ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 1636 คืนความทรงจำ
มู่เฉียนซีพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ตกลง!”
ชิงอิ่ง พุ่งไปในอากาศเหนือชั้นที่สอง ด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
ครืน!
บนอากาศมีพลังอัสนีที่แข็งแกร่งมากที่สุดรวมตัวอยู่ และเกรงว่าถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตต่างก็ไม่กล้าที่จะขึ้นไปหาความตายบนนั้น แต่ชิงอิ่งกลับเคลื่อนไหวได้อย่างชํานิชํานาญ
“ชั้นที่สี่! ข้าคือคนที่มาถึงคนแรก!”
ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังรอชิงอิ่ง ฉื้อลั่วอวี่ก็ได้กลายเป็นคนที่ขึ้นไปถึงชั้นที่สี่เป็นคนแรกได้สมดั่งใจปรารถนาแล้ว
ฉื้อเมิ่งที่เร่งรีบไล่ตามขึ้นมา ก็กล่าวว่า “ยินดีด้วยที่ท่านพี่หญิงลั่วอวี่มาถึงชั้นที่สี่เป็นคนแรก! เนื่องจากสองสามชั้นแรกนั้นไม่ได้ยากมากมายนัก เช่นนั้นแม้ว่าคนที่มีความสามารถไปถึงเป็นคนแรกได้ก็ไม่เท่าไรนักหรอก!”
“มีเพียงคนที่ถึงชั้นสี่แล้วเท่านั้น ถึงจะเรียกได้ว่าทดสอบความสามารถ…”
ในขณะที่นางยังคงกล่าวพูดคำประจบประแจงอยู่นั้น จู่ ๆ ฉื้อลั่วอวี่ก็รีบพุ่งออกมาด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดอย่างกะทันหัน จากนั้นนางก็ตะโกนอย่างเย็นชาว่า “รีบหลบเร็วเข้า!”
ตูม! น่าเสียดาย ที่ก่อนฉื้อเมิ่งจะมีปฏิกิริยาตอบกลับมาได้ทัน มันก็สายเกินไปเสียแล้ว!
สายฟ้าตรงไปห่อหุ้มนางเอาไว้ อะไรที่เรียกว่าเมื่อมีความสุขถึงขีดสุดก็ต้องพบเจอสิ่งที่เศร้าเสียใจน่ะหรือ? มันก็คือสิ่งนี้นี่แหละ!
ในสภาพแวดล้อมที่อันตรายในชั้นที่สี่ของหอหลอมอัสนียังอยากที่จะประจบสอพลออยู่อีก หากไม่ให้คัดนางออก แล้วจะให้ไปคัดใครออกกันล่ะ?
แต่ทว่า ความทุกข์ทรมานของฉื้อเมิ่งที่ได้รับในเวลานี้มันไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างการถูกคัดออก!
ท่ามกลางสายอัสนีนี้มีสีทองแฝงอยู่ด้วย มีสีทองอยู่ในสายฟ้า จะต้องเป็นอัสนีธาตุทองอย่างแน่นอน!
ทันใดนั้น ก็มีคมจากใบมีดจำนวนนับไม่ถ้วนฟาดฟันจนเกิดเป็นรอยแผลลึกและเห็นไปถึงกระดูกบนร่างกายของนาง
“อ๊าก! เจ็บมากเลย!”
“ท่านพี่หญิงลั่วอวี่ รีบมาช่วยข้าเร็วเข้า ขะ…ข้ารู้สึกว่าข้ากำลังจะตายแล้ว!”
“……”
ฉื้อเมิ่งร้องตะโกนขึ้นมาอย่างน่าเวทนามาก แต่ทว่าสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ ฉื้อลั่วอวี่จะกล้าเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างไร?
ครืน!
