Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 562 พญาเผิงปีกทองและเอกพญางู

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 562 พญาเผิงปีกทองและเอกพญางู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปึง! ปึง! ปึง!

ลูกธนูไร้รูปพุ่งออกไป ประดุจแสงแหวกอากาศ แต่กลับไม่มีสีสันและระลอกคลื่น เงียบเชียบไร้ซุ่มเสียง น่ากลัวและลึกลับ

ห่างออกไปมีผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรถูกยิงสังหารต่อเนื่อง บางคนถึงขั้นไม่ทันเข้าใจด้วยซ้ำ ร่างกายก็ถูกทะลวงถึงแก่ความตาย

ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะธนูวิญญาณนั้นเร้นลับเกินไป เงียบเชียบไร้ซุ่มเสียง ยากเสาะหา เสมือนมือสังหารไร้รูปที่อยู่ดีๆ ก็ปรากฏขึ้นมาอย่างแท้จริง ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกช่วงชิงชีวิตไป

ขณะที่ถือคันธนูนี้ วิสัยทัศน์หลินสวินพลันเปลี่ยนเป็นชัดเจนหาใดเปรียบ ราวกับสามารถเห็นความลับแห่งเก้าสวรรค์สิบทิศได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ขณะเดียวกันความนึกคิดก็จมสู่สภาพสงบเยือกเย็น ประหนึ่งไร้ซึ่งความรู้สึก

นี่คือธนูวิญญาณไร้แก่นสาร

ตอนนั้นที่หลินสวินอยู่ในเมืองหมอกอำพราง ได้ชิงมาจากมือสังหารคนหนึ่งฉายา ‘สายลมเดียวดาย’

ธนูนี้เดิมทีถูกผนึกในนัยน์ตาสีเทาดวงหนึ่ง ภายหลังถึงถูกหลินสวินค้นพบอย่างไม่ตั้งใจ และควบคุมไว้ในมือ

พลังของมันน่ากลัวลึกลับถึงขีดสุด สามารถส่งผลต่อจิตใจ ครอบครองเจตจำนงผู้ฝึกปราณ หากไม่สะกดด้วยเคล็ดเวทบริกรรม แม้แต่หลินสวินยังไม่อาจต้านทานพลังเช่นนี้ได้

หากสัมผัสรับรู้โดยละเอียดก็จะทำให้ตกอยู่ในแดนฝันแห่งหนึ่ง เสมือนมายังที่ราบสีเทารกร้างว่างเปล่าไร้ขอบเขตผืนหนึ่ง ธนูคันหนึ่งลอยเคว้งอยู่ใต้แผ่นฟ้า ปลดปล่อยกลิ่นอายยะเยือกเย็นสั่นสะเทือนสรรพสิ่ง

หลินสวินยังจดจำได้ชัดเจน ตอนนั้นเขาเคยเห็นปรากฏการณ์ประหลาดฉากหนึ่งกับตาตนเอง นภากาศในนั้นพังทลาย อยู่ๆ ก็ปรากฏตะพาบมังกรดึกดำบรรพ์ตัวมหึมาราวภูผาสูงชัน ทันทีที่ปรากฏตัวก็แผดเสียงคำรามบดขยี้ใต้หล้า พลานุภาพร้ายกาจน่าหวาดกลัว

แต่เมื่อธนูยักษ์ซึ่งลอยคว้างบนท้องฟ้าคันนั้นปรากฏ แค่พริบตาเดียวลูกธนูวิญญาณไร้รูปดอกหนึ่งก็ยิงสังหารตะพาบมังกรดึกดำบรรพ์ตัวนี้ โลหิตสีแดงสดย้อมฟ้าดินเป็นสีชาด!

เหตุการณ์อันเงียบสงัด แปลกประหลาดและเด็ดขาดเช่นนั้น ไม่มีเสียงกัมปนาทสะท้านฟ้าสะเทือนดิน แต่กลับมีพลังน่าประหวั่นชวนระทึกขวัญ!

