กระบี่จงมา 836.3 สิบสี่

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 836.3 สิบสี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เถ้าแก่​ผู้เฒ่า​ลังเล​เล็กน้อย​ เมื่อ​เทียบ​กับ​การ​ขาย​แจกัน​ดอกไม้​ได้ราคา​สูงหรือ​ต่ำ​แล้ว​ แน่นอน​ว่า​ต้อง​สนใจ​บุตรสาว​ของ​ตัวเอง​มากกว่า​ ไม่อยาก​ให้​นาง​ถูก​ผี​บัง​ใจ ถูก​คน​หลอก​ให้​ออก​ไป​ท่อง​ยุทธ​ภพ​อะไร​ทั้งนั้น​

ผู้เฒ่า​เอ่ย​ว่า​ “ถ้าอย่างนั้น​ก็​ห้า​ร้อย​ตำลึง​เงิน​ เงิน​มาของ​ไป​”

เฉิน​ผิง​อัน​หัวเราะ​ ชี้ไป​ตาม​เครื่องกระเบื้อง​ทั้งหลาย​บน​ชั้น​วาง​ที่อยู่​ด้านหลัง​เถ้าแก่​ผู้เฒ่า​อย่าง​ง่ายๆ​ “ข้า​แค่​จ่าย​เงิน​สิบ​สี่ตำลึง​เงิน​ซื้อ​แจกัน​ดอกไม้​ อีก​ห้า​ร้อย​ตำลึง​เงิน​ที่​เหลือ​ ซื้อ​เจ้านี่​ หาก​เถ้าแก่​กังวล​ว่า​ข้า​ยัง​คิด​จะเก็บตก​ของดี​ก็​หยิบ​ของ​ชิ้น​ใด​ให้​ข้า​สัก​ชิ้น​ก็​พอ​”

ผู้เฒ่า​ถาม “บน​ร่าง​เจ้ามีเงิน​มาก​ขนาด​นี้​จริงๆ​ หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​หยิบ​ตั๋วเงิน​ปึก​หนึ่ง​ออก​มาจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​ “เป็น​ตั๋วเงิน​ของ​โรง​เงิน​อวี๋​จี้ของ​ต้า​หลี​เรา​ ไม่มีทาง​เป็น​ของปลอม​ไป​ได้​”

ผู้เฒ่า​หยิบ​ตั๋วเงิน​มาดู​ ของแท้​แน่นอน​ เขา​ลังเล​เล็กน้อย​ก่อน​จะเก็บ​ใส่ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ หัน​ตัว​ไป​ที่​ชั้น​วาง​ เลือก​เครื่องกระเบื้อง​ที่​ลักษณะ​ดูดี​ที่สุด​มาชิ้น​หนึ่ง​ ต้อง​ไม่มีค่า​แน่นอน​ ล้วน​เป็นการ​จ่าย​เงิน​ซื้อ​มาอย่าง​เสียเปล่า​ หลังจาก​มอบ​กระปุก​ให้อาหาร​นก​ที่​สีสัน​ลวดลาย​สดใส​ใบ​นั้น​ให้​เฉิน​ผิง​อัน​แล้วก็​ถามเบา​ๆ ว่า​ “บอก​ข้า​มาตามตรง​ สรุป​แล้ว​แจกัน​ใบ​นั้น​มีมูลค่า​เท่าไร​กัน​แน่​? มัน​เป็น​ของ​ของ​เจ้าแล้ว​ ข้า​ก็​แค่​อยากรู้​ว่า​เจ้าหนู​เช่น​เจ้าปล่อย​หมัด​หวัง​ปา​มั่วซั่ว​จน​คน​ที่​ทำการค้า​มาโชกโชน​เช่น​ข้า​ยัง​มึนงง​สับสน​ไป​หมด​ อยาก​จะรู้​นัก​ว่า​เจ้าจะมีความสามารถ​สัก​เท่าไร​กัน​เชียว​ บอก​มาเถอะ​ ราคา​ตาม​ตลาด​มีมูลค่า​เท่าไร​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “บอก​ตามตรง​ หาก​อิง​ตาม​ราคาตลาด​ แจกัน​ใบ​นี้​จะเรียก​ราคา​เจ็ด​แปด​ร้อย​ตำลึง​เงิน​ก็​ยัง​ได้​”