มีสายฟ้าฟาดเข้ามายังนางอีกครั้ง นางรีบร้อนหลบออกมา และถอยห่างฉื้อเมิ่งออกไปไกลมากขึ้น
รอจนกระทั่งสายฟ้าที่ห่อหุ้มบนร่างของฉื้อเมิ่งหายไป ก็ได้มีรอยเลือดกองใหญ่กองหนึ่งนองอยู่เต็มพื้น
ได้รับบาดแผลที่บาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ถึงจะถูกเคลื่อนย้ายออกไปแล้ว ก็คงไม่รู้สึกสบายใจแน่นอนอยู่แล้ว
“ท่านพี่หญิงลั่วอวี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?” ในเวลานี้ฉื้อฉินก็ไล่ตามขึ้นมาทันแล้ว
ฉื้อลั่วอวี่กล่าวว่า “เมื่อครู่นี้ฉื้อเมิ่งไม่ทันระวังจนถูกสายฟ้าผ่าและถูกคัดออกไปแล้ว พวกเจ้าจะต้องระมัดระวังให้มากขึ้น และพูดเพ้อเจ้อให้น้อยลง พร้อมทั้งเตือนภัยระดับสูงไว้ด้วย”
“เจ้าค่ะ!”
ถึงฉื้อเมิ่งจะถูกคัดออกไปแล้ว ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อฉื้อลั่วอวี่อยู่ดี เนื่องจากการที่นางสามารถมาถึงชั้นสี่เป็นคนแรกได้ ในตอนนี้มันจึงทำให้นางอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ
อีกทั้งยังได้ปล่อยให้ผู้หญิงหยิ่งผยองคนนั้น ที่ตอนนี้เหมือนว่านางได้ถูกทิ้งไว้ข้างหลังมาไกลมาก
ทั้งกลุ่มของเผ่าหงส์เพลิงมีความรวดเร็วมากกว่าผู้อื่นเป็นอย่างมาก
“คาดว่า น่าจะถูกคัดออกไปนานแล้ว!” มู่เฉียนซีที่ไม่ได้ไล่ตามมา ไม่ว่าจะเป็นฉื้อลั่วอวี่หรือว่าพวกของโม่ชิงอู่ ต่างก็มีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน
ครืน!
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังกึกก้องเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
มันไม่ใช่เสียงของสายฟ้า แต่ดูเหมือนว่าทั่วทั้งหอหลอมอัสนีกำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
นี่คือเสียงของการสั่นสะเทือน ซึ่งมันทำให้พวกเขารู้สึกว่าตรงกลางของหอหลอมอัสนีนี้กำลังจะแยกออกจากกันอย่างไรอย่างนั้น
ผู้คนที่อยู่ในหอหลอมอัสนีต่างก็ตื่นตระหนกกันขึ้นมาทันที
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าหอหลอมอัสนีกำลังจะพังลงแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้ หอหลอมอัสนีก็อยู่อย่างวางเฉยเช่นนี้มาได้หลายปีขนาดนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะโชคร้ายถึงเพียงนี้”
“……”
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นคำพูดที่ใช้ปลอบโยนตนเอง แต่ทว่าพวกเขาก็ยังคงค่อนข้างหวาดผวาอยู่
หากหอหลอมอัสนีพังทลายลงมาจริง ๆ มันก็จะเกิดปัญหาใหญ่ และพวกเขาก็คาดว่าคงจะถูกสายฟ้าฟาดผ่าจนไม่เหลือแม้แต่ตอตะโกแน่นอน
โชคยังดี ที่หอหลอมอัสนีสั่นสะเทือนเพียงชั่วขณะเท่านั้น และเพียงไม่นานก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบแล้ว
และผู้ที่ริเริ่มที่กระทำเรื่องทั้งหมดนี้ ก็คือเงาร่างสีฟ้าที่อยู่กลางอากาศนั่นเอง
ถึงแม้ว่าชิงอิ่งจะรู้สึกว่ายังได้รับพลังธาตุพฤกษาไม่เพียงพอ แต่ทว่าหากยังคงกลืนกินต่อไป และยังกลืนกินต่อไปอีก จะต้องทำให้ชั้นหนึ่งนี้ทลายลงมาอย่างแน่นอน
ผู้อื่นนั้น ไม่ได้มีความสำคัญอะไรหรอก แต่เฉียนยังอยู่ที่นี่
มู่เฉียนซีรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนนี้แน่นอนอยู่แล้ว และมันก็ทำให้มุมปากของนางกระตุกขึ้นเล็กน้อย
“เป็นครั้งที่รู้สึกว่าชิงอิ่งตะกละตะกลามเช่นนี้ เขาอยากที่จะดูดซับพลังธาตุพฤกษาทั้งหมดที่อยู่ในหอหลอมอัสนีนี้เลยหรืออย่างไร?”
ร่างสีฟ้าที่คุ้นเคยร่างนั้นร่อนลงมาจากกลางอากาศ มู่เฉียนซีรู้สึกถึงความสามารถที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นของชิงอิ่งได้อย่างชัดเจน
นางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ความรู้สึกที่แข็งแกร่งขึ้นเป็นเช่นไรบ้าง?”
ภายในแววตาที่นิ่งสงบทั้งคู่ของชิงอิ่งเผยให้เห็นความไม่เต็มใจออกมา เขากระซิบว่า “เฉียน ข้าอยากจะหลับอีกแล้ว”
“เป็นอะไรไป? เกิดปัญหาอะไรขึ้นเช่นนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
ชิงอิ่งตอบกลับมาว่า “ข้าอยากจะหลับใหลสักครู่หนึ่ง หลังจากนั้น…”
“เมื่อถึงเวลานั้น ข้าก็อาจจะคิดออกว่า สิ่งของที่เฉียนกำลังตามหาอยู่มันอยู่ที่ใดกันแน่?”
มู่เฉียนซีสงสัยเล็กน้อย “สิ่งของที่ข้ากำลังตามหาเช่นนั้นหรือ? ใช่คัมภีร์หมื่นคำสาปหรือไม่? ไม่ถูกสิ ข้าได้รู้มาว่าคัมภีร์หมื่นคำสาปนั้นหายสาบสูญไปแล้วนี่”
ชิงอิ่งส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “รอให้ข้าตื่นขึ้นมาก่อน เมื่อได้รับความทรงจำกลับคืนมาแล้ว ข้าจะบอกเฉียน”
เนื่องจากว่า แม้แต่ตัวของตนเองก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะนึกขึ้นมาได้หรือไม่ เช่นนั้นจึงไม่อยากที่จะให้เฉียนผิดหวังในภายหลัง ชิงอิ่งจึงตัดสินใจว่ายังไม่พูดอะไรเสียดีกว่า
“เช่นนั้นก็ได้ เจ้านอนเถอะ! ในเมื่ออิ่มหมีพีมันแล้วก็ควรจะต้องนอนสักตื่นหนึ่ง” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มของมู่เฉียนซี สะท้อนอยู่ภายในดวงตาของชิงอิ่ง
หัวใจที่เฉียนมอบให้เขาดวงนั้น ดูเหมือนกับว่าจะควบคุมไม่ได้อยู่เล็กน้อย
ภายในความทรงจำต่างก็มีร่างของนาง และหัวใจดวงนี้ก็รองรับแต่นางเพียงเท่านั้น
และลางสังหรณ์ของเขาได้บอกเขาว่า การฟื้นฟูความทรงจำอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีก็ได้
แต่เพื่อที่จะหาสิ่งของที่เฉียนต้องการชิ้นนั้น ฉะนั้นแล้วความทรงจำเหล่านั้น จึงจำเป็นต้องหามันกลับคืนมาให้ได้
“อื้ม! รอข้าตื่นนะเฉียน!” ชิงอิ่งเข้ามาใกล้มู่เฉียนซี แล้วกระซิบบอก
และมู่เฉียนซีก็ได้นำชิงอิ่งกลับเข้าไปอยู่ในแหวนมังกรเทพวารี หลังจากนั้นจึงออกเดินทางต่อ
หลังจากที่ผ่านม่านแสงสายฟ้าธาตุวารีชั้นที่สามมาได้อย่างราบรื่น ต่อไปก็เข้ามายังชั้นที่สี่
ครืน!
สายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวฟาดลงมา มู่เฉียนซีจึงได้ฝึกฝนร่างกายอีกครั้ง
ฟู่!
นางสูดหายใจเข้าลึก ทั่วทั้งร่างก็เปลี่ยนเป็นเลือดท่วมขึ้นมาในทันที
“มีทองอยู่ท่ามกลางสายฟ้า พลังอัสนีธาตุทอง นี่มันคมกริบเกินไปแล้วจริง ๆ”
ทั่วทั้งร่างของมู่เฉียนซีแปรเปลี่ยนเป็นมนุษย์เลือดไปเสียแล้ว แต่กลับเพียรพยายามที่จะรอดชีวิตจากครั้งนี้ให้ได้
หลังจากที่ได้มีเวลาในการพักหายใจสักเล็กน้อย แน่นอนว่ามู่เฉียนซีก็ต้องใช้ความเร็วสูงสุดในการรักษาตนเองให้หายอยู่แล้ว
หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ต่อให้ไม่ถือว่าถูกสายฟ้าผ่าตาย แต่คาดว่าก็คงจะเสียเลือดตายได้เช่นกัน
ในขณะที่อาการบาดเจ็บใกล้หายดีแล้ว นางก็ยินดีที่จะเข้าไปท้าทายอีกครั้ง
อัตราการถูกคัดออกของชั้นสี่นั้นสูงมาก และมีผู้คนมากมายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสออกไป
แม้แต่ฉื้อลั่วอวี่ที่มีความสามารถระดับชั้นนำ ก็ยังมีรอยเลือดมากมายปรากฏของบนร่างกายของนางเลย
“อัสนีธาตุทองนี้ มันยุ่งยากมากเกินไปแล้วจริง ๆ”
“ระวัง!”
“อ๊าก!”
มู่เฉียนซีรู้สึกได้ว่าร่างกายของนางในตอนนี้กำลังเปลี่ยนเป็นอยู่ยงคงกระพัน อีกทั้งตกน้ำไม่ไหลตกไฟก็ไม่ไหม้ เป็นราวกับกำแพงเหล็กที่ทำลายไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น
ถึงแม้ว่าจะต้องผ่านกระบวนการที่เจ็บปวดทรมาน แต่ทว่าการมีร่างกายที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ที่ทำมาทุกอย่างนั้นก็คุ้มค่าแล้ว
“ดูเหมือนว่า ควรจะไปได้แล้ว!”
ถึงแม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องเป็นคนแรกในทุก ๆ ชั้น แต่นางจำเป็นที่จะต้องเป็นคนแรกที่ไปถึงชั้นเก้า!
เนื่องจากได้ข่าวมาว่า สมบัติของเผ่าหงส์ ก็อยู่ที่ชั้นเก้า!
แต่ทว่าเผ่าหงส์ ไม่มีคนขึ้นไปถึงชั้นที่เก้ามานานมากแล้ว
ฉื้อลั่วอวี่มุ่งหน้าไปในชั้นที่สี่ด้วยความดิ้นรนอย่างยากลำบาก และตอนที่จะต้องพุ่งไปยังม่านแสงอัสนีธาตุทองของชั้นสี่นั้นมันก็ไม่ง่ายเลย ทว่าในตอนนั้นกลับมีเงาสีม่วงร่างหนึ่งพุ่งเข้าไปในม่านแสงนั้นเร็วกว่านางไปก้าวหนึ่ง
ผู้หญิงคนนั้นทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยเลือด
มนุษย์คนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้จะยังสามารถมีความฮึกเหิม เหนือจินตนาการอยู่ได้อย่างไร
นางยิ่งดู ก็ยิ่งรู้สึกว่าร่างเงานี้ช่างคุ้นเคยมากเหลือเกิน และดวงตาคู่นั้นก็เปลี่ยนไปเย็นยะเยือกขึ้นมาในทันที “เป็นเจ้าอีกแล้ว!”
Comments