ว คนตระกูลฟ่านเลือกเย่เทียนเฉินด้วยตัวเองแล้ว พวกเขาจึงร่วมมือกันคิดจะกำจัดเย่เทียนเฉินไปซะ ไม่คิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวแม้แต่น้อย

เย่เทียนเฉินยังคงขับมอเตอร์ไซค์บึ่งมายังบ้านเดิมตระกูลเย่อย่างรวดเร็ว เขาย่อมไม่รู้ว่าตระกูลฟ่านซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงเลือกเขาแล้ว ในฐานะที่เป็นลูกเขยตระกูลฟ่าน สำหรับใครหลายคนนับเป็นความฝันอย่างหนึ่ง นับเป็นเรื่องน่ายินดีคับฟ้าจนต้องตะโกนเสียงดังอย่างบ้าคลั่งที่ได้เกาะต้นไม้ใหญ่อย่างตระกูลฟ่าน เป็นเรื่องที่ใครหลายคนไม่กล้าแม้แต่จะคิด

ตอนนี้เอง คนชุดดำสองคนมาถึงประตูบ้านเดิมตระกูลเย่แล้ว ด้านหลังของคนทั้งสองสะพายดาบเอาไว้ ตัวดาบถูกปลอกดาบปกคลุมไม่รู้ว่าเป็นดาบอะไร ในตอนที่พวกเขาเดินมาถึงประตูบ้านเดิมตระกูลเย่ก็ถูกหน่วยรักษาความปลอดภัยสองคนขวางไว้

“อะไรกัน? กรุณาไป…”

ฉึก!

หน่วยรักษาความปลอดภัยที่เดินมาด้านหน้ายังไม่ทันพูดจบเลือดสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากลำคอของเขา พุ่งกระฉูดไกลกว่า 10 เมตร หน่วยรักษาความปลอดภัยคนนั้นมองคนชุดดำสองคนเบื้องหน้าด้วยความหวาดกลัว มือทั้งสองกุมอยู่ที่ลำคอของตน ต้องการจะพูด แต่เมื่ออ้าปากก็มีเลือดออกมาเต็มไปหมด ทรุดลงกับพื้น ชักกระตุกหลายครั้งแล้วแน่นิ่งไป

หน่วยรักษาความปลอดภัยอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่บริเวณประตูมองไม่ชัดด้วยซ้ำว่าคนชุดดำสองคนนี้ลงมืออย่างไร ใช้ดาบแทงเข้าไปที่ลำคอของหน่วยรักษาความปลอดภัยคนนั้นโดยที่ดาบของพวกเขาดูเหมือนจะไม่ได้ออกจากฝักเลยด้วยซ้ำ เพลงดาบนี้ทำให้ผู้คนตัวสั่นจริงๆ

“อา…ใคร ใครก็ได้ มีคนบุกตระกูลเย่…”

ฉึก!

หน่วยรักษาความปลอดภัยอีกคนหนึ่งได้สติกลับมาจากความตกใจ มีเหงื่อเย็นไหลเต็มหน้า สีหน้าขาวซีด หมุนตัววิ่งไปในบ้านเดิมตระกูลเย่ ไหนเลยจะรู้ว่าเขาเพิ่งจะส่งเสียงร้อง วิ่งไปด้านหน้าได้เพียงก้าวเดียว ดาบก็แทงมาที่หลังศีรษะของเขาจนทะลุเลือดสาดกระเซ็น ศีรษะถูกปักอยู่บนประตูบ้านเดิมตระกูลเย่ ดาบนั้นไม่เพียงแต่จะแทงทะลุศีรษะของหน่วยรักษาความปลอดภัยคนนั้น กระทั่งประตูไม้อันใหญ่ของบ้านเดิมตระกูลเย่ก็ถูกแทงทะลุไปด้วย

คนชุดดำสองคนนี้มีสีหน้าไรอารมณ์ ในดวงตาเต็มไปด้วยเจตนาสังหารอันโหดเหี้ยมเย็นชา ราวกับว่าทุกที่ที่พวกเขาผ่าน สิ่งมีชีวิตทุกอย่างจะต้องตายทั้งหมด บรรยากาศเช่นนั้นก็เต็มไปด้วยความหยิ่งทะนง ฆ่าคนโดยหน้าไม่เปลี่ยนสีเหมือนกับฆ่าหมูฆ่าหมา ราวกับไม่มีใครทำให้พวกเขาตื่นเต้นและรู้สึกอะไรได้

คนชุดดำทั้งสองแข็งแกร่งมาก หลังจากฆ่าหน่วยรักษาความปลอดภัยผู้เฝ้าประตูของตระกูลเย่ทั้งสองแล้วก็เดินเข้าไปในประตูบ้านตระกูลเย่ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ พวกเขาได้รับคำสั่งมาเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือฆ่าทุกคนในตระกูลเย่ให้หมด บีบบังคับให้เย่เทียนเฉินออกมา หยิ่งยโสและทรงอำนาจเป็นอย่างมาก