ผู้เฒ่า​พยักหน้า​ อันที่จริง​เขา​สามารถ​รับได้​ ใน​อดีต​ได้​แจกัน​ดอกไม้​มาอยู่​ใน​มือ​ด้วย​ราคา​สิบ​สี่ตำลึง​เงิน​ ปล่อย​ให้​มัน​กิน​ฝุ่น​มานาน​หลาย​ปี​ ขาย​ต่อให้​คนอื่น​กลับ​ได้เงิน​มาห้า​ร้อย​ตำลึง​เงิน​ คร้าน​จะถือสา​กำไร​ขาดทุน​บน​หน้า​บัญชี​สอง​สามร้อย​ตำลึง​เงิน​นั่น​แล้ว​ ก็​เงิน​นี่​นะ​ ถึงอย่างไร​ก็​ยัง​พิถีพิถัน​ใน​เรื่อง​ที่ว่า​เข้ามา​อยู่​ใน​กระเป๋า​แล้ว​สบายใจ​ ด้วย​พื้นฐาน​ของ​ครอบครัว​ตน​ย่อม​ไม่อาจ​เปรียบเทียบ​กับ​ตรอก​อี้​ฉือ​และ​ถนน​ฉือเอ๋อร์​ได้​ เพียงแต่ว่า​เมื่อ​เทียบ​กับ​ครอบครัว​ทั่วไป​ก็​ถือว่า​เป็น​ตระกูล​ที่​พอ​จะมีฐานะ​แล้ว​ รับรอง​ได้​ว่า​สินเดิม​ของ​บุตรสาว​ในอนาคต​จะไม่ขาด​ไป​แน่นอน​ จะให้​นาง​ออกเรือน​อย่าง​มีหน้ามีตา​ บ้าน​แม่สามีต้อง​ไม่กล้า​ดูแคลน​นาง​

จากนั้น​ผู้เฒ่า​ก็​ถามอย่าง​ประหลาดใจ​ว่า​ “เฉิน​ผิง​อัน​ แจกัน​ใบ​ใหญ่​ขนาด​นั้น​เจ้าจะจัดการ​อย่างไร​? ต้อง​ให้​ทาง​ร้าน​เก็บรักษา​ไว้​ให้​ก่อน​ไหม​ ถึงเวลา​นั้น​รอ​ให้​เจ้าไป​จาก​เมืองหลวง​แล้ว​ค่อย​จ้างรถม้า​สัก​คัน​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “ข้า​จัดการ​เอง​”

ผู้เฒ่า​เดิน​อ้อม​มาจาก​โต๊ะ​คิดเงิน​ เอ่ย​ว่า​ “ถ้าอย่างนั้น​ก็ตาม​ข้า​มา ก่อนหน้านี้​รู้​ว่า​ของเล่น​ชิ้น​นี้​มีค่า​ก็​ไม่กล้า​วาง​ไว้​ที่​โต๊ะ​คิดเงิน​อีก​”

เฉิน​ผิง​อัน​เดินตาม​เถ้าแก่​ผู้เฒ่า​ไป​ยัง​เรือน​ด้านหลัง​ที่​เงียบสงบ​ ผล​คือ​พอ​ไป​ถึงหน้า​ประตู​ห้อง​ข้างทาง​ทิศตะวันออก​ก็​เห็น​ว่า​เด็กสาว​ถือ​ร่ม​ที่​หุบ​ไว้​อยู่​ใน​มือ​ คงจะ​เอา​มาใช้แทน​กระบี่​ยาว​ที่​พก​ห้อย​เอว​ เวลานี้​นาง​กำลัง​รวบรวม​ลมหายใจ​ทำสมาธิ​ มือหนึ่ง​กด​ ‘ฝัก​กระบี่​’ สายตา​มอง​ตรง​ไป​เบื้องหน้า​…เพราะ​นาง​หันหลัง​ให้​กับ​บิดา​และ​แขก​ เด็กสาว​จึงยัง​ตั้ง​กระบวนท่า​อยู่​ตรงนั้น​ เถ้าแก่​ผู้เฒ่า​กระแอม​หนึ่ง​ที​ เด็กสาว​หน้า​แดงก่ำ​ เอา​ร่ม​กระดาษ​น้ำมัน​อ้อม​ไป​หลบ​ด้านหลัง​ เถ้าแก่​ผู้เฒ่า​ถอนหายใจ​ ไป​ยัง​ห้อง​ทาง​ฝั่งตะวัน​ตกใน​เรือน​พัก​ ก่อน​จะเปิด​ประตู​ก็​ชี้นิ้ว​มาที่​ดวงตา​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​เป็นการ​บอ​กว่า​เจ้าหนู​เจ้าจงควบคุม​ดวงตา​ทั้งคู่​ของ​ตัวเอง​ให้​ดี​ ไม่ผิดกฎหมาย​ แต่​ระวัง​ว่า​จะถูก​ข้า​ไล่ออก​ไป​จาก​โรงเตี๊ยม​

เฉิน​ผิง​อัน​สอด​สอง​มือ​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ ไม่หันไป​มอง​เด็กสาว​ รอ​กระทั่ง​รับ​แจกัน​ดอก​ไม้ใบ​ใหญ่​มาจาก​มือ​ของ​เถ้าแก่​ผู้เฒ่า​ แบก​ไว้​บน​บ่า​ก็​ออก​ไป​จาก​เรือน​หลัง​ ไปหา​หนิง​เหยา​

เด็กสาว​มอง​แผ่น​หลัง​ของ​บุรุษ​ชุด​เขียว​ที่​แบก​แจกัน​ดอก​ไม้ใบ​ใหญ่​ขนาด​นั้น​

ฮ่า ท่าทาง​ทึ่ม​ทื่อ​เสีย​จริง​ แล้ว​ยัง​แสร้ง​ทำเป็น​ว่า​ตัวเอง​คือ​มือ​กระบี่​ที่​ออก​ท่อง​ยุทธ​ภพ​อีก​ หลอก​ผี​หรือ​ไร​

ไป​ถึงห้อง​ของ​หนิง​เหยา​ เฉิน​ผิง​อัน​วาง​แจกัน​ดอกไม้​ไว้​บน​พื้น​ ไม่พูดพร่ำทำเพลง​ก็​เรียก​นก​ใน​กรง​เล่ม​หนึ่ง​ออกมา​ก่อน​ จากนั้น​ยื่นมือ​ไป​กด​ปาก​แจกัน​ ใช้ฝ่ามือ​ตบ​ให้​มัน​แหลก​สลาย​ไป​โดยตรง​ ความลี้ลับ​ซ่อน​อยู่​ใน​ตัวอักษร​ตรง​ก้น​แจกันที่​เป็น​คำ​มงคล​แปด​คำ​จริง​เสีย​ด้วย​ หลังจาก​แจกัน​แตก​ไป​ บน​พื้น​ก็​เหลือ​แค่​ตัวอักษร​สีแดงเข้ม​แปด​ตัว​ว่า​ ‘ฟ้าคราม​กว้างไกล​ เพียง​ฤดูร้อน​นี้​มืด​สลัว​’ จากนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​เริ่ม​หลอม​ตัวอักษร​อย่าง​คล่องแคล่ว​ สุดท้าย​ตัวอักษร​แปด​คำ​นอกจาก​หัว​ท้าย​คำ​ว่า​ ‘ฟ้า’ ‘สลัว​’ แล้ว​ ขีด​อักษร​ของ​หก​คำ​ที่​เหลือ​ล้วน​คลาย​ออก​ด้วยตัวเอง​ รวมตัวกัน​กลายเป็น​ตะเกียง​แห่ง​ชะตาชีวิต​ดวง​หนึ่ง​ที่อยู่​ระหว่าง​ของจริง​กับ​ภาพมายา​ ‘ไส้ตะเกียง​’ ค่อยๆ​ ติดไฟ​สว่างไสว​ เพียงแต่ว่า​ตัวอักษร​ที่​แกะสลัก​บน​ตะเกียง​แห่ง​ชะตาชีวิต​ซึ่งเผย​ให้​เห็น​ หรือ​ก็​คือ​ไส้ตะเกียง​ตัวอักษร​นั้น​ ไม่ใช่ชื่อ​หนัน​จาน​อะไร​ แต่​เป็น​อีก​ชื่อ​หนึ่ง​ แซ่ลู่​นาม​เจี้ยง​ นี่​ก็​หมายความว่า​ไทเฮา​เหนียง​เนียง​ของ​ต้า​หลี​คน​นั้น​ แท้จริง​แล้ว​ไม่ใช่คน​สกุล​หนัน​จาก​เข​ตอ​วี้​จางอะไร​เลย​ แต่​เป็น​ลูกหลาน​สกุล​ลู่​สำนัก​หยิน​หยาง​?

เฉิน​ผิง​อัน​เก็บ​ตะเกียง​แห่ง​ชะตาชีวิต​ดวง​นั้น​ใส่ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ เหม่อมอง​สอง​คำ​สุดท้าย​ว่า​ ‘ฟ้าสลัว​’ ที่​เหลืออยู่​

หนิง​เหยา​ถาม “นี่​มัน​เรื่อง​อะไร​อีก​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้มเจื่อน​ “สอง​คำ​ว่า​ฟ้าสลัว​ ต่าง​ก็​อยู่​หัว​และ​ท้าย​ หาก​จะบอ​กว่า​เศษเครื่อง​ปั้น​แห่ง​ชะตาชีวิต​ชิ้น​หนึ่ง​ที่อยู่​ใน​มือ​ของ​ลู่​เจี้ยง​ผู้​นี้​ อยู่​ใกล้​เพียง​ตรงหน้า​ ถ้าอย่างนั้น​เศษเครื่องกระเบื้อง​แห่ง​ชะตาชีวิต​ชิ้น​สุดท้าย​ หาก​ไม่ผิด​ไป​จาก​ที่​คาด​ก็​คือ​อยู่​ไกล​สุดขอบฟ้า​ เพราะ​เกิน​ครึ่ง​คง​ถูก​ศิษย์​พี่​ส่งไป​ไว้​ที่​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ คง​เพราะ​หาก​ในอนาคต​ข้า​สามารถ​พก​กระบี่​บิน​ทะยาน​ไป​ที่นั่น​ ข้า​ก็​ต้อง​อาศัย​ความสามารถ​ของ​ตัวเอง​มาผสาน​มรรคา​เป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่ภายใต้​เปลือกตา​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิง”

หนิง​เหยา​กล่าว​ “อันที่จริง​ขอ​แค่​กลายเป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ก็​ถือว่า​มีคุณสมบัติ​ออก​กระบี่​ฟัน​ป๋า​ยอ​วี้​จิงแล้ว​ ก็​แค่​ว่า​อาจจะ​ฟัน​แล้ว​ไม่ค่อย​ขยับ​เท่าใด​”

“ก่อนหน้านี้​ข้า​ได้​เจอ​กับ​อวี๋​โต้​ว​เต๋า​เหล่า​เอ้อ​แล้ว​ ใกล้เคียง​กับ​ผู้​ไร้​ศัตรู​เทียมทาน​อย่าง​แท้จริง​”

เฉิน​ผิง​อัน​เก็บ​ตัวอักษร​ทั้งสอง​ใส่ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​พร้อมกัน​ หลังจาก​นั่งลง​แล้วก็​หยิบ​เหล้า​หนึ่ง​กา​จอก​เทพี​บุปผา​สอง​ใบ​ออกมา​ หนิง​เหยา​หยิบ​จอก​เหล้า​บน​โต๊ะ​มาด้วยตัวเอง​ “สีสัน​ฉูดฉาด​นัก​”

เฉิน​ผิง​อัน​จึงหยิบ​จอก​เหล้า​อีก​ใบ​บน​โต๊ะ​มา พยักหน้า​เอ่ย​ “ข้า​เอง​ก็​คิด​แบบนี้​มาโดยตลอด​ นี่​ก็​ไม่ใช่เพราะว่า​ยัง​หา​คนซื้อ​ที่​จ่าย​เงิน​มือเติบ​ไม่เจอ​หรอก​หรือ​”

ก่อน​หนิง​เหยา​จะดื่มเหล้า​ นาง​ถามเสียง​เบา​ว่า​ “ชุย​ฉาน​พิทักษ์​มรรคา​ให้​เช่นนี้​ ก็​ถือว่า​เป็น​เอกลักษณ์​ไม่เหมือน​ใคร​ แต่​เจ้าไม่รู้สึก​รำคาญ​บ้าง​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ ยิ้ม​กล่าว​ “ไม่เลย​”

หนิง​เหยา​จิบ​เหล้า​หนึ่ง​คำ​เงียบๆ​ นาง​กลับ​รู้สึก​ว่า​น่ารำคาญ​มาก​

เฉิน​ผิง​อัน​ยก​มือขึ้น​ชี้ไป​ง่ายๆ​ “ข้า​รู้สึก​ว่า​อิสระ​ของ​ข้า​ก็​คือ​สามารถ​กลาย​มาเป็น​คน​ที่​ตัวเอง​อยาก​เป็น​ บางที​อาจจะ​อยู่​ใน​สถานที่​ที่​ไกล​มาก​ ไม่ว่า​จะต้อง​อ้อม​เส้นทาง​อย่างไร​ ขอ​แค่​ข้า​เดิน​ไป​ยัง​ทิศทาง​นั้น​ นั่น​ก็​คือ​อิสระ​เสรี​”

เฉิน​ผิง​อัน​กระทืบเท้า​เบา​ๆ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ย่ำ​จน​รอง​เท้าสาน​พัง​ไป​คู่​แล้ว​คู่​เล่า​”

จากนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ยื่นมือ​มาเคาะ​ลง​ตรง​หัวใจ​ของ​ตัวเอง​เบา​ๆ สายตา​จ้อง​เป๋ง​มาที่​หนิง​เหยา​ หนิง​เหยา​จึงก้มหน้า​ดื่มเหล้า​ต่อ​

อยู่ดีๆ​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ตบ​โต๊ะ​ แม้ว่า​ความเคลื่อนไหว​จะไม่รุนแรง​นัก​ แต่​ถึงกับ​ทำให้​หนิง​เหยา​สะดุ้ง​ตกใจ​ได้​ นาง​เงยหน้า​ขึ้น​ทันที​ ถลึงตา​ดุดัน​ใส่ เฉิน​ผิง​อัน​เจ้ากิน​ยา​ผิด​หรือ​ไร​?!

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​พลาง​ยก​มือขึ้น​ ยก​นิ้วโป้ง​ชี้ไป​ที่​ตัวเอง​ “อันที่จริง​หนังสือ​หมั้น​มีสอง​ฉบับ​ ฉบับ​ที่​อาจารย์​นำมา​ ช้าไป​สักหน่อย​ ส่วน​ฉบับ​ก่อนหน้า​นั้น​ รู้​หรือไม่​ว่า​เนื้อหา​คือ​อะไร​? ก็​คือ​ข้า​รับปาก​หนิง​เหยา​ว่า​ข้า​เฉิน​ผิง​อัน​จะต้อง​เป็น​เซียน​กระบี่​ที่​ร้ายกาจ​ที่สุด​ใน​ใต้​หล้า​ ร้ายกาจ​ที่สุด​ เซียน​กระบี่​ใหญ่​ ไม่ว่า​จะเป็น​ใคร​ มาอยู่​ต่อหน้า​กระบี่​ของ​ข้า​ก็​ต้อง​หลีกทาง​ให้​”

หนิง​เหยา​ยักไหล่​เบา​ๆ จุ๊ปาก​รัว​ๆ “เซียน​กระบี่​ขอบเขต​หยก​ดิบ​ ช่างไม่ธรรมดา​เลย​จริงๆ​ ได้ดิบได้ดี​อย่าง​มาก​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “วันหน้า​อย่า​แอบ​ฟังอีก​เลย​ ข้า​เป็น​คน​อย่างไร​ เจ้ายัง​ไม่วางใจ​อีก​หรือ​”

หนิง​เหยา​หัวเราะ​ร่า​ ลุกขึ้น​ยืน​เดิน​ไป​ที่​หน้า​ประตู​ พลัน​เปิด​ประตูออก​ จากนั้น​ก็​ดึง​หู​เด็กสาว​คน​หนึ่ง​ที่​เดิมที​เอา​หู​แนบ​ประตู​แอบ​ฟัง ยิ้ม​ตาหยี​ถามว่า​ “แม่นาง​หลิว​ ทำ​อะไร​น่ะ​?”

เด็กสาว​เอียง​ศีรษะ​ หัวเราะ​ฮ่าๆ “เจ้าก็​คือ​จอม​ยุทธ​หญิง​หนิง​ ใช่ไหม​?”

เฉิน​ผิง​อัน​รู้สึก​อ่อนใจ​เล็กน้อย​ เห็นได้ชัด​ว่า​ก่อนหน้านี้​หนิง​เหยา​สกัด​ปราณ​วิญญาณ​ฟ้าดิน​ที่​ระเบียง​นอก​ประตู​ แม้แต่​เขา​ก็​ยัง​ไม่รู้​ว่า​เด็กสาว​มาท่อง​ยุทธ​ภพ​อยู่​ตรงนี้​

หนิง​เหยา​ถาม “ทำ​อะไร​ลับๆ ล่อๆ​?”

เด็กสาว​ถาม “จอม​ยุทธ​หญิง​หนิง​ มาปรึกษา​กัน​หน่อย​ เจ้าสามารถ​รับ​ข้า​ไว้​เป็น​ลูกศิษย์​ได้​หรือไม่​? ข้า​จริงใจ​จริงๆ​ นะ​ ข้า​รู้​กฎ​ของ​ยุทธ​ภพ​ว่า​ต้อง​จ่าย​เงิน​…”

หนิง​เหยา​ปล่อยมือ​ ไม่รอ​ให้​เด็กสาว​พูด​จบ​นาง​ก็​ส่ายหน้า​แล้ว​ “ไม่ได้​”

เด็กสาว​ยก​มือขึ้น​ลูบ​ใบ​หู​ เอ่ย​ว่า​ “แต่​ข้า​รู้สึก​ว่า​ได้​นะ​ อาจารย์​หนิง​ท่าน​ลอง​คิดดู​สิ วันหน้า​มาที่​เมืองหลวง​พัก​โรงเตี๊ยม​ไม่ต้อง​จ่าย​เงิน​ ทาง​ที่​ดี​ที่สุด​พวกเรา​ควร​เปิด​ศูนย์​ฝึก​ยุทธ​ไว้​ที่​เมืองหลวง​ สามารถ​ประหยัด​ค่าใช้จ่าย​ก้อน​ใหญ่​ได้​เลย​นะ​ ถูก​ไหม​? หาก​ไม่ยินดี​จะรับ​ข้า​เป็น​ลูกศิษย์​จริงๆ​ ก็​สอน​สุดยอด​เวท​กระบี่​ของ​พรรคพวก​ท่าน​ให้​ข้า​สัก​สอง​สามบท​ก็ได้​ ท่าน​ลอง​คิดดู​นะ​ วันหน้า​รอ​ให้​ข้า​ออก​ท่อง​ยุทธ​ภพ​ สร้างชื่อเสียง​ไว้​ใน​ยุทธ​จักร​ ข้า​เจอ​ใคร​ก็​บอก​กับ​คน​ผู้​นั้น​ว่า​หนิง​เหยา​คือ​อาจารย์​ของ​ข้า​ เท่ากับ​ว่า​ท่าน​ไม่ต้อง​จ่าย​เงิน​แม้แต่​เหรียญทองแดง​เดียว​ก็​ได้เปรียบ​ใหญ่​เทียมฟ้า​มาเปล่าๆ​ มีหน้ามีตา​จะตาย​ไป​”

หนิง​เหยา​ตบ​หน้าผาก​เด็กสาว​แล้ว​ผลัก​ออก​เบา​ๆ “หาก​คิด​จะหา​อาจารย์​จริงๆ​ เจ้าก็​ไปหา​คน​ที่อยู่​ใน​ห้อง​นั่น​ เขา​ชอบ​พูดคุย​ที่สุด​แล้ว​ สรุป​ก็​คือ​มีความอดทน​ดีกว่า​ข้า​มาก​นัก​ วิชา​หมัด​เวท​กระบี่​อะไร​ ขอ​แค่​เจ้าอยาก​เรียน​ เขา​ต้อง​เต็มใจ​สอน​เจ้าแน่นอน​”

อันที่จริง​ตลอดทั้ง​นคร​บิน​ทะยาน​ต่าง​ก็​รอคอย​เรื่อง​หนึ่ง​ นั่น​ก็​คือ​เมื่อไหร่​หนิง​เหยา​ถึงจะรับ​ลูกศิษย์​ใหญ่​เปิด​ขุนเขา​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ร้านเหล้า​บางแห่ง​ที่​พอ​เปิดรับ​พนัน​ก็​ทำให้​คน​ทั้ง​ได้​กำไร​ทั้ง​ขาดทุน​จน​คน​ติดอกติดใจ​ที่​กำหมัด​ถูมือ​กัน​มานาน​แล้ว​ รอ​แค่​ให้​เจ้ามือ​เปิด​เดิมพัน​เท่านั้น​ ในอนาคต​ลูกศิษย์​คน​แรก​ของ​หนิง​เหยา​จะใช้เวลา​กี่​ปี​ฝ่าทะลุ​ขอบเขต​กี่​ขั้น​ บอก​ตามตรง​เถ้าแก่​รอง​ไม่มาเป็น​เจ้ามือ​นาน​หลาย​ปี​แล้ว​ ถึงแม้ว่า​ลง​เงินเดิมพัน​แล้ว​สามารถ​ได้เงิน​จริงๆ​ แต่​ถึงอย่างไร​ก็​ไม่มีรสชาติ​ ขาด​ความน่าสนใจ​บางอย่าง​ไป​

น่าเสียดาย​ที่​ดูเหมือนว่า​หนิง​เหยา​จะไม่มีความคิด​นี้​อยู่เลย​

หนิง​เหยา​คิด​ว่า​ตัวเอง​ไม่อาจ​สอน​เวท​กระบี่​ให้​คนอื่น​ได้​จริงๆ​

อันที่จริง​เฉิน​ผิง​อัน​เคย​จินตนาการ​ถึงภาพ​เหตุการณ์​นั้น​มานาน​แล้ว​ อาจารย์​และ​ลูกศิษย์​สอง​คน​ตา​ใหญ่​มอง​ตา​เล็ก​ คน​เป็น​อาจารย์​ดูเหมือน​กำลัง​พูดว่า​แม้แต่​เรื่อง​นี้​เจ้าก็​เรียนรู้​ไม่เป็น​ อาจารย์​สอน​ไป​รอบ​สอง​รอบ​แล้ว​ไม่ใช่หรือ​? ส่วน​คน​เป็น​ลูกศิษย์​ก็ได้​แต่​น้อยเนื้อต่ำใจ​ คล้าย​กำลัง​พูดว่า​อาจารย์​ท่าน​สอน​แล้วก็​จริง​ แต่​นั่น​ก็​เป็น​ขอบเขต​และ​เวท​กระบี่​ที่​ผู้ฝึก​กระบี่​ห้า​ขอบเขต​บน​ก็​ยัง​ไม่แน่​เสมอไป​ว่า​จะฟังเข้าใจ​นะ​ จากนั้น​คิด​ร้อย​ตลบ​ก็​ยัง​ไม่เข้าใจ​ มีแต่​ความรู้สึก​น้อยใจ​อยู่​เต็ม​ท้อง​ เวลา​ที่​อาจารย์​และ​ศิษย์​สอง​คน​เอาแต่​จ้อง​ตา​กัน​มากกว่า​เวลา​ที่​สอน​กระบี่​เรียน​กระบี่​เสีย​อี​ก.​..

น่าสนใจ​มาก​เลย​นะ​

เด็กสาว​เอียง​ศีรษะ​มอง​เจ้าคน​ที่อยู่​ใน​ห้อง​แล้ว​นาง​ก็​ส่ายหน้า​อย่าง​แรง​ “ไม่ๆๆ อาจารย์​หนิง​ ข้า​ตัดสินใจ​แล้วก็​คือ​ตะพาบ​กิน​ลูกตุ้มเหล็ก​ (คนจีน​โบราณ​เชื่อ​ว่า​เต่า​หรือ​ตะพาบ​กัด​อะไร​แล้ว​จะไม่ยอม​ปล่อย​ง่ายๆ​ เมื่อ​ตะพาบ​กิน​ลูกตุ้ม​ชั่งน้ำหนัก​บน​ตาชั่ง​ซึ่งเป็น​เหล็ก​เข้าไป​อีก​ก็​ยิ่ง​เปรียบเปรย​ถึงการตัดสินใจ​อย่าง​เด็ดขาด​ หนักแน่น​) ตัดสินใจ​แน่วแน่​แล้ว​ว่า​จะกราบ​ท่าน​เป็น​อาจารย์​เล่าเรียน​วิชา​”

หาก​ไม่เป็น​เพราะ​ข้าง​กาย​หนิง​เหยา​มีเฉิน​ผิง​อัน​ท่าทาง​ประหลาด​ติด​ตามมา​ด้วย​ นาง​คง​แวะ​มาที่​ห้อง​นี้​นาน​แล้ว​

ใต้​หล้า​นี้​คาด​ว่า​คง​มีแค่​เด็กสาว​คน​นี้​เท่านั้น​ที่​กล้า​เลือก​ว่า​ระหว่าง​หนิง​เหยา​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​จะให้​ใคร​มาเป็น​อาจารย์​ของ​ตัวเอง​?

หนิง​เหยา​ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​หัวเราะ​หรือ​ร้องไห้​ดี​ ได้​แต่​เอ่ย​เตือน​ว่า​ “วันหน้า​อ่าน​ตำรา​ให้​มาก​ อย่า​พูดจา​เหลวไหล​”

เด็กสาว​ยัง​โน้มน้าว​อยู่​อีก​หลาย​ประโยค​ หนิง​เหยา​เลิกคิ้ว​เล็กน้อย​ เด็กสาว​ก็​หุบปาก​ฉับ​อย่าง​รู้​กาลเทศะ​ทันที​

เฉิน​ผิง​อัน​มอง​เด็กสาว​นอก​ประตู​ที่​พอ​จะมองเห็น​รูปโฉม​ใน​อดีต​ได้​อย่าง​เลือนราง​

คาด​ว่า​ตอนที่​นาง​เคย​เป็น​เด็กสาว​ ตอนที่​ยังอยู่​บน​ภูเขา​หวง​หลี​ก็​คง​เป็น​เช่นนี้​กระมัง​

เฉิน​ผิง​อัน​พลัน​เอ่ย​ว่า​ “แม่นาง​หลิว​ อันที่จริง​ยุทธ​ภพ​ไม่มีอะไร​ดี​หรอก​ วันหน้า​อย่า​ออก​ไป​ท่อง​ยุทธ​ภพ​เลย​”

ชีวิต​นี้​มีพ่อแม่​ที่รัก​และ​เอ็นดู​นาง​จาก​ใจจริง​ มีความ​สงบสุข​ปลอดภัย​ตลอดชีวิต​ ย่อ​มดี​ยิ่งกว่า​อะไร​ทั้งหมด​

จากนั้น​บางที​ในอนาคต​วันใดวันหนึ่ง​ก็​อาจจะ​มีผู้ฝึก​ตน​อิส​ระนาม​ว่า​เจิงเย่​ท่องเที่ยว​มาถึงที่​แห่ง​นี้​โดยบังเอิญ​ ได้​เจอ​กับ​เจ้าแม่นาง​หลิว​ เขา​อาจจะ​ร้องไห้​น้ำตาไหล​พราก​ หรือ​อาจจะ​อึ้ง​งัน​ไร้​คำ​พูดจา​

เด็กสาว​ยก​สอง​มือ​กอดอก​ หัวเราะ​ร่า​เอ่ย​ว่า​ “เจ้าเป็น​ใคร​กัน​ เจ้าเป็น​คน​ตัดสินใจ​ได้​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​คลี่​ยิ้ม​ไม่เอ่ย​อะไร​อีก​

สุดท้าย​เด็กสาว​ก็​จากไป​อย่าง​ขุ่นเคือง​ เวท​กระบี่​ของ​อาจารย์​หนิง​สูงหรือ​ต่ำ​ ตอนนี้​ยัง​บอก​ได้​ยาก​ รู้​แค่​ว่า​สายตา​ของ​นาง​ไม่ค่อย​ดี​ ลูกศิษย์​ที่​พา​ตัว​มาส่งถึงที่​นาง​กลับ​ไม่ต้องการ​ มิน่าเล่า​ถึงได้​ชอบ​เจ้าหมอ​นั่น​

หนิง​เหยา​ปิดประตู​ จากนั้น​ก็​รอ​อยู่​ครู่หนึ่ง​ พริบตาเดียว​ก็​เปิดประตู​ออก​ ดึง​หู​ของ​แม่นาง​น้อย​ที่​ย่อง​ถอย​กลับมา​ที่​หน้า​ประตู​ห้อง​แล้ว​เอา​ใบหน้า​แนบ​ติดกับ​ประตู​อีกครั้ง​ เหตุผล​ของ​เด็กสาว​คือ​กลัว​อาจารย์​หนิง​จะถูก​คน​บางคน​ทำ​มือ​ไม้ยุ่มย่าม​ หนิง​เหยา​บิด​หู​นาง​ลาก​เดิน​ไป​ถึงโต๊ะ​คิด​เงินถึง​จะปล่อยมือ​ เถ้าแก่​ผู้เฒ่า​เห็น​แล้วก็​ไม่รู้​ว่า​โทสะ​ผุด​มาจาก​ไหน​ หยิบ​ไม้ปัด​ขนไก่​ขึ้น​มาทำ​ท่าจะ​ตี​ เด็กสาว​หรือ​จะกลัว​? กระโดดโลดเต้น​ออก​ไปนอก​โรงเตี๊ยม​ ไป​ซื้อ​หนังสือ​ ใน​อดีต​มีหนังสือ​บันทึก​ขุนเขา​สายน้ำ​หลาย​เล่ม​ที่​ขาย​ดีมาก​ใน​ร้านหนังสือ​ นาง​มีความกล้าหาญ​ไม่มาก​พอ​ เสียดาย​เงิน​ยา​สุ้ย​ (หรือ​เงิน​อั่งเปา​ เงิน​ซอง​แดง​ที่​ได้​เป็น​ของขวัญ​วัน​ตรุษจีน​) จึงลงมือ​ช้าไป​ ไม่ได้​ซื้อ​มา พอ​คิด​อยาก​จะซื้อ​ก็​ไม่มีแล้ว​ เฉิน​ผิง​อัน​ใน​หนังสือ​คน​นั้น​ เจ้าตัวดี​ ช่างมีโชค​ด้าน​ความรัก​ยิ่งนัก​ เจอ​สตรี​คน​หนึ่ง​ก็​ชอบ​คน​หนึ่ง​ ไม่เที่ยงตรง​เอา​เสีย​เลย​…เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​เด็กหนุ่ม​ที่​ฝึก​วิชา​ของ​วิถี​แห่ง​ผี​คน​นั้น​ ภายหลัง​ได้​เจอ​กับ​แม่นาง​ซูที่​เขา​รัก​แล้ว​หรือยัง​?

น่าเสียดาย​ที่​บันทึก​เล่ม​นั้น​ไม่มีภาค​ต่อ​แล้ว​ ถ้าอย่างนั้น​ไม่ว่า​ใคร​ก็​ไม่รู้​ผลลัพธ์​ น่า​กลุ้มใจ​นัก​

หนิง​เหยา​กลับมา​ที่​ห้อง​ นึก​เรื่อง​หนึ่ง​ขึ้น​มาได้​ก็​ถามว่า​ “ทำไม​ก่อนหน้านี้​เจ้าถึงแน่ใจ​ว่า​ต้อง​เป็น​เงิน​สิบ​สี่ตำลึง​?”

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “ข้า​ออกจาก​บ้านเกิด​เดินทางไกล​ครั้งแรก​ตอน​อายุ​สิบ​สี่”

คาด​ว่า​นับตั้งแต่​ปี​นั้น​มา เด็กหนุ่ม​ก็​ไม่ใช่นก​ใน​กรง​อะไร​อีกแล้ว​ จากนั้น​ก็​เริ่ม​ควบคุม​ชะตาชีวิต​ของ​ตัวเอง​ได้​แล้ว​

นอกจากนี้​ก็​เหมือน​ประโยค​หยอกล้อ​ที่​ราชครู​ต้า​หลี​ใน​อดีต​เอ่ย​ออกมา​ เป็น​ประโยค​ที่​ไม่ว่า​จะเป็น​หนัน​จาน​หรือ​ลู่​เจี้ยง​ต่าง​ก็​หัวเราะ​ไม่ออก​

ใน​สายตา​ของ​ข้า​ชุย​ฉาน​ ชีวิต​บน​มหา​มรรคา​ของ​ไทเฮา​เหนียง​เนียง​คน​หนึ่ง​ในอนาคต​ มีค่า​แค่​สิบ​สี่ตำลึง​เงิน​เท่านั้น​

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด