คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง 146 เชื่อฟังมีน้ำตาลกิน
ตอนที่ 146 เชื่อฟังมีน้ำตาลกิน
เถาฮองเฮาแสดงสีหน้าเรียบเฉย
นางรู้ว่าองค์หญิงเฉิงหยางยังกำลังจับจ้องเรื่องงานอภิเษกของโอรสคนเล็ก
ก่อนหน้านี้นางถ่วงเวลา ไม่ให้คำตอบอีกฝ่าย
คราวนี้องค์หญิงเฉิงหยางฉวยโอกาสที่พื้นที่ศักดินาถูกเรียกคืน บีบบังคับให้นางตัดสินใจ
เพียงแค่นางพยักหน้า องค์หญิงเฉิงหยางก็จะให้ฮ่องเต้หย่งไท่พระราชทานงานอภิเษกทันที
ฮ่องเต้หย่งไท่กำลังรู้สึกผิด เวลานี้นอกจากพื้นที่ศักดินา เขาย่อมสามารถรับปากทุกคำขอขององค์หญิงเฉิงหยาง
แต่…
เถาฮองเฮาไม่ได้ลืมสิ่งที่โอรสคนโต เซียวเฉิงเหวินพูด
เวลานี้ฮ่องเต้อาจพระราชทานงานอภิเษกอย่างง่ายดาย
แต่เมื่อเวลาผ่านไปครึ่งปีหรือหนึ่งปี เขาจะเสียใจภายหลังหรือไม่
บทเรียนอย่างตระกูลเถาทำให้เถาฮองเฮากลัว
จะลองพนันสักครั้งดีหรือไม่
หรือทำตามที่โอรสคนโตกล่าว หาหญิงสาวจะตระกูธรรมดาให้โอรสคนเล็ก
ภายในใจของเถาฮองเฮาเวลานี้ลังเลอย่างมาก
องค์หญิงเฉิงหยางร้องห่มร้องไห้จนนางปวดหัว
นางกระแอมไอเสียงเบา พลันพูด “เจ้าอย่าเพิ่งร้องไห้ ไม่ว่าปัญหาใดย่อมมีทางแก้ไข”
องค์หญิงเฉิงหยางหยุดร้องไห้ทันที “เรื่องอภิเษกของซูอวิ้นและซูหาว พี่สะใภ้ช่วยจัดการได้หรือ เพียงแค่พี่สะใภ้ให้ความช่วยเหลือข้า ข้าย่อมจะตอบแทน ความขัดแย้งที่ผ่านมาถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น ทุกสิ่งเริ่มต้นกันใหม่”
เถาฮองเฮาเงียบพลันครุ่นคิด
องค์หญิงเฉิงหยางพูดต่อ “ต่อหน้าพี่สะใภ้ ข้าจะไม่กล่าววาจาหลอกลวงเหล่านั้น ตระกูเถาตกอับ ถึงแม้จะยังไม่ล่มจม แต่ก็ไม่อาจช่วยเหลือพี่สะใภ้ได้อีก ยิ่งไม่อาจช่วยเหลือองค์ชายทั้งสอง ตระกูลเถาไม่เป็นตัวถ่วงก็ขอบคุณฟ้าดินแล้ว เวลานี้พี่สะใภ้ต้องการความช่วยเหลือที่มีกำลังจากภายนอก ไม่รู้ว่าข้าจะเข้าตาพี่สะใภ้หรือไม่”
สีหน้าของเถาฮองเฮาเรียบเฉยไม่หวั่นไหว “ข้าสงสัยอย่างมาก เหตุใดเจ้าจึงหมกมุ่นกับงานอภิเษกของเจ้าสามนัก เจ้าไม่กลัวข้าแทงข้างหลังเจ้าภายหลังหรือ”
องค์หญิงเฉิงหยางหัวเราะร่า “ข้าเชื่อว่าพี่สะใภ้ไม่ใช่คนเช่นนั้น! นอกจากนี้ข้ายังเชื่อว่าหากพวกเราร่วมมือกันย่อมมีแต่ผลประโยชน์ หากพวกเราเป็นปรปักษ์กันจะมีแต่ความพ่ายแพ้ อีกทั้งยังทำให้ผู้อื่นได้ประโยชน์ ไม่รู้พี่สะใภ้มีความคิดเห็นอย่างไร”
เถาฮองเฮายิ้มเล็กน้อย “ขอบใจที่เจ้าเชื่อใจข้า แต่เรื่องใหญ่อย่างการอภิเษก ข้ายังต้องถามความคิดเห็นของเด็กๆ เสียก่อน ต้องให้เด็กๆ ยินยอมเองจึงจะเจรจาต่อไปได้”
องค์หญิงเฉิงหยางดีใจอย่างมาก “เชื่อว่าองค์ชายสามย่อมไม่คัดค้าน วันอื่นไม่สู้วันนี้ วันนี้พวกเราแสดงเจตนารมณ์ต่อเสด็จพี่ วันอื่นค่อยขอความคิดเห็นจากองค์ชายสาม จากนั้นให้เสด็จพี่ทรงออกพระราชโองการ”
“ไม่รีบ!” เถาฮองเฮาคัดค้านเสียงเบา “หากรีบร้อนเกินไปจะเป็นการทำให้ฝ่าบาททรงเกิดความสงสัย เจ้าก็คงไม่อยากเผชิญหน้ากับคำถามของฝ่าบาทใช่หรือไม่”
องค์หญิงเฉิงหยางขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจนัก
เรื่องใหญ่อย่างการอภิเษก อีกทั้งเด็กทั้งสองคนก็อายุไม่น้อยแล้ว จะไม่รีบได้อย่างไร
องค์หญิงเฉิงหยางกลอกตาไปมา ครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นจึงตอบตกลง “ข้าฟังพี่สะใภ้ พี่สะใภ้ว่าอย่างไร พวกเราก็ทำอย่างนั้น”
เถาฮองเฮาโล่งอก
หารู้ไม่ว่าองค์หญิงเฉิงหยางมีแผนการอื่น
ฮ่องเต้หย่งไท่ไม่อยากเผชิญหน้ากับองค์หญิงเฉิงหยาง เพราะเขาจะเกิดความละอายใจ
แต่เขาก็ไม่อาจไม่เผชิญหน้า
เขามายังตำหนักเว่ยยางในเวลาค่ำ
ทันทีที่องค์หญิงเฉิงหยางเห็นเขา ดวงตาก็แดงก่ำ น้ำตาก็หลั่งไหลลงมา
“ข้ายังคิดว่าเสด็จพี่ทรงไม่อยากพบข้า ทรงรังเกียจข้าภายในใจ”
นางแสดงท่าทีน่าสงสารและหมดหนทาง
ฮ่องเต้หย่งไท่ทำหน้ารู้สึกผิด “ข้ารับปากว่าจะมาพบเจ้าเมื่องานเสร็จ ข้าจะกลับคำได้อย่างไร”
องค์หญิงเฉิงหยางสะอื้นเสียงเบา แต่ไม่ตอบโต้ เพียงแค่จ้องมองฮ่องเต้หย่งไท่
ฮ่องเต้หย่งไท่ลำบากใจ
หากเป็นผู้อื่น เขาล้วนสามารถแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสายตาไม่เป็นธรรมนั้น ถือว่าไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น
แต่คนตรงหน้าคือน้องสาวของเขา
เขาสามารถโหดร้ายกับผู้อื่น แต่กับน้องสาว เขายังคงรักษาเยื่อใยเอาไว้
เขาไม่อาจโหดร้ายกับนางได้
เขาถอนหายใจ พลันพูดขึ้นโดยตรง “พื้นที่ศักดินาย่อมต้องเรียกคืน แต่ข้าชดเชยให้เจ้าได้ เจ้าอยากได้สิ่งใดกพูดมา”
องค์หญิงเฉิงหยางสะอื้นสองที “เสด็จพี่ยอมชดเชยข้าจริงหรือ”
ฮ่องเต้หย่งไท่พยักหน้า
องค์หญิงเฉิงหยางฉวยโอกาสเรียกร้อง นางต้องการแปลงนา ต้องการเหมืองแร่ ต้องการจวน…
เพียงแค่เป็นกิจการที่ทำเงินได้ นางล้วนต้องการ
แต่นางก็ฉลาดอย่างมาก
ต้องการทุกสิ่ง แต่ต้องการไม่มาก เหมาะเจาะกับจุดที่ฮ่องเต้สามารถยอมรับได้พอดี
ฮ่องเต้หย่งไท่ฟังคำเรียกร้องขององค์หญิงเฉิงหยาง คิ้วขมวดมุ่นขึ้นมา
สุดท้าย เขาก็ยังคงพยักหน้าตอบรับ
เขารับสั่งซุนปันเหนียน “จดเอาไว้ คำเรียกร้องขององค์หญิง รับสั่งให้สำนักเซ่าฝู่พยายามให้ความร่วมมือ”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ซุนปังเหนียนโค้งตัวน้อมรับคำสั่ง
องค์หญิงเฉิงหยางยิ้มออกมาราวกับเด็กหญิง อีกทั้งยังออดอ้อนฮ่องเต้หย่งไท่
“เสด็จพี่ทรงดีต่อข้าเสียจริง! เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ทรงไม่อยู่แล้ว เพียงแค่มีเสด็จพี่อยู่ ข้าก็ไม่กลัวสิ่งใด”
ฮ่องเต้หย่งไท่หัวเราะร่า “เจ้าดีใจก็พอ!”
เถาฮองเฮามองดูด้วยความอิจฉา
ฮ่องเต้หย่งไท่ใจกว้างกับองค์หญิงเฉิงหยางเสียจริง
แต่แล้วเรื่องยังไม่จบสิ้น
องค์หญิงเฉิงหยางฉวยโอกาสเอ่ยถึงเรื่องอภิเษกของบุตรทั้งสอง
ความหมายของนางคือขอให้ฮ่องเต้ทรงโปรดพระราชทานงานอภิเษกให้เด็กทั้งสอง
ฮ่องเต้หย่งไท่รับปากในทันที “เพียงแค่มีคู่หมายที่เหมาะสม เจ้าบอกกับข้า ข้าจะพระราชทานงานอภิเษกให้ซูอวิ้นกับซูหา”
“ขอบพระทัยเสด็จพี่!”
องค์หญิงเฉิงหยางเหลือบมองเถาฮองเฮา พลันยิ้มอย่างมีนัย
สีหน้าของเถาฮองเฮาเรียบเฉย ไม่มีส่วนร่วมในบทสนทนา
…
องค์หญิงเฉิงหยางออกจากวังหลวงกับไปยังจวนองค์หญิงในคืนนั้นอย่างอารมณ์ดีปนโกรธเล็กน้อย
อารมณ์ดีเพราะได้รับการชดเชยพอสมควร
โกรธเพราะท่าทีของเถาฮองเฮา
นางให้คนไปเรียกจ้งซูอวิ้นผู้เป็นบุตรสาวมา
“ข้าอยากดูคู่หมายให้เจ้าหลายคน”
จ้งซูอวิ้นได้ยิน จึงถามขึ้นด้วยความร้อนใจ “เหตุใดท่านแม่จึงต้องดูคู่หมายให้ข้า องค์ชายสามไม่ดีหรือเจ้าคะ”
องค์หญิงเฉิงหยางยิ้มเย้ยหยัน “เขาดีจะมีประโยชน์ใด หากฮองเฮาไม่พยักหน้า งานอภิเษกครั้งนี้เจ้าก็อย่าหวังเลย”
จ้งซูอวิ้นทั้งฉงนทั้งน้อยใจ “ข้าไม่ดีตรงใด เหตุใดฮองเฮาจึงรังเกียจข้าปานนี้”
องค์หญิงเฉิงหยางส่งเสียงไม่พอใจ “ลูกโง่ ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่ดี แต่ว่าโลกเปลี่ยนไปแล้ว งานอภิเษกขององค์ชายสามต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง ข้าดูจากท่าทีของเถาฮองเฮาแล้ว นางไม่ได้พอใจเจ้านัก มิฉะนั้นนางคงไม่เลี่ยงแล้วเลี่ยงอีก ไม่ยอมให้คำตอบเสียที วันนี้ข้าถามนางต่อหน้า นางกลับตอบแบบผลักไส ช่างน่าโมโหยิ่งนัก!”
นางยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ
ตระกูลเถาตกต่ำ เถาฮองเฮาไม่อาจเทียบแต่ก่อนได้ แต่ยังกล้าหยิ่งยโสกับนาง ใช้คำพูดทำให้นางสับสน
หากมิใช่บุตรสาวหลงใหลในตัวองค์ชายสาม อีกทั้งนางก็เห็นถึงอนาคนขององค์ชายสาม นางก็คงไม่อยากปรองดองกับเถาฮองเฮา
สตรีอย่างเถาฮองเฮาเห็นแก่ผลประโยชน์ที่โหดเหี้ยม
บุตรสาวอันเป็นที่รักถูกนางปกป้องอย่างดี หากตกอยู่ในมือของเถาฮองเฮา เกรงว่าจะอาจจะต้องทนทุกข์ทรมาน
แต่เมื่อท่าทีของบุตรสาวนั้น ราวกับนาเจาะจงเพียงองค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้เสียแล้ว
องค์หญิงเฉิงหยางรังเกียจอย่างมาก “บุรุษในแผ่นดินมีมากมาย เหตุใดจึงต้องเป็นองค์ชายสามเท่านั้น ตามความคิดเห็นของข้า เจ้าอภิเษกกับนายน้อยตระกูลใหญ่ ดื่มด่ำกับความมั่งคั่งไปทั้งชีวิต ไม่มีผู้ใดกล้าชักสีหน้าใส่เจ้า”
จ้งซูอวิ้นเงียบ
ความเงียบคือเสียงคัดค้านของนาง
องค์หญิงเฉิงหยางโกรธจนตบโต๊ะ “เจ้ามันดื้อรั้น เซียวเฉิงอี้มีอันใดดี เจ้าจึงชอบนัก”
จ้งซูอวิ้นพูดเสียงเบา “เขาดีทุกตรง!”
องค์หญิงเฉิงหยางข่มความโกรธในใจเอาไว้ “ข้าถามเจ้า หากฮองเฮาไม่ยอมรับปากงานอภิเษกของเจ้ากับองค์ชายสาม เจ้าจะทำอย่างไร”
จ้งซูอวิ้นได้ยิน น้ำตาจึงหลั่งไหลงมาทันที
นางไม่เคยคิดเรื่องนั้นมาก่อน
นางปาดน้ำตา พลันพูดด้วยเสียงสะอื้น “ข้าไม่รู้! เมื่อถึงเวลานั้นจริง ข้าจะเชื่อฟังท่านแม่!”
เฮ้อ!
ลูกโง่!
องค์หญิงเฉิงหยางหงุดหงิดอย่างมาก
องค์ชายสามไม่รู้เจตนาของเจ้าแม้แต่น้อย
แต่เจ้ากลับจะเป็นจะตายเพื่อเขา
หากวันใดต้องร้องไห้กลับมาขอความช่วยเหลือก็สมควร!
องค์หญิงเฉิงหยางโบกมือเป็นเชิงบอกให้นางออกไป “ดึกแล้ว เจ้ากลับเรือนไปพักผ่อน เรื่องงานอภิเษกของเจ้ากับองค์ชายสาม ข้าจะพยายาม แต่เจ้าก็อย่าคาดหวังมาก หากไม่สำเร็จ เจ้าก็ห้ามอาละวาด เจ้าต้องออกเรือนอย่างเชื่อฟัง”
จ้งซูอวิ้นพยักหน้ารับ “ข้าเชื่อฟังท่านแม่เจ้าค่ะ!”
นางไม่กล้าอาละวาด
เพราะนางรู้ ต่อหน้าท่านแม่ เชื่อฟังจึงจะมีน้ำตาลกิน
หากกล้าอาละวาด สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้อะไรสักอย่าง
มันเป็นประสบการณ์ที่นางสรุปออกมาได้ในหลายปีนี้
…
พี่ชายจ้งซูหาวรอนางอยู่บนเส้นทางที่นางต้องเดินผ่าน
เมื่อเห็นขอบตาของนางเปียกชื้นก็รู้ว่าเรื่องงานอภิเษกไม่ราบรื่นนัก
เขาถามด้วยความห่วงใย “น้องหญิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
จ้งซูอวิ้นเช็ดหางตา พยักหน้าพลันพูด “ข้าไม่เป็นอันใด!”
จ้งซูหาวสงสาร “หากเจ้าชอบองค์ชายสามจริง ให้ข้าถามเขาแทนเจ้าดีหรือไม่ ดูว่าเขามีความคิดต่อเจ้าหรือไม่ หากเขายอมยืนออกมาไขว่คว้าเอาไว้ งานอภิเษกนี้ย่อมมีโอกาสสำเร็จ”
จ้งซูอวิ้นกัดริมฝีปาก หวั่นไหวเล็กน้อย
นางครุ่นคิด “ทำเช่นนี้เหมาะสมหรือ จะทำให้เขาลำบากใจหรือมา หากฝ่าบาทกับฮองเฮาทรงกล่าวโทษจะทำอย่างไร”
“น้องหญิงของข้า เจ้ายังไม่ทันเป็นอันใดกับเขาก็เริ่มคิดแทนเขาเสียแล้ว คุ้มค่าหรือ เจ้าทำเพื่อเขามากมาย แต่เขากลับไม่รู้ เจ้าไม่รู้สึกไม่เป็นธรรมหรือ หากเขามีใจให้เจ้า เจ้าได้รับความลำบากเล็กน้อยย่อมไม่เป็นอันใด แต่เจ้าต้องแบกรับแรงกดดันมากมายแทนเขา สมควรให้เขารับรู้เสียบ้าง”
“แต่…”
“อย่าแต่เลย! ตกลงตามนี้ ข้าจะไปหาเข้าแทนเจ้า ถามเขาให้รู้เรื่อง ได้หรือไม่แค่คำเดียว หากเขาไม่ยินยอม นับจากนี้เจ้าก็ตัดใจจากเขา รอคอยคู่ครองที่ท่านแม่หาให้เจ้าอย่างวางใจ”
จ้งซูอวิ้นกัดฟัน สุดท้ายก็เห็นด้วยกับความคิดของพี่ชาย “ข้าฟังท่าน ท่านถามเขาแทนข้า เกรงใจหน่อย”
จ้งซูหาวทำหน้าระอา “ผู้อื่นต่างบอกว่าสตรีเข้าข้างคนนอก แต่ก่อนข้ายังไม่เชื่อ เวลานี้ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ายังไม่ได้เป็นอันใดกับเขาก็คิดแทนเขาทุกเรื่อง กลัวเขาได้รับความไม่เป็นธรรม ส่วนข้า ข้าเป็นพี่ชายของเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่เป็นห่วงข้าเสียบ้าง เหตุใดจึงไม่กลัวข้าถูกเขารังแก ฮึ!”
เขาโกรธแล้ว!
เขาเริ่มอิจฉาองค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้
นอกจากได้ใจน้องหญิงไปแล้ว ยังทำให้น้องหญิงหลั่งน้ำตา ช่างไม่เป็นสุภาพบุรุษ
Comments