และเวลานั้นเอง หลินสวินจึงรู้ว่าคันธนูนี้นาม ‘ไร้แก่นสาร’ เป็นชื่อที่ลี้ลับซ่อนเร้นเช่นเดียวกัน

ยามนี้หลินสวินมือกระชับคันธนูล่าสังหารผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรพวกนั้น เรียกได้ว่าหนึ่งโจมตีหนึ่งสิ้นชีพ แม่นยำไม่พลาดเป้า เพียงแค่ยิงออกไปธรรมดาๆ ก็สังหารชีวิตหนึ่งได้อย่างแน่นอน

เงียบเชียบไร้ซุ่มเสียง นิ่งสงัดแต่น่าพรั่นพรึง

เพียงแต่คันธนูนี้ผลาญพลังมากเกินไป หากไม่ใช่เช่นนั้น ก่อนหน้านี้หลินสวินคงไม่ซ่อนธนูนี้มาตลอด ไม่นำมาใช้โดยง่าย

แต่ว่าตอนนี้กลับแตกต่าง หลินสวินเพิ่งกลืนกินโสมราชันโคมสมบัติไปผลหนึ่ง พละกำลังภายในร่างพลุ่งพล่านหาใดเปรียบ ต่อเนื่องไม่ขาดสาย อยู่ในสภาพยอดเยี่ยมถึงขีดสุดสม่ำเสมอ

นี่ทำให้หลินสวินสมใจอยากนัก แน่นอนว่านี่เป็นแค่ความคิดอย่างหนึ่ง ด้วยเวลานี้เขาอยู่ในสภาพ ‘สงบนิ่งสิ้นเชิง’ ไม่มีความรู้สึกผันผวนแต่แรก

ไม่นาน ภายใต้การล่าสังหารอันแข็งกร้าวของหลินสวิน ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรนั่นเหลือแค่สี่ห้าคน แต่ละคนต่างสิ้นหวังหมดหนทาง ในใจถูกความหวาดกลัวต่อความตายเข้าปกคลุม

มีหรือพวกเขาจะคาดคิดว่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนหนึ่งที่ใกล้จะถูกพวกเขาล่าสังหารจนตาย แค่พริบตาเดียวกลับสำแดงการตอบโต้อย่างแข็งกร้าว

ตูม!

ไกลออกไปมีผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรคนหนึ่งถูกยิงสังหารอีก ลำคอปรากฏรูโหว่ชุ่มเลือดรูหนึ่ง ทั้งร่างถูกพาลอยออกไปอย่างหนักหน่วง นัยน์ตาเลื่อนลอยสิ้นลมทันใด

หืม?

เพียงแต่เมื่อหลินสวินเตรียมสังหารล้างบางศัตรูที่เหลือต่อ จู่ๆ นัยน์ตากลับหรี่ลง สะดุ้งตื่นจากสภาพ ‘สงบนิ่งสิ้นเชิง’ ทันที

เขาสังเกตเห็นอันตรายสุดขีดอย่างหนึ่ง กลิ่นอายอันตรายนั่นราวใบมีดคมกริบเสียดกระดูก ทำให้เขาไม่อาจรักษาความนิ่งสงบ ขนลุกไปทั้งตัว ขนพองสยองเกล้า

นี่มันผิดปกติเกินไปแล้ว!

หลินสวินแทบจะหันหลังหนีตามจิตใต้สำนึกโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขารวดเร็วถึงที่สุด ถึงขั้นใช้พลังสุดขีดความสามารถ!

ต่อให้เป็นเช่นนั้น กลิ่นอายอันตรายที่ไล่หลังมายังคงห้อมล้อมไม่ขาดสาย ประหนึ่งมีดวงตาเยียบเย็นคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเขาอยู่ในสถานที่ที่มองไม่เห็น

หนี!

หลินสวินกัดฟันกรอด ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งหลีกหนีไป รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ

“หืม? เจ้าหมอนั่น… จู่ๆ ก็ไปแล้ว?”

ห่างออกไป ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรที่เหลือต่างชะงักงัน สังเกตเห็นว่าเด็กหนุ่มปีศาจที่ฆ่าคนตาไม่กะพริบนั่น เวลานี้กลับจากไปทั้งอย่างนั้น

ความรู้สึกของการรอดพ้นเคราะห์ร้ายมาได้ ทำให้พวกเขานอกจากจะรู้สึกผ่อนคลายแล้ว ยังอดงุนงงไม่ได้ เจ้าหมอนั่น… จู่ๆ ก็ไปอย่างนี้น่ะนะ เหมือนไม่ใช่ความจริงเกินไปแล้ว

ทันใดนั้นพวกเขารู้สึกว่าเบื้องหน้าพลันมืดลง เงามืดหนึ่งบดบังแผ่นฟ้า

เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปก็ต้องตะลึงงันอยู่ตรงนั้น นัยน์ตาขยายออก

งูตัวหนึ่ง!

เพียงแต่งูตัวนี้กลับน่ากลัวอย่างที่สุด หัวดุจภูผา นัยน์ตาสีเลือดประหนึ่งทะเลสาบ ร่างคดเคี้ยวไปมาดั่งทิวเขาขึ้นลงสูงตระหง่านโดดเด่น

นี่มันงูอะไรกัน

ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรแข็งทื่อไปทั้งตัว ในใจเต้นระส่ำบ้าคลั่งรุนแรง ขวัญหนีดีฝ่อ แค่เพียงกลิ่นอายบนตัวสัตว์ปีศาจนี้ ก็ทำให้ทั่วร่างพวกเขาอ่อนระทวยปานจะพังทลาย

สายลมคลั่งเหม็นสาบหะหนึ่งม้วนตัว เสมือนลมมรสุมโหมทำลายฟ้าดิน ม้วนกลืนผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรเหล่านั้นไปสิ้น

ที่แท้พายุคลั่งนี้เป็นเพียงแค่พญางูนั้นหายใจบางเบา ก็ก่อให้เกิดเหตุเภทภัยน่าสะพรึงเช่นนี้!

ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรพวกนั้นหายไปแล้ว ทั้งหมดล้วนถูกกลืนสู่ปากพญางู ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะรอดชีวิตอีกเป็นแน่

ในจุดที่ไกลห่างออกไปถึงขีดสุด หลินสวินเผลอหันกลับไปมอง ก็เห็นพญางูตัวนั้นอยู่กลางฟ้าดิน ทั้งตัวปกคลุมด้วยเกล็ดครามเขียว แสงศักดิ์สิทธิ์เย็นเยียบพวยพุ่งทั่วร่าง หัวดุจภูผา ตาสีเลือดดุจทะเลสาบ ผงกหัวขึ้นระหว่างฟ้าดิน ถึงกับมิอาจเห็นร่างกายของมันอย่างชัดเจนว่าใหญ่โตเพียงใด!

เฮือก!

หลินสวินสูดหายใจหนาวเยือก อดสั่นสะท้านไม่ได้ รับรู้ได้ว่ากลิ่นอายอันตรายเมื่อครู่นี้ ก็คือสิ่งที่พญางูตัวนี้นำมาสู่ตน

เขาถึงขั้นกล้ายืนยันว่า หากเมื่อครู่ตนลังเลเพียงนิด เกรงว่าครานี้คงไม่อาจหนีเอาชีวิตรอดได้อีก!

กี้~

ขณะที่หลินสวินตื่นตะลึงตกใจอยู่นั้น เสียงก้องกังวานสะท้อนเก้าชั้นฟ้าสิบทิศทาง สั่นสะเทือนจนทะเลทรายผืนนี้ก่อเกิดพายุ ธุลีทรายคลั่งเริงระบำ ห้วงอากาศปั่นป่วนอลหม่าน

นั่นมัน…

หลินสวินตกตะลึง พลันเห็นนกปีศาจตัวหนึ่งปรากฏกาย ปีกแสงทองเจิดจ้าคู่หนึ่งประดุจเมฆาสยายคลุมนภา ยิ่งใหญ่มหาศาลไร้ขอบเขต ไหลเวียนด้วยท่วงทำนองมรรคอันลึกลับ เปล่งประกายเจิดจรัสดุจหลอมจากทองคำเหลืองอร่าม

นี่มันพญาเผิงปีกทองตัวหนึ่ง!

หนึ่งในราชันนกปีศาจในบรรพกาลตามตำนาน ลอยเหนือนพนภา กินงูมังกรเป็นอาหาร เคยจู่โจมสังหารเทพแท้จริง!

ทันทีที่มันปรากฏตัว ก็โฉบดิ่งลงมา สยายปีกคู่ทองอร่าม กรงเล็บคมกริบคู่หนึ่งเรืองแสงน่าพรั่นพรึง พุ่งจับพญางูตัวนั้นไป

สัตว์ร้ายทั้งสองที่เปรียบดั่งราชันดึกดำบรรพ์ถึงขั้นเปิดฉากการต่อสู้กลางฟ้าดินนี้!

หลินสวินมองอย่างตะลึงลาน นึกกลัวและสยองขวัญไปชั่วขณะ

เขาบ่ายหน้าหนีทันที ไม่กล้าหยุดพักโดยสิ้นเชิง

เหตุการณ์นี้ทำให้หลินสวินเข้าใจความน่ากลัวและอันตรายของ ‘แดนลับอสูรมารอริยะ’ อย่างสุดซึ้ง ทันทีที่ไม่ระวังอาจถึงแก่ชีวิตได้ทุกเมื่อ

นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าวาสนาและพิบัติเคราะห์อยู่คู่กัน หมายมุ่งช่วงชิงวาสนา อย่าคิดว่าง่ายดายเช่นนั้นเด็ดขาด ไม่ว่าใครล้วนแบกรับอันตรายที่อาจบาดเจ็บล้มตายได้!

อันที่จริงแดนลับอสูรมารอริยะเป็นสถานที่อันตรายยิ่งยวดแห่งหนึ่ง ไม่ว่าสิ่งใดดำรงอยู่ สามารถตั้งอาณาเขตมั่นในที่แห่งนี้ได้ ล้วนแล้วแต่แปลกประหลาดและทรงพลังยิ่งทั้งสิ้น

ก็เหมือนพญาเผิงปีกทองและเอกพญางูเมื่อครู่นั่น หากพูดถึงพลังที่แท้จริง แน่นอนว่าสามารถเทียบได้กับราชันระดับสังสารวัฏ ถึงขั้นยังน่ากลัวกว่าอีกด้วย!

หากพบเจอสัตว์ร้ายน่าหวาดกลัวเช่นนี้ เกรงว่าต่อให้คนใหญ่คนโตแต่ละเผ่ามาเอง ก็คงไม่กล้าชักดาบต่อสู้ ได้แต่หลบหลีกหนีไป

และผู้ที่เข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะครานี้ แทบทั้งหมดเป็นผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะ แค่คิดก็รู้ว่าหากพวกเขาโชคร้ายพบเจออันตรายเช่นนี้ จะต้องมีแต่ตายไร้ชีวาเป็นแน่!

นอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์

“อะไรนะ เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นั่นเข้าสังหารในตำหนัก ทำร้ายหลินหลางทั้งแย่งชิงคัมภีร์ลับไป?” ผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิตเต้นเร่า อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป โกรธจนหลุดปากด่ายกใหญ่

จิตวิญญาณของผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตส่วนหนึ่งถูกดึงกลับมา กลับคิดไม่ถึงว่าจะบอกข่าวร้ายเช่นนี้ออกมา

บุคคลสำคัญคนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็นั่งไม่ติดแล้ว ในตำหนักหลังหนึ่งกลับซ่อนแท่นบูชามรรคเก่าแก่ หินหยกลึกลับ คัมภีร์สีทอง…

นี่มันมหาศุภโชคชัดๆ!

ก็ไม่แปลกที่ผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิตจะโกรธแค้น แม้แต่พวกเขาเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมด จิตใจก็ไม่อาจนิ่งสงบได้

“เหอะๆ ครั้งนี้คงต้องยินดีกับพวกเจ้าเผ่าวาฬมังกรแล้ว วาสนาครานี้ท้ายที่สุดก็ถูกพวกเจ้าช่วงชิงไปอย่างไม่ผิดจากที่คาด”

จู่ๆ ก็มีคนใหญ่คนโตกล่าวยิ้มเยาะ

ทันใดนั้นสีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นพิลึกพิลั่น พวกเขาต่างรู้ดี ไม่ว่าสุดท้ายแล้วเป็นเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นั่นช่วงชิงศุภโชคนี้ไปได้ หรือธิดาเทพหลินหลางแย่งชิงไป ท้ายที่สุดล้วนเข้าทำนองลำบากทำแทนคนอื่น ต้องถูกผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรที่เฝ้าระวังอยู่นอกเกาะอริยะปัญจธาตุกลุ่มนั้นชิงเอาไปแน่

แค่นึกถึงตรงนี้ ผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิตก็โกรธจนสีหน้าอึมครึม เเทบอยากจะพุ่งเข้าไปเอง ฆ่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นั่นซะ!

หากไม่ใช่เพราะเจ้าหมอนี่ ไหนเลยจะเกิดเหตุไม่คาดฝันมากมายเช่นนี้

ด้านเผ่าวาฬมังกรนั้น ท่านย่าเทพสังหารยิ้มฟังเงียบๆ ไม่กล่าวมากความ เห็นชัดว่านางรู้ดีว่าวาสนาครานี้จะต้องตกเป็นของพวกเขาเผ่าวาฬมังกรเป็นมั่นเหมาะ

แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนไม่คาดฝันคือ ไม่นานนักแท่นบูชาวิญญาณของเผ่าวาฬมังกรก็พลันเกิดการเคลื่อนไหว ปรากฏเงาร่างของผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรจำนวนหนึ่ง

“ผู้อาวุโส ผู้อาวุโสแย่แล้ว เกาะอริยะปัญจธาตุทรุดตัวพังทลาย แม้แต่… แม้แต่วาสนานั่นก็หายไปแล้ว!”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรคนหนึ่งเอ่ยอย่างเคียดแค้นชิงชัง

ทุกคน ณ ที่นั้นต่างส่งเสียงอื้ออึง ไม่นึกเลยว่าจะเกิดเหตุคาดไม่ถึงอีก!

“นี่มันอะไรกัน” ท่านย่าเทพสังหารเก็บรอยยิ้ม คิ้วขมวดออกปากถาม

“เป็นเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นั่น! เขากับหลินหลางคนนั้นร่วมมือกัน ฆ่าสังหารฝ่าออกไปจากวงล้อมของพวกเรา!”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรนั่นคับแค้นใจหาใดเปรียบ วาสนายิ่งใหญ่ขนาดนั้นหลุดออกจากมือไปเช่นนี้ ทำให้ใจเขาเลือดหลั่งริน

“เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์!”

ท่านย่าเทพสังหารนัยน์ตาฉายแววเข่นฆ่าวูบหนึ่ง สีหน้าอึมครึมอยู่บ้าง

ด้านคนใหญ่คนโตที่อยู่ใกล้เคียงยิ่งมีสีหน้าประหลาด ทำไมถึงเป็นเจ้าเด็กนั่นอีกแล้ว

ครานี้เผ่าสิงห์โลหิตที่ดูเหมือนเสียหายสาหัสสากรรจ์ เหลือแค่ธิดาเทพหลินหลางคนเดียว แต่กลับมีความเป็นไปได้สูงว่าจะช่วงชิงมหาศุภโชคนั้นมาได้ นี่ก็ถือว่าคุ้มค่า

ตรงกันข้าม ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรที่เฝ้าระวังมาตลอดกลับคว้าน้ำเหลว ไม่สามารถสมหวังดังใจปรารถนา ช่างโชคร้ายจริงๆ

วู้ม…

แท่นบูชาวิญญาณไหวเคลื่อน ไม่นานนักก็จิตวิญญาณของผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรส่วนหนึ่งก็ทยอยกลับมาอีก แต่ละคนล้วนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ตะโกนออกมาอย่างคับแค้นใจ

ยามนี้ทุกคนถึงได้รู้ว่า ที่แท้ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรพวกนี้ล้วนถูกเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นั่นสังหาร พวกเขาต่อสู้ไล่ล่าตลอดทาง แต่กลับไม่อาจทำอะไรฝ่ายตรงข้ามได้!

บรรยากาศ ณ ที่นั้นพิกลยิ่งกว่าเดิม เหล่าคนใหญ่คนโตต่างไม่อาจจินตนาการได้ว่านั่นเป็นเด็กหนุ่มแบบใดกันแน่ ถึงได้เหมือนหายนะอย่างหนึ่งก็มิปาน ใครต่างไม่อาจทำอะไรเขาได้ กลับถูกเขาทำลายเรื่องดีๆ หลายต่อหลายครั้ง แปลกประหลาดผิดมนุษย์มนาไปแล้ว!

และสีหน้าของท่านย่าเทพสังหารก็มืดทะมึนยิ่งนัก ไม่มีความได้ใจอย่างเมื่อครู่ ท่าทางนั้นย่ำแย่ไม่น่าดูไม่ต่างจากผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิต!

“พวกเจ้าว่า เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นั่นช่วงชิงศุภโชคส่วนหนึ่งจากเกาะอริยะปัญจธาตุไปหรือไม่” ทันใดนั้นก็มีคนใหญ่คนโตเอ่ยปากเสียงขรึม

แค่ประโยคเดียวเท่านั้น ทำให้สีหน้าท่านย่าเทพสังหารและผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิตดูแย่ยิ่งกว่าเดิม หมายมาดสังหารคนแล้ว!

เดิมทีมหาศุภโชคที่พวกเขาแต่ละคนต่างหมายมั่นว่าต้องตกเป็นของตนแล้ว กลับเกิดตัวแปรใหญ่จากเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนเดียว ทั้งยังมีชนรุ่นหลังในเผ่ามากมายถูกสังหาร นี่จะไม่ให้พวกเขาแค้นใจได้อย่างไร

เมื่อข่าวทั้งหมดนี้แพร่ออกไป ทำให้คนใหญ่คนโตแต่ละเผ่าที่อยู่บริเวณแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ต่างอึ้งงันทันที วิพากษ์วิจารณ์ฮือฮาไม่หยุด

ในใจพวกเขาล้วนอยากรู้อยากเห็นยิ่งกว่าเดิม ว่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นเป็นใครกันแน่

พลังต่อสู้ไม่เพียงพลิกฟ้า แม้แต่ความกล้าก็ยิ่งใหญ่น่าตระหนก ถึงขั้นเกือบจะสังหารคนรุ่นหลังของเผ่าวาฬมังกรและเผ่าสิงห์โลหิตที่เข้าไปในแดนลี้ลับจนสิ้น!

…………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด