มู่หนานจือบทที่ 298 จูบ
ชาติก่อนหลังจากเจียงเซี่ยนแต่งงานกับจ้าวอี้ เคยศึกษาภาพวาดการเสพสังวาสอย่างละเอียด ตอนหลังนางเป็นไทเฮาแล้ว มีครั้งหนึ่งขันทีกับนางในในวังสู้กันภายใน ยังเคยล่อให้นางไปเจอขันทีกับนางในที่เป็นสามีภรรยากันด้วย
ตอนนั้นนางรู้สึกไม่เข้าใจ
ทำไมถึงได้มีคนกอดกันและผลัดกันจูบ เปื้อนน้ำลายของอีกฝ่ายกันก็ไม่รังเกียจความสกปรก แถมยังลุ่มหลงอยู่ในนั้นจนถูกคนเห็นแล้วก็ไม่รู้ตัว…
ทว่าตอนนี้จู่ๆ นางก็เข้าใจเล็กน้อยแล้ว
อ้อมกอดของหลี่เชียนอบอุ่น เหมือนเตาไฟเล็ก อบจนนางเวียนศีรษะ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่
บังเอิญตอนที่นางสติเลอะเลือน อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของไป่เจี๋ยดังขึ้นมาผ่านม่าน “พวกเจ้าหยิบสบู่ที่ใส่อยู่ในกล่องไหน? ท่านหญิงสั่งว่า สบู่ของท่านแม่ทัพต้องใช้กล่องหินชิงจิน[1]ใส่ เป็นกลิ่นส้มมือ ผู้ชายใช้ดีที่สุดแล้ว…”
เจียงเซี่ยนหน้าแดงก่ำทันที และใช้แรงทั้งหมดผลักหลี่เชียนออกไป
หากไม่ใช่ว่าไป่เจี๋ยขวางเอาไว้ สาวใช้ที่จะช่วยหลี่เชียนเปลี่ยนเสื้อผ้าก็เข้ามาแล้ว…และสิ่งที่นางกับหลี่เชียนทำก็จะถูกเห็นอย่างชัดเจน...
เจียงเซี่ยนอายเป็นอย่างมาก
แต่นางกลับไม่ได้คิดว่า เวลานี้หากไม่ได้รับอนุญาตจากนางหรือหลี่เชียน พวกสาวใช้กับหญิงรับใช้จะกล้าเดินเข้ามาตามใจชอบได้อย่างไร
หลี่เชียนไม่ทันตั้งตัว จึงถูกผลักล้มลงไปบนเตียง
เขายันข้อศอกและค่อยๆ ดันตัวขึ้นมา อยากหยอกเจียงเซี่ยนเล่นมากว่า ‘เจ้าจะทำอะไร’ ทว่าพอเห็นดวงตาที่โกรธจนแดงของเจียงเซี่ยน ก็ฝืนอดกลั้นคำพูดนี้เอาไว้
เป่าหนิงยังเด็ก
เขาควบคุมตนเองไม่ได้
“เป่าหนิง!” เขาลุกขึ้นมานั่ง อยากจะจับมือของนาง
แต่เจียงเซี่ยนกลับผลักเขาออก และเอ่ยอย่างดุมากว่า “สาวใช้ต่างรอช่วยเจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ข้างนอก!”
หลี่เชียนก็ปล่อยให้นางผลักตนเองออก แล้วเข้าไปใกล้อีกครั้ง และเอ่ยว่า “เจ้าไม่ตักน้ำให้ข้าแล้วหรือ?”
เจียงเซี่ยนโกรธจนเตะเขาไปทีหนึ่ง
หลี่เชียนอยากฉวยโอกาสจับเท้าของนางไว้ในมือและบีบมาก ทว่าพอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ก็รู้ว่าเรื่องนี้รีบไม่ได้ จึงสูดหายใจลึก ถึงจะกดพวกภาพในสมองลงไป แล้วยิ้มพลางลุกขึ้นเรียกสาวใช้เข้ามา
เจียงเซี่ยนพิงหมอนอิงใบใหญ่พลางมองหลี่เชียนหวีผมและล้างหน้าอย่างกระวนกระวาย แต่ในใจกลับยังตัดสินใจไม่ได้ว่าเดี๋ยวจะไล่หลี่เชียนไปนอนที่ห้องหนังสือหรือไม่
เพียงแต่นางยังไม่ทันตัดสินใจ หลี่เชียนก็ล้างหน้าบ้วนปากเสร็จแล้ว และเลิกผ้าห่มขึ้นเตียงแล้ว “รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ข้ายังต้องไปส่งเซี่ยหยวนซีกับอวิ๋นหลินแต่เช้าอีก จะได้บอกพวกเขาด้วยว่าหลังจากไปฝูเจี้ยนแล้วต้องไปหาใคร หากเจอเรื่องอะไรก็มีคนช่วยเหลือเช่นกัน”
ฝูเจี้ยนเป็นเขตอิทธิพลของจ้าวเซี่ยว
หากถูกจ้าวเซี่ยวจับได้…
เจียงเซี่ยนถูกเรื่องนี้ดึงดูดความสนใจทันที จึงไม่มีเวลาไปคิดเล็กคิดน้อยเรื่องเมื่อครู่กับหลี่เชียนแล้วเช่นกัน
นางเอ่ยว่า “เซี่ยหยวนซีกับอวิ๋นหลินติดตามเจ้ามาตลอดตั้งแต่ฝูเจี้ยนใช่หรือไม่? เช่นนั้นพวกเขาก็น่าจะมีคนสนิทที่ฝูเจี้ยนเยอะมากใช่หรือไม่? เจ้าส่งพวกเขาไป จะทำได้หรือ?”
หลี่เชียนอึ้งไปเล็กน้อย
เขาหยิบเรื่องนี้มาพูดตอนนี้ เพราะไม่อยากให้เจียงเซี่ยนคิดเล็กคิดน้อยเรื่องเมื่อครู่กับเขาอีก ปรากฏว่าเจียงเซี่ยนไม่เพียงแต่ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขาต่อ ทว่ายังเป็นห่วงเขาขึ้นมาด้วย
เป่าหนิงของเขา มักจะใจดีแบบนี้เสมอ
ใจดีจนทำให้เขาปวดใจ
“พวกเขาจะเปลี่ยนการแต่งตัวให้เหมาะสม” หลี่เชียนอยากกอดและจูบนางเหมือนเมื่อครู่มาก แต่ก็กลัวว่านางจะโกรธอีก ความคิดวนเวียนอยู่ในสมอง กว่าจะรวบรวมสมาธิคุยกับเจียงเซี่ยนได้ก็ไม่ง่ายเลย “และพวกเขาก็รู้เช่นกันว่าปกติคนของตระกูลจ้าวชอบไปที่ไหน จะไม่ทำให้คนของตระกูลจ้าวรู้อย่างเด็ดขาด”
จ้าวเซี่ยวเชี่ยวชาญการบริหารหมิ่นหนาน ชาติก่อนนางรับรู้ได้ลึกๆ หลี่เชียนเอ่ยเช่นนี้ นางมองว่าประมาทศัตรูไปหน่อย
“ให้ตงเยว่ไปดีกว่ากระมัง?” เจียงเซี่ยนคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ให้เขาแต่งตัวเป็นเฒ่าแก่น้อยของร้านค้า ขอเพียงไม่เจอจ้าวเซี่ยว ก็จะไม่เป็นไร”
ไม่อย่างนั้นคนที่คุมงานไม่เซี่ยหยวนซีก็อวิ๋นหลิน หากเจอคนที่ความคิดรอบคอบ จะต้องมีพิรุธอย่างแน่นอน
และพวกเขาพาตงเยว่ออกไปเดิน จะได้เปิดหูเปิดตา ต่อไปก็จะช่วยนางจัดการสินเดิมได้ดีขึ้น
หลี่เชียนคิดแล้วก็รู้สึกว่าหากหลิวตงเยว่ไป ก็แก้ปัญหาที่แก้ยากข้อหนึ่งให้เขาจริงๆ “เดิมทีข้ายังคิดว่าจะให้จินเฉิงไป แต่ถึงอย่างไรจินเฉิงก็เป็นคนของตระกูลจิน เรื่องบางเรื่องเวลานี้ยังไม่สะดวกให้พวกเขารู้ หากตงเยว่ไปก็เหมาะสมที่สุดแล้ว พวกเราสามารถให้เขาแต่งตัวเป็นลูกชายคนเล็กที่ท้าทายลูกชายคนโตหลานชายคนโตของตระกูล ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แอบเอาสินค้าในตระกูลออกมาแลกเป็นเงินสด และยังสามารถปิดบังตัวตนของตนเองได้อย่างชอบธรรมด้วย”
เจียงเซี่ยนพยักหน้าไม่หยุด
ทุกครั้งที่นางมีความคิดอะไรเอ่ยให้หลี่เชียนฟัง หลี่เชียนมักจะคิดวิธีที่รอบคอบ ละเอียด และทำได้มากกว่านางออกมาได้เสมอ
ทั้งสองคนคุยเรื่องนี้กันอีกเล็กน้อย
เจียงเซี่ยนก็เริ่มสัปหงก
หลี่เชียนช่วยตบหมอนให้นางอย่างช่ำชองเหมือนเช่นเคย และกอดนาง พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นอนเถอะ! ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”
ก็เหมือนหลายคืนหลังจากแต่งงาน นางนอนหงาย หลี่เชียนนอนตะแคงหันมาหานาง มือข้างหนึ่งวางอยู่ตรงเอวของนางอย่างสนิทสนมมาก
เจียงเซี่ยนนึกถึงเรื่องเมื่อครู่ จึงเอาแขนของหลี่เชียนออกอย่างโกรธเล็กน้อย และพลิกตัวหันหลังให้หลี่เชียน
หลี่เชียนไม่ใส่ใจ และวางแขนลงตรงเอวของนางอีกครั้ง แล้วขยับตัวไปแนบชิดข้างหลังนางเช่นกัน และเอ่ยเสียงแหบว่า “รีบนอน! ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าจะตื่นไม่ไหว!”
“คนหลอกลวง!” เจียงเซี่ยนทำเสียงไม่พอใจเบาๆ
ไม่มีคนตอบนาง
นางไม่พอใจมาก จึงพลิกตัวกลับมา
เห็นเพียงหลี่เชียนเรียก “เป่าหนิง” อย่างคลุมเครือ และเอ่ยว่า “เด็กดี รีบนอน!” แถมยังตบหลังของนางอย่างเบาและนุ่มนวลเหมือนกล่อมเด็ก
เจียงเซี่ยนเกือบจะน้ำตาร่วงลงมาแล้ว
ตอนนางเด็กๆ ชอบนอนในอ้อมกอดของแม่นมที่สุด แม่นมจะตบหลังเบาๆ กล่อมนางเข้านอน ตอนหลังนางโตแล้ว ไทฮองไทเฮากลัวว่าแม่นมของนางจะทวงบุญคุณ และบังคับให้นางทำตาม แม่นมของคนอื่นต้องรับใช้ถึงเจ็ดขวบถึงจะออกจากวัง แม่นมของนางสามขวบก็ออกจากวังแล้ว นางจำกระทั่งหน้าตาของแม่นมไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่อ้อมกอดที่อบอุ่นและเสียงพูดอันแผ่วเบานั้นกลับทิ้งความประทับใจอันลึกซึ้งไว้ในความทรงจำของนาง
หลังจากแม่นมจากไป นางไม่ชินมาก จึงมักจะร้องไห้และโวยวายจะเอาแม่นม
ไทฮองไทเฮาจึงนอนเป็นเพื่อนนาง
ทว่าไทฮองไทเฮาเหน็ดเหนื่อย จึงมักจะเข้านอนเร็วมาก นางก็จะลืมตานับภาพสีต่างๆ บนม่านเตียงคนเดียว และค่อยๆ เข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน
แต่การตบที่เบาและนุ่มนวล และการหยอกด้วยเสียงอ่อนโยนนั้นกลับไม่มีอีกแล้ว
คิดไม่ถึงว่าผ่านไปหลายปี ข้างกายนางก็มีคนที่ยินดีกล่อมนางอีกคนแล้ว
นางอดไม่ได้ที่จะพลิกตัว และฝังศีรษะเข้าไปในอ้อมกอดของหลี่เชียน
หลี่เชียนเอ่ยว่า “เป็นอะไรไป? นอนไม่หลับหรือ?”
“เปล่า!” เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างคลุมเครือ และไม่บอกให้ชัดเจนเช่นกัน
หลี่เชียนยังคิดว่าตนเองตบแรงเกินไป จึงรีบหยุดตบ
ในใจเจียงเซี่ยนรู้สึกว่างเปล่า ทว่าก็ไม่อาจเอ่ยออกมาตรงๆ ได้
จึงพลิกตัวไปมาในผ้าห่ม
หลี่เชียนไม่เข้าใจ
เจียงเซี่ยนเกลียดจนขบเขี้ยวเคียวฟัน และจำต้องเอ่ยอย่างกลัดกลุ้มว่า “นอนไม่หลับ!”
หลี่เชียนกะพริบตาปริบๆ และเข้าใจในทันใด จึงรีบเริ่มตบเจียงเซี่ยนเบาๆ อีกครั้ง
เจียงเซี่ยนถึงจะหลับตาลงอย่างพอใจ
หลี่เชียนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
เจียงเซี่ยนค่อยๆ เข้าสู่ดินแดนแห่งความฝันแล้ว
หลี่เชียนก็หลับตาลงเช่นกัน
ระหว่างที่สะลึมสะลือ เขาเหมือนรู้สึกได้ว่าเจียงเซี่ยนพลิกตัว
เขาจึงดึงตัวเข้ามาในอ้อมแขนของตนเองโดยไม่รู้ตัว และตบนางอีกครั้ง พลางเอ่ยอย่างคลุมเครือว่า “เด็กดี รีบนอน!”
คนที่อยู่ในอ้อมแขนก็ไม่ขยับแล้ว
———————————–
[1] หินชิงจิน = ลาซูไรต์
Comments