โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 129
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.129 – ฉินเฟิงอันดับหนึ่ง … จากล่าง?
ข้างๆหลี่เหยาเหยา คือเพื่อนร่วมชั้นของเธอ หลายคนกำลังจับกลุ่มคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ดูนั่น พวกน้องใหม่คลาสอบิลิตี้มาแล้ว!”
“เธอคิดว่ารุ่นน้องฉินเฟิงจะมาด้วยรึเปล่า!”
“ต้องมาอยู่แล้ว! และฉันยังได้ยินมาอีกว่าวรยุทธโบราณของรุ่นน้องฉินร้ายกาจมาก ชักอยากจะเห็นแล้วสิว่าอบิลิตี้ของเขาจะสุดยอดขนาดไหน!!”
“พลังสมาธิของเขาแข็งแกร่งมาก มันถึงขั้นควบคุมวัตถุต่างๆในอากาศได้!”
“นั่นเรื่องจริงหรอ? งั้นอบิลิตี้เขาก็ต้องแข็งแกร่งมากเหมือนกันแน่ๆ ใครก็ตามที่ได้ร่วมทีมกับเขาคงเหมือนพยัคฆ์ติดปีก คราวนี้ล่ะ สถาบันระดับสูงเขตเฉิงเป่ยของพวกเราจะต้องคว้าที่หนึ่งมาได้แน่นอน!”
สีหน้าของหลี่เหยาเหยาแลดูซับซ้อน
น่าเสียดายที่เขาและเธอไม่ได้อยู่ชั้นปีเดียวกัน ไม่อย่างนั้น เธอคงมีโอกาสได้ไปงานสวนล่าใบไม้ผลิด้วยกันกับฉินเฟิง แล้วแก้ไขความเข้าใจผิดต่อกันและกัน
ขณะนี้บนจตุรัส เติ้งเหนียนอาจารย์ใหญ่แห่งสถาบันระดับสูงเขตเฉิงเป่ยได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าฝูงชน เขาเริ่มกล่าวคำปราศัย
“การทดสอบในครั้งนี้ เกี่ยวข้องโดยตรงว่าพวกเธอกำลังจะได้พบกับเพื่อนร่วมทีมแบบไหน ถ้าแข็งแกร่ง ก็สามารถร่วมทีมกับคนที่แข็งแกร่งไม่แพ้กัน ดังนั้นฉันหวังว่าทุกคนจะทุ่มเทไปกับการทดสอบอย่างเต็มที่ ใช้ทุกสิ่งที่เธอเรียนรู้มาตลอดทั้งเดือน —สำแดงพลังของตัวเองออกมา!!”
“และตอนนี้ ฉันขอเปิดการทดสอบประจำปีครั้งที่ 69 —นักเรียนห้องแรกลงสนามได้!”
ห้องแรก แน่นอนว่าคือคลาสของผู้ใช้อบิลิตี้
ฉินเฟิงและคนอื่นๆลุกจากที่นั่งผู้ชม ลงมายืนกลางจตุรัส
โดยมีเฉิงเฉาคอยยืนเคียงข้างพวกนักเรียน
“ทุกคนเริ่มปลดปล่อยรูนได้!”
เฉิงเฉาตะโกนคำหนึ่ง ออกคำสั่งให้ปลดปล่อยรูน
ทุกอย่างดูเหมือนจะได้รับการเตรียมตัวและฝึกซ้อมมาล่วงหน้า สีหน้าของนักเรียนทุกคนรอบตัวเขากลายเป็นจริงจัง จากนั้นทุกคนก็ระเบิดพลังสมาธิอันแข็งแกร่ง กระตุ้นรูนให้ปรากฏมา
รูนที่ถูกปลดปล่อยออกมาสู่ภายนอกมีแสงและสีสันที่แตกต่างกันออกไปคอยห่อหุ้มพวกมันเอาไว้
ตลอดทั้งคลาสเรียน ผู้ที่มีค่าความเข้ากันได้กับรูนมากที่สุดก็คือหัวหน้าห้องจ้าวหยู
ความเข้ากันได้กับรูนของจ้าวหยู คือระดับ A สามารถดูดซับได้ 15 รูน ในเวลาประมาณ 10 นาที หรือ 90 รูนในเวลา 1 ชั่วโมง แม้จะอยากฝึกฝนให้นานกว่านี้ แต่ด้วยพลังสมาธิที่ไม่มากพอ ทำให้เวลาการดูดซับรูนของเธอนั้นถูกจำกัดไว้ที่วันละแค่สองชั่วโมงเท่านั้น
รูนที่มีติดตัวก็เปรียบดั่งเงินตราที่เป็นตัวแทนแสดงถึงความมั่งคั่ง ทว่าหากมีพลังสมาธิอยู่แค่ในระดับทั่วไป จำนวนรูนที่ดูดซับได้ในแต่ละวันก็จะลดหลั่นลง
ถึงอย่างนั้น ภายในหนึ่งเดือน จ้าวหยูก็ยังสามารถสะสมรูนจนได้มากถึง 1,000 รูน! ทั้งยังครอบครองพลังพิเศษธาตุไฟในเลเวล G อีกกว่า 3 ท่า!
ฉะนั้น หากเทียบกับคนทั้งคลาสอบิลิตี้แล้ว จ้าวหยูนี่แหละคือคนที่อยู่ใกล้เคียงกับผู้ใช้พลังในเลเวล G มากที่สุด!
เป็นลูกรักของพระเจ้า!
หากไม่มีฉินเฟิงอยู่ที่นี่ น่ากลัวว่าคงจะเป็นเธอ ที่กลายเป็นความหวังของบรรดาอาจารย์และผู้อำนวยการอย่างเติ้งเหนียน!
วิ้งงงงง!
รูนเริ่มร่ายระบำ แสงสีแดงรอบตัวของจ้าวหยูพวยพุ่งสูงขึ้นกว่าหนึ่งเมตร
แม้คนอื่นๆจะมีแสงพวยพุ่งขึ้นเช่นกัน แต่มันก็น้อยกว่ามาก ท่ามกลางสีสันต่างๆ จ้าวหยูโดดเด่นเป็นพิเศษ
เธอคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่มีข้อกังขา
แต่ยังมีอีกคนหนึ่งที่เป็นเป้าสายตาของผู้คน
ชายคนนั้น แน่นอนว่าคือฉินเฟิง
ฉินเฟิงไม่ได้เข้าร่วมการเรียนการสอน ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ทราบถึงเนื้อหาของการทดสอบนี้ เลยลงมือช้ากว่าคนอื่นๆไปจังหวะหนึ่ง
ดังนั้นในขณะที่คนอื่นๆหน้าดำคร่ำเคร่ง และกำลังพยายามกระตุ้นรูนทั้งหมด
เขาถึงเพิ่งรู้ตัวว่าต้องทำอะไร
‘ที่แท้มันก็คือการแสดงให้ทุกคนเห็นรูนประจำตัว แต่ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองจะแสดงมันออกมาด้วยดีรึเปล่า … ‘
หากเป็นในเวลาอื่น เป็นธรรมดาที่ฉินเฟิงจะไม่หวาดกลัวจะแสดงมันออกมา แต่ตอนนี้ เปลวไฟผู้ใช้อบิลิตี้ไฟทุกคนคือสีแดงอมส้ม หากแต่เปลวไฟของเขาคือสีดำแดง แบบนี้มันจะตัดกันจนชัดเกินไป
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฉินเฟิงเลยทำได้แค่กระตุ้นรูนไฟเล็กๆน้อยๆเท่านั้น มันดูธรรมดา ไม่สะดุดตาใดๆ
ถ้าเป็นคนอื่นๆมันคงไม่แปลกอะไร แต่ภายใต้ความสนใจของผู้คนมากมาย มันเลยเห็นได้ชัด
“อาาา ทำไมรูนของฉินเฟิงถึงน้อยขนาดนี้?”
“ได้ยินมาว่าความเข้ากันได้กับรูนของฉินเฟิงอยู่ในระดับต่ำมาก และเขาเองก็แทบจะไม่ได้เข้าเรียน ฉะนั้นอบิลิตี้ต้องย่ำแย่มากแน่ๆ”
“ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้ เขาแข็งแกร่งมากไม่ใช่หรอ?”
เกิดข้อถกเถียงขึ้นในฝูงชน เฉิงเฉาพอได้ยิน เจ้าตัวก็ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
เพราะค่าความเข้ากันได้กับรูนของฉินเฟิงต่ำจริงๆ มันอยู่แค่ระดับ G เท่านั้น
เอาจริงๆเฉิงเฉารู้สึกว่า หากฉินเฟิงเลือกเดินไปในเส้นทางผู้ใช้วรยุทธโบราณหรือมือปืน ผลลัพธ์มันคงดีกว่านี้
“เอาล่ะเก็บรูนได้”
แม้นี่คือสิ่งที่เฉิงเฉาคิดในใจ แต่อย่าลืมว่าตอนนี้มันเป็นแค่การแสดงพลังเท่านั้น เขาเริ่มสั่งคำแนะนำต่อไป
นักเรียนในคลาสเริ่มรวบรวมรูนของตัวเองกลับคืน กระบวนการเป็นไปอย่างเชื่องช้า เพราะท้ายที่สุดแล้ว การกระตุ้นรูนมันจำเป็นต้องใช้พลังสมาธิเช่นกัน และยิ่งเมื่ออยากจะแสดงมันออกมาให้ดี ก็เป็นธรรมดาที่ยิ่งต้องใช้พลังสมาธิมากขึ้น แค่การคงรูปมันไว้เป็นเวลากว่าครึ่งนาที ก็เหนื่อยแทบตาย
ฉินเฟิงเก็บรูนคืนอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉย ดูคล้ายว่าจะไม่หงุดหงิดใดๆเลย
“อบิลิตี้ของฉินเฟิงอ่อนแอมาก!”
“ใช่ แต่งานสวนล่าใบไม้ผลิไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ฉินเฟิงยังมีความสามารถในด้านวรยุทธโบราณ และความสามารถในด้านการใช้อาวุธปืนของเขาก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน”
“อย่าลืมสิว่าถึงอบิลิตี้ของฉินเฟิงจะอ่อนแอ แต่โดยรวมแล้วเขาก็ยังแข็งแกร่งมาก เขาคือราชันย์ที่สามารถต่อสู้กับเลเวล F ได้!”
แต่สิ่งที่เหล่าฝูงชนให้ความสนใจเป็นอย่างมากเลยก็คือ หลังจากนี้ ฉินเฟิงจะเลือกเข้าร่วมทีมกับใคร?
ทุกคนต่างส่งเสียงกระซิบกระซาบ เฉิงเฉายังคงสั่งการต่อไป นักเรียนในคลาสอบิลิตี้ทั้ง 30 คน มี 5 คนก้าวออกมาจากตำแหน่ง ตรงไปข้างหน้าเพื่อแสดงพลังพิเศษของตนให้ทุกคนได้เห็น
เวลานี้สิของจริง ที่คุณจะสามารถเห็นได้ชัดว่าใครที่แข็งแกร่งและอ่อนแอ!
บางคนสามารถปลดปล่อยเปลวเพลิงระดับหนึ่งออกมาได้ , บางคนก็สามารถปลดปล่อยหมอกบดบังวิสัยทัศน์ , บ้างปลดปล่อยสายลมกรรโชก , บ้างเรียกหินจากฟากฟ้า ทั้งหมดมีประโยชน์มาก และคนที่โดดเด่นน่าตื่นตาตื่นใจที่สุด คือจ้าวหยูอย่างไม่ต้องสงสัย!
อันดับแรกเธอเรียกก้อนเปลวไฟกลุ่มหนึ่งออกมา จากนั้นก็แยกเปลวไฟก้อนใหญ่ออกเป็นสามลูก สามทิศทางในลมหายใจเดียว และสุดท้ายคือระเบิดรัศมีเปลวไฟ โจมตีเข้าใส่สัตว์ร้ายยางที่ทางโรงเรียนตั้งใจนำออกมาเป็นเป้าให้นักเรียนแสดงฝีมือเป็นพิเศษ แผดเผาทั้งตัวของมันจนไหม้เกรียมเป็นสีดำ
มีผู้ใช้วรยุทธโบราณและมือปืนหลายคนจดจำจ้าวหยูเอาไว้ และคาดหวังว่าจะได้อยู่ร่วมทีมกับเธอ
แล้วก็ถึงตาฉินเฟิงก้าวออกมาในที่สุด แต่เฝ้ารอจนเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆปลดปล่อยอบิลิตี้ของตนจนครบ ฉินเฟิงก็ยังนิ่งไม่ขยับไหว เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาแทบจะไม่ได้ฝึกซ้อมเลย
การระเบิดพลังโดยอาศัยรูนสองสามตัวไม่ใช่เรื่องที่สามารถแสดงออกมาได้ หากทำแบบนั้น มันจะดูกากเกินไป และอำนาจโจมตีของมันโคตรจะอ่อนแอ!
อย่างไรก็ตาม แม้จะอยู่ในสถานการณ์คับขัน แต่ฉินเฟิงเองก็ไม่ต้องการให้ใครมาดูถูกเหมือนกัน!
เมื่อนึกได้แบบนี้ ฉินเฟิงก็ก้าวไปข้างหน้าแทน เดินไปจนถึงสัตว์ร้ายยางที่มีขนาดตัวเทียบเท่ากันและ—
–เปรี้ยงงงง!
ซัดกำปั้นของตนออกไปโดยตรง!
กำปั้นนี้ห่อหุ้มไปด้วยกำลังภายใน ทั้งแรงผลักและแรงดูดจากทักษะลับกลืนดาราระเบิดขึ้นพร้อมกัน คล้ายกับวังวนขนาดยักษ์
ฉินเฟิงเจาะหมัดเข้าไปในร่างของสัตว์ร้ายยาง
ตูม!
ระเบิดเสียงกึกก้องจนฝูงชนสะดุ้งตกใจ กระพริบตาไปแวบหนึ่ง
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง และมองไปยังสัตว์ร้ายยาง แท้จริงแล้วกลับพบว่ารูปร่างของมันกลายเป็นไม่สมประกอบ … ถูกแรงปะทะจนแหลกเป็นชิ้นๆ!
อำนาจของหมัดนี้ แทบจะเทียบเท่าได้กับลูกระเบิด!
บนอัฒจันทร์ เติ้งเหนียนที่ยืนอยู่มุมปากกระตุกวูบ
ฉินเฟิงดูเหมือนจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าครั้งก่อนที่พบกัน อย่างไรก็ตาม … ฉินเฟิงคือนักเรียนคลาสผู้ใช้อบิลิตี้ของสถาบันระดับสูงไม่ใช่หรือ!? แล้วทำไมเขาถึงสามารถใช้กระบวนท่าวรยุทธได้?
แล้วแบบนี้ จะให้จัดอันดับยังไง?
สัตว์ร้ายยางเป็นอุปกรณ์สำหรับทดสอบ มันสามารถรองรับพลังต่อสู้ของนักเรียนได้ การที่ฉินเฟิงต่อยจนสัตว์ร้ายยางระเบิด นั่นหมายว่าพลังต่อสู้ของเขาต้องสูงมากกว่า 5,000 แต้ม!
“เหนือกว่าขีดจำกัด!”
“เป็นไปได้ไหมว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉินเฟิงอยู่ในเลเวล G9 ?”
“ทรงพลังมากจริงๆ!”
“เท่านี้ก็มั่นใจได้แล้ว ถึงแม้ว่าจะอ่อนแอในด้านอบิลิตี้ แต่ฉินเฟิงก็ยังเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ดี!”
ทว่าในการจัดอันดับ ฉินเฟิงอยู่ในอันดับแรก … จากล่างสุดอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะท้ายที่สุดแล้ว การทดสอบครั้งนี้เป็นการทดสอบพลังของผู้ใช้อบิลิตี้ ไม่ใช่วรยุทธโบราณ!
หากฉินเฟิงได้อันดับหนึ่งจริงๆ เกรงว่านักเรียนทั้งคลาสคงประท้วง!
“ฉันโจมตีได้แค่ 890 แต้มเท่านั้นเอง ยังห่างชั้นกับฉินเฟิงอยู่หลายขุม” จ้าวหยูถอนหายใจ
เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ข้างๆพากันเข้าไปปลอบหัวหน้าชั้นทันที
Comments