เมื่อมีเสียงกรีดร้องของหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ถูกฆ่าตายไปนั้น หน่วยรักษาความปลอดภัยคนอื่นๆ ภายในบ้านเดิมตระกูลเย่ต่างก็รู้ตัวแล้ว ไม่นานก็สั่นสะเทือนไปถึงทุกคนในตระกูลเย่ เดิมทีเย่หย่วนซานคิดจะพักผ่อนแล้วก็ยังถูกทำให้ตกตะลึงเช่นกัน เดินมาในห้องโถงของบ้านเดิมตระกูลเย่ ในตอนที่เขามาถึง พ่อลูกเย่มู่ไป๋และพ่อลูกเย่เฮ่อกั๋วอยู่ที่ห้องโถงนานแล้ว ทั้งยังมีผู้หญิงและคนรับใช้ตระกูลเย่จำนวนหนึ่งด้วย

“เกิดอะไรขึ้น?” เย่หย่วนซานพูดด้วยน้ำเสียงหนังอึ้ง

“พ่อครับ ดูเหมือนว่าจะมีคนบุกเข้ามาที่บ้านตระกูลเย่ของพวกเรา ฆ่าหน่วยรักษาความปลอดภัยไปแล้วหลายคน!” เย่มู่ไป๋พูดด้วยความตื่นตระหนก

“นี่…พวกมันเป็นใครกันแน่? ถึงกับมีความกล้าขนาดนี้ กล้าบุกเข้ามาที่ตระกูลเย่ของพวกเราเลยเหรอ?” เย่เฮ่อกั๋วพูดด้วยความรู้สึกหวาดกลัว

“งั้น พวกเรารีบแจ้งตำรวจเถอะ?” เย่เฉียนซวนที่ถอยหลังไปหลายก้าวเอ่ยถามขึ้น

“ฉันจะโทรแจ้งตำรวจตอนนี้เลย!” เย่ฉีหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา

เย่หย่วนซานมองหลานๆ กลุ่มนี้ ในใจรู้สึกทอดถอนใจ ตระกูลเย่ของตนตกต่ำจนมาถึงขั้นนี้ได้ สาเหตุสำคัญเป็นเพราะหลานๆ ที่เป็นเด็กรุ่นหลังไม่มีใครพึ่งพาได้ ตอนที่ไม่มีเรื่องอะไร แต่ละคนก็ทำตัวยโสโอหัง ตอนที่เกิดเรื่องก็ตกใจจนคิดจะหนี แบบนี้จะยิ่งใหญ่ได้อย่างไร?

“กระวนกระวายอะไรกัน? ฉันอยากจะเห็นจริงๆ ว่าใครมันกล้าบุกตระกูลเย่ของพวกเรา!” เย่หย่วนซานกระทุ้งไม้เท้าลงกับพื้นแล้วพูดอย่างดุดัน

เย่หย่วนซานเองก็เคยกุมอำนาจมาก่อน มีตำแหน่งสูงส่งมีอำนาจอยู่ในมือ แม้ตอนนี้จะลงจากตำแหน่งแล้ว แต่บารมีก็ยังมีอยู่ ไม่ปล่อยให้คนอื่นดูหมิ่นเอาง่ายๆ มีคนบุกเข้ามาฆ่าคนในตระกูลเย่ของ เขาไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร ต่อให้จะต้องตาย เย่หย่วนซานก็ไม่คิดถอย ผู้ที่จะทำการใหญ่สำเร็จ ถ้าเจอเรื่องอะไรก็เอาแต่ถอยหนีคงไม่ได้

“นี่…พ่อครับอย่าออกไปเลย? อันตรายเกินไปแล้ว!” เย่มู่ไป๋ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น

“ใช่แล้วครับพ่อผมเชื่อว่าหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยต้องจัดการได้แน่!” เย่เฮ่อกั๋วเองก็รีบร้อนพูดขึ้น

“คุณปู่ครับ ผม ผมโทรแจ้งตำรวจแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานตำรวจก็จะมา พวกเรารออยู่ที่นี่จะปลอดภัยกว่า!” เย่ฉีกล่าว

“ใช่ๆ…”

ในหมู่คนตระกูลเย่ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าออกไปกับเย่หย่วนซาน ต่างก็หาเหตุผลและข้ออ้างต่างๆ นานา ไม่กล้าออกไป กลัวว่าจะตาย ขี้ขลาดตาขาว แต่ละคนยามปกติใส่เสื้อผ้าดีๆ มีชีวิตที่ดี ตอนนี้เอาแต่หดหัวเป็นเต่าอยู่ในกระดอง ทำให้เย่หย่วนซานโกรธจนอยากจะคำรามออกมา

“พ่อ อย่าออกไป อย่าออกไป…” เย่มู่ไป๋เห็นเย่หย่วนซานผู้เป็นพ่อจะเดินออกไปจากห้องโถงก็รีบดึงเขาไว้แล้วพูดขึ้น

“ปล่อยมือ พวกแกคู่ควรจะเป็นลูกหลานของฉันเย่หย่วนซานเหรอ? ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ!”

เย่หย่วนซานผลักเย่มู่ไป๋ออกไป ดึงประตูห้องโถงให้เปิดออก ถือไม้เท้าเดินออกไป…

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด