หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก 425-2 หรงเฟยติดบ่วง
ตอนที่ 425-2 หรงเฟยติดบ่วง
จังหวะที่ลงสู่พื้นนั้นนางรับรู้ได้ถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล พอหันไปมองก็เห็นว่าใต้กิ่งไม้ที่ใบโกร๋น มีแม่ชีน้อยสามคนกำลังนั่งตัวตรงทำธุระหนักอยู่บนกระโถนของตน
หรงเฟยถึงกับสูดหายใจด้วยความตกใจ
เหตุใดแค่จะหนีเอาชีวิตรอด ถึงหนีมาเข้าบ้าน ‘บุตรชาย’ ตนเองเสียได้
แม่ชีน้อยมองนางด้วยความงุนงง พอทำธุระเสร็จก็หยิบกระดาษเดินเข้าไปหาแล้วยื่นกระดาษให้
เช็ด
เช็ดอะไรกัน ข้าหนีเอาชีวิตรอดอยู่!
หรงเฟยพอหันไปแล้วก็จะหนีต่อทันที!
แม่ชีน้อยทั้งสามเข้ามาเกาะขานางไว้
นางดึงตัวแม่ชีน้อยออกไปคนหนึ่งก็จะมีอีกคนปีนขึ้นมาบนหลังนาง นางเลยดึงตัวคนบนหลังออกมา เดินไปทางลานเล็ก พอไปถึงโถงทะลุแห่งหนึ่งก็รู้สึกตงิดใจ พอเพ่งสายตามองก็เห็นแม่ชีน้อยทั้งสามถึงขั้นยืนถือกระดาษขวางหน้านางเอาไว้
หรงเฟยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กสามคนนี้วิ่งมาอยู่ที่นี่กันได้อย่างไร!
นางย่อมไม่เช็ดให้ หันหนีแล้วเดินทะลุไปยังลานเล็กก่อนจะเข้าไปในห้องบ่าวห้องหนึ่ง
นางปิดประตู ยกมือจับหน้าอกด้วยความตื่นเต้น ถอนหายใจยาวเหยียดแล้วกลับหลังหันพิงประตู นางคิดจะเช็ดเหงื่อให้ตนเองสักหน่อย แต่กลับเห็นแม่ชีน้อยทั้งสามยืนอยู่ในห้อง นางตกใจจนขนลุกไปหมด!
แม่ชีน้อยยื่นกระดาษพลางมองหน้านาง
“พ่อบ้านหลิว พวกเราได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้มาจับหรงซื่อ หวังว่าพ่อบ้านจะให้ความร่วมมือ”
ด้านนอกห้องพลันมีเสียงมือปราบคนหนึ่งดังลอดเข้ามา
เส้นเลือดตรงขมับของนางเต้นตุบๆ
“พวกเจ้าเข้าใจผิดอะไรหรือไม่ พระสนมหรงเฟยกำลังได้รับความเมตตา ฝ่าบาทจะมีราชโองการให้จับนางได้อย่างไร” ขันทีหลิวพูดพลางหัวเราะหึหึ
มือปราบผู้นั้นเอ่ยว่า “พ่อบ้านหลิวมีข้อสงสัยใดสู้เข้าวังไปถามต่อหน้าพระพักตร์เลยจะดีกว่า พวกข้าเพียงทำตามรับสั่ง ผู้ใดขัดขืน สังหารได้ทันที!”
“ตายจริง ข้าก็แค่เพียงล้อเล่นเท่านั้น ดูเจ้าตื่นเต้นเข้า! เอาล่ะ พวกเจ้าเชิญค้นกันตามสบาย! มีแค่ข้อเดียวคืออย่าทำให้คุณหนูทั้งสามตกใจ… เอ๋? คุณหนูล่ะ ไปไหนเสียแล้ว!”
ขันทีหลิวเริ่มตามหาแม่ชีน้อยทั้งสามด้วยความกังวล
ลูกกระเดือกของหรงเฟยขยับชึ้นลงทีหนึ่ง ออกเดินไปทางแม่ชีน้อยทั้งสามช้าๆ นางรับกระดาษในมือทั้งสามมา ย่อตัวลงไปเอ่ยเสียงใจว่า “ย่าเช็ดให้พวกเจ้านะ พวกเจ้าห้ามบอกคนอื่นว่าข้าอยู่ที่นี่ เข้าใจหรือไม่”
แม่ชีน้อยทั้งสามมองนางตาแป๋ว
“มา เกี่ยวก้อยกัน”
หรงเฟยจัดการเช็ดก้นให้เด็กทั้งสามแล้วเกี่ยวก้อยทำสัญญา
“เอ๊ะ? ประตูบานนี้ลงดานอยู่! มีใครอยู่หรือไม่ เปิดประตู! เปิดประตูเร็ว!” มือปราบเคาะประตูห้อง
หรงเฟยกวาดตามองไปทั่ว เปิดประตูตู้แล้วเข้าไปซ่อนข้างใน ก่อนจะปิดประตู นางหันไปทำท่าห้ามส่งเสียงบอกแม่ชีน้อยทั้งสาม
พอมีเสียงดังปัง ประตูก็ถูกกระแทกเปิด
แม่ชีน้อยทั้งสามมองประตูห้องที่ถูกกระแทกจนกระเด็น รวมถึงมือปราบที่ถือดาบกรูกันเข้ามาในห้องด้วยท่าทางสงบนิ่ง
มือปราบพอเห็นแม่ชีน้อย เลยอึ้งงันไปทันที นี่ นี่ นี่พวกสามเณรนี้เป็นผู้ใดกัน
“แค่ก!” หัวหน้ามือปราบรีบเก็บกระบี่ หันไปส่งสัญญาณมือให้ลูกน้อง ทุกคนพากันเอาดาบไปซ่อนไว้ด้านหลัง เขาเดินเข้าไปหาแม่ชีน้อยทั้งสาม เงยหน้ายิ้มแป้นพลางบอกว่า “เณรน้อย พวกเจ้าเห็นสตรีที่สวมชุดกระโปรงสีม่วงบ้างรึไม่”
หรงเฟยยิ้มเยาะ เกือบลืมไปแล้วว่าเจ้าเด็กสามคนนี้พูดไม่ได้
แม่ชีน้อยทั้งสามไม่ได้พูดอะไรจริงๆ แค่เพียงยกนิ้วชี้ไปทางตู้เสื้อผ้า
หรงเฟยตัวแข็งค้างไปทันที!
ไม่ได้เกี่ยวก้อยสัญญากันแล้วหรอกหรือ ไม่รักษาสัญญาเช่นนี้เป็นเรื่องดีจริงๆ หรือ!
เหล่ามือปรับชักดาบกลับมาอีกครั้ง หัวหน้ามือปราบตะคอกเสียงดุว่า “หรงซื่อ ยังไม่รีบออกมาอีก!”
หรงเฟยไม่กระดุกกระดิก
หัวหน้ามือปราบกระชับปลอกดาบในมือ ค่อยๆ ก้าวขึ้นหน้าไปก้าวหนึ่ง เอ่ยด้วยความระแวดระวังว่า “หรงซื่อ หากเจ้ายังไม่ออกมาอีก พวกเราจะบังคับให้เจ้าออกมาแล้วนะ! ถึงตอนนั้นเจ้าอย่าโทษที่กระบี่ไม่มีตาก็แล้วกัน!”
บางทีอาจเพราะประโยคนี้ใช้การได้จริงๆ ประตูตู้จึงเปิดออกช้าๆ หรงเฟยเดินออกมาเองจากในตู้ เชิดคางขึ้นเอ่ยอย่าถือตัวว่า “ได้ ข้าจะตามพวกเจ้ากลับไป แต่ห้ามใช้เชือกมัดข้า ก่อนที่ข้าจะถูกตัดสินโทษจากฝ่าบาท ข้ายังคงเป็นพระสนม ยังคงเป็นมารดาของยิ่นอ๋อง”
เหล่ามือปราบถูกคำขู่ของนางทำให้หวั่นใจ จึงเก็บเชือกในมือลง
หัวหน้ามือปราบรีบทำท่าบอก “พระสนม เชิญขอรับ”
หรงเฟยก้าวข้ามธรณีประตูด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง แล้วถูกมือปราบกลุ่มหนึ่ง “ล้อมตัว” พาออกจากจวนอ๋องไป แต่ก่อนที่จะก้าวขึ้นรถม้านั้นนางกลับขโมยม้าตัวหนึ่ง พลิกตัวขึ้นหลังม้าแล้ววิ่งห้อออกไปทันที
เหล่ามือปราบรีบพลิกตัวขึ้นหลังมา วิ่งไล่ตามนางไป ทหารอีกสองสายใช้ถนนเส้นที่ใกล้ที่สุดไปขวางหน้านางไว้
ยอดฝีมือที่คุณสมบัติเพียบพร้อม ในตัวจะไม่มีของที่สามารถรักษาชีวิตได้เลยนั้นเป็นไปไม่ได้ เวลานี้อยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน จะมัวมาเสียดายไม่ได้
หรงเฟยควักมุกอสนีบาตออกมาจากอกเสื้อ แล้วโยนใส่มือปราบที่ขวางอยู่ข้างหน้าให้อย่างแรก
เหล่ามือปราบยังคิดว่านางโยนอาวุธลับอะไรมา จึงตกใจจนพากันกอดศีรษะหลบ แต่ผู้ใดจะรู้ว่าของสิ่งนั้นกลิ้งอยู่กับพื้นสองตลบก็หยุดนิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ อีก
หัวคิ้วของหรงเฟยขมวดเข้าหากัน เหลือบมองของที่อยู่บนพื้นแต่กลับต้องตกใจจนเกือบตกจากหลังม้า!
มุกอสนีบาตของนางเล่า เหตุใดจึงเปลี่ยนเป็นลูกปัดไปเสียได้!
นางใช้กำลังภายในเขวี้ยงกริชในแขนเสื้อออกไปต่อ แต่ที่พุ่งออกมานั้นใช่กริชเสียเมื่อไร เป็นก้างปลาที่ถูกแทะจนสะอาดอันหนึ่งชัดๆ…
มือปราบอึ้งงันไปกับภาพที่เห็น สตรีนางนี้คงไม่ได้ป่วยกระมัง…หรือว่าสมองนางพังพินาศไปแล้ว…
คนข้างหลังไล่ตามมา ตรอกด้านข้างถูกคนขวางเอาไว้แล้ว ทางเดียวที่จะออกไปได้คือรุกไล่สังหารกลุ่มมือปราบข้างหน้านี้ออกไป
นัยน์ตาหรงเฟยมีแววเหี้ยมโหดวาบผ่าน นางสูดหายใจเข้าลึกๆ คลายจุดชีพจรตรงไหล่ซ้าย ไอพิษพลันแล่นพลานไปทั่วตัว คล้ายมีเข็มเล่มเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนโลดแล่นไปตามจุดชีพจรต่างๆ นางข่มกลั้นความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสนี้ไว้ ยกมือขวาค้นควานหาธนูจันทร์โลหิตที่อยู่ทางด้านหลัง
ลองควานอีกครั้ง ก็ยังไม่เจอ
นางหันไปมองก็ถึงกับตาค้าง ธนูเล่า!
ลานด้านหลังของจวนอ๋อง พ่อบ้านหลิวในที่สุดก็หาตัวแม่ชีน้อยทั้งสามเจอเสียที แม่ชีน้อยทั้งสามนั่งเล่นของเล่นใหม่ของตนอย่างเรียบร้อยอยู่บนพื้น
ในมือพี่ใหญ่ถือไข่มุกสีดำขลับอยู่คู่หนึ่ง
น้องสามกอดธนูที่ส่งประกายเอาไว้ พยายามดึงอยู่นานก็ดึงไม่ออก จึงอ้าปากใช้ฟันซี่เล็กราวกับเมล็ดข้าวแง่มๆ แทะลงไป…
…
หรงเฟยได้รับบาดเจ็บ ในตัวเต็มไปด้วยพิษ ซ้ำยังไม่มีธนูจันทร์โลหิตอีก นางแทบจะเป็นลูกแพะที่นอนรอให้คนมาสำเร็จโทษ แต่นางไม่อยากยอมแพ้ต่อชะตาชีวิตเช่นนี้ ผลจากการถูกจับตัวกลับไปเป็นเช่นไรไม่มีใครรู้ดีไปกว่านางอีกแล้ว นางใช้แรงเฮือกสุดท้ายฝ่ากลุ่มมือปราบตรงหน้าออกไป
เหล่ามือปราบพากันหันตามไป
นางเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ จากตรงกลางซอยนางเห็นว่าบนชั้นสองของโรงน้ำชาฝั่งตรงข้ามมีร่างที่คุ้นตาอยู่ร่างหนึ่ง ชางจิว!
ตานางพลันเป็นประกาย ไล่พุ่งออกไปจากซอยนั้น “ชางจิว…”
พลั่ก!
รถม้าคันหนึ่งวิ่งทยานออกมาจากถนนข้างหน้า สารถีของรถม้าคันนั้นหาใช้ใครอื่น แต่เป็นบุรุษผู้โชคร้ายที่ก่อนหน้านี้ถูกหรงเฟยขู่บังคับให้ขับรถม้าพาหนี เขากลัวว่าหรงเฟยจะตามมาจึงรีบหนีเอาชีวิตรอด ไหนเลยจะคิดว่าในซอยจะมีคนพุ่งออกมาเช่นนี้
เขาคิดจะดึงม้าให้หยุดวิ่ง แต่กลับไม่ทันกาลเสียแล้ว หรงเฟยถูกชนจนตัวกระเด็นลอยออกไป
ชางจิวจิบชาอึกหนึ่ง ได้ยินแว่วๆ เหมือนใครเรียกชื่อตน เขามองไปทางประตูห้องส่วนตัวแต่กลับไม่เห็นใครสักคน ในขณะที่เขากำลังหันกลับมานั้น ตัวหรงเฟยที่ถูกชนจนกระเด็นก็ตกลงไปจากหน้าต่างห้องเขา
กว่าเขาจะยื่นหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง หรงเฟยก็ถูกมือปราบลากตัวขึ้นรถม้าไปแล้ว เขาทันเห็นเพียงรองเท้าลายดอกไม้ของสตรีคู่หนึ่ง
ไม่นานกระทั่งรองเท้าลายดอกไม้ก็หายไปจากสายตาเขาด้วย
Comments